ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 82 อย่าไปยุ่ง

ตอนที่82 อย่าไปยุ่ง
หลิวเปาครุ่นคิดเรื่องนี้ตลอดทั้งคืน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเปิดศึกกับหยางหู่ในที่สุด ถึงอย่างไรทันทีที่มีข่าวว่าหลิวเปากำลังจะต่อสู้กับหยางหู่กระจายออกไป รัฐมลตรีของสำนักงานเขตก็โทรหาทั้งสองฝ่ายเป็นการส่วนตัว เพื่อพยายามไกล่เกลี่ยไม่ให้ทั้งสองใช้ความรุนแรง มิฉันนั้นพวกเขาจะถูกปราบปรามในฐานะผู้ก่อการร้าย
โดยผิวเผิน ทั้งหยางหู่และหลิวเปาถือว่าเป็นเจ้าของธุรกิจสายเทาที่มีอิทธิพลที่สุดภายในเมืองแห่งนี้ แต่ในโลกใต้ดิน พวกเขาคือหัวหน้าแก๊งที่ถ่วงดุลอำนาจกันอยู่
ถ้าทั้งสองฝ่ายลงมือประจันหน้ากัน ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงเกินคาด เศรษฐีภายในเมืองเข้าสู่สภาวะไร้เสถียร โลกใต้ดินอาจเกิดความโกลาหลในการแย่งชิงขั้วอำนาจใหม่ และทั้งสองอาจต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร การต่อสู้ครั้งนี้ห้ามเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด แต่ยังไงหลิวเปาก็ดูท่าจะไม่ยอม จนท้ายที่สุดนี้ทางด้านรัฐมลตรีเขตจึงขอให้หาเวลามานัดหารือกันระหว่างทั้งสามฝ่าย
ด้วยสถานะของพวกเขา การพบปะเจอกันในสถานที่สาธารณะดูจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ในกรณีที่ถูกมือดีแอบถ่ายไปเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต นี่อาจทำให้พวกเขาเดือดร้อนกันไปใหญ่ ดังนั้นทั้งสามจึงใช้วิธีวีดีโอคอลกัน ทางรัฐมลตรีเขตประเดิมกล่าวอธิบายก่อนถึง นโยบายการปราบปรามของรัฐบาลหากเกิดความรุนแรงขึ้นภายในเมือง และกล่าวเตือนไปว่า อย่าให้สถานการณ์พัฒนาไปไกลกว่านี้เลย มุ่งความสนใจกับธุรกิจของตัวเองต่อไปดีแล้ว ส่วนทางรัฐบาลจะคอยสนับสนุนและคุ้มครองธุรกิจสีเทาของพวกเขาให้พ้นจากข้อกฎหมายเอง แต่ถ้าคิดจะล้ำเส้นพวกคุณก็ต้องเสี่ยงกันเอาเอง
เดิมทีหลิวเปาไม่คิดที่จะเปิดศึกกับหยางหู่ให้ตายไปข้าง แต่ตอนนี้เขากลับตัดบทยื่นคำขาดว่า
“ทีแรกผมก็ไม่คิดจะทำอะไรเขาหรอก แต่มันกลับลอบทำร้ายแถมยังตัดนิ้วผมไปอีก! มันต้องตัดนิ้วคืนผมถึงจะหายกัน!”
หยางหู่แสยะยิ้มทันที เอ่ยตอบไปว่า
“หลิวเปา แกมันใส่ร้ายคนไปทั่ว มีหลักฐานอะไรหะ ถึงบอกว่าฉันตัดนิ้วแก?”
“คนของฉันได้ตรวจสอบมาหมดแล้ว! คนที่สามารถลอบเข้าบ้านฉันได้แล้วไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ ก็มีแต่แก ที่เคยอยู่ในหน่วยรบพิเศษมาก่อน! ยังหน้าด้านพูดอีกไหมว่าตัวเองไม่ได้ทำ!”
“หลิวเปา แกไม่มีสมองแล้วรึไงถึงพูดจาไร้สาระแบบนี้? ฉันยังมีเงินอยู่ในมือ แล้วไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย แล้วจู่ๆ ฉันจะแกว่งเท้าหาเสี่ยนตำเล่นทำไม? ไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำแล้วยังใส่ความ ฉันสามารถฟ้องแกกลับได้ในข้อหาใส่ร้าย!”
หลิวเปามั่นใจอย่างยิ่งว่า หยางหู่นี่แหละที่ต้องส่งคนมาสับนิ้วไม่ก็สับเองแน่นอน แต่เขาไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะมัดตัวอีกฝ่ายเลย ดังนั้นจึงทำได้แค่กระเดือกความโกรธลงท้องไปทั้งแบบนั้น
“ได้ ได้! ฉันไม่เถียงกับแกต่อแล้ว ต่อหน้าท่านรัฐมนตรี ถ้าฉันเสาะพบหลักฐานในอนาคต แกจะรับผิดชอบยังไง?”

หยางหู่ยกหัวแม่มือขึ้นโชว์ผ่านกล้อง และตอบไปว่า
“ถ้าแกพบหลักฐานว่าฉันทำจริงๆ แกมาตัดนิ้วฉันคืนได้เลย!”
“เออ! แกพูดแล้วนะ! ต่อหน้าท่านรัฐมนตรีหวังว่าแกจะไม่กลับคำพูด! ฉันเองก็เป็นลูกผู้ชายพอเช่นกัน จะไม่มีการลงไม้ลงมือใดๆ จนกว่าจะพบหลักฐาน!”
หยางหู่รีบแสดงจุดยืนของตนในทันทีว่า
“ฉันในฐานะนักธุรกิจคนหนึ่ง Emgrand KTVเป็นสถานบันเทิงระดับไฮเอนท์และโด่งดังที่สุดในเมือง คืนหนึ่งทำกำไรได้ไม่รู้เท่าไหร่ ชีวิตของฉันก็สุขสบายขนาดนี้ แล้วทำไมต้องหาเรื่องตัดนิ้วแกให้อาฆาตกันเล่น? ตราบใดที่คนอื่นไม่มาล้ำเส้นฉันก่อน ฉันก็ไม่ลงไม้ลงมือก่อนเช่นกัน หลิวเปา แกน่าจะเป็นคนที่รู้จักฉันดีที่สุดนะ อีกอย่าง ก็นายเองไม่ใช่เหรอที่มายุ่งกับลูกค้าฉันก่อน ถึงขนาดลักพาตัวไปดื้อๆ นี่มันกระทบกับเครดิตฉันมาก ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป ใครยังกล้าจ่ายเงินให้ฉันดูแลอยู่อีก?”
หยางหู่ยังมีศักดิ์ศรีความเป็นนักเลงอยู่ในตัว แต่ความจริงแล้วที่เขากลับไปแบบนี้ก็เพื่อผลักภาระความรับผิดชอบให้แก่หลิวเปาแทน
หลิวเปารีบอธิบายกลับทันทีว่า
“แล้วทีแรกฉันจะไปรู้ไหมว่า เธอเป็นลูกค้าแกน่ะ! นอกจากนี้หลังจากแกโทรมาบอกฉัน ฉันก็รีบสั่งให้ลูกน้องปล่อยตัวเธอไปทันที ทำขนาดนี้ถือว่ายังให้เกียรติแกไม่พออีกเหรอ?”
หยางหู่ชี้ไปยังหลิวเปาในทันใด และกล่าวกับรัฐมนตรีเขตว่า
“ได้ยินไหมครับท่านรัฐมนตรี เจ้าตัวยอมรับเองแล้วว่าเป็นฝ่ายลักพาตัวลูกค้าผมไปก่อน เห็นแบบนี้แล้วยังไม่คิดจัดการอีกเหรอครับ?”
“หยางหู่ หยุดพูดไร้สาระ!”
ขณะที่ทั้งสองยังคงทะเลาะกันไม่หยุด รัฐมนตรีเขตก็เอ่ยขัดจังหวะขึ้นว่า
“เอาล่ะ เอาล่ะ ตราบใดที่พวกนายยังคงดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้ก่อความวุ่นวาย และจ่ายภาษีตรงเวลา ทางรัฐบาลยังคงให้ความคุ้มครองดังเดิม เรื่องที่เกิดขึ้นก็ให้มันแล้วไปเถอะ”
หลิวเปาโต้ปฏิเสธทันทีว่า
“ไม่! ผมไม่ยอม! มันเป็นฝ่ายตัดนิ้มผมจนพิการ จะให้จบลงง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง?”
รัฐมนตรีเขตกล่าวตอบว่า
“ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริง ฉันจะส่งคนไปจับกุมเขา และพิจารณาคดีไปตามเนื้อกฎหมาย พร้อมตัดสินบทลงโทษ และไม่อนุญาตให้เขาสร้างความเดือดดาลให้ฝ่ายนายอีก แต่นี่จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานเท่านั้น อย่าทำให้ฉันลำบากใจไปมากกว่านี้เลย พวกนายเองก็อยู่ในวงการนี้มานานแล้ว ต้องปฏิบัติตัวยังไงควรจะทราบดีจริงไหม? อย่าให้ฉันต้องลงมือจัดการพวกนายในคราวเดียว! เข้าใจไหม?”
แต่เริ่มเดิมทีหยางหู่เป็นคนมีคุณธรรมมากพอ และท้ายที่สุดนี้เขาก็ยังเป็นคนของจ้าวฝู ซึ่งมีบริษัท หยานจิงโอเชี่ยนเวลท์กรุ๊ปคอยหนุนหลัง ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาร้ายแรงเกินควบคุมจริงๆ เขาสามารถขอความช่วยเหลือจากจ้าวฝูได้ เพื่อแก้ไขปัญหา แถมสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องนี้ยังเกี่ยวพันไปถึงจ้าวเฉียนลูกชายของเขา คิดหรือว่าคนเป็นพ่อจะไม่ลงมาช่วย?
หยางหู่เอ่ยตอบไปว่า
“ท่านรัฐมนตรีไม่ต้องกังวล ผมยังคงยืนยืนว่าตนเองบริสุทธิ์”
ในอดีต หลิวเปาแจ้งเกิดมาจากทายาทเศรษฐีคนหนึ่ง แต่เขาได้สละสถานะเหล่านั้นทิ้งไปจนหมด และพยายามสร้างชื่อเสียงมาตลอดสิบปีจนกลายมาเป็นพี่ใหญ่แห่งโลกใต้ดินในเมืองนี้ บนผิวเผินเขาคือนักธุรกิจคนหนึ่ง
หลิวเปาเอ่ยตอบไปว่า
“ผมเองก็ยังยืนยันคำเดิม ตราบใดที่เรื่องนิ้วผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ผมก็ไม่มีอะไรจะไปขัดแย้งกับมันเช่นกัน แต่ถ้าหาหลักฐานมามันตัวมันได้เมื่อไหร่ มันจบไม่สวยแน่นอน! ต่อให้เป็นคุณก็ห้ามไม่ได้เช่นกัน!”
สายตาของรัฐมนตรีเขตดูเย็นชาขึ้นจับใจ กล่าวขึ้นกับหลิวเปาขึ้นว่า
“ทำไม? พูดแบบนี้หมายความว่านายกำลังดูถูกฉันในฐานะรัฐมนตรีเขตงั้นเหรอ? ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ฉันไม่ไว้หน้าพวกนายแน่ ความข้องใจทั้งหมดขอให้ยุติลงแต่เพียงเท่านี้ ยังไม่เข้าใจตรงไหนอีก?”
หลิวเปารีบแก้ตัวในทันที เขาพยักหน้าตอบไปว่า
“เข้าใจแล้วครับ ผมรู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรหลังจากนี้ ไม่ต้องกังวลครับ”
จากนั้นหลิวเปาก็หันมาถามหยางหู่ต่อว่า
“หยางหู่ บอกฉันมาตรงๆ นี่เป็นฝีมือนายใช่ไหม?”
หยางหู่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า
“ถ้านายคิดว่าไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่ฉัน ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว แค่นี้แหละ”
หยางหู่กดวางสายไปและรีบโทรรายงานสถานการณ์กับจ้าวเฉียนทันที
“คุณชายจ้าว เมื่อครู่รัฐมนตรีเขตชุมสายวีดีโอคอลกับหลิวเปา ขอให้พวกเขาไม่เข้าไปยุ่งกิจของกันและกัน แต่ถ้ามีการสืบทราบจนพบว่า ผมเป็นคนลงมือตัดนิ้วหลิวเปาจริงๆ ผมจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย”
จ้าวเฉียนดรนเสียงอืมพยักหน้าตอบไปว่า
“เราเป็นเพียงนักธุรกิจ ไม่มีอะไรต้องกลัวจริงไหม?”
“เอ่ออ…คุณชายจ้าวมีอะไรให้รับใช้อีกไหมครับ? ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอนอนพักก่อนะครับ ง่วงมากเลย”
“เข้าใจแล้ว นายไปนอนเถอะ หลายวันมานี้นายเหนื่อยมามากแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยนะครับคุณชายจ้าว แต่ขอนอนก่อนสักงีบ”
“อืม ฝันดี”
จ้าวเฉียนวางสายไป และเริ่มคิดวิธีที่จะสั่งสอนกหยางหมิงสักหนึ่งบทเรียน บังอาจกล้าแตะต้องกับหงซิ่ว เขาจำต้องสร้างความทรงจำอันสลักลึกในจิตใจไปอีกนานแสนนาน
หยางหมิงติดต่อไปหานักฆ่าพร้อมจ่ายค่ามัดจำไปให้เสร็จสรรพ ในเวลานั้นเองหลิวซีก็โทรมาหาเขาและบอกยกเลิกแผนการกำจัดหยางหู่ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือเงิน
หยางหมิงรีบติดต่อไปหานักฆ่าเพื่อยกเลิกคำสั่งด้วยความหงุดหงิด แต่แล้วขณะที่กำลังจะกดโทร เขาก็พลันนึกอะไรขึ้นๆ ได้ แทนที่จะยกเลิกงานแล้วเสียค่ามัดจำไปฟรีๆ ทำไมไม่เปลี่ยนเป้าหมายไปให้ไปฆ่าจ้าวเฉียนแทนล่ะ? แค่กำชับไปว่าไม่ต้องถึงขั้นฆ่าแกง แค่สั่งสอนให้ลาบจำก็พอ คิดได้ดังนั้น เขาจึงโทรติดต่อไปหานักฆ่าอีกครั้งและบอกเปลี่ยนเป้าหมาย ภารกิจนี้ไม่จำเป็นต้องฆ่า แค่ทำให้อีกฝ่ายพิการพอ จากนั้นก็เตรียมเงินมาไถ่ตัวพ่อคืนจากหลิวซี
แม้ว่าหยางเฉิงจะเสียใจมาก แต่เขาเองก็มีความสุขเช่นกันที่สามารถเลี่ยงหายนะครั้งนี้ได้ด้วยเงินเพียงไม่เท่าไหร่
หยางหู่รีบโทรหาจ้าวเฉียนทันทีและรายงานว่า
“คุณชายจ้าว หยางเมิงจ่ายเงินจำนวน10ล้านให้กับหลิวซีเพื่อแลกกับตัวหยางเฉิง ดูเหมือนว่าที่ทางนั้นเงียบไปเพราะเรื่องนี้”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเสียงดังเอ่ยขึ้นว่า
“เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว จะปล่อยให้เรื่องนี้จบลงเฉยๆ คงไม่ได้ เราต้องช่วยทำให้หยางเฉิงดังขึ้นอีกแรง ฉันส่งรูปทั้งหมดให้นายแล้ว ฝากเอารูปพวกนี้ไปฝากกับสถานีตำรวจกับสื่อที เต้องจุดกระแสให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็โยนความผิดทั้งหมดแก่หลิวเปา”
หยางหู่ที่ได้รับภาพถ่ายมา ก็ส่งทั้งหมดให้กับสื่อและตำรวจดู เช้าวันรุ่งขึ้น สื่อหลักทุกช่องภายในเมืองตงไห่ต่างรายงานข่าวใหญ่ว่า
“หยางเฉิง ประธานบริษัท เฟยอวี่ กรุ๊ปถูกลักพาตัวไป โดยอีกฝ่ายเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงินสิบล้าน ส่วนผู้ต้องสงสัยก็คือ หลิวเปา เจ้าของเพิร์ลบาร์”
“หลิวเปา เจ้าของเพิร์ลบาร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมการลักพาตัวประธานหยางเฉิงแห่งเฟยอวี่ กรุ๊ป ทั้งยังเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนถึงสิบล้าน”
“มีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ประธานหายตัวไปตั้งสองวันเต็ม แต่ทำไมไม่มีผู้คนรอบข้างโทรแจ้งตำรวจ?”
ภายใต้สื่อที่ประเคนข่าวอย่างท่วมท้น ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาทำได้เพียงเรียกตัวหยางเฉิง และส่งคนไปจับกุมหลิวเปาเพื่อมาให้ปากคำ

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset