ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 95-3 แม่ทัพใหญ่ผิงโค่ว

          เยี่ยหลีอมยิ้มพยักหน้าให้มู่หรงเซิ่น แล้วเดินตามออกไป มู่หริงเซิ่นได้แต่มองสองแม่ทัพที่มาใหม่ ก่อนถอนหายใจออกมาแล้วหมุนตัวเดินออกไป โชคดีที่แม่ทัพใหญ่ผิงโค่วกับตัวเขานั้นมิได้มีความสัมพันธ์เป็นหัวหน้าลูกน้องกัน เช่นนั้นก็ต่างคนต่างปราบ ต่างคนต่างรักษาด่านกันไปเองก็แล้วกัน

 

 

           หลิ่วจิ้งอวิ๋นที่ถูกทิ้งไว้มองทุกคนที่หายไปทางประตูด้วยด้วยสีหน้านิ่งอึ้ง นี่มีผู้ใดจำได้หรือไม่ว่าเขาคือแม่ทัพใหญ่ที่เพิ่งมาใหม่น่ะ

 

 

           หน่วยเฮยอวิ๋นฉีปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ม่อซิวเหยาสั่งการลงมาไม่ถึงหนึ่งเค่อดี หน่วยเฮยอวิ๋นฉีจำนวนสองหมื่นนายก็ถอนทัพออกจากเมืองหย่งหลินจนสิ้น ความรวดเร็วของหน่วยเฮยอวิ๋ฉีทำให้ทหารฝ่ายกบฏที่ตั้งค่ายลอบสังเกตกาณ์อยู่ถึงกับตกใจ จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าหน่วยเฮยอวิ๋นฉีมิได้หมายที่จะบุกเข้าโจมตีฝ่ายตน จึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังมิกล้าถอนกำลังคุ้มกันออก

 

 

เยี่ยหลีและม่อซิวเหยาเองก็กลับห้องไปรวบรวมสัมภาระเตรียมเดินทางออกจากหย่งหลินเพื่อไปรวมตัวกับหน่วยเฮยอวิ๋นฉี

 

 

           “พระชายา นายทหารอวิ๋นขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับสองเอ่ยรายงานที่หน้าประตู

 

 

           เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้น นึกสงสัยว่าอวิ๋นถิงมาด้วยเหตุอันใด “เชิญเขาเข้ามาเถิด”

 

 

           ผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นถิงก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประดักประเดิด เยี่ยหลีถูกชะตากับนายทหารหนุ่มผู้นี้ไม่น้อย นางยิ้มให้เขาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “นายทหารอวิ๋น มีเรื่องอันใดหรือ”

 

 

อวิ๋นถิงเห็นเยี่ยหลีอยู่ในชุดทะมัดทะแมง จึงเอ่ยถามว่า “พระชายากับท่านอ๋องจะไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เยี่ยหลีพยักหน้า “ท่านอ๋องกำลังให้คนไปส่งต่อเมืองหย่งหลินกับแม่ทัพหลิ่วอยู่น่ะ อีกเดี๋ยวก็คงออกเดินทางแล้ว นายทหารอวิ๋นและนายทหารซย่าก็จะกลับด่านซุ่ยเสวี่ยแล้วหรือ”

 

 

           “ข้า…” อวิ๋นถิงมีท่าทีขัดเขินและลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกัดฟันเอ่ยว่า “ข้าน้อยอยากเข้าหน่วยเฮยอวิ๋นฉีพ่ะย่ะค่ะ พระชายาได้โปรดรับตัวข้าไว้ด้วย”

 

 

           เยี่ยหลีมองสีหน้าแน่วแน่ของอวิ๋นถิงด้วยความตกใจ ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “หากนายทหารอวิ๋นต้องการเข้าหน่วยเฮยอวิ๋นฉี ควรสอบถามท่านอ่องถึงจะถูก เหตุใดจึงมาถามข้า”

 

 

           อวิ๋นถิงอึ้งไป ไม่รู้จะทำเช่นไรขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เขาคิดแต่เพียงว่าพระชายาอยู่ที่นี่จึงมาขอกับพระชายา แต่กลับลืมไปว่าติ้งอ๋องเองก็มาอยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน เรื่องเช่นนี้ต้องให้ท่านอ๋องเห็นด้วยจึงจะสำเร็จ

 

 

เมื่อเห็นท่าทางนิ่งอึ้งของอวิ๋นถิงแล้ว เยี่ยหลีจึงยิ้มออกมา “เหตุใดนายทหารอวิ๋นจึงคิดอยากเข้าหน่วยเฮยอวิ๋นฉีหรือ”

 

 

หน่วยเฮยอวิ๋นฉีนั้นล้วนคัดยอดฝีมือมาจากกองทัพตระกูลม่อ มิใช่ผู้ใดที่คิดอยากจะเข้าก็เข้าได้ อวิ๋นถิงกัดฟันเอ่ยว่า “มีเพียงหน่วยเฮยอวิ๋นฉีเท่านั้นที่เป็นกองทัพที่ดีที่สุดของต้าฉู่ อวิ๋นถิงอยากเข้าหน่วยเฮยอวิ๋นฉีเพื่อติดตามท่านอ๋องและพระชายาออกไปสู้รบเพื่อให้บรรลุเป้าหมายพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

           เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของอวิ๋นถิงแล้ว เยี่ยหลีถึงกับหัวเราะพรืดออกมา

 

 

           “นายทหารอวิ๋น เจ้าเป็นนายทหารใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพมู่หรงที่โดดเด่นที่สุดแล้ว ครานี้รักษาเมืองหย่งหลินไว้ได้ถือเป็นผลงานครั้งใหญ่ เชื่อว่าอีกไม่กี่ปีเจ้าจะต้องได้เป็นแม่ทัพที่อายุยังน้อยของต้าฉู่เป็นแน่ หากเจ้าเข้าหน่วยเฮยอวิ๋นฉี…” เยี่ยหลีส่ายหัวพูดกลั้วหัวเราะ

 

 

อวิ๋นถิงรีบกล่าวว่า “ขอเพียงได้เข้าหน่วยเฮยอวิ๋นฉี อวิ๋นถิงยอมเป็นนายทหารเล็กๆ คนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เยี่ยหลีมองหน้าเขา “นายทหารอวิ๋น ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดหน่วยเฮยอวิ๋นฉีจึงมีทหารอยู่เพียงไม่กี่หมื่นนายเท่านั้น”

 

 

อวิ๋นถิงตอบด้วยความมั่นใจว่า “หน่วยเฮยอวิ๋นฉีเป็นยอดฝีมือของยอดฝีมือ ในเมื่อเป็นยอดฝีมือย่อมมีจำนวนไม่มากพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เยี่ยหลีพยักหน้า “ถูกต้อง หน่วยเฮยอวิ๋นฉีเป็นยอดฝีมือของยอดฝีมือที่แท้จริง เพียงแต่…ด้วยเพราะเป็นยอดฝีมือ จึงทำให้มีจำนวนน้อย ดังนั้นคนที่ถูกใช้ให้ลงไปทำศึกใหญ่ๆ จึงไม่มีทางเป็นหน่วยเฮยอวิ๋นฉี”

 

 

           “หือ” อวิ๋นถิงไม่เข้าใจ ตั้งแต่เล็กจนโตพวกเขาได้ยินแต่เพียงว่าหน่วยเฮยอวิ๋นฉีสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ไว้เพียงใด สู้รบอย่างห้าวหาญเพียงใด เหตุใดที่พระชายาเอ่ยมาถึงไม่เหมือนกับที่เขารู้

 

 

           เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ “ทหารสองฝ่ายต่อสู้กันเพื่อสิ่งใด”

 

 

           “เพื่อแย่งชิงพื้นที่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

           “ไม่เลว หน่วยเฮยอวิ๋นฉีสามารถเดินทางอย่างรวดเร็วได้เป็นพันลี้ สามารถลอบโจมตีได้ ภารกิจหลายอย่างที่ทหารธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำได้ พวกเขาล้วนสามารถทำให้สำเร็จได้ เพียงแต่…พวกเขาจะบุกโจมตีเดี่ยวๆ ไม่ได้ และไม่มีทางที่จะรักษาเมืองเดี่ยวๆ ได้ ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็เพียงคอยชั่วเหลือกองทัพอื่นๆ เท่านั้น” เยี่ยหลีเอ่ยเสียงเบา

 

 

           “ช่วยเหลือหรือพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

           “เป็นการช่วยเหลือที่สำคัญมาก คำอธิบายที่เหมาะกับพวกเขาคือ พวกเขาเป็นไพ่ตายที่ดีที่สุด พวกเขาสามารถไปปรากฏตัวในสถานที่ที่คนคาดไม่ถึง แต่โดยปกติแล้วพวกเขากลับต้องอยู่อย่างลับๆ ไม่ให้ใครรู้ไม่ให้ใครเห็น นายทหารอวิ๋น เจ้าเคยได้ยินว่ามีแม่ทัพชื่อดังที่มาจากหน่วยเฮยอวิ๋นฉีหรือไม่”

 

 

           อวิ๋นถิงส่ายหน้า ทุกคนต่างรู้ว่าหน่วยเฮยอวิ๋นฉีนั้นเก่งกาจ แต่นายทหารในหน่วยเฮยอวิ๋นฉีทุกคนต่างไม่เป็นที่รู้จัก ถึงแม้หน่วยเฮยอวิ๋นฉีจะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็มีนับหมื่นนายได้ ถึงแม้จะมีติ้งอ๋องคอยควบคุมด้วยตนเองแต่ก็มิใช่ทั้งหมดที่ติ้งอ๋องจะสามารถตัดสินพระทัยเองได้ อย่างไรก็ตามตั้งแต่ก่อตั้งหน่วยเฮยอวิ๋นฉีขึ้นมา ก็ดูเหมือนจะมีแต่เพียงชื่อนี้ชื่อเดียว ชื่อเฮยอวิ๋นฉีหมายความถึงชื่อคนทุกคน ในประวัติศาสตร์ต้าฉู่ไม่เคยมีผู้ใดรู้จักชื่อที่แท้จริงของนายทหารในหน่วยเฮยอวิ๋นฉีเลยแม้สักคนเดียว

 

 

           เยี่ยหลีถอยหายใจเบาๆ “ข้าเห็นว่านายทหารอวิ๋นมีนิสัยตรงไปตรงมา และเป็นคนที่มีปณิธานอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังมีผลงานยิ่งใหญ่ตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปี ย่อมมีอนาคตที่สดใส หากต้องไปกลายเป็นนายทหารธรรมดาๆ คนหนึ่งของหน่วยเฮยอวิ๋นฉี เกรงว่าจะทำให้ผิดความตั้งใจของนายทหารอวิ๋นเสียมากกว่า” เฮยอวิ๋นฉีเป็นกระบี่ชั้นดีของตำหนักติ้งอ๋อง กระบี่ไม่จำเป็นต้องมีความคิดพิจารณามากนัก ทุกที่ที่ท่านอ๋องชี้นิ้วไป นั่นก็คือจุดหมายของพวกเขา ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ต่างกับหน่วยพิเศษในชาติที่แล้วที่นางเคยอยู่สักเท่าใด ด้วยนิสัยของอวิ๋นถิง ต่อให้เข้าไปอยู่ในหน่วยได้จริง หากไม่ได้ผ่านการฝึกฝนพัฒนาฝีมืออย่างหนักหน่วง ต่อไปเขาคงกลับมานึกเสียใจทีหลังเป็นแน่

 

 

อวิ๋นถิงหน้าแดงขึ้นทันที เอ่ยด้วยความร้อนใจว่า “พระชายา ข้า…”

 

 

เยี่ยหลียกมือขึ้นห้ามเขา หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไป ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้ามีตรงใดที่ไม่ดีเสียหน่อย เพียงหวังให้เจ้าใคร่ครวญให้รอบคอบ ปณิธานที่แท้จริงของเจ้าคือการเป็นแม่ทัพที่คอยกวาดล้างศัตรูและหัวเราะอย่างองอาจอยู่เหนือแผ่นดิน หรือเป็นนลูกธนูที่อยู่ในที่ลับและถูกส่งออกมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น”

 

 

           อวิ๋นถิงนิ่งเงียบไป สิ่งที่พระชายาพูดมาเหล่านี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ถึงว่ายามที่ตนบอกว่าจะมาขอร้องพระชายานั้น ซย่าซูกลับไม่สนับสนุนหรือให้กำลังใจเขาเช่นทุกครั้ง หรือว่าเขาจะดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าตนไม่เหมาะกับหน่วยเฮยอวิ๋นฉี เพียงแต่…อวิ๋นถิงมองหญิงสาวที่งามสง่าและเป็นกันเองตรงหน้าด้วยสีหน้างงงวย อย่างไรเขาก็ยังเลื่อมใสผู้ที่เก่งกาจกว่า และติ้งอ๋องและพระชายาก็เป็นคนเก่งกาจอย่างไม่ต้องสงสัย เขารู้ว่าตนเองคิดอยากติดตามพวกเขาด้วยใจจริง

 

 

           “นี่อันใดกันหรือ อาหลี” ม่อซิวเหยาเดินช้าๆ เข้ามา เหลือบมองอวิ๋นถิงที่มีสีหน้าคิดไม่ตกแล้วเอ่ยถามขึ้น

 

 

           เยี่ยหลียิ้มเรียบๆ แล้วเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้เขาฟัง ม่อซิวเหยาหมุนตัวกลับไปพิจารณาอวิ๋นถิงพักหนึ่ง อวิ๋นถิงที่ถูกเขาจับจ้อง มือไม้อยู่ไม่สุขขึ้นมาทันที แต่ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาท่าทีสุขุมอย่างเป็นธรรมชาติไว้ให้ได้

 

 

           “ท่านแม่ทัพมู่หรงว่าอย่างไร” ม่อซิวเหยาเอ่ยถาม หากจะเลือกคนของแม่ทัพมู่หรงไป ย่อมมิอาจไม่บอกกล่าวได้

 

 

           ในใจอวิ๋นถิงลิงโลดขึ้นทันที รีบตอบว่า “ท่านแม่ทัพมู่หรงบอกว่า ขอเพียงให้ท่านอ๋องกับพระชายาเห็นด้วย ท่านก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

           ม่อซิวเหยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าไม่เหมาะที่จะอยู่หน่วยเฮยอวิ๋นฉี” อวิ๋นถิงรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที พร้อมความรู้สึกที่หลากหลาย ม่อซิวเหยาพูดต่อว่า “เพียงแต่ หากเจ้ายินดี จะมาติดตามอาหลีก่อนก็ย่อมได้”

 

 

           อวิ๋นถิงและเยี่ยหลีหันมองม่อซิวเหยาพร้อมๆ กัน เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ให้มาติดตามนางทำไมกัน รับนายทหารคนหนึ่งมาเป็นองครักษ์ ยังไม่แน่ว่าอวิ๋นถิงจะเข้ากับนางได้

 

 

           ม่อซิวเหยาเอ่ยว่า “ข้างกายเจ้าไม่มีผู้ใดที่พอใช้การได้ เจ้าพวกสี่คนนั้นหากจะให้มาถกเรื่องการวางกำลังทหาร คงห่างชั้นอีกมากนัก ข้าให้ฉินเฟิงมาติดตามเจ้า แล้วเพิ่มอวิ๋นถิงไปอีกคน ถึงแม้จะดูไม่สุขุมนัก แต่ตามความเห็นของแม่ทัพมู่หรงก็เป็นคนมีความสามารถที่สามารถขัดเกลาได้ อบรมเขาเพิ่มอีกสักหน่อยแล้วค่อยย้ายเขาไปอยู่กองทัพตระกูลม่อก็แล้วกัน”

 

 

           เยี่ยหลีมิได้สนใจ แต่ในใจอวิ๋นถิงกลับตื่นเต้นยินดีอย่างมิอาจปิดได้มิด ความหมายของท่านอ๋องก็คือ ให้พระชายาคอยสั่งสอนจนกว่าจะวางใจให้ใช้งานได้ ในอนาคตชายาติ้งอ๋องไม่เพียงสามารถสั่งการหน่วยเฮยอวิ๋นฉีได้ อาจถึงขั้นได้ควบคุมของทัพตระกูลม่อที่มีจำนวนหลายแสนนายอีกด้วย

 

 

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง ข้าน้อยยินดีติดตามพระชายาพ่ะย่ะค่ะ!” อวิ๋นถิงเอ่ยรับคำขึ้นทันที

 

 

           ม่อซิวเหยาพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น เจ้าไปบอกลาท่านแม่ทัพมู่หรงเถิด อีกครึ่งชั่วยามมาออกเดินทางไปพร้อมกับกองทัพ”

 

 

           “พ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

           …

ชายาเคียงหทัย

ชายาเคียงหทัย

หลังถูกน้องสาวร่วมบิดาแทงข้างหลัง ทำให้ เยี่ยหลี คุณหนูสามแห่งจวนตระกูลเยี่ยถูกถอนหมั้นจาก ม่อจิ่งหลี ท่านอ๋องรูปงามแห่งเมืองหลวง แต่นางก็ยังมองโลกในแง่ดี หวังว่าตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปอีกสักสองสามปี ทว่าเหตุไฉนสามวันให้หลัง ฝ่าบาทถึงได้พระราชทานสมรสให้นางอีกครั้งเล่า! การแต่งงานครั้งนี้แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก แต่คนที่นางต้องอภิเษกสมรสด้วยกลับเป็น ม่อซิวเหยา ท่านอ๋องพิการไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังมีรูปโฉมอัปลักษณ์ เล่าลือกันว่าเขาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงสองครา ทว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่เขาสมรสด้วยกลับต้องมีอันเป็นไปภายหลังจากการแต่งงานได้ไม่นาน แต่ช้าก่อน…บุรุษที่แสนอ่อนโยนและเก่งกาจตรงหน้านางนี้น่ะหรือคือม่อซิวเหยา บุรุษที่กล่าวกันว่าเป็นคนน่ากลัว ไร้ค่า ไม่ได้เรื่องได้ความคนนั้น นี่คงมีอะไรที่เข้าใจผิดไปแล้วกระมัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset