ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย – ตอนที่ 17 ความปรารถนาของเคลเบรอสและการต่อสู้ในชั้นที่ 26

 

〝สะ….สุดยอด! นี่มันสวยกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะเนี่ย!〞

หลังจากที่กรใช้เวลาพอสมควรในการลงบันไดมายังชั้นที่ 26 ตามคำแนะนำของเคลเบรอส  ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของกรที่ยืนอยู่ตรงปากทางออกก็คือ บริเวณทางเดินที่ถูกเชื่อมต่อไปยังบริเวณที่คล้ายกับถ้ำใต้ดินซึ่งมีส่วนประกอบทั้งหมดเป็นหินสีน้ำตาลเข้ม ผิวขรุขระตลอดแนวไปจนสุดสายตาดังที่เห็นได้บ่อยๆในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในภูเขา

แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ บริเวณพื้นผิวของถ้ำทั้งหมดนั้นมีจุดสีฟ้าเล็กๆเป็นจำนวนมากเกาะอยู่ทั่วบริเวณถ้ำเสียไปทั่วบริเวณที่กรมองไปถึง และแม้จะไม่มีแสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในพื้นที่ปิดตายนี้แต่อย่างใด แต่จุดเล็กๆทั้งหลายนั้นกลับยังสะท้อนแสงและกระพริบไปมาเป็นจังหวะอย่างสวยงาม และด้วยความที่เพดานของถ้ำนั้นสูงกว่าพื้นดิน 5 เมตร นั่นเลยทำให้จุดสีฟ้าจำนวนมหาศาลที่กำลังส่องประกายระยิบระยับบนเพดานถ้ำเหล่านี้คล้ายกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปราศจากการบดบังของก้อนเมฆจนเห็นดวงดาวส่องประกายเต็มท้องฟ้าอย่างงดงามหาใดเปรียบยังไงอย่างงั้นเลย  กรเองที่กำลังคิดแบบนั้นอยู่เช่นกันเพราะถูกความงดงามนั่นตราตรึงและดึงดูดสายตาเสียจนเบนหน้าหนีไม่ได้ ก็ชื่นชมมันอยู่ในใจพลางแหงนหน้ามองเพดานด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพราะความงดงามตรงหน้าอย่างไม่วางตา จนถึงกับเอ่ยชมมันออกมาตรงๆเลยทีเดียว

 

〖อะแฮ่ม! เป็นไงหล่ะเจ้าหนู….งดงามมากใช่ไหมหล่ะ!〗

〝นั่นสินะ….มันสวยจริงๆอย่างที่แกพูดนั่นแหล่ะ แต่ฉันว่ามันสวยมากเกินไปหน่อยสำหรับพื้นที่ที่เป็นสนามรบนะเจ้าหมา…〞

〖หึ! ไม่รู้จักผ่อนคลายซะบ้างเลยนะเจ้าหนู….เดี๋ยวก็เครียดตายหรอก〗

          ในขณะเดียวกับที่กรยืนตะลึงอยู่กับความงดงามของดันเจี้ยนในชั้นที่ 26 อยู่ เคลเบรอสก็พูดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูภูมิใจมากๆ แต่กรก็ดันตอบกลับในเชิงตัดพ้อซะอย่างงั้น นั่นเลยทำให้เคลเบรอสตอบกลับกรไปแบบจิกกัดกันเล็กน้อย

 

ก็นะ…ไอ้เรื่องสวยมันก็สวยอยู่หรอก  แต่กับดันเจี้ยนที่เป็นสถานที่เสี่ยงตาย  มันเลยดูเหมือนเป็นการต้อนหมูเข้าเล้ามากกว่า

…..เพราะงั้นแหล่ะ มันเลยทำให้ฉันกลัวนิดๆละมั้ง ฉันเองก็ไม่คิดจะประมาทอีกแล้วด้วย  เพราะงั้นการชื่นชมคงต้องจบลงแค่นี้…

 

แต่พอคิดแบบนั้นแล้ว…..พอสภาพของพื้นที่ดันเจี้ยนเปลี่ยนไปแบบนี้  แล้วมอนสเตอร์มันจะเปลี่ยนไปรึเปล่าหว่า…..น่าสงสัยชะมัดเลยแฮะ

 

 

〝จะว่าไปนะเจ้าหมา….ในชั้นนี้เนี่ย มอนสเตอร์มันเป็นแบบไหนงั้นเหรอ?〞

〖……………〗

〝…เจ้าหมา?〞

〖…….โทษทีนะเจ้าหนู  เกี่ยวกับเรื่องนั้นข้าคงบอกเจ้าไม่ได้ 〗

〝งะ…..ไหงเป็นงั้นฟ่ะ?〞

          แล้วพอกรเกิดความสงสัยในเรื่องสภาพที่เปลี่ยนไปของพื้นที่ดันเจี้ยนอย่างที่ว่า  ก็เลยถามเคลเบรอสออกไปเพราะคิดว่าเขาน่าจะแก้ข้อสงสัยของกรได้  แต่พอเคลเบรอสบอกปฏิเสธกรด้วยน้ำเสียงและรูปประโยคที่ฟังดูเสียดายเล็กน้อย ก็เลยทำให้กรยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่

 

〖อืม….แต่ตอนนี้ก็เป็นโอกาสเหมาะเลย  ช่วยฟังเรื่องที่ข้าจะพูดซักหน่อยละกันนะเจ้าหนู〗

〝อะ….อะไรเนี่ย  พอพูดแบบนั้นแล้วฉันกังวลนะเฟ้ย!〞

〖เอาเถอะน่า…..แม้จริงๆ ข้าคิดจะบอกเจ้าตั้งแต่แรกแล้วก็เถอะ ….แต่เพราะมันเป็นเรื่องของนายเหนือหัวด้วยแหล่ะนะ….ข้าถึงได้ทำใจลำบาก 〗

〝นายเหนือหัวงั้นเหรอ! หรือว่าจะหมายถึง『ฟรังซ์  ออลเดล』ที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์นั่น…〞

〖…ก็ทำนองนั้นแหล่ะ 〗

〝………………〞

 

เดี๋ยวก่อนสิ…..จะบอกว่าเจ้าเด็กเปี๊ยกนั่นมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ

นี่หรือว่าเจ้าเปี๊ยกนั่นจะให้เคลเบรอสมาจับตาดูฉันคนนี้จนกว่าจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้กันล่ะเนี่ย…..

 

ไม่สิ….คิดตามปกติแล้วมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหล่ะ  ถ้าฉันเป็นเด็กนั่นก็อยากจะตามดูตัวเองเหมือนกันนั่นแหล่ะ  ก็อุตส่าห์คาดหวังไว้ขนาดนั้นนี่น๊ะ…ถ้ามาแป้กเอาซะกลางทางเนี่ย มันก็ไม่คุ้มค่ากับที่ลงแรงไปขนาดนั้นเลยหน่ะสิ

แล้วยังมีเรื่องที่เจ้านี่มันรู้ชื่อจริงของฉันอยู่แล้วอีกด้วย….

 

〖อย่าเข้าใจผิดไปหล่ะเจ้าหนู  …ถึงท่านผู้นั้นจะเป็นนายเหนือหัว  แต่ข้าก็มีเจตจำนงของตัวเอง  เพราะงั้นหากข้าไม่สนใจเจ้าจริงๆก็คงไม่ตามเจ้ามาเด็ดขาดเลย〗

〝จะ…เจ้าหมานี่ อย่ามาอ่านใจกันสิฟ่ะ!〞

〖คิดแบบนั้นอยู่จริงๆหล่ะสินะเจ้าหนู …แต่ที่เจ้าคิดนั่นก็ไม่ผิดเสียทีเดียวนักหรอก  นั่นเพราะเหตุผลกว่า 1 ใน 5 ที่ข้าตามเจ้ามานั่นก็เป็นเพราะคำขอข้องของนายเหนือหัวด้วยแหล่ะนะ…〗

〝ก็บอกว่าอย่ามาอ่านใจกันไงเล่า! แล้วนี่หรือว่าแกรู้เรื่องของฉันอยู่แล้วกันเนี่ย! มะ…ไม่สิ  งั้นก็แสดงว่าแกเองก็มีเหตุผลอื่นที่ตามฉันมาอยู่หล่ะสินะ…แล้วเหตุผลนั้นคือ?〞

          แล้วพอเคลเบรอสพูดขัดจังหวะความคิดของกรขึ้นมา แถมยังเป็นเรื่องเดียวกับที่กรคิดอยู่อีกต่างหากราวกับอ่านใจกรได้  นั่นก็เลยทำให้กรหงุดหงิดเล็กน้อย  แต่กรก็ยังคงรัวคำถามเป็นชุดใส่เคลเบรอสต่อโดยที่เลิกใส่ใจเรื่องนั้นไปชั่วขณะ

 

〖อา….ข้ารู้เรื่องส่วนใหญ่ของเจ้ามาจากนายเหนือหัวนั่นแหล่ะ เพราะงั้นข้าถึงอยากลองเชิงเจ้าก่อนยังไงหล่ะ แล้วก็ยังถูกบอกให้มาสนับสนุนเจ้าตามแต่เห็นสมควรอีกด้วยนะ…..  แต่ก็ถูกห้ามไว้เช่นกันในเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลดันเจี้ยนที่มากเกินไป  เพราะว่าถ้าบอกเจ้าไปเสียทั้งหมด เจ้าก็จะไม่สามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบเดียวกันในอนาคตได้….. 〗

          และแม้เคลเบรอสจะถูกยิงคำถามอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังตอบทุกคำถามกลับไปได้อย่างใจเย็น แสดงให้เห็นเลยว่าเคลเบรอสนั้นเจนจัดขนาดไหน ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเคลเบรอสเองก็มีอายุมากจากที่เป็นบอสมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนแห่งนี้มานาน ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ มันก็เหมือนกับเป็นความสุขุมลุ่มลึกของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนั่นเอง

 

〝อนาคตงั้นเหรอ?  มองการไกลเกินไปแล้วมั้ง…..〞

〖มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วหล่ะ…  นั่นก็เพราะนายเหนือหัวคาดหวังในตัวเจ้าไว้มากขนาดนั้นเลยยังไงหล่ะ….  เพราะงั้นท่านถึงอยากให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวเองโดยพึ่งข้าให้น้อยที่สุด  หากทำเรื่องแค่นี้ยังไม่ได้คงเคลียร์ดันเจี้ยนไม่ได้หรอกจริงไหม?   และนั่นก็เพื่อทำความปรารถนาของนายเหนือหัวให้สำเร็จ…..  ไม่สิ…นั่นก็เป็นความปราถนาของข้าด้วยเช่นกัน〗

〝…..ความปรารถนา?〞

 

หมายความว่าไงกันหล่ะเนี่ย… 

อืม….แต่พอมาคิดย้อนกลับไป  ถ้าเจ้าเปี๊ยกนั่นไม่มีความต้องการในตัวเรามากถึงขนาดช่วยให้เราคืนชีพมาอีกครั้ง ก็ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่นา… 

แล้วถึงกับต้องจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของดันเจี้ยนด้วยเลยเหรอ…..  ก็นะ  ไอ้เรื่องเส้นทางหน่ะ ใช้หน้าต่างตั้งค่าก็รู้แล้ว  แต่ประเภทมอนสเตอร์ ไม่สิ…ข้อมูลเบื้องต้นของดันเจี้ยนเนี่ย พอมาคิดดูแล้วเราไม่รู้อะไรเลยนี่หว่า …..แล้วทำแบบนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยรึไงกัน?

 

หรือหวังจะให้เราทำอะไรให้กันนะถึงต้องทำขนาดนี้? อา…ถ้าเป็นงั้นข้อสันนิษฐานนี้มันก็สมเหตุสมผลที่สุดแล้วหล่ะ ก็ทั้งที่ให้เราเคลียร์ดันเจี้ยนทั้งหมด แล้วยังให้เคลเบรอสคอยแบ็คอัพอีก….  เพราะงั้นหล่ะก็คงจะต้องการตัวเรา…..ในตอนที่เราแข็งแกร่งงั้นเหรอ?

 

แถมยังมีเรื่องที่เราคาใจอยู่อีก… ก็ที่เจ้าเปี๊ยกนั่นบอกว่า〖 ถ้าเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ก็จะเล่า『เรื่องราวและความจริงของโลกใบนี้』ให้ฟังเอง〗 นั่นแหล่ะ….

เพราะงั้นก็เลยรู้สึกว่าถ้าแข็งแกร่งขึ้นถึงขนาดไปหาเจ้าเปี๊ยกนั่นได้แล้วหล่ะก็….เหมือนกับจะมีปัญหาใหญ่รอเราอยู่เลยแฮะ….

 

อะ…..อีกแล้ว! ไอ้ลางสังหรณ์ในเรื่องบ้าๆมันเกิดขึ้นอีกแล้ว  ถ้าเป็นอย่างที่คิดเนี่ยเรื่องใหญ่แหงมๆเลย 

……มะ…..ไม่เอาน่า  เลิกคิดเรื่องนั้นก่อนจะดีกว่ามั้ง  เพราะไงๆก็ต้องเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ให้ได้ก่อนอยู่แล้ว  ไม่เห็นต้องคิดมากในตอนนี้เลยซักนิด  ก็เราตัดสินใจไปแล้วนี่น่ะ  ว่าจะพิชิตดันเจี้ยนหน่ะ…

 

          แล้วพอเคลเบรอสบอกจุดประสงค์ทั้งหมดออกมา ก็เลยทำให้กรครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่ตัวเองจะถูกใช้งาน? จึงต้องหาทางหนีทีไล่ไว้  แต่พอคิดหนักเข้าก็กลับกลายเป็นว่ามันอาจเป็นการกังวลเกินเหตุ กรก็เลยเลิกคิดเรื่องนั้นไป เพราะยังไงถ้ามันจำเป็นจริงๆเคลเบรอสก็คงบอกหรือไม่ก็เคลียร์ดันเจี้ยนให้ได้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ไม่สายไปเลย เพราะเจตนาของเคลเบรอสเป็นความหวังดีอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็คิดแบบนั้นเพราะความเชื่อใจที่ผ่านมา จึงไม่ได้ซักไซ้เคลเบรอสต่อ

 

〖เพราะงั้นแหล่ะ…ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องนั้นเลย  ….นั่นเพราะตอนนี้มีเรื่องที่ควรทำมากกว่าไม่ใช่รึไงเจ้าหนู?…..〗

〝มะ….มันก็จริงแหล่ะ〞

〖ตัวเจ้าในตอนนี้เองก็แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าตอนที่สู้กับข้ามากเลยนะ….  แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็อย่าได้ประมาทเชียว  เพราะงั้นละก็…..〗

〝อา….ไอ้เรื่องประมาทนั่น ฉันเรียนรู้มาจากตอนที่สู้กับแกจนเอือมแล้วหล่ะ  เพราะงั้น….ถ้าฉันจะขอใช้เวลาฝึกฝนซักหน่อยคงไม่เป็นไรใช่ไหม เจ้าหมา !?〞

〖อืม….น่าชื่นชมมาก  เป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว…〗

          แล้วเคลเบรอสก็พูดสนับสนุนความคิดของกรราวกับอ่านใจออก  แล้วก็ให้คำแนะนำกับกร แต่กรเองก็เข้าใจอยู่แล้วว่าเคลเบรอสจะบอกว่าอะไร นั่นเลยทำให้เคลเบรอสชื่นชมกรเล็กน้อย

 

〝เพราะจากที่สังเกตมาตลอดเนี่ย รู้สึกพวกมอนสเตอร์ทุกตัวรวมถึงแกตอนเป็นบอสจะแข็งแกร่งกว่าฉันทุกทีเลยสิเนี่ย ถึงจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมก็เถอะ แต่ก็เป็นไปได้สูงว่ามันจะแข็งแกร่งขึ้นตามความสามารถของคนที่เข้ามา แล้วก็อีกอย่าง….พูดไปก็น่าอายแฮะ  แต่ทั้งพลังกับสกิลของฉันเนี่ย  มันมากเกินไปจนฉันเกือบจะคุมไม่อยู่แล้วหล่ะ…อย่างน้อยก็หลังจากที่จุติครั้งที่ 2 นั่นแหล่ะ….〞

〖【………จุติงั้นเหรอ!? ใช่จริงๆสินะ….แถมยังเป็นครั้งที่ 2 อีก…】〗

          แล้วพอกรบอกข้อสันนิษฐานของตนออกมาและเล่าถึงสิ่งที่ตนกังวลออกมาพร้อมกัน  แต่เคลเบรอสก็ไม่ได้ชี้แจงเรื่องนั้นเพิ่มหรือพูดสนับสนุนแต่อย่างใด กรเลยคิดว่านี่อาจเป็นหนึ่งในเรื่องที่เคลเบรอสบอกไม่ได้ก็เลยไม่ถามต่อ แล้วเคลเบรอสยังกระซิบเรื่องการจุติอยู่ในลำคออีกต่างหาก นั่นเลยทำให้กรสงสัยมากขึ้นไปอีก แต่กรเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเคลเบรอสมากไปกว่านี้  นั่นเพราะคิดว่าหากที่เคลเบรอสพูดเป็นเรื่องที่กรในตอนนี้จำเป็นต้องรู้เคลเบรอสก็คงจะบอกเอง แล้วกรเองก็ยังไม่เข้าใจระบบและการทำงานของ『การจุติ』เลยซักนิดแม้จะผ่านการจุติมาแล้ว 2 ครั้งก็ตาม นั่นก็เลยทำให้กรทำหูทวนลมไม่ได้ยินคำพูดเบาๆของเคลเบรอส แล้วก็พูดต่อไปทั้งอย่างงั้น

 

〝เพราะงั้นขั้นแรก….ก็ต้องฝึกใช้สกิลที่มีทั้งหมดให้ชำนาญและเข้ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดก่อนหล่ะนะ….〞

〖งั้นหรือว่า  นี่จะเป็นสาเหตุที่สร้างความกังวลให้เจ้า จนถึงกับต้องนั่งร้องไห้กอดเข่านั่นงั้นเหรอ?〗

〝อึก!〞

          แล้วพอกรพูดถึงสิ่งที่จะทำต่อจากนี้ เคลเบรอสก็เลยถามสาเหตุแบบขวานผ่าซากกลับไปยังกร นั่นเลยทำให้กรสะอึกขึ้นมาครั้งหนึ่งเพราะถูกอ่านความคิดออกเลยทีเดียว  แล้วก็ตอบเคลเบรอสกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสั่นไหวเล็กน้อย

 

〝หนะ…หนวกหูน่าเจ้าหมา!!!  ก็มันกดดันจริงๆนี่หว่า…〞

〖…แต่จะมากังวลไปเองแบบนั้นมันก็ไม่ถูกหรอกนะเจ้าหนู〗

〝อึก! เรื่องนั้นฉันเองก็รู้ดีอยู่แล้วเฟ้ย!!!〞

          แล้วพอถูกเคลเบรอสสั่งสอนกลับราวกับผู้ปกครองกำลังอบรมลูกของตัวเองก็เลยทำให้กรสะอึกอีกครั้ง  แล้วก็ตะโกนกลับไปตามที่เคยทำ

 

〝เห้อ!….เพราะงั้นต่อจากนี้แกคงไม่ได้เห็นด้านที่น่าอายนั่นของฉันอีกแล้วหล่ะ!〞

แต่กรเองก็เข้าใจเรื่องนั้นอยู่แล้วเพียงแต่มีอาการไม่อยากยอมรับอยู่เล็กน้อยก็เลยทำให้พอได้ยินคำพูดที่แทงใจดำแบบนั้นของเคลเบรอสเข้าก็เลยคิดตามอย่างจริงจัง กรจึงถอนหายใจออกมาเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์พร้อมกับทำหัวให้เย็นลงในทันที และตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่แสดงด้านอ่อนแอแบบนั้นให้ใครเห็นอีกเด็ดขาด

 

〖…..แต่เพราะเจ้าเชื่อใจข้าไม่ใช่รึไงถึงได้ร้องออกมาต่อหน้าข้าหน่ะ….เอาเถอะ ข้าก็ดีใจอยู่หรอก….จะทำแบบนั้นบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ  บอกแล้วนี่ ตอนนี้ข้าเป็นพรรคพวกของเจ้า…..เพราะงั้นก็ไว้ใจข้าแล้วปลดปล่อยความรู้สึกออกมาได้เลย ไม่ต้องเก็บมันไว้หรอก…〗

〝………………〞

          แล้วเคลเบรอสที่ต้องการจะบรรเทาความรู้สึกกดดันจากการมีชีวิตอยู่เพียงลำพังของกรจากใจจริง ก็เลยอยากให้กรเชื่อใจตนแล้วมาปรับทุกข์กับเขาได้ตามที่ต้องการก็เลยบอกกรไปแบบนั้น

 

〝อืม…..ขอบใจมากนะเจ้าหมา…….  แต่ถึงจะพูดแบบนั้นฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่ 2 แล้วหล่ะ〞

          เพราะจู่ๆก็ถูกความอบอุ่นเล็กน้อยเข้าโอบล้อมจิตใจที่ใกล้จะด้านชาเต็มทีอย่างกะทันหัน นั่นเลยทำให้กรรู้สึกแปลกๆกับคำปรารถนาดีของเคลเบรอส แต่เพราะรู้ว่าเคลเบรอสต้องการจะช่วยตัวเขาจริงๆ กรก็เลยตอบกลับเคลเบรอสออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลแต่หนักแน่นต่างจากที่ผ่านมา ทั้งยังยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างอ่อนโยนจนเคลเบรอสยังต้องตกใจว่าแท้จริงแล้วเด็กคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่

 

〖ข้าคงต้องมองเจ้าใหม่แล้วมั้งเนี่ย……แข็งแกร่งซะจริงๆนะ  เจ้าหนูเอ๋ย….〗

          ตัวเคลเบรอสเองนั้นชื่นชมความแข็งแกร่งทางจิตใจของกรตั้งแต่ที่กล้าเผชิญหน้ากับตัวเองเพียงลำพังในตอนที่สู้กันครั้งแรกนั่นอยู่แล้ว แต่หลังจากที่เคลเบรอสเห็นกรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในตอนท้ายของการต่อสู้กับตัวกรในตอนนี้ที่ท่าทีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยมจึงได้เอ่ยชมจิตใจอันแข็งแกร่งของกรออกมาตรงๆอีกครั้ง  พร้อมกับเปลี่ยนทัศนคติต่อกรไปในทางที่ดีขึ้น 

 

〝ระ…เรื่องนั้นช่างมันก่อนก็ได้น่า  แล้วจะว่าไป…..ถึงแกจะถูกห้ามไม่ให้บอกข้อมูลของดันเจี้ยนก็เถอะ….แต่ไม่มีเรื่องที่บอกฉันได้ซักนิดเลยงั้นเหรอ?〞

          แล้วพอเคลเบรอสพูดชมกรออกมาตรงๆ นั่นเลยทำให้กรเขินนิดหน่อย กรที่ไม่อยากให้เคลเบรอสที่อยู่ในฝักด้านหลังสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ของตนเองจึงเบี่ยงหน้าหนีเล็กน้อย แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุยในทันทีเพื่อเบี่ยงประเด็น  แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว นั่นเพราะกรเองก็สงสัยถึงข้อมูลดันเจี้ยนอยู่นานแล้ว ดังนั้นนี่ก็เป็นโอกาสเหมาะทีเดียวหากเคลเบรอสสามารถให้ข้อมูลเหล่านี้ได้

 

〖อืม…..นั่นสินะ  เรื่องที่ตั้งของดันเจี้ยนเองข้าก็บอกไม่ได้ด้วยสิ…..เรื่องความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ก็ด้วย……〗

〝นะ….นี่บอกไม่ได้เลยซักเรื่องจริงๆเหรอเนี่ย?〞

〖โอ๊ะ!!! ข้าพอจะบอกระดับความลึกทั้งหมดกับชั้นที่มีบอสมอนสเตอร์ให้เจ้าได้อยู่นะ….〗

〝โอ้ว เยี่ยมเลย!!!  นั่นแหล่ะเรื่องที่ฉันอยากรู้…….แล้ว?〞

          พอเคลเบรอสบอกว่าสามารถให้ข้อมูลของดันเจี้ยนบางส่วนให้กรได้ กรก็เลยแสดงอาการดีใจออกมาด้วยการยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะเบาๆไปด้วย นั่นเพราะข้อมูลที่ว่านั่นเป็นสิ่งที่กรต้องการมาตลอดนั่นเอง เพราะไม่รู้จำนวนชั้นที่แน่นอน จึงไม่สามารถคาดเดาเวลาที่ใช้ในการเคลียร์ดันเจี้ยนและเรื่องตามหาพี่สาวต่อจากนี้ได้  แล้วยังมีการต่อสู้กับบอสที่มีความแข็งแกร่งแบบสุดๆก็เช่นกัน เพราะหากรู้ชั้นที่มีบอสก็จะสามารถเตรียมตัวได้อย่างทันท่วงทีในการวางแผนนั่นเอง

 

〖100……〗

〝100?〞

〖ใช่แล้ว เจ้าหนู….100 ชั้น  นั่นแหล่ะระดับความลึกของดันเจี้ยนแห่งนี้  และบอสมอนสเตอร์จะปรากฏขึ้นมาทุกๆ 25 ชั้น———— 〗

〝จะบ้ารึไงฟร๊ะ!!!!!!!!!!!!!〞

          แล้วกรก็ตะโกนใส่เคลเบรอสที่อุตส่าห์ตอบคำถามของตัวเองให้ด้วยความหงุดหงิดแบบสุดๆ แม้ตอนแรกกรจะถามซ้ำเพราะคิดว่าคงฟังผิดไปเพราะจำนวนชั้นมันเยอะกว่าที่คิดมากเกินไป แต่พอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด กรก็แทบจะปรี๊ดแตกเพราะคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนั่นเอง

 

เห้ยๆ นี่มันจะเกินคาดไปหน่อยละมั้ง!

100 ชั้นงั้นเหรอ….เห็นฉันเป็นนักดาบดำที่เคลียร์เกมมรณะได้ในเวลา 2 ปีรึไงกันนะไอ้เปี๊ยกนั่น….  แต่เดี๋ยวก่อน ถึงเราจะใช้เวลาแค่วันเดียวจากชั้นที่ 23 มาจนถึงชั้น 25 ที่เป็นห้องบอสของเคลเบรอสก็เถอะ….

 

งั้นก็หมายความว่าถ้าเราขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 100 ด้วยความเร็วเท่านี้หล่ะก็……. 1 เดือนกว่าเลยงั้นเหรอเนี่ย!!! 

มะ…ไม่สิ ถ้าคำนวณการหน่วงเวลาจากที่ชั้นบนอาจจะมีมอนสเตอร์แข็งแกร่งจนล่าช้าลงไปอีกด้วยก็……3  เดือน!!!

 

ไม่ไหว….ช้าเกินไปแฮะ  มันจะเสียเวลาเกินเหตุไปหน่อยแล้วมั้ง…

เวลาทุกวินาทีมีค่านะเหวย!!!  เจ้าพวกนั้นอยู่ในเมืองคงไม่เป็นไร…ไม่สิยังวางใจไม่ได้ เพราะผู้กล้าทุกคนถูกราชาหลอกอยู่ อาจถูกส่งไปตายในการรบได้ง่ายๆ 

พี่มารีที่ยังไม่รู้สภาพปัจจุบันก็ด้วย…ยิ่งเวลาผ่านไปนานโอกาสที่พี่จะรอดก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่……..

 

〝เคลเบรอส…..〞

〖หืม!….อะไรงั้นเหรอเจ้าหนู!?〗

〝มีทางออกจากดันเจี้ยนทางอื่นนอกจากเคลียร์ดันเจี้ยนรึเปล่า!!!〞

〖!!!!!!!!!!〗

          เคลเบรอสตกใจเล็กน้อยเมื่อกรพูดด้วยเสียงเรียบๆในทำนองว่าอยากจะรีบออกจากดันเจี้ยนโดยเร็ว  และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เคลเบรอสเองก็เข้าใจว่ากรคงมีเหตุผลที่เหนือกว่าการตอบแทนการช่วยชีวิตจากนายเหนือหัวของตน  เคลเบรอสจึงตอบกลับกรไปตามตรง…..

 

〖………..น่าเสียดายนัก ที่นี่ต่างจากดันเจี้ยนแห่งอื่น….ต่อให้โค่นบอสประจำชั้นได้ก็ไม่สามารถออกไปได้  แล้วจุดหนีที่เป็นกับดักประเภทหนึ่งก็มีเฉพาะในชั้นที่ต่ำกว่า 25 เท่านั้น…. 〗

〝งั้นถ้าลงไปชั้นที่ต่ำกว่า 25—— 〞

〖นั่นก็ไม่ได้เหมือนกันเจ้าหนู…..เพราะถ้าผ่านชั้นที่เป็นบอสประจำชั้นมาแล้วจะไม่สามารถลงไปชั้นต่ำกว่าที่ว่าได้…… 〗

〝!!!!!!!!〞

          พอได้ยินแบบนั้น กรจึงค้นหาวิธีหนีเต็มที่โดยไม่สนอีกต่อไปแล้วว่าฟรังซ์ ออลเดลจะเป็นผู้มีพระคุณ เพราะความปลอดภัยของเพื่อนสนิทและสถานะของพี่สาวและน้องชายของอลิซต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ  แต่แม้จะถามไปซักแค่ไหน คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ ไม่สามารถออกไปได้นอกจากเคลียร์ดันเจี้ยนเท่านั้นเอง……..

         

〝เจ้าหมา……..หวังว่าแกคงไม่หลอกฉันเพื่อให้ฉันอยู่ที่นี่หรอกนะ〞

          แล้วกรก็พูดความรู้สึกของตัวเองออกมาตรงๆ โดยไม่สนเลยว่าคำพูดนั้นสื่อได้ว่าตัวเองลังเลที่จะเชื่อใจเพื่อนพ้องคนนี้  แต่เคลเบรอสก็ไม่ได้ถือสากรเพราะคิดว่าปัญหาที่กรเผชิญมันต้องมีเหตุผลพอ จึงได้ตอบกลับกรออกไปอย่างใจเย็น

 

〖เรื่องที่ข้าพูดเป็นความจริงแน่นอน…..สาบานได้เลย〗

〝ตะ…..แต่ว่า!!!!!〞

〖ไม่เชื่อใจข้ารึไงเจ้าหนู!!!〗

〝อึก!  ทะ……..โทษที เจ้าหมา〞

          พอเคลเบรอสยืนยันในคำพูดของตัวเอง ก็ทำให้กรใจแป้วเล็กน้อย แต่ก็ยังคงถามย้ำอยู่ พอเคลเบรอสตะโกนออกแบบนั้นจึงทำให้กรได้สติขึ้นมา  แล้วรู้ว่าคำพูดของตัวเองเป็นการทำลายความเชื่อใจทั้งสองฝ่าย จึงรีบขอโทษเคลเบรอสในทันที

 

〖เห้อ! ถ้าจะให้เดาคงเป็นเรื่องของพวกพ้องของเจ้าทั้ง 6 คนนั่นใช่ไหมหล่ะ…〗

〝ทะ…..ทำไมถึง—— 〞

〖เพราะข้าเป็นผู้ใหญ่ยังไงหล่ะ!〗

          แล้วพอกรใจเย็นลงแล้ว เคลเบรอสจึงพูดออกมาเป็นเชิงถามกับกร และพอกรแสดงปฏิกิริยาตามที่คิด เคลเบรอสก็มั่นใจเลยว่าความคิดของตนไม่ผิด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่เคลเบรอสเดาใจกรได้แบบนี้เป็นเพราะประสบการณ์ล้วนๆ

 

〝……………………ต้องเคลียร์ให้ได้เท่านั้นหล่ะสินะ〞

〖อา….โทษทีนะเจ้าหนู〗

〝ไม่จำเป็นต้องขอโทษซักนิด….ฉันตัดสินใจไว้แล้วแท้ๆว่าจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่ขวางทาง…..แล้วก็จะไม่ให้แกเห็นด้านที่น่าสมเพชของฉันอีกแล้วแท้ๆ…………..〞

 

ฮ่า  ฟู่———

          แล้วพอไม่มีทางเลือกจริงๆ กรจึงได้ตั้งสติแล้วตั้งใจพิชิตดันเจี้ยนอีกครั้ง จากนั้นก็หายใจเข้า-ออกลึกๆเพื่อปรับความคิดเสียใหม่

 

〝เอาหล่ะ…ถ้างั้นก็จะรอช้าไม่ได้อีกแล้ว  คอยดูนะเจ้าหมา….1 เดือน  …….ฉันจะพิชิตมันทั้งหมดในเวลา 1 เดือนเอง ดันเจี้ยนแห่งนี้หน่ะ!!!〞

〖!!!!!!!!!!!!!〗

          แล้วพอกรพูดแบบนั้นออกมาดังๆราวกับจะประกาศให้โลกรับรู้  เคลเบรอสจึงตกใจเล็กน้อยต่อคำพูดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจนั้น

 

〖หึ….เจ้าหนู  ขอพูดอีกครั้งนะ…..แกนี่มันแข็งแกร่งจริงๆ〗

〝เหอะ! เอาไว้ฉันไปเจอนายเหนือหัวของแกแล้วค่อยพูด มันก็ไม่สายไปหรอกน่า……〞

 

ตึง!  ตึง!  ตึง!   ตึง!  ตึง!——————

〝!!!!!〞

          และในขณะที่กรกำลังสนทนากับเคลเบรอสอย่างดุเดือดจนถึงเมื่อครู่อยู่นั้น  จู่ๆกรก็รับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าของสิ่งมีชีวิตจากการใช้สุดยอดการประมวลผล  โดยที่ไม่ต้องสงสัย มันคือเสียงฝีเท้าของมอนสเตอร์อย่างแน่นอนแต่น้ำหนักของมันรวมถึงเสียงร้องเล็กๆที่ส่งผ่านมายังหูของกรนั้นดูแตกต่างกับประเภทของมอนสเตอร์ที่กรเจอมาอย่างสิ้นเชิง

กรในตอนนี้นั้นต้องการที่จะพิชิตดันเจี้ยนให้ได้โดยเร็ว จึงคิดที่จะเก็บข้อมูลของมอนสเตอร์ใหม่ๆให้มากที่สุดเพื่อให้ประหยัดเวลาในการต่อสู้ครั้งต่อๆไปมากขึ้นซักนิดก็ยังดี

 

〝ทางแยกซ้ายข้างหน้าประมาณ 500 เมตร รู้สึกว่าจะมีมอนสเตอร์อยู่ 3 ตัว……  พอดีเลย  งั้นเพื่อให้คุ้นชินกับชั้นนี้ไวๆ ก็ต้องลองสู้กับศัตรูใหม่ก่อนเป็นอันดับแรกก็แล้วกัน!!!〞

〖หืม…..เจ้าหนู  ข้าจำได้นะว่าเจ้าไม่มีสกิลที่ใช้ตรวจสอบพื้นที่เป็นวงกว้างหน่ะ… ถึงข้าจะรู้อยู่แล้วก็เถอะว่ามีมอนสเตอร์อยู่ตรงนั้นจริงๆ แต่ที่เจ้าพูดมานี่ถูกต้องทุกอย่างทั้งตำแหน่งและจำนวนเลย…..〗

〝อ้าวเห้ย!!!  ถ้ารู้อยู่แล้วทำไมไม่บอกกันบ้างเล่า!!!!!〞

          แล้วพอกรระบุตำแหน่งและจำนวนของมอนสเตอร์เสร็จสิ้นเหมือนกับเรื่องปกติไปเสียแล้ว กรก็ไม่รอช้าที่จะเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปยังตำแหน่งที่ว่าในทันที เคลเบรอสที่ตกใจกับการตรวจสอบที่แม่นยำเกือบ 100% ของกร ทั้งที่เคลเบรอสรู้ว่ากรไม่มีสกิลที่ใช้ตรวจสอบเป็นวงกว้างขนาดนั้น ก็เลยสงสัยและถามออกไปแบบนั้นตรงๆ แล้วคำตอบของกรก็ต้องทำให้เคลเบรอสที่เป็นฝ่ายทำให้กรตกใจมาตลอดเริ่มที่จะตกใจบ้างแล้ว….

 

〖งั้นหรือว่า…….นี่จะเป็นความสามารถพิเศษที่ไม่จัดเป็นสกิลนั่นของเจ้า  ที่ใช้ในการล่วงรู้การโจมตีของข้าในตอนที่เราสู้กันนั่นกัน? ……〗

〝โอ๊ะ!!!  ใช่ๆ…ไอ้นั่นแหล่ะ! ลืมไปซะสนิทเลย…..ฉันเองก็คิดจะบอกเรื่องนี้กับแกอยู่เหมือน  นี่เองก็โอกาสเหมาะพอดีเลยนี่นา ……นั่นสินะ อืม…..งั้นก็เริ่มจาก  นี่หน่ะเป็นความสามารถที่ฉันได้มาตั้งแต่เกิด——— 〞

          แล้วกรก็บอกความสามารถ『สุดยอดการประมวลผล』ของตัวเองให้เคลเบรอสฟังอย่างละเอียดในขณะที่เดินไปทางมอนสเตอร์ทั้ง 3 อย่างเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน ทั้งที่เป็นความสามารถสามารถตรวจจับสิ่งที่เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในระยะมากกว่า 1 กิโลเมตรหรือมากกว่าได้ตามแต่สมาธิของตัวกร  และยังสามารถเพิ่มความเฉียบคมและการตอบสนองของสัมผัสและร่างกายของตัวเองขึ้นหลายร้อยเท่า  ทั้งยังสามารถคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้หลายร้อยวิธีในเวลาเดียวกันในการต่อสู้ที่เวลาผ่านไปไม่ถึงวินาที  ทั้งยังสามารถเร่งการประมวลผลจนถึงขีดสุดจนทำให้เห็นภาพต่างๆรอบตัวช้าลงได้จนเป็นภาพซุปเปอร์สโลโมชั่น และความสามารถนี้เองที่สามารถวิเคราะห์สกิลและการเคลื่อนไหวของเคลเบรอสได้ล่วงหน้าจนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้อย่างสวยงาม 

 

〖……………….〗

〝สะ…สวัสดีคร้าบ คุณเคลเบรอส  ได้ยินผมม้าย〜〜〞

          แล้วพอเคลเบรอสได้ยินเรื่องทั้งหมดที่กรอธิบายไปนี้เกี่ยวกับพลังของกร ก็ถึงกับเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกตะลึงสุดขีดและนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาไปราวๆ 2 นาทีเลยทีเดียว

 

〖เจ้าหนู…..ข้าขอพูดอะไรหน่อยนะ  อย่าโกรธข้าหล่ะ…〗

〝อะ….อะไรเนี่ย  น่าขนลุกชะมัดเลยหว่ะเจ้าหมา!〞

          แล้วพอเคลเบรอสได้สติจากที่กรเรียกชื่อของตน  เคลเบรอสก็ยังอยู่ในอาการตกตะลึงอยู่เหมือนเดิม แม้ภายนอกจะไม่แสดงออกมากนักเพราะสิ่งที่จะแสดงอารมณ์ของเคลเบอรสที่เป็นดาบไปแล้วได้มีเพียงใบหน้าและน้ำเสียงเท่านั้น กรจึงงงงวยกับคำพูดของเคลเบรอสพอสมควร แต่พอได้ยินประโยคต่อไปของเคลเบรอสก็ต้องทำให้กรเจ็บจิ๊ดที่หน้าอกเล็กน้อย

 

〖เจ้าหนู….. เอ็งนี่มัน『โคตรโกง』เลยหว่ะ!〗

〝อึก!〞

          แล้วพอเคลเบรอสพูดกัดออกมาแบบนั้นตรงๆ ก็ทำให้กรหงอยลงไปเล็กน้อยเพราะรู้สึกผิด?  แต่กรก็ยังเดินไปข้างหน้าด้วยความเร็วเช่นเดิมต่อไป ท่ามกลางจุดสีฟ้านับล้านที่ส่องประกายราวกับดวงดาวเสมือนไม่สนใจคำพูดจิกกัดของเคลเบรอสจนกระทั่งถึงตำแหน่งที่มอนสเตอร์ประจำอยู่ในที่สุด…..

 

❖❖❖❖❖

 

เจี้ยกๆๆๆ!!!!!!!!

อ๊บๆๆๆ!!!!!!!!!

〝อะไรว่ะเนี่ย! รู้สึกน่าขยะแขยงพิลึกเลยหว่ะ!〞

〖เห้อ! เห็นด้วยเลยหล่ะเจ้าหนู…〗

          แล้วพอกรเดินมาใกล้กับตำแหน่งที่ว่าจนสามารถสังเกตเห็นมอสเตอร์ทั้ง 3 ได้โดยอยู่ห่างพอจะไม่ให้พวกนั้นรู้สึกตัวในทันที ก็พบกับรูปลักษณ์ที่น่าตกใจในหลายๆความหมายเข้า

          ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากรก็คือ มอนสเตอร์รูปร่างคิงคองสูง 2 เมตรครึ่งสวมชุดเกราะแบบทหารโรมัน ที่เรียกว่า『คองโซลเยอร์』มีดวงตาสีแดงและเขี้ยวทั้งสองยาวออกมาจากปากเพื่อใช้ข่มขวัญศัตรู ในมือเองก็ถือดาบสองคมแบบยุโรปคล้ายๆกับที่กรเคยได้มาจากกองอัศวิน ส่วนมอสเตอร์อีก 2 ตัวนั้น คือมอนสเตอร์ที่มีชื่อว่า『ฟร็อกแมน』…..หากจะให้คำจำกัดความก็คงจะเป็น มนุษย์กบเดิน 2 ขากระมั้ง  …..ส่วนหัวของมันเป็นส่วนของกบสีเขียวแต่มีขนาดใหญ่กว่าหัวของกรเสียอีก มันจึงดูคล้ายกับคนสวมชุดมาสคอตเสียมากกว่า แต่รูปลักษณ์ภายนอกของมันที่ตั้งแต่บริเวณหน้าอกไปจนถึงใบหน้ามีสีเขียวและมีผิวมันวาวจากเมือกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำนั่นก็เลยทำให้รู้ว่าส่วนหัวนั้นเป็นของจริง  และส่วนลำตัวท่อนล่างลงไปรวมถึงท่อนแขนทั้งหมดกลับมีลักษณะเหมือนกับมนุษย์ทั้งหมดเลย ที่แขนข้างหนึ่งของมันมีโล่กลมขนาดใหญ่พอๆกับหัวของมันและอีกข้างหนึ่งก็มีดาบยาวแบบเดียวกับของคองโซลเยอร์  ส่วนเรื่องสเตตัสของพวกมันก็คือ…..

 

 

『คองโซลเยอร์』    เลเวล     729

《พลังโจมตี》                  621,748               《พลังป้องกัน》                       856,951

《พลังเวทย์》                   199,521               《ความต้านทานเวทย์》              679,785

《ความว่องไว》               814,845               《พละกำลัง》                       818,654

 

 

แน่นอนว่าผลลัพธ์มันเหนือความคาดหมายเช่นเคย แต่กรก็พอคาดเดาได้อยู่แล้วจากที่ผ่านๆมาว่ามอนสเตอร์อาจจะแข็งแกร่งขึ้นตามตัวเองก็เลยเลิกกลัวเรื่องนี้ไปแล้ว รวมถึงมีเรื่องที่น่าหวาดหวั่นในคนละความหมายกว่าอยู่ตรงหน้าก็ดี นั่นก็เพราะ สิ่งที่『ฟร็อกแมน』หรือสภาพของมนุษย์กบนั้นสวมอยู่มีแค่กางเกงในสีเขียวแบบเดียวกับสีผิวของมันเท่านั้นเอง มันจึงเผยกล้ามเนื้อและเนื้อหนังมังสาส่วนอื่นทั้งหมดจนแทบเปลือย หากดูแล้วก็คล้ายๆกับนักรบสปาตั้นนั่นเอง แต่เพราะรูปลักษณ์อันแปลกประหลาดบวกกับความไม่น่าพิสมัยเหมือนกับเห็นตาลุงกำลังเปลือยอยู่ ซึ่งขัดกับภาพของดันเจี้ยนในชั้นนี้ที่ดูงดงามมากก็เลยทำให้กรรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา รวมถึงเคลเบรอสที่รู้ลักษณะของมอนสเตอร์อยู่แล้วก็ยังเหนื่อยใจจนถอนหายใจออกมาแบบนั้น และเห็นด้วยกับกรจนออกนอกหน้าเลยทีเดียวแสดงให้เห็นว่าเคลเบรอสเองก็เอือมเหมือนกัน

 

〝รกหูรกตาชะมัดเลย……เคลเบรอส งั้นศึกแรกของพวกเราก็ขอฝากด้วยหล่ะ!〞

〖อา…จัดไปเลยหนักๆเลยเจ้าหนู!!!〗

ตู้ม!!!

และนั่นเลยทำให้กรอยากกำจัดมันออกไปจากสายตาโดยเร็วเพราะทนไม่ไหวกับภาพที่น่าขยะแขยงตรงหน้าในทันที แล้วพอให้สัญญาณเริ่มรบกับเคลเบรอสไป เคลเบรอสก็ตอบกลับมาอย่างขยันขันแข็งต่อการเข้าปะทะกับมอนสเตอร์ครั้งแรกทั้ง 2 คน กรจึงใช้มือขวาเอื้อมไปข้างหลังแล้วคว้าดาบดาบเพื่อชักออกมาจากฝักด้วยความรวดเร็ว และกรก็ถีบพื้นออกไปจนเกิดเสียงดัง แล้วพุ่งเข้าหา『ฟร็อกแมน』ที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

          แต่แน่นอนว่าทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น พอกรเกือบจะเข้าใกล้ฟร็อกแมนที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ มันกลับรู้ตัวก่อน แล้วก็หันหน้ามาเผชิญกับกรที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสุดยอด จากนั้นมันก็ตั้งท่าเอาโล่มาเพื่อขวางการโจมตีด้วยดาบของกรล่วงหน้า แล้วเงื้อดาบจากมืออีกข้างไปข้างหลังเพื่อเตรียมเคาท์เตอร์กรกลับด้วยการตอบสนองที่น่าตกใจมาก นั่นเพราะการตอบสนองของฟร็อกแมนต่อการพุ่งเข้าปะทะของกรที่ได้บอกไปนี้ มันใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาทีเลยด้วยซ้ำนั่นเอง

 

〝สุดยอดไปเลยนี่หว่า! ประมาทไม่ได้อย่างที่คิดจริงๆ….เพราะงั้นฉันก็ขอเอาให้เต็มที่เลยก็แล้วกัน〞

แล้วก่อนอื่นก็ต้อง…..ลองความคมของเคลเบรอสซะก่อน

          แล้วกรก็ยังคงพุ่งต่อไปแบบนั้นและเตรียมโจมตีเข้าไปโดยเตรียมการตั้งรับการเคาท์เตอร์นั้นไปด้วย ในขณะเดียวกันก็คิดที่จะลองความคมและความทนทานของดาบเคลเบรอสด้วยเช่นกัน จึงคิดที่จะฟาดดาบลงไปที่โล่ของฟร็อกแมนทั้งอย่างงั้นเลย

 

ฉั๊ว!

แล้วไม่รอช้ากรที่พุ่งเข้าไปประชิดตัวฟร็อกแมนได้ในเวลาอันสั้นก็เงื้อดาบขึ้นเหนือหัวแล้วฟันลงเป็นแนวดิ่งไปที่โล่ของมันด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออีกครั้งจากนั้น…….

 

แกร็ก! 

โอ๊บบบบบบ!!!!!!!!!!!!!

          แล้วจากนั้น โล่ของฟร้อกแมนก็ขาดเป็นสองส่วนด้วยรอยตัดที่สวยงามมาก แสดงถึงความคมของดาบได้อย่างดี แต่ไม่ใช่แค่นั้น นั่นเพราะความคมที่ว่ามันมีมากถึงขนาดเฉือนแขนของมันที่ติดกับโล่ให้ขาดไปด้วยกันได้เลย  นั่นเลยทำให้ฟร็อกแมนร้องโหนหวนออกมาอย่างน่าเวทนาแล้วก็โซซัดโซเซไปชนเข้ากับผนังถ้ำแล้วก็ล้มลงทั้งอย่างงั้นเลย

 

〝สะ….สุดยอด  เคลเบรอส….แกนี่โคตรโกงเลยหว่ะ!〞

〖หึ แน่อยู่แล้ว! ตัวข้าเป็นดาบในตำนานเลยนะเจ้าหนู  จะมีอานุภาพขนาดนี้ก็ไม่แปลกไม่ใช่รึไง?〗

เออเนอะ…..จะว่าไปเจ้าหมานี่ มันมีความหายากระดับ【SSS】ที่เป็นระดับสูงสุดเลยนี่น๊ะ…..สงสัยเราจะดูถูกมากเกินไปหน่อย…..

 

พรวด!

ฟิ้ว!!!!

〖เจ้าหนู!〗

〝อา….รู้แล้วน่า!!!〞

          แต่ในขณะที่กำลังชื่นชมพลังของเคลเบรอสอยู่นั้น ฟร็อกแมนอีกตัวที่อยู่ห่างออกไปก็พ่นน้ำขนาดใหญ่ออกมาจากปากของมันเป็นทางยาวอย่างรวดเร็วราวกับฉีดน้ำจากสายดับเพลิงขัดจังหวะความคิดของกร  กรเองแม้จะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ในขณะสู้แต่ก็ไม่ได้ลดสุดยอดการประมวลผลเพื่อใช้ในการสังเกตศัตรูเลยนั้นรู้การโจมตีนี้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แล้วกรก็ทำเรื่องที่ทำให้เคลเบรอสตกใจก่อนหน้านี้อีกครั้ง

 

วิ้ง!!!!

          แล้วกรก็เพ่งสมาธิไปยังอัญมณีสีเขียวบนหลังมือซ้ายเพื่อสั่งใช้งานสกิล『ดูดซับทุกสิ่ง』ด้วยความคิด  แล้วจากนั้นมันก็ตอบสนองความคิดของกรในทันทีด้วยการเปล่งแสงสีเขียวงดงามออกมาสะท้อนไปทั่วภายในถ้ำที่กำลังส่องประกายนี้จนกรยังแสบตาเลยทีเดียว แล้วพอแสงสว่างขึ้นพอสมควรอันเป็นสัญญาณว่าสกิลทำงานเรียบร้อยแล้ว กรก็ยกมันขึ้นมาในระดับสายตาแล้วเอื้อมไปทางเวทย์ที่ฟร็อกแมนปล่อยออกมาราวกับจะคว้ามันมาให้ได้ในทันที แล้วจากนั้น….

 

วูม!!!———

〖จะ…เจ้าหนู! เจ้ากำลังทำอะไรกันแน่เนี่ย!!!〗

〝เอาไว้ทีหลังน่า! ว่าแต่แกนี่พูดอย่างอื่นไม่เป็นรึไงฟ่ะ!!!〞

          แล้วสายน้ำที่พุ่งเข้ามาด้วยความแรงนั่นก็ก็หายไปเมื่อถูกมือซ้ายของกรที่ยื่นออกไปสัมผัสด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เพราะทันทีที่มันสัมผัสมือซ้ายของกรมันก็ถูกดูดกลืนในเสี้ยววินาทีเสมือนไม่มีผลกระทบอะไรกับกรเลย และเพราะเรื่องที่อยู่เกิดตรงหน้ามันเกินความเข้าใจของเคลเบรอส เขาจึงตกใจมากเมื่อเห็นกรทำแบบนั้น แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเห็นมาแล้วก็ตามที แต่เพราะกรพูดตัดบทไว้เพื่อดำเนินการต่อสู้ตรงหน้าให้จบ เคลเบรอสก็เลยงดคำถามที่ว่าไว้ก่อน

 

ฉั๊ว!   

โอ๊บบบบบบ!!!!!!!!!!!!!

          แล้วกรก็เดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาฟร็อกแมนที่อยู่ใกล้กำแพงที่ถูกเขาฟันแขนขาดไปก่อนหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วจัดการบั่นคอมันอย่างไม่ลังเล นั่นเป็นเพราะกรเห็นท่าว่าการต่อสู้นี้อาจจะยืดเยื้อเกินความจำเป็น กรจึงรีบเร่งที่จะจบการต่อสู้นี้เสียที  เพราะได้ข้อมูลคร่าวๆ ทั้งท่าทางและการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ประเภทนี้ก็อยู่ในหัวหมดแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลต่อ และแม้ว่ามันอาจจะมีเวทย์ชนิดอื่นอยู่อีก แต่กรก็คิดว่าไม่จำเป็นซักนิด นั่นเพราะหากปล่อยนานไปโอกาสชนะของมอนสเตอร์จะเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และนั่นก็หมายถึงโอกาสชนะของตนจะต่ำลง กรนั้นไม่อยากประมาทกับสถานการณ์ที่ว่าจึงคิดว่าจะเก็บข้อมูลที่เหลือในการปะทะครั้งต่อๆไปจะดีกว่า

 

ตู้ม!!!

ฉั๊ว! 

แล้วกรก็ถีบพื้นอีกครั้งเพื่อพุ่งเข้าไปหาคองโซลเยอร์ที่อยู่ระหว่างฟร็อกแมนกับตน เพื่อจัดการตามลำดับจากนั้นก็เงื้อดาบในมือขวาไปด้านหลังจากทางซ้ายล่างในขณะที่พุ่งตัวไปด้วย เพื่อฟันคองโซลเยอร์จากทางล่างซ้ายขึ้นไปยังไหล่ขวาเป็นแนวทแยงเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวไปในตัว แต่ทว่า…..

 

วืด—

〝โกหกน่า! หลบได้งั้นเหรอ!!!〞

〖เจ้าหนู! รีบก้มหัวลงซะ!!!〗

〝อึก! รู้แล้วน่า!!!〞

          การโจมตีของกรที่รวดเร็วนั่นยังไม่พอที่จะโจมตีใส่คองโซลเยอร์  ดูเหมือนว่าสเตตัสของมันจะมีแนวโน้มไปทางความคล่องตัว และมันฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่สามารถรับการโจมตีของกรได้มันจึงได้ทำเช่นนั้นด้วยสัญชาตญานก็เป็นได้ มันจึงสามารถหลบดาบของกรที่จนตอนนี้โดนเป้าหมายตลอด ทั้งเพราะมีสกิล『โจมตีอย่างแม่นยำ』ก็ด้วย  กรจึงยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ว่ามันหลบได้ยังไง แต่เสียงเตือนของเคลเบรอสที่ตะโกนบอกกรอย่างกระทันก็ดึงสติของกรกลับมาจนกรสังเกตเห็นว่าฟร็อกแมนที่อยู่ด้านหลังเองมันปล่อยเวทย์ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน  กรเองก็ตกใจไปเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น แต่นั่นกลับมากพอที่จะทำให้ฟร็อกแมนร่ายเวทย์ออกมาอีกครั้งเลยทีเดียว แล้วจากนั้น….

 

ฉั๊ว!!!!!!!!!!!!!

ตุ๊บ!!!  แผล่ะ!!!!

เจี้ยกกกก!!!!!!!!

〝!!!!!!!!!!!〞

          ในจังหวะที่กรก้มลงอยู่ในท่านั่งยองแทบจะทันที กรก็สัมผัสถึงการเสียดสีของอากาศผ่านศีรษะของตัวเองไปข้างหลังอย่างฉิวเฉียด  แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ คองโซลเยอร์ที่หลบดาบของกรไปข้างหลังได้นั้น ตอนนี้ถูกแบ่งเป็นสองซ่อนในแนวขนานกับพื้น แล้วลำตัวท่อนบนของมันก็หล่นลงพื้นเสียงดังตามด้วยเสียงร้องโหยหวนของมันที่เพิ่งตามมาหลังท่อนบนหล่นลงพื้น จากนั้นมันก็แน่นิ่งไป  นั่นเลยทำให้กรตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็กลับมาปรับความคิดใหม่ให้เยือกเย็นอีกครั้งในทันที

 

〝ใช้พวกเดียวกันเป็นตัวล่องั้นเหรอ!?….เป็นแผนที่ไม่เลวเลยนี่หว่า  ไม่สิ…มอนสเตอร์นี่คงไม่มีคำว่า『พรรคพวก』อยู่ในสมองหรอกมั้ง…..〞

〖เจ้าหนู! ใช้สกิลของข้าทำให้จบในทีเดียวไปเลย!!!〗

〝หืม…..เข้าใจแล้วเจ้าหมา!!!〞

          เคลเบรอสเองก็คงเห็นว่าหากยืดเยื้อไปมากกว่านี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกก็ไม่รู้ จึงได้บอกให้กรใช้สกิลของตนออกมาเพื่อปิดฉากการต่อสู้นี้เสียที

 

〝ก็ไม่ถึงกลับเกลียดวิธีที่แกทำหรอกนะ…..แต่เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาหว่ะ  เพราะงั้นไปลงนรกซะไอ้กบเวร!!!!!〞

          แล้วกรก็พูดแบบนั้นพลางวาดดาบในมือขวาไปข้างหลังไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว แล้วก็ตะโกนชื่อสกิลที่เคยสร้างความลำบากให้ตัวเองออกมาจนก้องไปทั่วทั้งบริเวณ

 

【ตัดสายลม!!!!!!!!!!!!】

ฟิ้ว!  ฟิ้ว!  ฟิ้ว! 

แล้วจากนั้นก็วาดดาบที่ตอนนี้อยู่ในท่าเตรียมพร้อมจากด้านหลังทางขวาวาดมาข้างหน้าไปยังด้านซ้ายเป็นวงกลม จากนั้นก็เกิดการโจมตีขึ้น 3 ครั้งในขณะที่การร่ายสกิลจบลง และทั้งหมดก็พุ่งตรงไปยังที่ๆฟร็อกแมนยืนอยู่นั่นโดยไร้ซึ่งร่องรอยใดๆทั้งสิ้น แต่ทว่า…..

 

ฉั๊ว!!!  เคร้ง!!!

〝!!!!!!!!!!〞

          แม้ฟร็อกแมนนั่นจะไม่ขยับออกไปจากตำแหน่งเดิมเลยซักนิด  แต่มันกลับปัดป้อง『ตัดสายลม』ที่ไม่แสดงร่องรอย ทั้งยังติดตามเป้าหมายได้อันนึง แต่ถึงแบบนั้นก็ทำให้ดาบของมันแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที กรเองก็ตกใจมากเมื่อเห็นภาพแบบนั้นเข้า แต่เพราะตอนนี้ต้องตั้งสมาธิกับการต่อสู้ จึงได้เลิกคิดเรื่องนั้นไปชั่วคราว

 

ฉั๊ว!  ฉั๊ว!

โอ๊บบบบบบ!!!!!!!!!!!!!

          แต่ถึงแม้จะน่าทึ่งและสุดยอดแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งสกิลตัดสายลมได้ทั้งหมด แล้วฟร็อกแมนก็โดนการโจมตีที่เหลืออีก 2 อัน เข้าไปเต็มๆ จนกระเด็นไปราวๆ 2 เมตร จนเลือดท่วม พอมันแน่นิ่งไปแล้ว กรก็เลยเดินเข้าไปเพื่อตรวจสอบ แต่เสียงอันคุ้นเคยที่ดังขึ้นมาในหัวของกรก็ทำให้กรมั่นใจว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว

 

【เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว!】

 

วิ้ง!!!!

          ในขณะเดียวกับที่เสียงนั้นดังขึ้นมาในหัวของกร มอนสเตอร์ทั้ง 3 ที่แน่นิ่งไปแล้วก็ส่องแสงสีเหลืองอ่อนออกมาทั้งตัว แล้วพอแสงเหล่านั้นหายไปทั้งหมดพร้อมๆกับร่างของมอนสเตอร์ทั้งหมด สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ หนังสือ เหรียญ อาวุธ ชุดเกราะ วัสดุและแร่ ฯลฯ กรเองก็เห็นว่ามันดรอปออกมาเยอะเกินไปรึเปล่า แต่ก็นึกได้ว่าตนปรับอัตราการดรอปค้างไว้จากครั้งที่แล้ว ผลก็เลยเป็นแบบนี้ และก็ไม่รอช้ากรก็จัดไอเทมทั้งหมดให้เป็นระเบียบแล้วจัดการเก็บมันลงไปในมิติเฉพาะของ『ดูอัลไดเมนชั่นริง』ในทันที

 

〖เจ้าหนู! บอกข้าได้รึยังว่าเจ้าทำอะไรลงไปในตอนที่ไอ้กบนั่นปล่อยเวทย์น้ำใส่หน่ะ!? ไม่สิถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด….เรื่องที่ของดรอปออกมามากผิดปกตินี่ก็เป็นฝีมือเจ้าใช่ไหม!?〗

แล้วพอจัดการไอเทมดรอปเสร็จสิ้น เคลเบรอสก็เอ่ยถามข้อสงสัยของตัวเองในตอนก่อนหน้าออกมาด้วยอาการอยากรู้อยากเห็นแบบสุดๆ และแน่นอนว่าคำตอบของกรทำให้เคลเบรอสตกใจมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก….

 

〝นั่นสินะ……งั้นไหนๆแล้วก็ขอบอกความสามารถทั้งหมดให้แกรู้เลยก็แล้วกันนะ  งั้นก็เริ่มจากการจุติครั้งแรก——— 〞

          แล้วกรก็บอกความสามารถรวมถึงสกิลของตนออกไปทั้งหมด ทั้งคุณสมบัติพิเศษของสกิลทั้งหลาย ความสามารถของอัญมณีในมือซ้าย  ความสามารถของตราเวทย์ในมือขวา ความสามารถในการทนทานสถานะผิดปกติทุกชนิดได้และลดความเสียหายทั้งหมดลงเหลือแค่ครึ่งเดียวก็ด้วย แต่ที่กรเล่าแล้วเคลเบรอสร้อง〖ห๋า!!!!〗ออกมาก็คงไม่พ้นเรื่องของ『หน้าต่างตั้งค่า』ที่สามารถปรับค่าต่างๆได้ตามใจนึกนั่นแหล่ะ

 

〖……………….〗

〝เฮ้ย! เจ้าหมา อย่าเงียบสิเฟ้ย!!!〞

〖เจ้าหนู….ข้าขอพูดอะไรอีกหน่อยก็แล้วกันนะ  อย่าโกรธข้าหล่ะ…〗

〝มะ…..มีอะไรฟ่ะ! พูดยังกะครั้งที่แล้วเลย!?〞

และก็ตามที่คาดเคลเบรอสทำหน้าอึ้งกิมกี่ และไม่พูดไม่จาอะไรเลยจนกระทั่งกรเรียกชื่อของเขา และพอเคลเบรอสพูดประโยคคล้ายๆแบบเดิมอีกครั้ง ก็เลยทำให้กรรู้สึกตกใจ

 

〖ไอ้ขี้โกงเอ้ย!!!!!〗

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)

ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย,Juti: Cheaters Party
Status: Ongoing
อ่านนิยาย ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)กรถูกส่งไปต่างโลกด้วยสเตตัสกากสุดในโรงเรียน เขาจึงสร้างปาร์ตี้ฮาเร็มสุดแกร่งขึ้นเพื่อทำลายความไร้เหตุผลที่พระเจ้าได้มอบให้กับเขาซะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset