ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย – ตอนที่ 8 การจะลุกขึ้นมายืนหยัดได้ก็มีแต่ต้องใช้ขาของตัวเองเท่านั้น

 

 

มืดสนิท…..

ไม่รู้สึกหนาวซักนิด…..  ไม่รู้สึกว่ามีร่างกายอยู่เลยด้วย….

ความกลัวเอง… ก็หายไปแล้ว?

ความรู้สึกที่มันอธิบายไม่ถูกนี่มันคืออะไร?

 

หรือว่า ที่นี่จะเป็น…..

ไอ้ที่เขาเรียกว่า…….โลกหลังความตาย

 

งั้นเหรอ…..ฉัน  ตายไปแล้วสินะ….

          ตอนนี้กรอยู่ในสภาวะที่ตัวเองไม่เข้าใจ จึงได้มีคำถามมากมายผุดเข้ามาในหัว แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้ผ่านเหตุการณ์อะไรมาก็เข้าใจได้เป็นอย่างแรกเลยว่าตัวเองนั้นได้ตายไปแล้ว

 

พอมาคิดดูแล้ว ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้ทำอีกตั้งเยอะเลยนะเนี่ย….

แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอีกต่อไปแล้วหล่ะ…..

ความรู้สึกอ้างว้างแบบนี้มันก็ดีไปอีกแบบแฮะ…

 

เอาเถอะ….. หายไปอย่างเงียบๆแบบไม่ต้องคิดอะไร ก็ดีเหมือนกันหล่ะนะ….

เพราะเดิมทีตัวฉันก็ไม่มีตัวตนหรืออะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้คนอื่นจดจำอยู่แล้ว… เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้เท่านั้นเอง

 

เพราะงั้นถึงหายไปซะ… ก็ไม่เป็นไรหรอก…

.

.

.

 

【คิดแบบนั้นจริงๆอย่างงั้นเหรอ?】

!!!!!!!!!!!!!!!!

          หลังจากที่กรคิดแบบนั้นพลางกำลังปล่อยให้สติหลุดลอยออกไป ราบกับจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไม่สนอะไรอีกแล้วนั้น  จู่ๆก็มีเสียงของเด็กผู้ชายดังขึ้นมา จากนั้นเขาก็เริ่มมองเห็นร่างกายของตัวเองขึ้น ตอนนี้ทิวทัศน์รอบๆกรนั้นไม่ได้อยู่ในดันเจี้ยน แต่สภาพของกรในตอนนี้เป็นเหมือนกับตอนที่รู้ตัวครั้งสุดท้าย คือ สภาพของตัวเองที่กำลังนั่งเอาหลังพิงกำแพงในสภาพปางตายอยู่นั่นเอง แต่สถานที่กลับไม่ใช่ ความเจ็บปวดก็ไม่มี เห็นได้ชัดเลยว่าทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้เป็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขานั่นเอง แต่กรก็ไม่มีอารมณ์ไปมองหน้าเด็กหนุ่มที่พูดขึ้นมา เลยนั่งก้มหน้าอยู่เหมือนเดิมแล้วตอบกลับออกไปเบาๆ

 

งั้นเหรอ….นี่คือ …สิ่งที่อยู่ในความคิดของฉัน…

ที่เขาเรียกว่าภาพหลอนก่อนตายคืองี้เองสินะ…

【ตอบคำถามของฉันมาสิ?】

          กรที่รู้สภาพของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของเด็กหนุ่มกลับไป ทำให้เขาถามกลับมาอีกครั้ง กรในตอนนี้เองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรอีกแล้ว เขาจึงได้ตอบกลับไปตามตรงโดยที่ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น

 

………ใช่แล้ว

 

【จะยอมตัดใจแล้วงั้นเหรอ?】

ถึงจะไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้หรอก… 

ฉันรู้น่า อีกไม่นานฉันก็จะตายแล้ว  พยายามไปก็เท่านั้นแหล่ะ…

 

【แล้วจะปล่อยให้ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้งั้นรึไง?】

…….ถึงจะเปลี่ยนวิธีถาม แต่ความหมายมันก็เหมือนกับที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอ?

แต่ถึงงั้น คำตอบของฉันก็ยังเหมือนเดิม…

 

【ไม่เจ็บใจงั้นรึไง!?】

……………………….

……ไม่เบื่อรึไงที่ถามคำถามเดิมๆ

แล้วก็ได้แต่คำตอบเดิมๆหน่ะ…

 

【นายหน่ะ!———】

หูหนวกรึไงไอ้หนู…… 

ฉันบอกว่าตอนนี้ฉันไม่สนอะไรอีกแล้วยังไงหล่ะ…

 

【ยังอ่อนแอเหมือนเดิมเลยนะนายเนี่ย  เหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิด】

……………………

 

【ใช่แล้ว เหมือนกับตอนที่เสียคุณพ่อกับคุณแม่ไปไงหล่ะ】

!!!

 

หึๆ! ….เป็นงี้เองหรอกเหรอ

          เพราะเด็กหนุ่มปริศนาพูดออกมาแบบนั้น เลยทำให้กรตกใจเล็กน้อย จึงได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของเด็กหนุ่ม

 

นายคือ….ตัวฉันเองสินะ

【รู้ตัวช้าชะมัดเลย…】

          เด็กหนุ่มที่กำลังพูดอยู่ในความคิดของเขานั่นก็คือ กรในรูปร่างของตนตอนอายุ 10 ขวบนั่นเอง แต่ถึงมีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นมาแบบนี้ ก็ยังไม่ทำให้กรตกใจมากกว่าเดิมเลยซักนิด

 

【นายรู้สภาพของตัวเองตอนนี้รึเปล่า…】

แน่นอนอยู่แล้ว…

….บาดแผลเต็มตัว มีมีดและดาบปักอยู่บนร่างกายรวม 3 เล่ม แขนซ้ายตั้งแต่ที่สูงกว่าข้อศอกราว 3 นิ้ว ก็ขาดสะบั้นออกไปแล้ว สายตาพร่ามัว ชีพจรเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ….

….และกำลังจะตาย

 

【ใช่แล้ว…. นายกำลังจะตาย】

 เพราะงั้นก็เลิกคิดเรื่องยุ่งยาก… แล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่าง——

【จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเหมือนกับตอนนั้นอีกรึไง!?】

 

ตอนนี้มันต่างกับตอนนั้น….  ตอนนั้นฉันยังมีเจ้าพวกนั้น….

แต่ว่า… ตอนนี้ฉันไม่มีโอกาสเหลืออยู่อีกแล้ว…. เพราะตอนนี้ฉันมันลำพังตัวคนเดียวแล้ว…

 

【ก็บอกแล้วไงว่านายมันอ่อนแอ! เหลือตัวคนเดียวแล้วจะทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ!】

ใช่แล้ว… ฉันหน่ะ อ่อนแอ..

มนุษย์ทุกคนมันก็แบบนี้แหละ เพราะอ่อนแอถึงต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวไม่ให้จิตใจพังทลาย เมื่อถึงคราวที่อับจนหนทางและสิ้นหวังอย่างที่สุด….

….ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง แล้วก็พวกความเชื่อที่มองไม่เห็นอย่าง ภูตผี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทวยเทพ

……หรือแม้แต่พระเจ้า

 

ส่วนของฉันกับนายก็คือ เจ้าพวกนั้นยังไงหล่ะ!

….มันจะต่างกันตรงไหนถ้าทั้ง 7 คนไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน

 

ฉันหน่ะรู้ตัวดีอยู่แล้ว…. สายตาของฉันในตอนนี้ คงเหมือนกับตอนที่เสียพ่อแม่ไปเลยใช่ไหมหล่ะ…

ใช่แล้วฉันมันอ่อนแอ….  ฉันมันเป็นไอ้ขี้แพ้….เพราะงั้นมันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้

 

โลกใบนี้… คนที่แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้เหยียบย่ำผู้อ่อนแอ ความยุติธรรมมันก็แค่อุดมคติ  นี่ต่างหากคือความเป็นจริง….

เพราะงั้นก็ยอมแพ้ ……แล้วก็ยอมรับสภาพ——

 

【ใครจะไปสนเรื่องพรรค์นั้นกันเล่า!】

………………

อย่ามาเอาแต่ใจไปหน่อยเลย…..  หัดมองความเป็นจริงซะบ้าง——

 

【ความจริงก็คือ นายที่อยู่ตรงนี้ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่รึไง!】

 

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

 

【ที่กำลังตายหน่ะมันคือจิตใจของนายไม่ใช่เหรอ!!!

ที่กำลังเหือดแห้งอยู่หน่ะคือจิตวิญญานของนายไม่ใช่รึไงกัน!!!!!!】

 

หนวกหูน่าไอ้เด็กบ้า!!!!!

….แกไม่เห็นสถานการณ์ของฉันในตอนนี้รึยังไงกัน!!!!!!!!!!!!!

หยุดพูดเรื่องบ้าๆแบบนี้ซักทีได้แล้วโว้ยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!

          แล้วกรก็ฟิวส์ขาดขึ้นมาในรอบกี่ปีก็ไม่รู้ ถึงแม้เขาจะเคยโกรธ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ตะคอกออกมาอย่างรุนแรงแบบนี้ แม้แต่ตอนที่เสือทรยศเองเขาก็ยังไม่ได้ตะคอกออกมาแบบนี้เลย

 

【ขอพูดอีกครั้ง…. ถึงเป็นแบบนั้นแล้วมันจะทำไม】

นี่… ถึงขนาดนี้แล้วยังจะ——

 

【ฉันเองก็รู้น่า….ว่าสภาพของเราเป็นยังไง  แต่ว่า….ฉัน ไม่สิ…นายจะยอมรับได้งั้นเหรอ!? ชีวิตนี้ที่เราได้รับกลับมาโดยพวกรินหน่ะ  จะให้ทิ้งไปง่ายๆแบบนี้งั้นเหรอ…】

!!!!!!!!!!!!!!!!!

          แล้วกรก็นึกขึ้นมาได้ ถึงเหตุการณ์ในตอนที่เขาถูกพวกเพื่อนๆบังคับให้ออกมาจากห้องแล้วก็พาออกไปข้างนอกทั้งที่ไม่เต็มใจ ในตอนนั้นก็เหมือนกับตอนนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจจะสนอะไรอีกแล้ว ก็เลยปล่อยไปตามสภาพ แต่เพราะเจอแบบนั้นบ่อยๆเข้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่จิตใจที่แตกสลายไปแล้วมันกลับยังรู้สึกอบอุ่นได้ และเมื่อไหร่ไม่รู้ที่มันกลับมารู้สึกอบอุ่นได้อีกครั้ง

 

พอทีเถอะ… ถึงพยายามไปก็เปลี่ยนความจริงตรงหน้าไม่ได้หรอก…

【ใครเป็นคนบอกกันหล่ะว่ามันเปลี่ยนไม่ได้!?】

 

ตัวฉันนี่แหล่ะบอก… ถ้ามันง่ายขนาดนั้นทุกคนก็ทำได้หมดแล้วหน่ะสิ

 

【นั่นคือตรรกะของโลกเดิม… ของคนทั่วไปไม่ใช่พวกเรา!】

หึ… คิดอะไรได้เด็กจริงๆนะนายเนี่ย บ้าชะมัดเลย…

 

【แต่พวกเราในตอนเด็กหน่ะ ก็เคยเป็นไอ้บ้าที่ทำเรื่องที่คนอื่นไม่มีทางทำได้มาแล้วตั้งเยอะไม่ใช่รึไง!】

!!!!!!!!!!!!!

พอมานึกดูแล้ว ก็มีเยอะจริงๆนั่นแหละนะ…

 

ตอนที่ยังเป็นไอ้บ้า…

ฝันล้มๆแล้งๆเรื่องการเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างฮีโร่หน่ะ… ถึงตอนนี้จะยอมแพ้ไปแล้วก็เถอะ…

 

แต่ว่า… ตัวเราในตอนนั้น…

จนถึงตอนนี้ก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามันเท่สุดๆไปเลย…

 

【งั้นไหนๆ ก็จะตายทั้งที… ไม่ลองกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นดูบ้างงั้นเหรอ】

ชีวิต….แบบนั้น

          แล้วกรก็นึกย้อนไปในช่วงสมัยเด็กของตัวเองอีกครั้ง  ตัวเขาในตอนนั้นเดินหน้าไปอย่างแน่วแน่และมั่นคง แต่ก็ยังขาดความระมัดระวัง แต่นั่นก็เพราะเขาเป็นเด็ก แต่ความอ่านของเขาก็สูงกว่าเด็กทั่วไปอยู่นิดหน่อย เพราะเขามีสุดยอดการประมวลผล อายุของจิตวิญญาณเลยดูจะเยอะกว่าวัยพอสมควร นั่นเลยทำให้เขามีความเป็นผู้นำ เป็นที่ยอมรับของกลุ่ม แม้จะเจออุปสรรคที่หนักหนาขนาดไหน เขาก็จะลุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มและมุ่งไปข้างหน้าจนกว่าจะสำเร็จอยู่เสมอ ตัวเขาในตอนนั้นช่างดูเจิดจ้าเสียเหลือเกิน เสียจนตัวเขาในตอนนี้เทียบไม่ติดเลย

 

หึๆ…

ในที่สุดก็รู้แล้ว… ทำไมฉันถึงเป็นไอ้ขี้แพ้ ที่แตกต่างจากตอนเด็กขนาดนั้น…

 

สิ่งที่ฉันหลงลืมไป… ในที่สุดก็นึกออก…

 

【ใช่แล้ว…..เราในตอนนั้น ยังมี『ความกล้า』ไงหล่ะ】

ใช่แล้ว…..เราในตอนนั้น ยังมี『ความกล้า』อยู่สินะ

แล้วทั้งสองคนก็พูดขึ้นมาพร้อมๆกัน ราวกับนัดแนะกันไว้เลยทีเดียว

 

ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ก็จะไม่ยอมแพ้และลุกขึ้นมาสู้กับมันเสมอ….

【ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ก็จะไม่ยอมแพ้และลุกขึ้นมาสู้กับมันเสมอ】

 

ไม่ว่าเข่าจะฟก หรือข้อจะช้ำ แต่ก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ที่จะยืนหยัดขึ้นมา…

【ไม่ว่าเข่าจะฟก หรือข้อจะช้ำ แต่ก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ที่จะยืนหยัดขึ้นมา】

 

แม้จะมีคนที่คอยช่วยฉุดรั้งเราขึ้นมา แต่ยังไงคนที่จะยืนหยัดขึ้นมาได้ก็มีแต่ …ตัวเราเองคนเดียวเท่านั้น

【แม้จะมีคนที่คอยช่วยฉุดรั้งเราขึ้นมา แต่ยังไงคนที่จะยืนหยัดขึ้นมาได้ก็มีแต่ …ตัวเราเองคนเดียวเท่านั้น】

          แล้วทั้งสองคนก็พูดพร้อมกันเป็นจังหวะราวกับทำนองเพลงที่มีคอนดักเตอร์คุมอยู่อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เพราะความคิดในสมัยเด็กเหล่านั้นย้อนกลับมามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตัวตนดั้งเดิมของกรกลับมาได้ในที่สุด แต่ไม่เพียงแค่นั้น เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมามันราวกับจะทำให้กรที่กลับมามีจิตใจกล้าแกร่งดังเดิมแล้ว กลับแข็งแกร่งขึ้นไปอีก…..

 

จะมาถอดใจง่ายๆแบบนี้ไม่ได้สินะ…

【ใช่แล้ว…】

จะมามัวสิ้นหวังอยู่ไม่ได้สินะ…

【ใช่แล้ว…】

จะมามัวหวังลมๆแล้งๆกับความเชื่อไร้สาระไม่ได้แล้วสินะ…

【ใช่แล้ว…】

สิ่งที่จะพึ่งพาได้ก็มีแต่ขาและจิตใจของตัวเองสินะ…

【ใช่แล้วหล่ะ…】

 

 

ตั้งแต่นี้ไป…ฉันจะไม่สิ้นหวัง  จะไม่ทิ้งความหวัง  จะไม่ยอมแพ้  จะไม่หวั่นไหว  จะเชื่อมั่นในจิตใจของตัวเอง  จะไม่เกรงกลัวไอ้หน้าไหนอีกต่อไปแล้ว!!!!!!!!

          ความคิดที่หนักแน่นและรุนแรงของกรนี้ทำให้จิตใจที่แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยของกรได้กลับมาปิดสนิทแล้ว ราวกับว่าจิตใจที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้สั่นคลอนหรือทำให้เกิดรอยร้าวได้อีกเป็นครั้งที่สองยังไงอย่างงั้น

 

ฉันยังเหลือความกล้านี้อยู่!!!!!! 

จิตวิญญาณก็กำลังคุกรุ่นอยู่!!!!!!!

ร่างกายเองก็ยังร้อนแรงอยู่!!!!!! 

 

ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ… ก็มีแต่ต้องก้าวต่อไปจนกว่าจะตายเท่านั้น เพราะงั้นนี่ไม่ใช่เวลาจะมายอมรับความตายที่ยังมาไม่ถึง!!!

 

เพราะฉะนั้น!!!! ฉันจะต้องมีชีวิตรอด…..  เพราะว่าตัวฉันในตอนนี้…..

 

 

 

ยังคงมีชีวิตอยู่…..

ยังไงละโว้ยยยย!!!!!!!!!!!!!

 

❖❖❖❖❖

 

กึก!

          นิ้วมือของกรกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าจิตวิญญาณอันลุกโชนที่กำลังเผาไหม้ภายในจิตใจของเขากลับมาพร้อมกับสติที่ชัดเจนยิ่งกว่าเดิมแล้ว ไม่สิ… สติของกรในตอนนี้นั้นชัดเจนยิ่งก่อนหน้าจะบาดเจ็บอย่างเทียบไม่ติดเลยต่างหาก

          ภาพของมอนสเตอร์ทั้ง 6 ตัว สะท้อนอยู่ในดวงตาที่กำลังสะท้อนแสงราวกับอัญมณีของกร พวกมันห่างออกไปเพียง 2 เมตรเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่า เหตุการณ์สมมติที่เกิดขึ้นในหัวของกรเมื่อครู่นั้นผ่านไปเพียงไม่นานในเวลาจริง กรจึงแอบขอบคุณตัวเองในจินตนาการอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเกินความจำเป็น

 

แค่ก!—— ฟู่  ฮ่า——

          กรสำลักเลือดที่ท่วมปอดออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะหายใจเข้า-ออกลึกๆหนึ่งครั้งโดยเมินอาการน้ำท่วมปอดนั้นไปชั่วคราว เพื่อให้สติของตัวเองกลับมาสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง ก่อนจะถุยเลือดในปากออกเพื่อเพิ่มสัมผัสไปที่จุดอื่นแทน แล้วก็…

 

〝ย้าาาาาาาาาาาก!!!!!!!!!!!!!〞

            กรกู่ร้องออกมาอย่างรุนแรงจากก้นบึ้งของจิตวิญญาณ เพื่อบอกกับโลกใบนี้ฉันยังมีชีวิตอยู่ ผลลัพธ์ทำให้มอนสเตอร์ทุกตัวหันมาสนใจมากกว่าเดิม แต่มันยังไม่ได้เข้าหากร

 

          ดวงตาสีดำของกรในตอนนี้แฝงไปด้วยเปลวไฟสีทองแห่งความกล้าหาญดังเช่นตัวเขาในวัยเด็ก… ดังเช่นตัวเขาที่ปรารถนาจะเป็นฮีโร่มาตลอด…

ใช่… ความกล้าของเขาได้กลับคืนมาสู่จิตวิญญาณของเขาแล้ว!

         

          ผลลัพธ์ของการพลังใจมหาศาลนั่น ทำให้ความสามารถในการเร่งการประมวลผลของสมองและลับคมประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของกรพุ่งขึ้นสูงจนถึงจุดที่ตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อ  จนกรในตอนนี้เรียกได้ว่าก้าวข้ามสัมผัสที่เป็นไปได้ของมนุษย์ทั้งมวลไปแล้ว

 

เวลารอบตัวช้าลงมากจนแยกความต่างไม่ออก แต่เพราะมีสุดยอดการประมวลผลเลยแยกความแตกต่างเล็กๆน้อยๆได้สบาย และในตอนนี้แม้จะเสียเลือดไปมาก แต่สัมผัสก็ยังคงอยู่ แม้สายตาจะพร่ามัวลงเล็กน้อย แต่ก็ใช้หูในการรับสัมผัสทดแทนกันได้ กรในตอนนี้สามารถใช้ความสามารถพิเศษของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดจนตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อ

หากจะถามว่าสุดยอดขนาดไหน ก็ต้องบอกว่ากรในตอนนี้สามารถรู้จำนวนเศษฝุ่นและจุลินทรีย์เล็กๆที่ลอยปะปนอยู่ในอากาศและบริเวณโดยรอบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งยังสังเกตการณ์ทั้งหมดนั่นที่มีจำนวนมากมายมหาศาลนั่น ได้พร้อมกันอย่างทั่วถึงและไม่มีตกหล่นในเวลาเดียวกันได้สบายๆ ราวกับตัวเขาเป็นผู้คุมกฎของสถานที่แห่งนี้ด้วยพลังเหนือมนุษย์ไปแล้วยังไงอย่างงั้นเลย

 

ฉัน…..ยังพอขยับได้อยู่

เวลาของเราเหลืออีกไม่มากแล้วซะด้วย….

 

เพราะงั้น ตอนนี้ก็ต้อง…..  จัดการไอ้พวกเวรนั่นซะ!!!

แล้วหลังจากที่เขากำลังคำนวณหาวิธีพิชิตกลุ่มมอนสเตอร์ทั้ง 6 ที่จัดการเขาจนโทรมอยู่ แล้วพอได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเขาก็เริ่มปฏิบัติการณ์ในทันที

 

ชึบ! ชึบ!

ทันทีที่ดึงมีดและดาบซึ่งปักอยู่ที่หน้าอกและท้องน้อยออกจากร่างของตัวเอง เลือดจำนวนมากก็พวยพุ่งออกมาจากบาดแผล และนั่นควรจะทำให้กรถึงแก่ความตายในทันทีที่ปากแผลเปิด ซึ่งความจริงแล้วมันควรจะเป็นแบบนั้น…

เพียงแต่บาดแผลทั้งหมดของกร กลับกำลังสมานตัวกันด้วยความเร็วที่ผิดมนุษย์มนา… ปากแผลขนาดใหญ่บริเวณแขนซ้ายของกร ทั้งเส้นเลือดใหญ่และกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดกำลังปิดสนิท ส่วนบาดแผลที่บริเวณหน้าอก ท้องน้อยและต้นขาของเขาเองก็เริ่มสมานตัวเช่นกัน… บาดแผลฉกรรจ์ทั้งหมดเริ่มรักษาตัวเองในสถานการณ์ที่กรกำลังจะตาย… พร้อมทั้งกล้ามเนื้อทั่วร่างยังแข็งแกร่งขึ้นในเวลาอันสั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ตามหลักแล้วมันเป็นไปไม่ได้… เพียงแต่กรในตอนนี้หาได้ตระหนักถึงเหตุผลและความจริงตรงจุดนี้ไม่ เพราะภาพที่สะท้อนในดวงตาและเสียงที่ดังกึกก้องในกะโหลกของเขา ทำให้กรถูกชักจูงการกระทำไปในทิศทางเดียวเท่านั้น

นั่นคือ การสังหารมอนสเตอร์ทั้ง 6 ที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพนี้เพียงเท่านั้นเอง…

 

กรทำการคาบมีดสั้นไว้ที่ปากเป็นอันดับแรก และนำดาบของลิซาร์ดแมนที่มีรูปร่างแปลกๆ เล่มนึงมาถือไว้ที่มือขวาที่เหลืออยู่ แต่เพราะน้ำหนักของมันมีมากเกินกว่าสเตตัสของกรจะถือไหว ปลายดาบของลิซาร์ดแมนจึงได้กระแทกและปักลงตั้งฉากกับพื้น พอมานึกดูแล้วกรที่ล้มลงแทบจะทันทีหลังโดนดาบทั้ง 2 เล่มของลิซาร์ดแมนเสียบเข้าไปก็เข้าใจเหตุผลนั้นได้ในทันที และดูเหมือนความคมของมันจะไม่พอที่จะทำลายพื้นที่ในดันเจี้ยน มันเลยทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาแทน

 

กี้ๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!

 

โอ๊ะโอ๋….หันมาสนใจฉันแล้วสินะเนี่ย แล้วที่ชิ่งไปก่อนหน้านี้มันหมายความว่าไงกันวะ!

 

ชึบ!   แกร๊ง!!

       ดูเหมือนพวกมอนสเตอร์จะรู้ตัวเพราะเสียงดาบกระทบพื้นนั่น แต่กรก็ยังพูดได้อย่างสบายๆ ก่อนที่จะดึงดาบด้ามที่แทงต้นขาออกมาแล้วโยนมันลงจนกระแทกกับพื้นอีกครั้ง เพราะแขนซ้ายขาดไปแล้ว อาวุธที่ใช้ได้จึงถูกจำกัดลงเหลือแค่ 2 อย่างเท่านั้น

 

ตึงๆๆๆๆๆ!!!

 

ต้องแบบนี้สิ  ไอ้พวกที่ชนะแล้วเผ่นหน่ะ… มันต้องมาเจอกับฉันโว้ยยย!!!

       กรคิดแบบนั้นอยู่ในใจในขณะที่มองดูภาพตรงหน้า และไม่รอช้า  กลุ่มมอนสเตอร์ก็กรูกันเข้ามายังตำแหน่งที่กรอยู่อย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าหนักๆของมันยังคงดังไม่เปลี่ยน นั่นทำให้กรเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังคงพูดได้อย่างสบายๆเช่นเคย นั่นก็เพราะจนถึงตอนนี้ทุกอย่างยังอยู่ในการคาดการณ์ของเขานั่นเอง

 

ดีหล่ะ! ไอ้พวกเวรนั่นพุ่งเข้ามาแบบที่คิดไว้เลย

ขั้นแรกสำเร็จด้วยดี  งั้นต่อไปก็…  เริ่มขั้นตอนที่สองต่อได้!

          หลังจากที่คิดแบบนั้นในเสี้ยวของเสี้ยววินาที กรก็ยกด้ามดาบขึ้นมาทั้งที่ปลายดาบยังยกขึ้นมาจากพื้นไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แลัวจากนั้น….

 

เข้ามาสิไอ้มอนสเตอร์เวรตะไล เดี๋ยวจะเอาคืนแบบทบต้นทบดอกเลยคอยดูเซ่!!!

          แล้วกรตะโกนแบบนั้นออกมาทางสายตาไปยังกลุ่มมอนสเตอร์ ก่อนที่จะวิ่งออกไปทั้งที่เอาดาบครูดพื้นไปด้วย

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง… ดูเหมือนแม้กรจะยกดาบขึ้นได้เพียงเล็กน้อยจากที่ยกไม่ได้เลยซักนิด แต่การวิ่งเพื่อใช้แรงส่งก็ยังพอทำได้อยู่ และแม้ตอนนี้บาดแผลจะเต็มตัวอยู่ก็ตามแต่ก็ยังออกแรงได้อย่างไร้กังวล เพราะตอนนี้ไม่เพียงแค่ขยายขอบเขตความสามารถของตัวเองออกไปได้ถึงขั้นสุดยอด ตอนนี้กรยังสามารถควบคุมระบบประสาทและสมองทุกส่วนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้การระงับความเจ็บปวดนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย ทั้งการที่หลั่งอะดรีนาลีนออกมามากกว่าปกติมากมายจากการสั่งการด้วยจิตใต้สำนึกล้วนๆ ยังทำให้ความสามารถทางร่างกายอันเหนือมนุษย์ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวกรสำแดงเดชออกมาอีก

 

ชึบ!

          แล้วกรก็หยุดวิ่งกะทันหันแล้วก็พุ่งหลบไปทางซ้ายแล้วก็หยุดอยู่กับที่อย่างมั่นคง แล้วจากนั้นก็ปล่อยให้ดาบที่ถูกเขาจับมายังคงพุ่งไปข้างหน้าเพราะแรงเฉื่อย พอดาบไปข้างหน้าจนสุดเขาก็เคลื่อนไหวเป็นวงกลมจากทางซ้ายเมื่อครู่วาดเป็นวงกลมไปทางขวา แล้วก็ซ้าย ขวาแล้วก็ซ้าย จนตอนนี้ เขากำลังอยู่ในท่าที่กำลังกุมด้ามดาบแล้วแกว่งดาบเป็นวงกลมอยู่ในที่สุด

 

โอ้ววววววว!!!!!!!!!!!!!!!

กรตะโกนแบบนั้นอยู่ในใจ ก่อนที่จะปล่อยดาบที่สะสมพลังงานจากการแกว่งเป็นวงกลมนั่น ไปยังพื้นตรงที่ก็อบลินกำลังจะวิ่งมาโดยกะจังหวะว่าจะให้โดนขาของมันพอดี แต่ว่า…

 

ตู้มมมม!!!!!!!

          เสียงที่เกิดจากใบดาบกระแทกกับพื้นดันเจี้ยนเข้าอย่างจัง จนใบดาบฝังเข้าไปเล็กน้อยพอที่จะไม่ล้มลงมาและทำมุมเกือบ 45 องศาจากพื้นดิน นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการขว้างดาบของเขาออกไปนั้นไม่โดนตัวของก็อบลินที่ว่าเลยแม้แต่น้อย ส่วนก็อบลินตัวที่ว่าหลังจากสัมผัสได้ว่ามีอาวุธถูกขว้างมามันก็กระโดดขึ้นสูงราวๆศีรษะของมนุษย์เยื้องไปทางขวา

 

อย่างที่คิด… หลบได้จริงๆสินะ  แต่ว่านี่แหล่ะที่ฉันเล็งไว้!

 

ฟิ้ว!!!

       หลังจากที่กรคิดแบบนั้น ก็ถีบพื้นแล้วดีดตัวทะยานผ่านสายลมออกไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากเดิมโข ก่อนที่จะนำมีดสั้นที่คาบไว้ในปากมาใช้มือขวาในการถือแทน แล้วจากนั้น…

 

สวบ!!!

ก๊าซซซซซ!!!!!!!!!!

      กรพุ่งเข้าไปในกลุ่มมอนสเตอร์ทั้ง 6 ที่กำลังวิ่งเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็ว แล้วก็ใช้มีดสั้นที่อยู่ในมือขวาแทงเข้าไปที่ตาซ้ายของเจ้าก็อบลินจนมิดด้าม หลังจากก็อบลินส่งเสียงครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด กรก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอย จึงใช้แรงที่พุ่งเข้ามาในตอนแรกดันก็อบลินออกไปอีก จนกระทั่งเขาและเจ้าก็อบลินออกไปข้างหลังกลุ่มมอนสเตอร์ที่เหลือทั้ง 5 ตัวที่พุ่งเข้ามาหาเขาอยู่นั้นเกือบประมาณ 10 เมตรเลยทีเดียว

 

〝อะไรกัน ไม่เห็นต้องมองฉันแบบนั้นเลยนี่นา! ฉันก็แค่เอาของมาคืนเท่า….นั้นเองงงง!!!!〞

ฉั๊ว!!!

ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!

          แล้วไม่รอช้าก็รีบดึงดาบสั้นนั้นออกมาแล้วตัดเส้นเอ็นข้อมือและข้อเท้าของก็อบลินเสียจนมันร้องอย่างน่าเวทนา แต่นั่นก็ทำให้มันขัดขืนกรไม่ได้ แล้วกรก็โยนมันลงที่พื้นพลางแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้เช่นกัน แล้วจากนั้น….

 

 

ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!!

ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!! ฉั๊ว!!!

 

          กรก็กระหน่ำใช้มีดสั้นระดมฟันก็อบลินไปทั่วทั้งร่างอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะเวลาเองก็เหลือน้อยเต็มที ทั้งสภาพร่างกายของเขาแล้วก็มอนสเตอร์กลุ่มหลักที่กำลังเข้ามาด้วย จึงไม่มีเวลาให้ลังเลแม้เพียงเสี้ยววินาที ดังนั้นจะเสียเวลาทำดาเมจไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เขาคิดแบบนั้นพลางเอามีดสั้นฟันต่อไปเรื่อยๆ เลือดของก็อบลินเองก็กระเด็นมาโดนหน้าของเขาหลายครั้งเสียจนชุ่มไปหมด แต่กรก็ไม่ได้สนใจและยังคงใช้สมาธิไปกับการทำดาเมจอยู่เรื่อยๆ

แม้จะเห็นว่ามันแน่นิ่งไปแล้วประกอบกับใช้สุดยอดการประมวลผลตรวจสอบว่าอวัยวะที่น่าจะสำคัญของมันหยุดทำงานแล้ว แต่เพราะกรนั้นไม่เข้าใจนิยามการตายของสิ่งมีชีวิตในดันเจี้ยนเขาจึงยังฟันมันไม่หยุด จนตอนนี้สภาพของก็อบลินนั้นเละเทะเสียจนดูไม่ออกเสียแล้วว่าเคยเป็นอะไรมาก่อน แต่เสียงๆหนึ่งที่ดังขึ้นมาในหัวของกรอย่างต่อเนื่องก็ทำให้เขาได้สติ…

 

【เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว!———————】

 

เอาหล่ะแค่นี้คงพอแล้วมั้ง…  ขอบใจมากล่ะไอ้ก็อบลิน

แต่ดูเหมือนแม้เลเวลจะอัพ  แต่บาดแผลก็ไม่ได้ฟื้นฟูด้วยเลยแฮะ… โหดชะมัดยาดเลย

 

แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยแผนขั้นที่สองก็สำเร็จลุล่วง… ต่อไปก็…..

         

เพราะมอนสเตอร์ที่กรฆ่าไปนั้นมีความแตกต่างทางด้านสเตตัสและเลเวลมากกว่าโข นั่นทำให้พอกรที่เป็นเลเวล 12 เอาชนะ มอนสเตอร์เลเวล 300 ได้เลเวลถึงได้อัพขึ้นมากมายขนาดนี้ และแน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่เขาเล็งไว้ตั้งแต่แรก ในตอนแรกนั้นหากเข้าไปโจมตีซึ่งๆหน้ากับกลุ่มมอนสเตอร์จำนวนมากด้วยตัวคนเดียวแบบนั้นก็มีแต่ตายกับตาย ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีกำจัดมอนสเตอร์ตัวที่คาดว่าจะอ่อนแอที่สุดในกลุ่มเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ถ่วงเวลารอเลเวลอัพให้สเตตัสสูงพอจะใช้ดาบของลิซาร์ดแมนได้ แล้วค่อยทำการกำจัดทั้งกลุ่มทีเดียว

แน่นอนว่าหากเข้าไปโจมตีแบบธรรมดาไร้ลูกเล่น พวกมอนสเตอร์ต้องหลบได้แน่นอน เพราะมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนั้นมีสติปัญญาแตกต่างจากนอกดันเจี้ยนอยู่มาก เขาจึงต้องใช้การโจมตีหลอกล่อก่อนหนึ่งชั้น แล้วค่อยโจมตีของจริงในครั้งที่สองแทน ซึ่งโชคดีที่แผนนี้ได้ผล เพราะกรเองก็เตรียมการโจมตีขั้นที่สามโดยคิดจะใช้แขนขวาที่เหลือรับการโจมตีแทนไปแล้วหากว่ามันไม่สำเร็จ

 

【เลเวลได้อัพแล้ว!】

กริ๊ง!!!

          เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาในหัว ใช่แล้วมันคือหน้าต่างสเตตัสนั่นเอง พอกระบวนการเลเวลอัพเสร็จสิ้น หน้าต่างก็จะขึ้นมาทุกครั้งหากตั้งค่าไว้ ดูเหมือนก่อนหน้านี้จะเปิดทิ้งไว้มันก็เลยขึ้นมาเองแบบนี้…

 

 

     ข้อมูลสเตตัส

『อุษณกร  วัชรวิรุฬห์ 』เพศ  ชาย   อายุ  17   เผ่าพันธุ์  มนุษย์  

อาชีพ                 ว่าง                    เลเวล     95

ฉายา     〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙

《พลังโจมตี》                  990                        《พลังป้องกัน》                       886

《พลังเวทย์》                   678                        《ความต้านทานเวทย์》              886

《ความว่องไว》                782                        《พละกำลัง》                       990

 

 

เฮอะๆ…น่าขำชะมัดเลย

ตัวฉันตอนเลเวลเกือบร้อย แต่สเตตัสเท่ากับไอ้เสือตอนเวล 10 เนี่ยนะ…

แต่ก็ขึ้นมาเยอะพอที่จะกวาดพวกที่เหลือได้อยู่หล่ะนะ

 

ตึงๆๆๆๆๆ!!!

หลังจากที่เห็นสเตตัสของตัวเอง กรก็รำพึงแบบนั้นอยู่ในใจโดนที่ไม่สนใจมันมาก พอได้ยินเสียงฝีเท้าของ 5 ตัวที่เหลือ กรก็พุ่งเข้าไปหากลุ่มมอนสเตอร์แล้วก็หลบการโจมตีของพวกนั้นได้อย่างฉิวเฉียด และผ่านไปข้างหลังเจ้าพวกนั้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดเลยว่าการเคลื่อนไหวของกรดูสละสลวยขึ้นเพราะค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้น แต่จะติดขัดก็ตรงที่ตอนนี้สภาพร่างกายของเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดนั่นแหล่ะ

 

บ้าชะมัด…พึ่งลุกขึ้นมาได้ 3 นาทีก็จะลงไปหมอบอีกแล้วงั้นเหรอตัวฉัน…

ไม่หรอก….ฉันจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว!!!!

 

หมับ!!!

            แล้วกรก็เข้าไปคว้าดาบของลิซาร์ดแมนที่หนักสุดๆซึ่งปักอยู่ที่พื้นจากนั้นก็ดึงออกมาอย่างง่ายดายไม่เหมือนกับก่อนหน้าราวกับว่านี่คือพละกำลังดั้งเดิมของเขายังไงอย่างงั้น

ทั้งเพราะสเตตัสเพิ่มขึ้นและมีพละกำลังแฝงจากการใช้สุดยอดการประมวลผลควบคุมการหลั่งฮอร์โมน รวมถึงการที่ร่างกายกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกินขีดจำกัดที่สามารถรับได้โดยซึ่งเป็นปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ กรถึงสามารถยกดาบขึ้นมาทั้งที่สเตตัสไม่น่าจะพอ

 

〝ไอ้พวกมอนสเตอร์เวร!!!!!!!

ไปลงนรกกันให้หมดซะะะะะ!!!!!!!!!!!!!〞

 

      กรถีบตัวพุ่งเข้าไปหากลุ่มมอนสเตอร์ที่เหลืออีก 5 ตัวอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่มีความเกรงกลัวใดๆหลงเหลืออยู่ ที่มีอยู่นั้นคือความมั่นใจและความแน่วแน่เพียงเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นไม่นานการต่อสู้ของกรกับกลุ่มมอนสเตอร์ทั้ง 5 ก็จบลง…

 

❖❖❖❖❖

 

แฮ่ก!!!  แฮ่ก!!!  แฮ่ก!!!      อ๊อก!!!!!!!!

          หลังจากการต่อสู้ได้จบลง กรที่เป็นฝ่ายเข้าไปโซโล่เดี่ยวกับกลุ่มมอนสเตอร์สามารถหลบการโจมตีของพวกมันได้ทั้งหมด แล้วยังโจมตีกลับไปได้อย่างว่องไวก็เป็นฝ่ายที่ชนะแบบขาดลอย โดยที่ไม่มีบาดแผลเพิ่มเลยแม้แต่จุดเดียว แต่ทว่ากรเองก็ทนฝืนรับภาระที่เกินธรรมดามานานมากเกินไป

แม้จะตัดความรู้สึกเจ็บปวดออกไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำลังโทรมนั้นก็ไม่ได้หายไปด้วย กรในตอนนี้ทำได้แค่หายใจหอบและสำลักเลือดที่กำลังจะท่วมปอดเพราะร่างกายผ่อนคลายจากสภาวะตึงเครียดกลับมาเป็นปกติแล้วนั่นเอง และทั้งที่กำลังอยู่ในสถานการณืจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ บนใบหน้าของกรกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความปิติยินดี คล้ายกับเป็นเพิ่งทำภารกิจครั้งใหญ่ในชีวิตสำเร็จยังไงอย่างงั้น

 

ทำได้…. จริงๆด้วย

ฉัน… ล้มเจ้าพวกนั้นได้หมดทุกตัวเลยด้วย…

 

ไม่ได้รับบาดแผลเพิ่มเลยด้วย…

สุดยอดไปเลย…

          เพราะกำลังโล่งใจหลังผ่านศึกที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมา และยิ้มอย่างเป็นสุขอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน ทำให้กรไม่คาดคิดเลยว่าอีกไม่ถึงนาทีตัวเองจะถึงแก่ความตาย….

 

ดิ้นรนแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ! นี่สินะรสชาติของความสำเร็จที่ไม่ได้ลิ้มรสมานาน…

ฉันที่ใกล้ตายเต็มทีก็ยังทำเรื่องสุดยอดแบบนี้ได้เลยนะเนี่ย

 

แต่เพราะแบบนั้น เลยทำให้ฉันรู้… ว่าตัวเองยังไม่อยากตาย…

เพราะความตายกำลังคลืบคลานเข้ามานี่แหล่ะ… ความรู้สึกเสียดายชีวิตถึงได้เข้ารุมล้อมไปด้วย…

 

มาคิดได้ตอนที่สายไปแล้วแบบนี้… น่าเสียดายจริงๆให้ตายสิ…

 

จนถึงสุดท้าย… ยังไงฉันก็… ไม่อยากตายจริงๆด้วย…

          น้ำตาของกรไหลออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ในขณะที่คิดแบบนั้น…

มันเป็นทั้งน้ำตาแห่งความปิติที่ค้นพบเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ซึ่งเคยทำหายไปแล้วกลับมา รวมถึงน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจที่ไม่อยากจะตายเอาตอนนี้

 

          แต่โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว สติของกรก็ดับวูบลงไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันได้เตรียมใจเลยด้วยซ้ำ นั่นเป็นหลักฐานว่าเขาฝืนร่างกายที่แสนจะทรุดโทรมและบอบบางนี้มามากขนาดไหน

 

หึหึ! ถ้าเอาไปบอกเจ้าพวกนั้นหล่ะก็……………….คงจะไม่เชื่อกัน…………………แหงๆเลย————

          แม้ในช่วงเวลาสุดท้ายกรก็ยังไม่ลืมที่จะคิดถึงเพื่อนสนิทของเขาเลย แม้ร่างกายจะดับสูญไปแล้ว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าจิตใจของเขายังคงไม่ยอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต ความทรนง ไม่ยอมแพ้และความกล้าหาญของกรในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นนักรบหรือทหารกล้าที่แสนยอดเยี่ยมคนนึงได้เลยทีเดียว  ไม่ว่าใครมาเห็นก็คงไม่มีข้อกังขา หากมีผู้ใดเชยชมอยู่ก็คงจะต้องแสดงอาการชื่นชมจากใจไปตามๆกันเป็นแน่

 

 

แปะ!!  แปะ!!  แปะ!!  แปะ!!  แปะ!!

ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!

          เสียงปรบมือดังขึ้นเป็นจังหวะในขณะที่มีเสียงเดินเข้ามาทางกรพร้อมๆกัน แต่แน่นอนว่ากรที่ตายไปแล้วไม่อาจจะได้ยินได้

 

〖ว้าวๆ! สุดยอดไปเลยนะครับเนี่ย  อยู่ในสภาพแบบนั้นยังสามารถโต้กลับพวกมอนสเตอร์ระดับสูงได้ แถมตั้ง 6 ตัวอีกแหน่ะ! 〗

          ที่มาของเสียงนั่นคือเด็กชายอายุราวๆ 12 ปี มีผมสีขาวปรกหน้าเลยเห็นหน้าไม่ชัดเจน ชุดที่ใส่นั้นเหมือนกับที่พวกองค์ชายน้อยในราชวงศ์ยุโรปใส่กัน แต่ที่แปลกก็คือ รอบๆตัวของเด็กหนุ่มมีออร่าสีขาวแบบเดียวกับสีผมแผ่กระจายอยู่รอบๆอย่างหนาแน่น เห็นได้ชัดเลยว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

 

〖ผมดูคุณอยู่ตั้งแต่ที่เข้ามาในดันเจี้ยนแล้วหล่ะนะ คุณเนี่ยน่าสงสารจริงๆเลยนา〜 แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมอันโหดร้ายของตัวเอง ในจุดนั้นเนี่ยผมชื่นชมคุณแบบสุดๆเลยหล่ะ 〗

          แต่ก็เพราะคำพูดกับท่าทางขี้เล่นแบบนี้เลยทำให้เขาดูสมเป็นเด็กขึ้นมาแบบแปลกๆ

 

〖แถมยังมีความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่ถูกจัดอยู่ในสกิลอีกด้วย คุณเนี่ยจะน่าสนใจไปถึงไหนกันน้า〜〗

〖นี่ๆ ได้ยินที่ผมพูดรึเปล่า!? อะ อ้าว  ตายไปแล้วนี่นา ….เวรกรรม!  〗

          เพราะไม่เห็นปฏิกิริยาตอบกลับจากกรเสียที เขาจึงถามออกไปแบบนั้นจึงเพิ่งมาสังเกตว่ากรได้ตายไปแล้วทั้งที่ตายังปิดไม่สนิทด้วยซ้ำ

 

〖ว้า〜 แย่จัง คนที่ผมสนใจขนาดนี้เพิ่งมีคุณเป็นคนแรกซะด้วยสิ ไม่อยากปล่อยให้ตายเลยสินา〜〗 

          แล้วเด็กชายก็ทำหน้าครุ่นคิดบางอย่างด้วยท่าทางขี้เล่นเช่นเคย แต่พอตัดสินใจด้วยแววตาจริงจัง ทำให้ดูน่าเกรงขามไปอีกแบบ

 

〖ดีหล่ะ… ตัดสินใจแล้ว ผมจะคอยเชียร์คุณก็แล้วกัน จะขอเดิมพันกับตัวคุณและความสามารถพิเศษที่น่าทึ่งนั่นจนหมดหน้าตักเลยก็ได้〗

 

          หลังจากที่ตัดสินใจได้และพูดจบแล้วแบบนั้น เด็กหนุ่มก็ยื่นมือออกมาข้างหน้าพลางร่ายคาถาบางอย่างออกมาเบาๆแล้วหลังจากนั้น ออร่าสีขาวก็เข้าโอบล้อมศพของกรที่ยังแน่นิ่งอยู่

 

〖หุหุ… น่าสนุกจริงๆดันใช้เวทย์ที่ใช้ได้แค่ครั้งเดียวไปซะแล้วสิ…  นี่หน่ะเป็นค่าประสบการณ์ที่เก็บมาจากนักผจญภัยที่เข้ามาในดันเจี้ยนแล้วเสียชีวิตไป จำนวนเนี่ยมหาศาลเลยหล่ะนะ 〗

 

〖ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้วหล่ะครับ….  แต่ผมว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้วหล่ะ  อ๊ะ! แล้วก็อีกอย่าง……〗

          จากนั้นเด็กชายก็ร่ายเวทย์ไปที่ศีรษะของกรอีกครั้งก่อนที่จะจากไป ดูเหมือนว่าเวทย์ที่ร่ายไปนี้จะเป็นข้อความส่งไปถึงกรในตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา

 

〖ถือซะว่าเป็นการตอบแทนผมหน่อยละกัน… หลังจากฟื้นขึ้นมา ก็ช่วยมาหาผมด้วยก็แล้วกันนะครับ เอ๋! แต่จะว่าไปผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่  แหะๆสงสัยเพราะตื่นเต้นไปหน่อยละมั้ง  ถ้างั้นก็———〗

 

 

 

〖ชื่อของผมคือ『ฟรังซ์  ออลเดล』เป็น『ดันเจี้ยนมาสเตอร์』ของ『ดันเจี้ยน???』แห่งนี้ ….ลองพยายามมาให้ถึงตัวผม แล้วเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ให้สำเร็จซะสิ〗

  

〖แล้วผมจะเล่า…….เรื่องราวและความจริงของโลกใบนี้ให้ฟังเอง〗

 

〖หึๆ แทบจะรอไม่ไหวเลยหล่ะ  รีบลงมาเร็วๆเข้าหล่ะครับ….. ผมหน่ะ….ตีค่าตัวคุณไว้สูงมากเลยนะครับ———〗

 

          แล้วเด็กชายก็หายไปในความมืดมิดเสมือนไม่มีตัวตนแต่แรก โดยทิ้งคำพูดเชิงเชิญชวนนั้นทิ้งไว้ให้กรที่กำลังจะตื่นขึ้นมา  ไม่สิ… กำลังจะเกิดขึ้นมาใหม่ ให้ไล่ตามตนเองให้เร็วที่สุด

 

❖❖❖❖❖

 

【เริ่มการตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อยืนยันระบบพิเศษ…….】

          เสียงที่ไม่ทราบเพศดังขึ้นอยู่ในสติอันเรือนรางของกร แม้จะสัมผัสได้แต่ก็เรือนลางเหลือเกิน

.

.

 

【ร่างกายเข้าสู่สภาวะการสลายตัวเรียบร้อย…….เข้าเงื่อนไขปกติ】

【ยืนยันเลเวลที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่ที่ 300 ซึ่งเป็นขีดจำกัดของเผ่ามนุษย์…….เงื่อนไขเสร็จสิ้นพร้อมกับเป็นแบบพิเศษ】

【ยืนยันการได้รับค่าประสบการณ์ส่วนเกินจำนวนมากในทีเดียว…….เงื่อนไขเสร็จสิ้นพร้อมกับเป็นแบบพิเศษ】

【มีการต่อสู้ในช่วงก่อนตายและไร้บาดแผลโดยสิ้นเชิง…….เข้าเงื่อนไขพิเศษ】

【ได้รับการดูดซับพลังเวทย์จำนวนมาก…….เข้าเงื่อนไขพิเศษ】

.

.

.

 

【มีความสามารถที่ไม่ตรงกับในคลังข้อมูลปรากฏ…….เข้าเงื่อนไขพิเศษ???】

【ความคิดเป็นเอกเทศจากทุกสิ่ง มีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างที่สุด…….เข้าเงื่อนไขพิเศษ???】

【จิตวิญญาณอันแข็งแกร่งที่ไม่ยอมแพ้แม้แต่ความตาย ความจริงหรือพระเจ้า…….เข้าเงื่อนไขพิเศษ???】

.

.

【ตรวจสอบเงื่อนไขทุกข้อเสร็จสมบูรณ์ ….ตรงกับเงื่อนไขแบบพิเศษซึ่งหาได้ยากยิ่ง】

.

.

 

【ไม่มีสิ่งใดที่สูงพอจะรองรับความสามารถทั้งหมดได้ เริ่มพัฒนาตัวเองแบบอัตโนวัติ】

.

.

 

【การพัฒนาเสร็จสิ้น『อุษณกร』ได้ถูกบันทึกไว้ในคลังข้อมูล】

.

.

.

.

.

.

.

 

【เริ่มทำการ『จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง』ได้!】

         

          แล้วเสียงประกาศนั่นก็ดังขึ้น ในขณะที่กรยังคงไร้สติอยู่เหมือนเดิม

 

❖❖❖❖❖

Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย,Juti: Cheaters Party
Status: Ongoing
อ่านนิยาย ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)กรถูกส่งไปต่างโลกด้วยสเตตัสกากสุดในโรงเรียน เขาจึงสร้างปาร์ตี้ฮาเร็มสุดแกร่งขึ้นเพื่อทำลายความไร้เหตุผลที่พระเจ้าได้มอบให้กับเขาซะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset