ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 178-2 คนจากนอกภูเขา

เยี่ยหลีเดินถือตะกร้าอาบแสงอาทิตย์อัสดงกลับมาอย่างช้าๆ ใบหน้าอันงดงามเมื่อมีแสงอาทิตย์สาดส่องทำให้ดูมีเลือดฝาดและดูสุขภาพดีไม่น้อย บนหน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกมา

 

 

ถึงแม้สุขภาพนางจะแข็งแรงดีแล้ว แต่การพาเอาร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์อยู่เจ็ดเดือน เดินขึ้นเขาไปก็เสียแรงไม่น้อย นางอาศัยที่วันนี้อากาศไม่เลว เดินไปยังแม่น้ำเล็กๆ สายนั้นที่ท่านหมอหลินไปพบนาง

 

 

แม่น้ำสายนั้นคดเคี้ยวไปมา แต่กลับมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด ดูไม่เหมือนแม่น้ำสายเดียวกับที่นางตกหน้าผาลงมาเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนแม้แต่จะเป็นแม้น้ำอีกสายที่แตกออกมา ปลายทางแม่น้ำเล็กๆ สายนั้นเป็นจุดที่สายน้ำด้านบน ตกลงมายังด้านล่าง แต่เยี่ยหลีรู้ดีว่า ตนไม่มีทางตกลงมาจากทางด้านบนนั้น นั้นเป็นจุดน้ำตกที่มีความสูงเกือบยี่สิบเมตร ด้านล่างก็เป็นเพียงแม่น้ำตื้นๆ ความแรงจากการตกลงมา ต่อให้นางไม่จมน้ำตาย ก็น่าจะแรงพอให้นางตกลงมากระแทกตายได้ ดังนั้น ด้านล่างของจุดที่น้ำตกลงมาจะต้องมีแม่น้ำลับซ่อนอยู่ด้านล่างอย่างแน่นอน และก็เป็นไปได้ที่นางจะถูกพัดออกมาจากจุดนั้น น่าเสียดาย…เมื่อเห็นความเชี่ยวกราดของแม่น้ำตรงจุดนั้นแล้ว ต่อให้การคาดเดาของนางถูกต้อง แต่นั่นก็มิใช่เส้นทางที่ดีที่จะย้อนกลับไปทางเดิม อีกทั้ง ยามนี้นางจะท้องโย้อยู่เช่นนี้ จึงยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่

 

 

นางจึงจนใจยอมแพ้ความคิดที่จะเข้าไปสำรวจตรงจุดนั้นแล้วไปเก็บผักและผลไม้ป่าที่สามารถใช้การได้แทน แล้วจึงค่อยๆ เดินกลับมายังหมู่บ้านเล็กๆ ที่นางอาศัยอยู่มาได้หลายเดือน

 

 

บ้านที่ท่านหมอหลินและเยี่ยหลีอยู่นั้นอยู่ด้านรอบนอกสุดของหมู่บ้านยามนี้แต่ละบ้านล้วนมีควันไฟจากการทำอาหารลอยขึ้นมาแล้ว ภายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ นอกจากเสียงหัวเราะที่ลอยออกมาจากบ้านแต่ละหลังแล้ว ก็ไม่มีเงาของผู้ใดให้เห็นอีก

 

 

นางทอดสายตามองไปไกลเยี่ยหลีก็เห็นว่าบ้านของท่านหมอหลินมิได้ตลบอบอวนไปด้วยควันไฟจากการทำอาหารจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ท่านอาจารย์ยังไม่กลับมาหรือ จำได้ว่าเขาบอกว่าวันนี้ไม่ได้ออกไปไหนมิใช่หรือ นางค่อยๆ เดินเข้าไปยังบ้านไม้เล็กๆ สองหลังที่สร้างอยู่ใกล้ๆ กัน ก่อนที่คิ้วเรียวของเยี่ยหลีจะขมวดเข้าหากัน ในบ้านของท่านหมอหลินมีคนอยู่ และมิได้มีเพียงแค่คนเดียว ในหมู่บ้านยามนี้ตามปกติจะไม่มีคนแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน อีกทั้ง…ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูเหมือนเป็นคนที่ฝึกวิชามาอีกด้วย

 

 

เยี่ยหลีวางตะกร้าลงยกมือประคองหน้าท้องก่อนเดินอ้อมไปทางด้านหลังบ้านของท่านหมอหลินด้วยความระมัดระวัง ใกล้ๆ ห้องหนังสือมีหน้าต่างที่ไม่สูงนักอยู่บานหนึ่ง ถึงแม้ท่านหมอหลินจะไม่ชื่นชอบการอ่านหนังสือพวกนั้นนัก แต่ก็ดูแลรักษาเป็นอย่างดี มักเปิดหน้าต่างให้ลมระบายเข้าออกอยู่เสมอ

 

 

เมื่อเข้าใกล้หน้าต่างบานที่เปิดอยู่ เสียงที่ดังลอยมาก็ฟังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาคงอยู่กันในห้องหนังสือนี้เอง เยี่ยหลีกลั้นหายใจด้วยความระมัดระวัง นางเดินไปหยุดที่หน้าต่าง ก่อนมองลอดผ้าม่านเข้าไปด้านใน

 

 

ท่านหมอหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่าด้วยสีหน้าเย็นเรียบ ภายในห้องหนังสือมีบุรุษยืนอยู่สองคน คนหนึ่งกำลังยืนพูดคุยกับท่านหมอหลินอยู่ส่วนอีกคนหนึ่งก็กำลังพลิกหาอะไรบางอย่างบนชั้นหนังสือที่วางเรียงรายอยู่ หนังสือบนชั้นหนังสือถูกพลิกไปมาจนหล่นระเกะระกะอยู่ที่พื้น

 

 

“ท่านอาวุโสหลิน พวกเราไม่อยากทำร้ายท่าน ท่านได้โปรดนำของสิ่งนั้นออกมาเถิด ของสิ่งนั้นท่านแก่แล้วเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เหตุใดจึงไม่ยอมมอบมันให้พวกเราจะได้จบไปเรื่องหนึ่ง ท่านแก่แล้วยังโลภกับของพวกนี้อยู่อีกหรือ” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านหมอหลินเอ่ยพร้อมยิ้มอย่างใจเย็นเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากใช้กำลังกับท่านหมอหลิน

 

 

หนังตาท่านหมอหลินกระตุกเล็กน้อย เอ่ยเรียบๆ ว่า “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าหมายถึงสิ่งใด”

 

 

ชายวัยกลางคนมิได้โกรธ เอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “เหตุใดท่านหมอหลินจำต้องแกล้งโง่ด้วย ท่านน่าจะรู้ว่า ในเมื่อพวกเราถึงขั้นหาที่นี่เจอแล้ว ก็คงไม่ปล่อยให้ถูกท่านปั่นหัวไปเรื่อยๆ ท่านอยู่ที่นี่มาสามสิบปี เชื่อว่าคงคิดอยากใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบต่อไป ของสิ่งนั้นสำหรับท่านแล้วมันก็เป็นเพียงกระดาษไร้ประโยชน์ปึกหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับนายท่านกลับเป็นของที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เห็นแก่ที่ท่านกับนายท่านมีความเป็นมิตรต่อกัน เหตุใดท่านถึงไม่ยอมให้ท่านได้ตามที่สมใจหรือ”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของท่านหมอหลินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มุมปากกระตุกขึ้นสองที เห็นได้ชัดว่าเกิดความวูบไหวขึ้นในใจ พักใหญ่ ถึงได้ส่งเสียงหึ แล้วเอ่ยว่า “นายท่าน ลูกน้องอันใดกัน ข้าฟังไม่เข้าใจ ที่เจ้าพูดหมายถึงสิ่งใดข้าก็ไม่รู้”

 

 

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว มองท่านหมอหลินด้วยความไม่พอใจ “ท่านผู้อาวุโสหลิน จะว่าไปเดิมทีของสิ่งนั้นก็เป็นของที่ตกทอดกันมาในตระกูลนายท่าน ยามนี้เมื่อพวกเราอยากได้คืนก็ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ที่ท่านลักลอบเก็บเอาไว้เป็นการส่วนตัวเช่นนี้ จะไม่เกินไปหน่อยหรือ”

 

 

ท่านหมอหลินส่งเสียงหึ หลับตาลงแล้วมิได้พูดอันใดอีก

 

 

ชายอีกคนหนึ่งเมื่อค้นชั้นหนังสือจนทั่วแล้วแต่ไม่พบสิ่งใด ก็เอ่ยด้วยความรำคาญใจว่า “ของไม่ได้อยู่ที่นี่!”

 

 

ความอดทนของชายวัยกลางคนมิได้มีมากนัก สายตาที่มองไปทางท่านหมอหลินเริ่มไม่เป็นมิตร “ท่านหมอหลิน นายท่านได้สั่งไว้แล้วว่า ด้วยบุญคุณที่ท่านเคยดูแลรักษากันมา ให้พวกเราปฏิบัติต่อท่านด้วยความเกรงใจ เพียงแต่…ท่านจงยอมเสียดีๆ อย่าขัดขืน พูดกันดีๆ ให้รู้เรื่องดีกว่า อย่าให้ต้องใช้กำลังเลย”

 

 

ท่านหมอหลินลืมตาขึ้นมามองเขา เอ่ยเรียบๆ ว่า “คนแก่อย่างข้าไม่ได้กินเหล้ามากว่าสามสิบปีแล้ว เจ้าไปเสียเถิด เขาอยากได้สิ่งใดก็ให้เขามาคุยกับข้าเอง”

 

 

ชายวัยกลางคนเอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างดูแคลน “นายท่านวันวันหนึ่งต้องจัดการงานมากมาย จะเอาเวลาที่ไหนมาเสียกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ท่านหมอหลิน หากท่านยังดื้อรั้น ก็อย่าหาว่าข้าล่วงเกินท่านก็แล้วกัน”

 

 

เขาเชิดคางขึ้น ก่อนหันไปส่งสัญญาณให้ชายอีกคนหนึ่ง

 

 

ชายผู้นั้นก็ก้าวเข้ามาจับตัวท่านหมอหลินไว้ เอ่ยกลั้วหัวเราะเสียงเย็นว่า “ท่านหมอหลิน ขอโทษด้วย นายเหนือหัวของพวกเราได้สั่งไว้แล้ว ของสิ่งนั้นอย่างไรก็ต้องนำกลับไปให้ได้”

 

 

ท่านหมอหลินหลับตาลงอีกครั้ง ไม่ยอมพูดอันใดอีก

 

 

สีหน้าชายผู้นั้นดูหมดความอดทน เอ่ยเพียงล่วงเกินแล้ว ก่อนจับแขนของท่านหมอหลินข้างหนึ่งขึ้นเตรียมจะลากออกไป ท่านหมอหลินอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ซ้ำยังมิใช่คนที่ฝึกวิทยายุทธ หากทำเช่นนี้ แขนข้างนั้นของเขาคงถูกลากจนหักพอดี

 

 

แกร๊กๆ… ด้านนอกหนัาต่างมีเสียงแปลกปลอมดังขึ้น มือชายผู้นั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหันไปสบตากับชายวัยกลางคนด้วยความสงสัย เอ่ยเสียงเข้มว่า “ใคร”

 

 

ด้านนอกเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่เห็นตัวผู้ใดทั้งสิ้น ชายผู้นั้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ปล่อยท่านหมอหลินก่อนเดินไปยังหน้าต่าง หันมองซ้ายขวาก่อนยื่นศีรษะออกไป แล้วจู่ๆ ก็มีมือที่ค่อนข้างเย็นคู่หนึ่งยื่นเข้ามาจับคอของเขาไว้แน่น เขารู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ ตามมาด้วยความเจ็บปวด แล้วหลังจากนั้นก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีก

 

 

เมื่อเห็นคู่หูที่มาด้วยกันล้มอยู่ตรงหน้าต่างโดยที่ยังไม่ได้ทำอันใดแล้ว สีหน้าของชายวัยกลางคนก็เริ่มมีความกลัวให้ได้เห็น เดิมทีด้วยเพราะครานี้เป็นงานที่ไม่ถือว่ายากอันใดนัก พวกเขาจึงไม่ได้พาคนมามาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ จะมียอดฝีมือลึกลับซ่อนตัวอยู่

 

 

“ใคร! ออกมา…” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงเข้ม สายตาจับจ้องไปยังความว่างเปล่าด้านนอกหน้าต่างด้วยความระมัดระวัง เขาเหลือบมองไปทางท่านหมอหลิน ก่อนชายวัยกลางคนจะจับตัวเขามาบังไว้ด้านหน้า จ้องมองไปทางหน้าต่างด้วยความระมัดระวัง แล้วเดินถอยหลังไปทางประตู

 

 

ฟุบ…ที่หน้าต่าง มีเงาในชุดสีเทาเงาหนึ่งเคลื่อนตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชายวัยกลางคนเบิกตาค้างด้วยความตะลึงงัน เห็นเพียงประกายสีเงินที่พุ่งตรงเข้ามา แล้วจู่ๆ ก็เกิดเย็นวาบขึ้นที่ลำคอ ชายผู้นั้นก้มลงมองอาวุธเหล็กที่สะท้อนเป็นประกาย ที่ปักเข้าที่ลำคอของตนตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ก่อนหงายหลังล้มตึงไปทันที

ชายาเคียงหทัย

ชายาเคียงหทัย

หลังถูกน้องสาวร่วมบิดาแทงข้างหลัง ทำให้ เยี่ยหลี คุณหนูสามแห่งจวนตระกูลเยี่ยถูกถอนหมั้นจาก ม่อจิ่งหลี ท่านอ๋องรูปงามแห่งเมืองหลวง แต่นางก็ยังมองโลกในแง่ดี หวังว่าตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปอีกสักสองสามปี ทว่าเหตุไฉนสามวันให้หลัง ฝ่าบาทถึงได้พระราชทานสมรสให้นางอีกครั้งเล่า! การแต่งงานครั้งนี้แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก แต่คนที่นางต้องอภิเษกสมรสด้วยกลับเป็น ม่อซิวเหยา ท่านอ๋องพิการไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังมีรูปโฉมอัปลักษณ์ เล่าลือกันว่าเขาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงสองครา ทว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่เขาสมรสด้วยกลับต้องมีอันเป็นไปภายหลังจากการแต่งงานได้ไม่นาน แต่ช้าก่อน…บุรุษที่แสนอ่อนโยนและเก่งกาจตรงหน้านางนี้น่ะหรือคือม่อซิวเหยา บุรุษที่กล่าวกันว่าเป็นคนน่ากลัว ไร้ค่า ไม่ได้เรื่องได้ความคนนั้น นี่คงมีอะไรที่เข้าใจผิดไปแล้วกระมัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset