ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 109-2 เจรจา

เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ “ไม่ว่าจะเป็นคนแคว้นใดต่างกระหายในเงินทองกันทั้งสิ้น พ่อค้าเห็นกำไรเป็นสำคัญ หากมีกำไรสักห้าสิบจากร้อยส่วน พวกเขาก็จะกล้าเสี่ยเพื่อกำไรหนึ่งร้อยในหนึ่งร้อยส่วน พวกเขายินดีที่จะก้าวข้ามทุกกฎเกณฑ์ในโลกมนุษย์ แต่หากเพื่อกำไรสามร้อยจากหนึ่งร้อยส่วนแล้ว ต่อให้เป็นโทษประหารก็ย่อมมีคนจำนวนมากมุ่งหน้าไปโดยยินดีเอาชีวิตเข้าเสี่ยงอย่างแน่นอน” หากโทษประหารใช้ขู่ได้ผลจริง ในใต้หล้านี้คงไม่มีคนทำผิดอยู่จำนวนมากเช่นนี้หรอก “แต่มิต้องใจร้อนไป เป่ยหรงมีผืนแผ่นดินกว้างขวาง ประชาชนมีอยู่ไม่มาก และของที่ผลิตได้ก็มีน้อยเต็มที พืชพันธุ์ธัญญาหาร แพรพรรณ เครื่องกระเบื้อง ใบชา พวกเขาอยากได้อันใด พวกเราก็จัดให้เขาอย่างนั้น หากสามารถแลกตัวยาหรือขนสัตว์อันใดพวกนั้นกลับมาได้ก็จะยิ่งดี นานวันเข้าก็จะพบช่องทางที่จะทำให้พวกเราได้ของทีต้องการเอง”

 

 

หานหมิงซีตาเป็นประกายขึ้นทันที เขายิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ข้าเข้าใจแล้ว สถานการณ์ระหว่างเรากับเป่ยหรงนั้น ไม่เหมือนกับซีหลินและหนานเจียง พวกเราย่อมมิอาจใช้วิธีการเดียวกันในการแก้ปัญหาได้ แต่ในเมื่อเราวางแผนจะขยายการค้าไปยังซีหลิงและหนานเจียงแล้ว พวกเราสามารถนำสินค้าขึ้นชื่อของซีหลิงและหนานเจียง รวมถึงต้าฉู่ส่งไปยังเป่ยหรงได้ด้วย พวกชนชั้นสูงทั้งหลายของเป่ยหรงมีเงินทองติดอยู่ที่เอวอย่างมหาศาล การจะได้เงินจากพวกเขานั้นง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย เดิมทีก็ใช่ว่าไม่มีผู้ใดทำการค้ากับเขา เพียงแต่เส้นทางที่ต้องเดินทางไปนั้นไกลแสนไกล ซ้ำยังต้องผ่านทุ่งหญ้าที่สุดแสนจะอันตราย ดังนั้นที่ผ่านมาจึงมีแต่การค้าเล็กๆ เท่านั้น เพียงแต่หากเป็นพวกเรา ก็ย่อมมิต้องเป็นกังวัลเรื่องความอันตราย ต่อให้ไม่สามารถใช้ชื่อตำหนักติ้งอ๋องได้ แต่อาศัยเพียงกองกำลังของตำหนักอ๋อง แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นหน่วยอันใดสักชื่อหนึ่ง ก็สามารถคุ้มครองความปลอดภัยของสินค้าเหล่านั้นได้แล้ว”

 

 

แน่นอนว่าม่อซิวเหยาย่อมรู้สึกสนใจในม้าศึกของเป่ยหรงเป็นอย่างมาก เขายิ้มเรียบๆ พร้อมเอ่ยว่า “การไปสานสัมพันธ์การแต่งงานครานี้ถือเป็นโอกาสที่ไม่เลว สามารถให้คนติดตามคณะส่งตัวเจ้าสาวไปลองสังเกตการณ์ที่เป่ยหรงดูได้ อีกเดี๋ยวข้าจะยื่นหนังสือถึงฮ่องเต้ ให้ทรงอนุญาตให้คาราวานการค้าเดินทางไปเป่ยหรงพร้อมกับคณะส่งตัวเจ้าสาวด้วย และถือโอกาสสร้างคุณประโยชน์ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแคว้นไปด้วยในตัว”

 

 

ทั้งสามคนที่เหลือต่างนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดว่าอันใด เป็นคุณประโยชน์ต่อโรงเก็บทองและกองทัพตระกูลม่อของตำหนักติ้งอ๋องเสียมากกว่ากระมัง”

 

 

เมื่อเป็นว่าม่อซิวเหยาเองก็เห็นด้วย เหลิ่งเฮ่าอวี่จึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ตกลงกันตามนี้แล้วกัน พี่หานไปที่ซีหลิงกับหนานเจียง ส่วนเป่ยหรงเดี๋ยวข้าน้อยจะไปเอง อีกหนึ่งเดือนกว่า กว่าจะออกเดินทาง ยังพอมีเวลาจัดการเรื่องในต้าฉู่ได้ทัน”

 

 

หานหมิงซีพยักหน้าอย่างไม่มีความเห็น เยี่ยหลีหยิบตราเหล็กที่พกติดตัวออกมาโยนให้หานหมิงซี “ยามนี้พี่ใหญ่น่าจะยังอยู่ที่หนานเจียง หากท่านต้องการความช่วยเหลืออันใดสามารถไปหาเขาได้ ส่วนนั้นเป็นตราคำสั่งของเจ้าสำนักเยี่ยนอ๋อง ท่านพกติดตัวไปเถิดเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ยามอยู่ที่ซีหลิงหากเกิดปัญหาอันใด เมื่อเจ้าสำนักหลิงเห็นตราคำสั่งนี้น่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยท่านได้”

 

 

นางได้ตราคำสั่งเยี่ยนอ๋องมาได้อย่างไร หานหมิงซีย่อมรู้ดี เมื่อเขารับไว้แล้วจึงหันมองเยี่ยหลีเหมือนอยากพูดอันใดสักอย่าง

 

 

เยี่ยหลีโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องพูดอันใดให้มากความ “มีประโยชน์ต่อผู้ใดก็ให้แก่ผู้นั้น ตัวข้าอยู่ที่ต้าฉู่ พกติดตัวไว้อย่างไรก็คงไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าสำนักหลิงไม่ได้ หากมัวแต่เก็บไว้ไม่ใช้คงเสียของแย่ ส่วนบัณฑิตขี้โรค…โอกาสที่เขาจะมายังต้าฉู่คงมีไม่มากนักกระมัง”

 

 

หลายวันก่อนองครักษ์ลับสี่ได้ส่งข่าวมาว่า เขาเพิ่งพบตัวนายท่านเหลียงที่ถูกบัณฑิตขี้โรคพาตัวกลับไปยังซีหลิง แต่ยังไม่พบหญ้าปี้ลั่ว ความอันตรายของบัณฑิตขี้โรคก็ยังคงมีจำกัด แน่นอนว่าหากเขาแน่วแน่ที่จะมาปรากฏตัวยังเมืองหลวงต้าฉู่ นางเองก็ไม่รังเกียจที่จะลงมือกับเขา ต่อให้ไม่ฆ่าเขาให้ตาย ก็ต้องทำให้เขาสิ้นฤทธิ์ เชื่อว่าหลิงเถี่ยหานคงมาโทษอันใดนางไม่ได้

 

 

เหลิ่งเฮ่าอวี้อุทานด้วยความตกใจ “พระชายาช่างใจกว้างนัก แม้แต่ตราคำสั่งของเยี่ยนอ๋องยังให้กันง่ายๆ เช่นนี้” ระหว่างที่พูดยังได้หันไปเหลือบมองม่อซิวเหยา เขาคิดว่าตราคำสั่งเยี่ยอ๋องนั้น ท่านอ๋องให้พระชายาไว้เพื่อป้องกันตัว เมื่อเห็นพระชายานำของสิ่งนั้นไปให้ชายอื่นกับตาตนเองเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าอีกเดี๋ยวท่านอ๋องจะเอาความโกรธไประบายลงที่ผู้ใด แน่นอนว่าให้ดีขอให้เป็นตัวเจ้าเรื่อง คุณชายเจ้าเสน่ห์ หานหมิงซีจะดีที่สุด มีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า ทางตายให้เพื่อนเดิน ทางรอดให้ตนเองเดินอย่างไรเล่า อีกอย่างนี่เป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้นเองอีกด้วย

 

 

เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้นหัวเราะ “เจ้าสำนักหลิงให้มาเฉยๆ มิได้เสียเงินได้มา” อันที่จริงต่อให้หลิงเถี่ยหานไม่ปรากฏตัวขึ้น นางก็มิได้คิดที่จะเอาชีวิตบัณฑิตขี้โรคจริงๆ ผู้ใดจะรู้ว่าหลิงเถี่ยหานจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์พี่น้องจนใช้พลังอำนาจของสำนักเยี่ยนอ๋องในการแก้แค้นให้บัณฑิตขี้โรคหรือไม่ เพียงแต่ในยามนั้นคงต้องทำลายวิทยายุทธของบัณฑิตขี้โรคอย่างช่วยไม่ได้ ขอเพียงยังไว้ชีวิตบัณฑิตขี้โรค หลิงเถี่ยหานคงไม่มาหาเรื่องนางด้วยเห็นแก่หน้าพี่ใหญ่เป็นแน่

 

 

เหลิ่งเฮ่าอวี่ยกมือลูบจมูกก่อนก้มลงดื่มชา ตราคำสั่งของเยี่ยนอ๋องสามารถวัดมูลค่าได้หรือ นั่นเป็นของที่คนจำนวนไม่น้อยยอมทุ่มเงินเป็นพันตำลึงแต่ก็ยังคงหาซื้อไม่ได้เชียวนะ หากมีตราคำสั่งเยี่ยนอ๋องอยู่ในครอบครอง คอเพียงเจ้าตัวไม่ไปหาเรื่องราชวงศ์ซีหลิงเข้า อย่างไรก็สามารถเดินอย่างองอาจอยู่ในแคว้นซีหลิงได้

 

 

เมื่อพูดธุระจบเรียบร้อยแล้ว หานหมิงซีขมวดคิ้วหันมองเยี่ยหลี “เมื่อเช้าวาน เยียหลี่ว์เหยี่ยได้ส่งคนออกไปตามหาหยกชั้นดีทั่วเมืองหลวง ไม่รู้จะเอาไปทำอันใด ไม่เคยได้ยินว่าคนเป่ยหรงชอบเครื่องประดับหยกเสียหน่อย”

 

 

ถึงแม้เยียหลี่ว์เหยี่ยจะกระจายคนออกไปตามหาซื้อโดยใช้นามแฝง แต่จุดที่เขาพลาดคือเขาไม่ควรไปยังร้านที่เป็นของตระกูลหาน หยกชั้นดีภายในร้านสองสามร้านถูกคนไม่รู้จักซื้อไปติดๆ กัน หลงจู๊ย่อมไม่ลืมที่จะรายงานต่อเจ้าของเป็นแน่ ถึงแม้ยามนี้ตระกูลหานจะไม่เหลือคนของเทียนอี้เก๋อยู่ในเมืองหลวงแล้ว แต่หานหมิงซีก็ได้รวบรวมคนไว้พอสมควร การจะสืบหาที่มาที่ไปของเครื่องหยกจากร้านขายเครื่องประดับเก่าแก่ รวมถึงผู้ที่ซื้อไปนั้นย่อมมิใช่เรื่องยาก

 

 

เยี่ยหลีย่อมรู้ดีว่า เยียหลี่ว์เหยี่ยซื้อหยกเหล่านั้นไปทำอันใด จึงเพียงยิ้มขึ้นเรียบๆ “ดูท่าเป่ยหรงคงร่ำรวยมากจริงๆ”

 

 

เมื่อคิดถึงเรื่องที่เมื่อวาน แผนของตนถูกพฤติกรรมอวดรวยขององค์ชายบางองค์ทำให้เสียแผนแล้ว เยี่ยหลีก็อดรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่คนผู้นั้นยังตั้งใจส่งหยกชิ้นนั้นมาให้ และบังคับให้นางรับไว้เสียอีก

 

 

สายตาเยี่ยหลีเปลี่ยนไป ก่อนเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ช่วยข้าปล่อยข่าวออกไปที ว่าข้าต้องการหาหยกชั้นดีที่สุดมาเป็นของขวัญให้ท่านอ๋อง”

 

 

เหลิ่งเฮ่าอวี่หันมองม่อซิวเหยาก่อนหันมองเยี่ยหลี ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเยี่ยหลีสักเท่าไรนัก

 

 

หานหมิงซีตั้งตัวได้ก่อน ยิ้มขยับพัดพัดในมือ ”ดังนั้นพวกเราก็สามารถนำหยกที่เก็บสะสมไว้ออกมาขายได้หมดเลยสินะ หากเพียงข่าวนี้แพร่ออกไป เชื่อว่าต่อให้ราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ก็คงมีคนซื้อ อีกอย่าง…พระชายาพูดถูก คนเป่ยหรงเป็นคนมีเงินมิใช่หรือ ข้าจะส่งข่าวนี้ไปถึงองค์ชายเยียหลี่ว์ก่อน จะได้มั่นใจว่าเขาจะไม่ตกข่าว” ส่วนสุดท้ายแล้วองค์ชายเป่ยหรงคิดจะนำหยกเหล่านั้นไปเป็นของหมั้นสำหรับองค์หญิงหรือนำกลับเป่ยหรงไปทั้งหมด ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขาแล้ว

 

 

เหลิ่งเฮ่าอวี่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “จะว่าไปด้านนอกไม่เคยมีข่าวว่าพระชายาชอบอันใดเป็นพิเศษ ทำให้พวกเราทำเงินน้อยลงไปไม่น้อย ในมือข้ามีของที่อยากจัดการออกไปอยู่ไม่น้อยพอดี ก็ขายราคาถูกหน่อยให้องค์ชายเป่ยหรงไปเลยก็แล้วกัน เพียงแต่…อืม พระชายาต้องการให้เก็บของดีไว้ให้ท่านหรือไม่”

 

 

หากถูกองค์ชายใจใหญ่จากเป่ยหรงแย่งซื้อไปหมด เช่นนี้ของขวัญของท่านอ๋องจะทำเช่นไร อย่าเห็นแต่ว่าปกติท่านอ๋องดูเป็นคนใจกว้าง อารมณ์เย็น บทจะใจแคบขึ้นมาผู้ใดต่างก็ล้วนรับไม่ไหว หลายปีมานี้เขากับเฟิ่งซานต่างเคยเจอกับตัวมาแล้วอย่างลึกซึ้ง

 

 

เยี่ยหลีปรายตามองม่อซิวเหยา ก่อนยกมุมปากขึ้นยิ้ม “ไม่ต้องหรอก ข้าก็เพียงพูดไปอย่างนั้น”

 

 

หานหมิงซีเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยทอดถอนใจด้วยความเสียใจว่า “ที่แท้ก็ใกล้ถึงวันเกิดท่านอ๋องแล้วนี่เอง จะว่าไปก็บังเอิญนัก…ข้าเองก็เกิดในเดือนหกเช่นกัน ทุกปีจะฉลองกับพี่ใหญ่ แต่ปีนี้คง…”

 

 

เหลิ่งเฮ่าอวี่ถึงกับตัวเกร็งขึ้นมาทันที ส่งสายตาเตือนไปยังหานหมิงซี ไอเจ้านี่ไม่อยากอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องดึงเขาตกน้ำไปด้วยนี่ เขาเพิ่งแต่งงานก้นหม้อยังไม่ทันดำเลยนา

 

 

เยี่ยหลียิ้ม “หมิงซีก็เกิดในเดือนหกเหมือนกันหรือ เช่นนั้นก็ฉลองวันเกิดที่เมืองหลวงก่อนแล้วค่อยไปเถิด”

 

 

หานหมิงซีกะพริบตา “จวินเหวยจะให้ของขวัญข้าหรือ”

 

 

“แน่นอน ท่านชอบสิ่งใดบอกข้ามาได้เลย ข้าจะไปจัดเตรียมไว้ให้” เยี่ยหลีเอ่ยพร้อมพยักหน้า ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหานหมิงซี หากมิให้ของขวัญในวันเกิดก็คงจะไม่ดีสักเท่าไร อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันของหานหมิงซี นางและม่อซิวเหยาต่างก็ลงแรงกันไปมิน้อย

 

 

หานหมิงซียิ้มแย้มหน้าตาเป็นประกาย “เช่นนั้นดีเลย ไม่ว่าจวินเหวยจัดเตรียมอันใดไว้ ข้าก็ชอบทั้งสิ้น” พูดจบยังหันไปยักคิ้วให้ม่อซิวเหยาอย่างไม่กลัวตายอีกด้วย

 

 

ม่อซิวเหยาสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาเป็นประกายคมกริบ ยิ้มเรียบๆ เอ่ยว่า “อาหลีพูดถูก พี่หานบังเอิญเกิดในเดือนหกเช่นเดียวกันเช่นนี้ ข้ากับอาหลีย่อมต้องแสดงน้ำใจสักหน่อย เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องจัดเตรียมของขวัญที่น่าตื่นเต้นไว้ให้อย่างแน่นอน” ประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของม่อซิวเหยาเรียกได้ว่ามีความอ่อนโยน แต่ผู้ที่ได้ฟังกลับรู้สึกเย็นวาบขึ้นอย่างประหลาด

 

 

เหลิ่งเฮ่าอวี่รีบเข้าขวางรอยยิ้มที่หานหมิงซีส่งไปยังม่อซิวเหยา เขาหัวเราะแห้งๆ เอ่ยว่า “ถึงแม้ข้ากับพี่หานจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ก็ถือว่าคุ้นเคยกันตั้งแต่ได้พบหน้า พี่หาน พวกเราไปปรึกษากันว่าจะจัดฉลองวันเกิดท่านกันอย่างไรเถิด” เขาไม่สนว่าหานหมิงซีจะปฏิเสธ รีบคว้าแขนเขาแล้วลากตัวออกไปทันที

 

 

ยอดฝีมือวิชาตัวเบาแต่วิทยายุทธไม่ได้เรื่องอย่างหานหมิงซี จึงถูกเหลิ่งเฮ่าอวี่ที่ดูไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวแต่เอาเข้าจริงเก่งกาจยิ่งนัก ลากออกไปอย่างมิอาจขัดขืน

ชายาเคียงหทัย

ชายาเคียงหทัย

หลังถูกน้องสาวร่วมบิดาแทงข้างหลัง ทำให้ เยี่ยหลี คุณหนูสามแห่งจวนตระกูลเยี่ยถูกถอนหมั้นจาก ม่อจิ่งหลี ท่านอ๋องรูปงามแห่งเมืองหลวง แต่นางก็ยังมองโลกในแง่ดี หวังว่าตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปอีกสักสองสามปี ทว่าเหตุไฉนสามวันให้หลัง ฝ่าบาทถึงได้พระราชทานสมรสให้นางอีกครั้งเล่า! การแต่งงานครั้งนี้แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก แต่คนที่นางต้องอภิเษกสมรสด้วยกลับเป็น ม่อซิวเหยา ท่านอ๋องพิการไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังมีรูปโฉมอัปลักษณ์ เล่าลือกันว่าเขาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงสองครา ทว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่เขาสมรสด้วยกลับต้องมีอันเป็นไปภายหลังจากการแต่งงานได้ไม่นาน แต่ช้าก่อน…บุรุษที่แสนอ่อนโยนและเก่งกาจตรงหน้านางนี้น่ะหรือคือม่อซิวเหยา บุรุษที่กล่าวกันว่าเป็นคนน่ากลัว ไร้ค่า ไม่ได้เรื่องได้ความคนนั้น นี่คงมีอะไรที่เข้าใจผิดไปแล้วกระมัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset