ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย – ตอนที่ 5 เข้าถ้ำเสือทั้งที่ไม่ได้ลูกเสือ

 

❖❖❖❖❖

 

ฮี้ๆๆๆ〜!!!

คลึ๊กๆๆๆๆ!!!

        เสียงของม้าที่กำลังลากเกวียนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถบรรทุกคนสิบกว่าคนได้สบายๆดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอและเป็นจังหวะ เกวียนที่ม้าลากอยู่นี้มีลักษณะคล้ายกับที่ชาวนาใช้ขนฟาง แต่เนื่องจากมีหลังคาคลุมที่นั่งอย่างแน่นหนามันถึงได้ดูเหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล และหากสังเกตดูจะเห็นว่ามีเกวียนที่มีม้าลากแบบเดียวกันนี้เป็นจำนวนกว่า 30 เล่ม เคลื่อนที่ติดกันเป็นขบวนอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนม้าทุกตัวจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มันจึงสามารถเดินตามกันได้โดยที่ไม่ต้องมีคนคุมบังเหียนด้วยซ้ำ ส่วนด้านหน้าของขบวนก็มีทหารชายวัยกลางคนคนนึงสวมชุดเกราะหนาทั้งตัว มีบริเวณเนื้อหนังโผล่ออกมาให้เห็นบางส่วนเท่านั้นกำลังนั่งบนหลังม้าแล้วนำขบวนอยู่ คนๆนั้นก็คือ ฮันซี่นั่นเอง ส่วนรอบเกวียนของคณะเดินทางก็มีทหารคุ้มกันที่สวมชุดเกราะแบบเดียวกัน แต่สวมหมวกเหล็กไว้ทุกคนต่างจากฮันซี่ที่เปิดใบหน้าให้เห็น กำลังเดินตรวจตราอยู่รอบๆเกวียนที่มีนักเรียนทุกคนนั่งอยู่ข้างใน ในขณะที่เดินทางไปพร้อมกัน

 

ใช่แล้ว ตอนนี้นักเรียนทุกคนกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังแถบชานเมืองเพื่อฝึกฝนการต่อสู้กับมอนสเตอร์นั่นเอง ซึ่งตำแหน่งที่ว่านั่นอยู่ห่างจากตัวเมืองชั้นในเกือบ 30 กิโลเมตรเลยทีเดียว เพราะการใช้ม้าลากเกวียนแบบนี้ แม้จะไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนที่เพิ่งนั่งครั้งแรกเท่าไหร่ แต่เพราะเป็นการเดินทางที่เร็วที่สุดที่สามารถจัดหามาให้ได้ เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนบ่นมากนัก  

          และในเกวียนที่อยู่รั้งท้ายสุดนั้นมีกรและเพื่อนสนิททั้ง 4 คนนั่งอยู่ด้วยกัน ทุกคนสวมชุดเกราะเบาที่ใช้ฝึกก่อนที่จะออกเดินทางอยู่แล้ว เพียงแต่อาวุธไม่ใช่ดาบไม้ในตอนฝึกแต่เป็นดาบเหล็กที่มีความคมกว่ากันมา ทั้ง 5 คนตกลงกันว่าจะมาทีหลังสุดเพื่อให้ได้นั่งแยกตัวออกจากทุกคน เพราะหากทุกคนจัดที่นั่งได้ครบแล้วมีเกวียนเหลือ พวกกรก็จะได้นั่งอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีคนอื่นมานั่งด้วยนั่นเอง ถึงแม้อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวไปบ้างแต่เพราะเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ประกอบกับทัศนคติต่อกรดีขึ้นเล็กน้อย พวกนักเรียนทุกคนเลยไม่ติดใจอะไรกันนัก ส่วนคนที่บอกให้พวกรินทำแบบนั้นก็คือกรนั่นเอง แต่ที่ทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะต้องการปลีกวิเวกหรือต้องการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะกรมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเพื่อนสนิททั้ง 4 โดยที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ต่างหาก

 

〝ทุกคน! อาจจะกะทันหันไปหน่อยแต่ว่า…. ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย〞

〝〝〝〝 !!? 〞〞〞〞

 

            หลังจากที่ทุกคนได้ยินกรพูดตัดเข้าประเด็นสำคัญด้วยสีหน้าจริงจังทั้งที่ยังเดินทางอยู่ ทุกคนก็ทำหน้าแปลกใจกัน แต่ปฏิกิริยาของชาญนั้นดูจะน้อยกว่าทุกคน เพราะดูเหมือนชาญจะรู้เจตนาของกรตั้งแต่ที่บอกให้แยกออกจากทุกคนระหว่างเดินทางแล้ว  แล้วชาญก็ขยับแว่นตาให้ตรงเลนส์พลางถามขึ้นมาเพื่อความแน่ใจ

 

〝เรื่องอะไรงั้นเหรอ? เรื่องของพวกนักเรียนผู้กล้าทุกคน หรือว่า…..เรื่องของพวกเรา?〞

〝ทั้งสองอย่างนั่นแหละ…  แล้วก็เรื่องที่ฉันเล่านี่อาจจะฟังดูบ้าบอ  แต่ช่วยฟังเรื่องความฝันของฉันเมื่อคืนหน่อยจะได้รึเปล่า?〞

〝ความฝันงั้นเหรอ?〞

〝ใช่….  รู้รึเปล่าเพราะมีสุดยอดการประมวลผลฉันเลยสามารถแยกสิ่งที่สมองปรุงแต่งขึ้นมากับการจัดระเบียบความทรงจำขณะที่ฝันได้ เลยสามารถแยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฝันได้ว่าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงหรือเป็นเรื่องที่คิดไปเอง… แต่ว่าเมื่อวาน ฉันก็ฝันถึงตอนที่เราไปเที่ยวเล่นในป่าตอนฤดูร้อนนั่น แล้วก็ไปเล่นไล่จับตรงเนินแถวๆนั้นหน่ะ จำได้รึเปล่า?〞

〝อื้ม  จำได้สิ….  ที่เราทุกคนนับเลขต่อกันนั่นสินะ….〞

 

          หลังจากที่ตอบคำถามของชาญแล้วพูดเชิงขอความเห็นกับทุกคนไป อลิซก็ถามกรกลับ แล้วพอกรอธิบายความฝันของตัวเองให้ฟัง โชตก็ถามกรกลับมาอีก เพราะทั้งอลิซและโชตถามกรด้วยเสียงที่เหมือนกับรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว เลยทำให้กรรู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเล่าความฝันของตัวเองต่อไป..

 

〝ชะ…ใช่แล้ว  แต่ว่าตอนที่นับเลขอยู่นั่นก็….〞

〝ก็มีเสียงของคนสองคนที่ไม่น่าจะมีอยู่  ขึ้นมาล่ะสินะ〞

〝!!?〞

          แล้วชาญก็พูดเรื่องที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมา นั่นทำให้กรตกใจกับคำพูดดักทางนั่นมากเลยทีเดียว

 

〝ชะ  ชาญ!  โกหกน่า!! ทำไม่ถึงรู้เรื่องในความฝันของฉัน….〞

〝ถ้าบอกว่า  ฉันเองก็ฝันแบบเดียวกันเนี่ย จะเชื่อรึเปล่า?〞

〝!!?〞

 

          แล้วกรที่ได้รับคำตอบที่ไม่คาดคิดจากชาญกลับมา ก็มีเรื่องให้ตกใจเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็กลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว  และพอหันไปมองริน โชตและอลิซที่นั่งฟังอยู่ก็ทำให้นึกถึงปฏิกิริยาของทุกคนที่ไม่ค่อยตกใจกับเรื่องความฝันที่ตัวเองเล่าซักเท่าไหร่ เลยทำให้เกิดความคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้ขึ้นมาอย่างนึง แล้วก็เอ่ยถามทุกคนออกไปด้วยอาการกล้าๆกลัวๆ

 

〝ระ หรือว่า!!!  ทุกคนเองก็ฝันแบบเดียวกันงั้นเหรอ!?〞

〝……..อืม〞

          แล้วทุกคนก็ตอบออกมาแบบนั้นพร้อมกันเบาๆ

 

โกหกน่า ทำไมทุกคนถึงฝันแบบเดียวกันหมด  นี่มันเรื่องตลกบ้าอะไรกันเนี่ย?

อ๊ะ! แต่เดี๋ยวก่อน…

 

〝ละ แล้วทุกคน  รู้รึเปล่าว่าเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง 2 คนนั้นเป็นใคร…〞

〝ก็….พอจะจำหน้าได้บ้างอยู่หรอก  แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร〞

〝ผมเองก็เหมือนกัน…  แล้วรินหล่ะ?〞

〝ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน….  แต่ไม่รู้ทำไม…พอนึกถึงใบหน้าของสองคนนั้น  ฉันถึง…รู้สึกคิดถึงแปลกๆ〞

 

          พอกรถามออกไปแบบนั้น โชต ชาญและรินก็ตอบกลับมาแบบเดียวกัน  เพราะกรมีสุดยอดการประมวลผลเลยทำให้ความทรงจำของตัวเองดีกว่าคนทั่วไป เพราะงั้นทุกคนเลยอาจจะจำเรื่องของ 2 คนนั้นไม่ได้ ขณะที่กรคิดแบบนั้นก็สังเกตท่าทางแปลกๆของอลิซได้

 

〝…………〞

〝อลิซ?〞

〝ชะ…ฉันรู้จัก! เด็กผู้ชายผมสีบลอนด์ทองคนนั้น…. มะ…ไม่สิ… เด็กที่ชื่อ『ศร』นั่น  ฉันคิดว่าเป็น…. น้องชายของฉันเอง!!!〞

 

ถูกต้องตามนั้นเลย…

 

          ความทรงจำของกรเกี่ยวกับทั้ง 2 คนนั้นกลับมาหมดแล้ว เพราะอย่างนั้นเลยทำให้รู้ตัวจริงของทั้งสองคนนั้นอยู่ก่อนแล้ว เด็กผู้ชายผมสีบลอนด์ทองเข้มในฝันนั้นคือ『ไกรศร  ศิริการกุล』 เด็กคนนั้นเป็นน้องชายจริงๆของอลิซ  ส่วนเด็กผู้หญิงผมยาวสีดำที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่มคนนั้นก็คือ『มาริสา  วัชรวิรุฬห์』 พี่สาวแท้ๆของเขานั่นเอง แม้กรจะรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้บอกทุกคนไป ทั้งนี้เป็นเพราะกรอยากพิสูจน์ว่าทุกคนจำเรื่องของทั้งสองคนนั้นได้รึเปล่า แล้วอลิซก็ตอบข้อสงสัยของกรได้ เลยทำให้กรมีข้อสันนิษฐานมากมายผุดขึ้นมาในหัว

 

ดูเหมือนโชต ชาญและรินจะจำ『ศร』กับ『พี่มารี』ไม่ได้  แต่ว่าอลิซกลับยังจำศรที่เป็นน้องชายของตัวเองได้อยู่  นี่มันหมายความว่ายังไงเนี่ย?

ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีใครจำได้ด้วยซ้ำ…  แต่ดูเหมือนคนที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดแบบอลิซก็ยังจำได้อยู่แฮะ….  ถ้างั้นเธอคงจะไม่รู้จักพี่มารีละมั้ง

 

〝อลิซ…  แล้วรู้จักเด็กผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า?〞

〝เอ่อ ไม่นะ ถึงจะรู้สึกคุ้นเคยก็จริง แต่จำไม่ได้เลยหล่ะว่าเป็นใคร… ทำไมงั้นเหรอ?〞

          แล้วอลิซก็ตอบคำถามของกรพลางเอียงคอไปทางซ้ายเล็กน้อย

 

อืม… งั้นก็ชัดแล้วหล่ะนะ  ถ้างั้นก็ไม่เกี่ยวกับสุดยอดการประมวลผล…. แต่ฉันก็ยังจำเรื่องของศรได้อยู่เลยนี่นา…  งั้นคงเป็นแค่ฉันคนเดียวละมั้ง

แล้วหลังจากนั้น กรก็เล่าเรื่องของมาริสา พี่สาวแท้ๆของตนให้ทุกคนฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องของศรกับอลิซ  ซึ่งปรากฏว่าข้อมูลทุกอย่างตรงกัน แต่จากที่เล่าไปก็ไม่มีทีท่าว่าทุกคนจะจำได้ขึ้นมาเลย

 

〝สรุปก็คือ… นายจะบอกว่าทั้งสองคนที่พวกเราฝันถึงนั่นมีตัวตนอยู่จริง และทั้ง 2 คนนั้นก็เป็นพี่น้องของนายกับอลิซสินะ…  นี่ผมเข้าใจถูกรึเปล่า?〞

〝อืม… ก็ตามนั้นแหละ〞

〝ก็… ถึงจะฟังดูน่าเชื่อถือก็เถอะนะ  แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับพวกนักเรียนทุกคนด้วยงั้นเหรอ?〞

〝อืม…. คืองี้นะ ชาญ นายยังจำคำพูดของพระราชาในตอนที่โน้มน้าวเราได้อยู่รึเปล่า?〞

〝คำพูด?〞

〝ใช่… ที่บอกว่า〖เราไม่อาจปล่อยให้พวกท่านไปเผชิญหน้ากับศัตรูในสงครามทั้งที่ยังไม่เคยจับอาวุธมาก่อนได้หรอก〗นั่นแหล่ะ〞

〝ไอ้คำพูดนั่นผมเองก็คาใจอยู่เหมือนกัน  แต่ผมก็ตัดสินใจไปแล้วว่าเป็นแค่การคาดเดาส่งเดชของพระราชาเท่านั้นหน่ะนะ〞

〝ตอนแรกฉันเองก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันนั่นแหละ  แล้วก็ยังมีคำพูดของ ไอ้แก่——พระเจ้าที่บอกว่า〖ข้าได้ลบความทรงจำของคนรู้จักพวกเจ้าในโลกเดิม ทั้งพ่อแม่  ญาติพี่น้อง  เพื่อนฝูง ออกหมดแล้ว〗นั่นก็ด้วย  แล้วพอฝันแบบนั้นเข้าไปอีก… นายไม่คิดบ้างเหรอว่าทั้งสามเรื่องมันมีบางอย่างเกี่ยวโยงกันอยู่〞

〝〝〝〝!!!!!!!!!!!〞〞〞〞

 

            เพราะกรที่เผลอเรียกพระเจ้าไปแบบนั้นจึงรีบกลืนคำพูดของตัวเองทันที แล้วในขณะที่กำลังพูดคุยอยู่กับชาญแบบนั้นแค่สองคน คนอื่นๆก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี พอกรบอกว่ามีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น ทุกคนถึงได้ตกใจขึ้นมา

 

〝ระ เรื่องแบบนั้นมันบ้าชัดๆ!!!〞

〝ใช่แล้ว! มันอาจจะฟังดูบ้า…  แต่ฉันคิดว่าความจริงนี้ไม่ผิดแน่นอน ที่จริงแล้วฉันแอบตรวจสอบบทสนทนาของพวกขุนนางตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงก่อนที่จะเดินทางมาแล้วหล่ะนะ…〞

〝ละ แล้วผลลัพธ์หล่ะ?〞

         

ใช่แล้ว… ถ้าฉันคิดดูดีๆซักหน่อยละก็  น่าจะใช้วิธีนี้หาข้อมูลของโลกนี้ได้เร็วกว่านี้แล้วแท้ๆ…  แต่ลึกๆแล้วในใจฉันคงแค่ไม่อยากทำเรื่องยุ่งยากเท่านั้นเอง..  ฉันนี่มันจะประมาทไปถึงไหนกันเนี่ย…

          ดูเหมือนชาญพอจะเข้าใจเรื่องที่กรต้องการจะสื่อแล้ว และคิดว่าเรื่องที่ว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้ เลยตะโกนออกมาแบบนั้น แล้วกรที่กำลังโทษตัวเองแบบนั้นอยู่ในใจพลางตอบคำถามของชาญไปพร้อมกันนั้น ก็ยิ่งทำให้ทุกคนตกใจและลุ้นระทึกกับผลลัพธ์ที่กรตรวจสอบมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

〝เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ… ใช่แล้ว! การอัญเชิญผู้กล้ามาต่างโลกนี่ ครั้งนี้มันไม่ใช่ครั้งแรก! 〞

〝!!!!!!!!!!!〞

          เป็นอย่างที่กรคาด ทุกคนรู้สึกตกใจกันมาก แต่กรก็บอกข้อมูลที่ตนเองรู้ต่อไปอีกโดยไม่ให้ทุกคนหยุดพัก

 

〝และจากที่ฉันตรวจสอบ  รูปแบบการอัญเชิญของพวกเรานั้นเป็นแบบเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกในเวลาเดียวกัน  ดูเหมือนว่าทุกอาณาจักรจะอาศัยการส่งตัวมายังโลกนี้ของพระเจ้านั่นเป็นสื่อเรียกตัวพวกเราด้วยล่ะนะ แต่ฉันไม่เข้าใจหลักการของมันซักนิด  แล้วที่น่าตกใจกว่าก็คือ การอัญเชิญที่ว่านั่นเคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ 2 ครั้งแล้ว… ถ้ารวมครั้งของพวกเราด้วยก็เป็นทั้งหมด 3 ครั้งเลยเชียวหล่ะ〞

          หลังจากบอกไปแบบนั้นทุกคนก็ยิ่งอยู่ในอาการสับสนงุนงงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก…

 

〝ความน่าเชื่อถือของข้อมูลหล่ะกร? 〞

〝ทุกอย่างเป็นความจริงแน่นอน…..〞

〝………….งั้นเหรอ〞

          หลังจากที่ตอบชาญออกไปแบบนั้น บรรยากาศในเกวียนก็เลยดูตึงเครียดขึ้นมา

 

〝แสดงว่ามีคนอื่นอยู่ก่อนแล้วสินะ… จะ จริงสิ! แล้วคนพวกนั้นตอนนี้เป็นยังไงบ้างเหรอ? 〞

〝รู้สึกว่า  ส่วนใหญ่ทุกคนจะอยู่ระหว่างพิชิตดันเจี้ยน ไม่ก็รับตำแหน่งสำคัญในอาณาจักร เช่นเป็นแม่ทัพ หรือพวกทูตอะไรแบบนั้นนั่นแหละ…. 〞

〝งะ งั้นเหรอ  ค่อยยังชั่ว…. 〞

 รินถามกรออกไปแบบนั้น แล้วก็ทำสีหน้าโล่งอกหลังจากได้ยินคำตอบของกร

 

แต่ว่า… ที่ตายไปแล้วหน่ะมีมากกว่าซะอีก…  แต่ฉันคงบอกเรื่องนั้นกับทุกคนในตอนนี้ไม่ได้…

 

〝แล้วจะเอาไงดี… จะบอกทุกคนรึเปล่า?〞

〝ไม่ได้หรอก…  ผมว่าบอกไปมีแต่จะวุ่นวายซะเปล่า แล้วอีกอย่างทุกคนอาจจะไม่เชื่อกันก็ได้ เพราะคนที่รู้ความสามารถของกรมีแค่พวกเรานี่นา…〞

          ส่วนชาญที่ตอบคำถามของโชตไปแทนกร ก็ทำให้โชตที่กำลังครุ่นคิดอยู่ถามกรขึ้นมาอีก

 

〝แล้วกร… นายหน่ะจะทำยังไงต่อไปเหรอ?〞

ชอบถามฉันแบบนี้ซะจริงนะโชตเอ๋ย  แต่เอาเถอะไม่ใช่เรื่องต้องปิดบังกับทุกคนนี่นะ…..

 

〝ตอนที่รู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่ฉันดีใจมากเลยหล่ะ ที่ยังมีครอบครัวหลงเหลืออยู่… เพราะงั้น… ฉันจะออกตามหาพี่มารีให้เจอให้ได้!!!〞

 

ใช่แล้ว…. หลังจากที่คิดทั้งคืน  คำตอบที่ออกมาก็เป็นแบบนั้น…. เพราะพ่อกับแม่เองเสียก็ไปแล้วด้วย เลยทำให้ฉันไม่เหลือครอบครัวอยู่เลย….

แม้ว่าปลายทางของคำตอบอาจเป็นสิ่งโหดร้าย… อย่างร้ายสุดพี่มารีก็อาจจะตายไปแล้ว…ไม่อยากจะคิดถึงกรณีนั้นเท่าไหร่เลยแฮะ…  แต่ในเมื่อเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้อุตส่าห์ปรากฏออกมาทั้งที งั้นฉันก็ต้องวิ่งตามมันให้ถึงที่สุดสิ!

 

〝แล้วเธอหล่ะอลิซ?〞

〝ชะ ฉันเองก็จะตามหาน้องชายด้วยเหมือนกัน!!!〞

 

น่าตกใจจริงๆฉันต้องใช้เวลาคิดทั้งคืนแท้ๆ แต่อลิซดันตอบออกมาแทบจะทันทีเลยแฮะ

 

〝งั้นก็เป็นอันตกลง… ฉันกับอลิซจะตามหาครอบครัวไปพร้อมกับหาทางกลับโลกเดิม  แล้วพวกนายหล่ะจะเอายังไง?〞

 

〝อะไรกันฟะพวกนายเนี่ย…  จนป่านนี้แล้วจะมาเกรงใจกันทำไม!〞

〝ถ้าคิดจะไปกันแค่สองคนละก็  ฉันจะโกรธจริงๆด้วยนะ!!!〞

〝ปล่อยให้ทั้งสองคนไปตามหาเองก็น่าเป็นห่วงซะเปล่าๆ ผมเองก็จะช่วยด้วยเหมือนกัน〞

          แล้วก็เป็นอย่างที่กรคาด โชต รินและชาญตอบกลับมาอย่างไร้ความลังเลในทันที

 

〝ทะ ทุกคน!  ขอบใจมากเลยนะ!!〞

〝อ้ายยย!!!  ทนไม่ไหวแล้ว รักทุกคนที่สุดเลยยยย!!!!!〞

เพราะทุกคนตอบกลับมาแทบจะทันที เลยทำให้กรกับอลิซดีใจมาก อลิซก็ดีใจมากจนถึงกับกระโดดเข้าไปกอดรินจนเกวียนเอียงไปเอียงมาเลยทีเดียว  ต้องขอบคุณอลิซจึงทำให้บรรยากาศกลับมาครึกครื้นสมเป็นการเดินทางอีกครั้ง แล้วทั้ง 5 คนก็เพิ่มเป้าหมายในการตามหาศรและมาริสาลงไปในการเดินทางต่อจากนี้

 

ตื้นตันใจจริงๆแฮะ รู้สึกเสียดายเลยหล่ะที่เจ้าพวกนี้เป็นเพื่อนกับคนอย่างฉัน…  แต่ถึงอย่างงั้นก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่เลยแฮะที่ต้องลากทุกคนไปด้วยเพียงเพื่อความเอาแต่ใจของตัวเองเนี่ย

แต่จะว่าไป…  ยังไม่รู้เหตุผลที่ทุกคนฝันแบบเดียวกันเลยแฮะ… อยากรู้ชะมัดเลยว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกันรึเปล่า… แต่ฉันก็ดันไม่มีคนที่รู้จักคนอื่นซะด้วย …แล้วถ้าจะหาเหตุผลอธิบายในตอนนี้ละก็  มันคงเป็น…. เพราะที่นี่เป็นโลกแฟนตาซีละมั้ง?

ก็แหม… ไม่ว่าจะคิดจนหัวระเบิดขนาดไหนก็ใช้ทฤษฎีของโลกเดิมอธิบายไม่ได้นี่นา… เพราะงั้นตอนนี้ก็ช่างมันก่อนแล้วกัน….

 

〝ชาญ…  ถ้าเกิดฉันไม่สามารถเดินทางไปกับทุกคนได้ละก็  ฝากดูแลเจ้าพวกนี้แทนฉันทีนะ….〞

〝…………..〞

แล้วกรที่คิดว่าบางทีตนอาจจะเป็นตัวถ่วงในการเดินทางไปกับทุกคน จึงได้เพิ่มความเป็นไปได้อย่างนึงให้กับตนเอง นั่นก็คือการออกตามหาพี่สาวตามลำพัง… แม้มันอาจจะทำให้ทุกคนต้องเสียใจและโมโหตนทีหลังก็ตาม แต่ก็จะทำให้ทุกคนตามหาได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า แม้ตัวเองจะต้องโดดเดี่ยวก็ตามที จึงได้กระซิบบอกชาญไปแบบนั้น  แต่ว่า….

 

〝เฮ้อ〜 ให้ตายสิ  อย่าพูดอะไรที่มันเป็นลางแบบนั้นจะได้ไหมเนี่ย…〞

          กรที่พูดแบบนั้นออกไปกลับไม่ได้รู้สึกตัวเลย  ว่าคำพูดของตัวเองนั้นเป็นเดธแฟล็ก(Death Flag)รูปแบบหนึ่ง…

 

❖❖❖❖❖

 

〝เอาหล่ะทุกคน! ก่อนที่จะไปล่ามอนสเตอร์  เรามาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่า อ๊ะ…ส่วนฉันชื่อ『ฮาวลี่』นะ เรียกฉันว่าคุณฮาวได้เลย!〞

 

คนที่กำลังแนะนำตัวอย่างร่าเริงอยู่ต่อหน้ากรกับผู้กล้าคนอื่นอีก 3 คนอยู่นี้เป็นหนึ่งในทหารฝีมือดีในกองอัศวินของฮันซี่นั่นเอง หลังจากที่มาถึงบริเวณที่มีมอนสเตอร์ปรากฏ ทุกกลุ่มก็แยกย้ายกันไป ส่วนฮาวลี่ที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ของกรนั้น ได้เลือกที่ล่าในบริเวณป่าเพราะมีมอนสเตอร์ประเภทที่มือใหม่ล่าได้ง่าย  แล้วในการปะทะกับมอนสเตอร์นั้น ถึงแม้จะเป็นผู้กล้าที่มีสเตตัสสุดโกงอยู่ก็ตาม แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนเป็นอันตรายกับเหล่าผู้กล้าวัยเยาว์ ฮันซี่จึงได้ให้ทหารฝีมือดีในกองของตนรับหน้าที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ให้กับเหล่าผู้กล้านั่นเอง โดยปาร์ตี้หนึ่งจะมีสมาชิก 5 คนรวมทหารที่เป็นหัวหน้า ส่วนสมาชิกผู้กล้าอีก 4 คน ฮันซี่กับพวกเป็นคนจัดให้ด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงความสมดุลและความสามารถของทุกคนให้เข้ากันมากที่สุด เพราะฮันซี่ดูการฝึกฝนของทุกคนอยู่ตลอดเลยทำให้พอมองการเคลื่อนไหวของทุกคนออก จึงสามารถจัดได้อย่างดีนั่นเอง

แต่ที่ฮันซี่ลืมคิดไปก็คือ ความเข้ากันได้ของนิสัยนั่นเอง เพราะเจ้าตัวเป็นคนดิบเถื่อน เลยไม่ละเอียดกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่เพราะเป็นคนเด็ดขาด? จึงมีความน่าเชื่อถืออยู่ เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเถียงสักเท่าไหร่ และเพราะแบบนั้นจึงทำให้กรต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย…

 

〝งั้นก็เริ่มจากนายก็แล้วกัน  บอกแค่ชื่อที่ใช้เรียกก็พอ…  แล้วก็บอกอาชีพมาด้วยหล่ะ!〞

แล้วฮาวลี่ก็ชี้นิ้วมาทางกร

 

〝เอ่อ…  ฉันชื่อกร  ส่วนอาชีพของฉัน เอ่อ…ยังไม่มี〞

〝อ๋อ!?  นายคือคนที่คุณฮันซี่บอกนี่เอง…  เอิ่ม… งั้นเธอก็ไปเป็นคนคุ้มกันให้แนวหลังก็แล้วกัน ฝากด้วยหล่ะ!〞

〝คะ ครับ!〞

 

ก็… กะแล้วหล่ะว่าต้องเป็นแบบนี้…  ก็นะฉันไม่ได้เศร้าอะไรเท่าไหร่หรอก… 

นั่นเพราะฉันในตอนนี้ กำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองมากกว่าต่างหากหล่ะ….

ขณะที่กรกำลังวิตกกังวลกับสมาชิกปาร์ตี้อยู่นั้น การแนะนำก็ผ่านไปเรื่อยๆ…

 

〝ผะ ผมชื่อ『เชษฐ์』ครับ  เป็นจอมเวทย์  ฝากตัวด้วย〞

〝โอ้ว! จอมเวทย์งั้นเหรอ?  งั้นก็ดีเลย เธอไปอยู่แนวกลางก็แล้วกัน คอยโจมตีมอนสเตอร์ตามจังหวะที่ฉันบอกด้วยนะ〞

〝คะ ครับผม〞

 

          เด็กผู้ชายที่ดูไม่มีความมั่นใจในตัวเองคนนี้ ชื่อ『เชษฐ์』เป็นคนตัวเล็ก ที่ไว้ผมทรงกะลาครอบสีดำ หากยังจำได้ เขาคนนี้ก็คือคนที่ชนะในการประลองก่อนหน้าคู่ของรินกับกรนั่นเอง แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่แท้จริงอาจจะซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ก็ได้ กรที่คิดแบบนั้นก็ลิสต์เขาไว้ในรายชื่อคนที่ต้องระวังไปแบบไม่รู้ตัว หน้าตาเองก็อยู่ในเกณฑ์ธรรมดาแบบสุดๆ ส่วนเหตุผลที่เขาตัวเล็กนั่น เป็นเพราะในตอนที่อยู่โลกเดิมเขากำลังศึกษาอยู่ในชั้น ม.2 นั่นเอง

 

〝ฉันชื่อ『ลินดา』เป็นฮีลเลอร์และเอนชานเตอร์…  ฝากตัวด้วยค่ะ〞

〝ใช้ได้ทั้งเวทย์ฟื้นฟูและเวทย์สนับสนุนเลยสินะ อื้ม! ยอดเยี่ยม!  เธอคอยอยู่แนวหลังกับกรละกันนะ〞

〝เข้าใจแล้วค่ะ…〞

 

ส่วนผู้หญิงที่ดูเงียบขรึม แต่มีความมั่นใจแตกต่างจากเด็กผู้ชายเมื่อครู่คนนี้ มีชื่อว่า『ลินดา』เธอคนนี้ไว้ผมทรงบ๊อบสั้น แต่ปล่อยผมด้านหน้าและความยาวเองก็ประมาณบ่าเท่านั้น พอบอกให้ไปอยู่แนวเดียวกับกร เธอก็หันไปหากรพลางพยักหน้าครั้งนึงอย่างเรียบร้อยโดยไม่มีทีท่ารังเกียจ ส่วนกรก็พยักหน้าเล็กน้อยกลับอย่างสุภาพเช่นกัน หน้าตานั้นก็ดูสละสลวยหากเทียบจากเกณฑ์ปกติ  แต่ก็ยังไม่พอหากเทียบกับรินและอลิซที่เป็นไอดอลของโรงเรียน แต่กริยาที่นอบน้อมนั้นก็มากพอจะทดแทนกันได้เลยทีเดียว

 

การจัดสมาชิกปาร์ตี้มีความสมดุลแบบสุดๆ เรื่องนั้นเถียงไม่ออกเลยหล่ะ…

ถ้าไม่นับฉันแล้ว…  ทุกคนก็เป็นจอมเวทย์สายโจมตีกับเวทย์สนับสนุนที่ทำให้ปาร์ตี้มีประสิทธิภาพในการสู้รบดีเยี่ยม… ทหารที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้คนนี้เองก็เป็นแนวหน้าฝีมือดี…

การจัดปาร์ตี้โดยเน้นความสมดุลแบบนี้มันก็ดีอยู่หรอก  แต่ว่านะ….

 

〝เอาหล่ะคนสุดท้าย..แนะนำตัวซะสิ!〞

〝ฉันชื่อ 『เสือ』เป็นนักดาบมนต์ดำ ฝากตัวด้วย!〞

〝นักดาบมนต์ดำเหรอ?〞

〝เป็นนักดาบที่มีเวทย์สายสถานะผิดปกติอยู่หน่ะ〞

〝โอ้ว  งั้นเหรอ! พอดีเลย…งั้นเธอมาเป็นแนวหน้าคู่กับฉันนะ〞

〝คร้าบๆ〞

 

          หลังจากที่เสือแนะนำอาชีพของตัวเองไป เพราะเป็นอาชีพที่ไม่เคยได้ยิน จึงทำให้ฮาวลี่ตกใจเล็กน้อย และถึงเสือจะตอบฮาวลี่กลับไปอย่างหน่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฮาวลี่หงุดหงิดแม้แต่น้อย ดูเหมือนเขาจะเป็นใจกว้างกว่าที่คิด และในขณะเดียวกันกรเองก็กำลังตกใจเล็กน้อยเช่นเดียวกัน หากแต่เป็นคนละความหมายกับฮาวลี่

          ใช่แล้ว… เรื่องที่กรกำลังกังวลอยู่นี้ก็คือ เรื่องที่เสือเป็นสมาชิกปาร์ตี้เดียวกันนั่นเอง แม้ตอนแรกเพื่อนสนิททั้ง 4 ของกรจะค้านหัวชนฝา จนถึงขั้นจะพากันไปขอร้องฮันซี่ให้แก้ไขสมาชิกเลยทีเดียว  แต่เพราะกรห้ามไว้ด้วยเพราะการทำแบบนั้นมันเป็นการข้ามหน้าข้ามตาฮันซี่บวกกับตัวเองจะมีสิทธิพิเศษในการเปลี่ยนปาร์ตี้ตามใจอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะงั้นทั้ง 4 คนเลยไม่มีทางเลือกจึงต้องทำตาม แต่ถึงกรที่เป็นคนพูดแบบนั้นเองก็ยังกังวลกับสถานการณ์แบบนี้อยู่ตั้งแต่ที่สมาชิกถูกประกาศจนถึงตอนนี้เลยทีเดียว

 

อะไรกันฟะไอ้คุณฮันซี่เนี่ย…  จำเรื่องตอนที่ฉันตีกับเสือมันไม่ได้รึไงฟะไอ้ลุงนี่!  ไม่สิ… ไอ้ลุงนี่คงลืมอีกเหมือนเคยนั่นแหละ

เฮ้อ… น่าปวดหัวจริง… อยากดูอนิเมะแก้เซ็งชะมัดยาดเลย

          กรที่ปลงตกจนถึงขั้นหลีกหนีความเป็นจริงไปแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางคิดแบบนั้นอยู่ในใจ

 

❖❖❖❖❖

 

〝ตอนนี้แหล่ะเชษฐ์!  เตรียมใช้เวทย์ไฟกำจัดมันลงซะเลย!!!〞

〝ขะ เข้าใจแล้วครับ คุณฮาว!〞

〝เสือ! เข้าไปโจมตีมันจากทางซ้ายซะ ส่วนฉันจะล่อมันไว้เอง〞

〝เข้าใจแล้ว〞

〝ลินดาก็ใช้เวทย์เพิ่มพลังกายภาพให้กับทุกคนต่อไปแบบนั้นแหล่ะ คอยฟื้นพลังเวทย์ให้เชษฐ์ด้วย! ส่วนกรก็คอยสังเกตการณ์รอบๆ ว่ามีศัตรูเพิ่มเข้ามารึเปล่าด้วยหล่ะ!!! 〞

〝〝ค่ะ/ครับ!!!〞〞

 

      ในตอนนี้ทั้ง 5 คนอันประกอบไปด้วยฮาวลี่ เสือ เชษฐ์ ลินดาและกร กำลังเข้าปะทะกับหมีป่าที่มีชื่อว่า『หมีเนตรเพลิงป่า』อยู่ ขนของมันมีสีน้ำตาลเข้มมันวาว มีอุ้งมือที่มีกรงเล็บแหลมคม ความยาวของเล็บนั่นพอๆกับใบดาบที่ทุกคนมี แต่ความคมของมันนั้นมีมากกว่าโข ดวงตาของมันเป็นสีแดงเพลิงดูน่าเกรงขามประกอบกับขนาดของมันที่สูงกว่า 4 เมตรของมันด้วยแล้ว หากเปรียบให้มันเป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่าของแถบนี้ก็ไม่เกินไปเลย   

หลังจากที่ฮาวลี่สั่งการณ์ไปแบบนั้นทุกคนก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดแม้แต่เสือเองก็ตาม ขณะที่เชษฐ์ใช้เวลาร่ายเวทย์ไฟขั้นกลางอยู่ ฮาวลี่ก็คอยโจมตีหลอกล่อเพื่อเบนความสนใจของมัน ทำให้เสือเข้าประชิดตัวหมีได้อย่างรวดเร็วและใช้ดาบฟันเข้าไปบริเวณสีข้างและหลังของมันได้สำเร็จ

 

〝ทุกคนครับ! เวทย์ของผมเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว!!!〞

〝เข้าใจแล้ว! ทุกคนรีบออกให้ห่างจากตัวหมีนั่นเร็วเข้า! เชษฐ์กำลังจะปล่อยเวทย์แล้ว!〞

〝เอาหล่ะนะครับ!【ไฟเยอร์  สตอร์ม】!!!〞

 

ซู่มมมมมม!!!!!!!!!!!!

โฮรกกกกกก!!!!!!!!!!

 

หลังจากที่ทุกคนออกห่างจากเจ้าหมี  เชษฐ์ก็ปล่อยบอลเพลิงที่มีขนาดเท่าลูกเทนนิสของตัวเองออกไป  หากดูเพียงผิวเผินจะเห็นว่าเชษฐ์นั้นไม่ได้ร่ายเวทย์ก่อน แต่แท้จริงแล้วเขานั้นหน่วงเวทย์ไว้ต่างหาก ซึ่งสกิลหน่วงเวทย์ของเขานี้ก็มีติดตัวมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย และที่เชษฐ์ใช้เวทย์เพลิงกับหมีเนตรเพลิงป่าไปนั้น เป็นเพราะแม้ในชื่อของหมีจะติดคำว่า『เพลิง』อยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เป็นมอนสเตอร์ธาตุไฟแต่อย่างใด ที่เรียกเช่นนั้นเป็นเพราะเรียกจากลักษณะภายนอกที่มีดวงตาคล้ายเปลวเพลิงของเจ้านั่นล้วนๆ และเจ้าหมีที่ว่านั่นกลับเป็นเผ่าสัตว์ป่าที่มีความต้านทานต่อธาตุไฟต่ำ ฮาวลี่จึงให้เชษฐ์โจมตีด้วยเวทย์เพลิงนั่นเอง

แล้วหลังจากที่เจ้าหมีถูกลูกบอลเพลิงลอยเข้าใส่ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อจนยากจะหลบเข้าไป ก็ทำให้มันร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดอยู่ในพายุเพลิงที่หมุนวนรอบตัวมันนานกว่า 2 นาที จนในที่สุดมันก็หมดสภาพและตายไปในที่สุด

 

〝ฟู่〜 เอาหล่ะมันตายสนิทแล้ว ยินดีด้วยพวกเราชนะอีกแล้วหล่ะ!〞

〝นะ นี่เป็นตัวที่เท่าไหร่ แล้วงั้นเหรอครับ〞

〝อืม… รู้สึกว่านี่จะเป็นตัวที่ 14 แล้วนะ  ว่าแต่นี่จะไม่ดีใจกันหน่อยเหรอ?〞

〝ดีใจจนเหนื่อยแล้วหล่ะครับ หะหะห่ะ〞

 

          หลังจากที่การต่อสู้จบลงฮาวลี่ก็ยืนยันในชัยชนะของปาร์ตี้ แต่เพราะเป็นการต่อสู้อย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนอ่อนล้าจนแทบไม่มีแรงจะดีใจกัน แต่สำหรับฮาวลี่นั้นยังร่าเริงอยู่ได้ก็เป็นเพราะเขาเป็นทหารที่ผ่านการฝึกฝนและเอาชีวิตรอดมาแล้วมากมายนั่นเอง แต่หลังจากที่กรตอบฮาวลี่ไปแบบนั้นก็…..

 

〝เฮอะ! ดีใจงั้นเหรอไอ้โอตาคุสวะ?  แกยังไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ!〞

          คนที่ประชดประชันกรอยู่นี่นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสือนั่นเอง

 

เอาจนได้นะเรา…   ทั้งที่ก่อนหน้าก็พยายามทำตัวสงบเสงี่ยมแล้วเชียวนะ… หรือเพราะหมอนี่มันคิดหาเรื่องชวนทะเลาะอยู่แล้วกันฟะ!

แต่ก็จริงของมันนั่นแหล่ะนะ เถียงไม่ออกเลยแฮะ… เพราะงั้นไม่ตอบกลับไปจะดีกว่า

 

〝เฮ้ๆ ไม่เอาน่าทั้งสองคน  อุตส่าห์ได้มาล่าด้วยกัน ดีกันไว้เถอะนะ!〞

〝ชิ!〞

 

          หลังจากที่ฮาวลี่พูดเกลี่ยกล่อมทั้งสองคน เสือก็เดาะลิ้นขึ้นมาเสียงดัง เพราะบรรยากาศเริ่มดูไม่ค่อยดี ลินดาจึงได้เอ่ยถามฮาวลี่ขึ้นมา

 

〝จะว่าไปนะคะคุณฮาว….  ทั้งที่ฆ่ามันไปตั้ง 14 ตัวแล้วแท้ๆ แต่ทำไม『เลือดของหมีเนตรเพลิงป่า』กลับดรอปมาแค่ขวดเดียวเองหล่ะคะ?〞

〝โอ้ ถามได้ดี! ที่เป็นแบบนั้นก็เป็นเพราะว่า มอนสเตอร์นอกดันเจี้ยนนั้นจะอ่อนแอกว่าในดันเจี้ยนหน่ะ เลยทำให้อัตราดรอปต่ำกว่าในดันเจี้ยนมาก แต่ถึงหมีเนตรเพลิงป่าที่เราสู้ด้วยจะไม่ใช่พวกกระจอกก็เถอะ แต่ความแข็งแกร่งของมันก็ยังไม่ถึงครึ่ง ถ้าเทียบกับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนใกล้ๆนี้เลยหล่ะนะ〞

 

          ในตอนแรกนั้น ฮาวลี่คิดจะให้พวกกรฝึกสู้กับพวกหมูป่าเพียงเท่านั้น  แต่เพราะพวกนั้นอ่อนแอเกินไป เพราะตายด้วยการโจมตีครั้งเดียวทุกตัว นั่นทำให้เสือไม่พอใจเป็นอย่างมาก ฮาวลี่จึงได้เลือกเป้าหมายที่มีระดับสูงพอที่จะให้พวกกรฝึกได้นั่นเอง ซึ่งหากเปรียบเทียบความแข็งแกร่งกันแล้ว หมูป่านั้นต้องใช้คน 3 คนในการล้ม ส่วนหมีเนตรเพลิงป่านั้นต้องใช้คนถึง 56 คนในการสู้ด้วยอาวุธครบมือเลยทีเดียว แต่เพราะทุกคนมีฉายา〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙อยู่ ประกอบกับสเตตัสสุดโกงที่มี เลยทำให้ต่อสู้กับหมีได้อย่างสบายๆ ผลก็คือสามารถจัดการหมีเนตรเพลิงไปได้ถึง 14 ตัวในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นเองและผลจากการฝึกเองก็เยี่ยมยอดทีเดียว เพราะทำให้เลเวลของกรเพิ่มขึ้นมาก

 

ก็นะโดยผลลัพธ์แล้ว การจัดปาร์ตี้แบบนี้มันก็ดีจริงๆนั่นแหละ…  ถ้าไม่ติดตรงที่ว่ามาอยู่กับไอ้เสือนี่หน่ะนะ

แต่ฉันก็ไม่อยากบ่นมากซะด้วย… เพราะที่เสือพูดเองนั่นก็เป็นความจริง ที่ฉันทำได้แค่สังเกตการณ์เท่านั้น…  แต่เพราะต่อสู้เป็นปาร์ตี้เลยทำให้ฉันได้ค่าประสบการณ์แบ่งมาเท่าๆกันกับของทุกคน เรานี่เหมือนปลิงเลยแฮะ…

ส่วนสกิลของทุกคนนั้นไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นมา รวมถึงของฉันด้วย  ส่วนสเตตัสของฉันตอนนี้ก็ราวๆนี้นี่แหล่ะ

 

 

     ข้อมูลสเตตัส

『อุษณกร  วัชรวิรุฬห์ 』เพศ  ชาย   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  มนุษย์  

อาชีพ                 ว่าง                    เลเวล     12

ฉายา     〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙

《พลังโจมตี》                  160                        《พลังป้องกัน》                       139

《พลังเวทย์》                     97                       《ความต้านทานเวทย์》              139

《ความว่องไว》               118                        《พละกำลัง》                       160

 

 

เพิ่มขึ้นมาเยอะเลยใช่ไหมล่า!  ก็นะ ถ้าเทียบกับตอนแรกเนี่ยเก่งขึ้นแบบสุดเลยหล่ะ  ฉันเองยังรู้สึกได้เลยว่าเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น….  แต่ว่าตัวฉันกลับไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่เลย… 

ทำไมงั้นเหรอ?  ก็ลองดูสเตตัสของไอ้เสือมันสิแล้วจะรู้…

 

     ข้อมูลสเตตัส

『กฤษณะ  ฤทธิ์เดชา 』เพศ  ชาย   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  มนุษย์  

อาชีพ       นักดาบมนต์ดำ               เลเวล     10

ฉายา     〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘กษัตริย์ดาบมาร〙

《พลังโจมตี》                  885                       《พลังป้องกัน》                       773

《พลังเวทย์》                   941                       《ความต้านทานเวทย์》              829

《ความว่องไว》               773                       《พละกำลัง》                       829

 

นี่มันอะไรกันฟะเนี่ย!!!!

ไอ้หมอนี่เลเวลน้อยกว่าฉันตั้ง 2 เลเวลเลยนะเฟ้ย!  แต่สเตตัสทำไมถึงทิ้งห่างกับฉันเกือบ 8 เท่าเลยเนี่ย?  บัคงั้นเหรอ?  นี่ต้องเป็นบัคแน่ๆ! 

ไหงไอ้พวกนี้ที่โกงอยู่แล้ว มันดันโกงขึ้นเรื่อยๆได้กัน?

 

แล้วทำไมเลเวลของฉันมันถึงได้มากกว่าพวกแกกันล่ะเนี่ย  ฉันแค่ดูอยู่เฉยๆเองนะ  ปกติก็ต้องได้น้อยกว่าคนที่ออกไปสู้ไม่ใช่เหรอ 

ระ..หรือว่า  ค่าประสบการณ์ในการอัพเลเวลจะแตกต่างกัน….  เฮ้ยๆ  ถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่าที่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ค่าประสบการณ์ในการอัพเลเวลมาก ก็เป็นเพราะฉันกระจอกมาตั้งแต่แรกหน่ะสิ 

 

〝เอาหล่ะทุกคน!!! พักกันพอแล้ว ไปล่ามอนสเตอร์แถวๆนี้กันอีกซักหน่อยแล้วค่อยกลับละกัน !〞

〝คะ ครับ〞

〝เข้าใจแล้วค่ะ〞

กรที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยรู้สึกตัวขึ้นมาจากที่ฮาวลี่ตะโกนเรียกเดินทางต่อ จึงลุกขึ้นอย่างหน่ายๆ แล้วเดินตามทั้ง 4 คนในปาร์ตี้ของตัวเองไป แต่ขณะที่ทุกคนลุกขึ้นและกำลังเดินไปล่าต่ออยู่นั่นเอง……

  

วูมมมมมม!!!!!!!!!

          หลังจากเสียงปริศนาดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่าง ก็มีวงเวทย์ขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถครอบคลุมบริเวณใกล้ๆกันได้ทั่วถึง ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับการสั่นสะเทือนบริเวนใต้เท้าของสมาชิกปาร์ตี้ของกรทุกคน

 

〝คะ คุณฮาวลี่นี่มัน!?〞

〝นะ นี่มัน『กับดักดันเจี้ยน』งั้นเหรอ!!? ทำไมถึงมาอยู่แถวนี้ได้กัน!?〞

 

          กรที่ตะโกนออกไปถามฮาวลี่ด้วยอาการร้อนรนก็ต้องตกใจกับคำตอบของเขา อาณาเขตของมันกว้างพอที่จะไม่ให้ทุกคนหนีออกจากมันได้ทัน แม้กรจะรู้ตัวก่อนใครเพราะมีสุดยอดการประมวลผลก็ตาม แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนตั้งตัวไม่ทัน แล้วพอแสงสว่างรอบตัวของกรจางหายไปสมาชิกปาร์ตี้ทุกคนก็หายไปจากบริเวณนั้นพร้อมกัน

 

❖❖❖❖❖

 

ที่นี่มัน!?…..

          หลังจากสมาชิกในปาร์ตี้อันประกอบไปด้วยฮาวลี่ เสือ เชษฐ์ ลินดาและกรถูกกับดักดันเจี้ยนวาร์ปมายังสถานที่ที่ไม่เคยเห็น กรก็เอ่ยถามกับตัวเองออกมาเบาๆ  ในตอนนี้ทั้ง 5 คนถูกวาร์ปมาอยู่บนทางเดินที่เป็นดินแต่ไม่ทราบส่วนประกอบ เป็นทางทอดยาวไปจนสุดสายตาที่มีแต่ความมืดมิด และตลอดทางก็มีกำแพงหินอยู่ตลอดแนวทั้งสองข้างทาง ด้านบนก็เป็นหลังคาปิดที่คาดว่ามีส่วนประกอบเป็นดินเช่นเดียวกันกับพื้น แม้จะไม่มีต้นกำเนิดของแสงเช่นคบเพลิงเลยซักนิด แต่บริเวณที่อยู่โดยรอบกลับมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนข้างนอกไม่มีผิด

 

ทุกคนยังอยู่กันครบเลยแฮะ…  ก็ยังดีที่ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะ

ว่าแต่… เป็นที่ๆแปลกชะมัดเลย  ทั้งที่รอบๆก็เป็นกำแพงหินปิดตายแท้ๆ แต่ทำไมขอบเขตการมองถึงได้กว้างแบบนี้เนี่ย

 

แล้วก็รู้สึกหลอนชะมัด…   มีเสียงคล้ายๆฝีเท้าอยู่รอบๆเต็มไปหมดเลย

แต่ว่าไอ้บรรยากาศที่น่าคุ้นเคยนี่มันอะไรกันเนี่ย…  ทั้งที่ไม่เคยมาที่แบบนี้มาก่อนแท้ๆเชียว…

 

〝คะ คุณฮาวลี่ นะ นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับเนี่ย  ละ แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน!?〞

          ในขณะที่กรกำลังคิดหาเหตุผลของถสานการณ์นี้อยู่ เชษฐ์ที่กระวนกระวายกับสถานการณ์ตรงหน้าแบบสุดๆ ก็ได้เอ่ยถามฮาวลี่ขึ้นมา แต่หากกรได้ฟังคำตอบ ก็จะเข้าใจได้ในทันทีว่าความคุ้นเคยของเขามาจากเกม RPG สมัยก่อนที่เขาเล่นบ่อยๆนั่นเอง

 

〝นะ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!!!! โกหก….นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ〞

          ฮาวลี่ที่ตะโกนแบบนั้นออกมา ทำให้เชษฐ์ตกใจมากเลยทีเดียว ทั้งที่ปกติเขาเป็นคนร่าเริงแท้ๆ แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้กลับทำให้ทหารฝีมือดีเช่นเขาแสดงอาการหวาดกลัวออกมาได้

 

〝ทะ ทุกคน  ใจเย็นๆแล้วก็ฟังให้ดีนะ!!!〞

〝คะ คุณฮาวลี่!?〞

 

          ดูเหมือนฮาวลี่จะใจเย็นลงแล้ว?  เพราะตัวเขาตอนนี้เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ จึงต้องเยือกเย็นและเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์เสมอ เพื่อไม่ให้สมาชิกที่เหลือเสียขวัญและกำลังใจ การกระทำของเขาจึงเป็นสิ่งที่ควรทำและน่ายกย่อง  แต่พอเชษฐ์ถามออกมาแบบนั้น เขากลับกลืนน้ำลาย〝เอื๊อก〞เสียงดัง ก่อนที่จะบอกกล่าวทุกคน เลยทำให้ดูเหมือนเขาจะตกใจมากไปหน่อย แต่พอได้ยินคำตอบของเขา ก็พอจะรู้ถึงเรื่องอันตรายที่เขากำลังหวาดกลัว นั่นเพราะคำตอบของเขาทำให้ทุกคนตกใจสุดขีดจนแทบจะหมดสติได้เลยทีเดียว

 

ไอ้ที่มีกำแพงตั้งขนาบซ้ายขวาแบบนี้…  ปิดตายแบบนี้….  แต่ดันสว่างแบบนี้…. แล้วก็『กับดักดันเจี้ยน』ที่คุณฮาวพูดถึงก็ด้วย… 

ไม่อยากจะคิดเลยแฮะ…  แต่ว่าถ้าเป็นแบบที่ฉันคิดจริงๆละก็  พวกเราทุกคนได้ซวยกันยกแก๊งแน่ๆ 

ทำไมงั้นเหรอ?  นั่นก็เพราะไอ้แบบเดียวกันกับแบบนี้ที่ฉันเคยเห็นในโลกเดิมหน่ะมันเป็น……

 

〝ตะ ตอนนี้พวกเรา………. ถูกวาร์ปเข้ามาใน『ดันเจี้ยน』เข้าแล้ว——————〞

 

❖❖❖❖❖

Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย,Juti: Cheaters Party
Status: Ongoing
อ่านนิยาย ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)กรถูกส่งไปต่างโลกด้วยสเตตัสกากสุดในโรงเรียน เขาจึงสร้างปาร์ตี้ฮาเร็มสุดแกร่งขึ้นเพื่อทำลายความไร้เหตุผลที่พระเจ้าได้มอบให้กับเขาซะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset