ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร – ตอนที่ 14: มังกรที่อันตราย

 หลังจากวันนั้นคุณโรเวิร์ตก็เอาแร่อุลไปเมืองหลวงเพื่อทำเครื่องประดับให้ แล้วก็ใช้เวลาราว ๆ หนึ่งเดือน เขาก็กลับมาพร้อมกับสร้อยคอที่ใจกลางเป็นอุล

แถมยังเล่าให้ฟังว่ามันเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่จะขยายตัวตามผู้ที่ใส่ และตอนนี้มันก็อยู่บนคอฉัน…ทำเอาช่วงเวลาหนาวเหน็บในช่วงเดือนที่ผ่านมาเป็นเรื่องโกหกไปเลย

พอใส่สร้อยนี้แล้วความอบอุ่นก็ห่อหุ้มไปทั่วทั้งร่างกาย แผลของเคียร่าเองก็หายสนิทแล้ววันนี้เราจึงออกมาเดินเล่นกันข้างนอก

 

‘หิมะ! ดูสิเคียร่า ถึงจะเอาตัวคลุกหิมะแบบนี้ก็ไม่หนาวเลยสักนิด!!’

 

ฉันร้องออกมาด้วยความร่าเริงพลางกระโดดโลดเต้นไปมา ก่อนจะกระโจนลงไปในกองหิมะที่พูนกันสูงขึ้นเล็กน้อยเพราะคนตักมารวมกัน

ในช่วงฤดูหนาวก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรให้ทำ พวกคนในหมู่บ้านจะต้องมาตักหิมะออกจากตัวบ้านและทางเดิน เพื่อไม่ให้ตัวอาคารจมไปในกองหิมะ

และไม่ให้ทางเดินโดนหิมะปิดจนออกไปข้างนอกไม่ได้นั่นเอง และใช่ ตอนนี้เราก็กำลังทำงานกันอยู่…ทะ- ทำอยู่จริงๆ นะ!

 

“ฮะ ๆ เล่นหิมะสนุกดีใช่ไหมล่ะ”

 

‘แน่นอน! เคียร่าก็มาเล่นด้วยกันสิ’

 

ฉันลืมเลือนคำที่ว่าเราทำงานกันอยู่ไปสิ้นเชิง พร้อมทั้งกลิ้งไปมาบนหิมะจำนวนมาก พอเป็นมังกรแล้วไม่จำเป็นต้องใส่ชุด เพราะงั้นสัมผัสที่ร่างกายโดนหิมะโดยตรงจึงแปลกพอสมควร

ที่สำคัญโคตรรู้สึกดีเลย!!

งานที่เราได้รับมอบหมายมาเป็นการเปิดทางถนนที่ไว้สำหรับรถม้าผ่านซึ่งลึกไปในป่า ต่อให้จะเป็นหมู่บ้านชนบทอันห่างไกล แถมยังทุรกันดารจนเต็มไปด้วยป่า

แต่การที่เปิดทางรอรับผู้ผ่านทางก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ไหนจะมีการติดต่อกันของพวกขุนนางหรือถ้าจะไปเมืองใกล้ ๆ ยังไงก็ต้องมีเปิดทางเอาไว้เพื่อความสะดวก

และเราสองคนก็ได้รับหน้าที่มาจัดการทางลึกมาในป่านั่นเอง เพราะว่าฉันที่เป็นมังกรสามารถไล่สัตว์ป่าไปได้ แถมยังได้รับการยอมรับจากมังกรอัลละวาแล้วจึงไม่ต้องกังวลเรื่องถูกโจมตี

 

“ถึงอุลจะทำให้อุ่นขึ้นก็เถอะ แต่ก็อย่าทำให้ตัวเย็นมากเกินไปล่ะ”

 

เข้าใจน่า ฉันตอบกลับเคียร่าไปอย่างไม่สนใจนักและวิ่งวนไปรอบๆ อย่างสนุกสนาน ไหน ๆ ก็ได้โอกาสออกมาข้างนอกในช่วงฤดูหนาวทั้งที ขอเล่นให้หนำใจหน่อยแล้วกัน

แล้วในตอนที่ฉันกำลังกลิ้งไปมาบนหิมะและหลับตาเพราะความสบายนั้นเอง ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง…แสงสีทองที่อบอุ่น กลิ่นของเวทมนตร์ที่อ่อนโยน

ฉันเด้งตัวขึ้นมาและหยุดนิ่งทันทีเพื่อสัมผัสให้มากขึ้น จนเคียร่าสงสัยว่าเป็นอะไรและเรียกฉันอย่างกังวล แต่ฉันไม่ตอบเธอแล้วเพ่งสมาธิไปที่แสงนั่น…

เมื่อลองเพ่งมองดี ๆ ก็รู้สึกได้ว่าแสงมันห่อฉันเอาไว้อยู่ และนอกเหนือจากนั้น มันก็ลอยไปอีกทางเป็นเหมือนเส้นที่เชื่อมต่อกันอยู่

เมื่อฉันมองไปตามทางที่มันมุ่งตรงไป…กลุ่มก้อนที่ใหญ่ ใหญ่มาก ๆ กำลังมุ่งมาทางนี้อย่างช้า ๆ คงเข้ามาค่อนข้างใกล้เลยมองเห็นได้อย่างชัดเจน

มันคืออะไร?

 

“ริเกล?”

 

ฉันเผลอสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเรียกของเคียร่าที่ดังข้างหู จึงหันไปมองก็พบกับเธอซึ่งกำลังกังวล พลางเอามือมาจับหน้าผากของฉัน

 

“เป็นอะไรรึเปล่า คงไม่ใช่ว่าเป็นไข้ใช่ไหม”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็ส่ายหัวสลัดตัวและสยายปีก พร้อมทั้งส่งเสียงร้องเพื่อบอกว่าสบายดี เคียร่าจึงกลับมายิ้มเช่นเดิมและบอกว่า ดีแล้ว ก่อนจะกลับไปทำงาน

ฉันเองก็กลับมาตั้งใจทำงานเช่นเดิม ไม่นานมากก็เสร็จแล้วเราก็กลับบ้านกัน หลังจากเล่นหิมะเย็น ๆ กลับบ้านมานั่งหน้าเตาผิงแล้วซดซุปอุ่น ๆ แบบนี้นี่มันสวรรค์จริง!

 

————– ————

 

ปีใหม่ ในโลกเก่ามักจะเป็นเทศกาลฉลองต่าง ๆ ตามพื้นที่ ไม่ก็มีกิจกรรมพิเศษในวันพิเศษ แต่โลกนี้ไม่มีอะไรแบบนั้น ขึ้นปีใหม่ทุกคนมักจะทำเพียงสวดภาวนาต่อปีถัดไป ไม่ก็ไม่ทำอะไรเลย

แต่ไม่ใช่กับบ้านหลังนี้ ที่มีการจัดงานเลี้ยงฉลองตอนวันปีใหม่ เพราะว่าพอขึ้นปีใหม่เมื่อไหร่ ก็จะตรงกับวันเกิดของเคียร่าทันทีนั่นเอง

ปกติคนจะไม่ค่อยจำวันเกิดสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าเคียร่าที่เกิดวันแรกของปีพอดีเลยจำง่าย และถึงจะไม่ได้สังเกตโลกนี้ก็มีการนับปีเหมือนกัน

ก็นะ…การนับปีมันตามศาสนานี่นา แล้วหมู่บ้านบ้านนอกแบบนี้ก็ไม่ใส่ใจศาสนาเท่าไหร่ ขนาดโบสถ์ยังมาไม่ถึงเลย ชาวบ้านก็ใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ไม่ว่างจะสวดภาวนาด้วยซ้ำ

ศาสนาที่ว่าคือ วารุน ที่นับถือมังกรพิภพเป็นเทพสูงสุด ปีใหม่ที่ขึ้นนี้ก็คือ ศักราชวารุนปี 1,686 และเคียร่าก็อายุ 9 ปีแล้วนั่นเอง

แต่ถึงจะบอกว่างานเลี้ยง ก็แค่วันที่อยู่ดึกเป็นพิเศษแล้วก็มีอาหารเต็มโต๊ะแค่นั้นแหละ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบง่ายจนช่วงเวลาของปีที่ผ่านมาจบลง

และฉันก็เปิดหน้าต่างมองออกไปข้างนอกกับเคียร่ากันสองคน…แอบเป็นห่วงเคียร่านิดหน่อยว่าจะป่วยไหม แต่เธอก็ยืนกรานที่จะมองบนท้องฟ้า

ฉันเลยได้แต่ทำตามเธอและอยู่ข้าง ๆ

 

“นี่ริเกล ยังอยากจะผจญภัยอยู่ไหม”

 

‘เรื่องนั้น…’

 

ฉันก้มหน้าลงแล้วครวญครางเป็นการตอบเธอ ก็ใช่ว่าไม่อยาก แต่มันพูดไม่ถูกมากกว่า…ฉันในตอนนี้อ่อนแอมากจริง ๆ ไม่รู้ว่าถ้าเดินทางตอนนี้จะไหวรึเปล่า

เลยกังวลซะมากกว่า นั่นทำให้เคียร่าหัวเราะเล็กน้อย

 

“ฉันบอกกับคุณโรเวิร์ตไว้น่ะ ว่าไม่ว่ายังไงก็อยากเรียนเวทมนตร์”

 

ฉันเปิดตากว้างและหันขึ้นไปมองเคียร่า เธอก็ยื่นมือมาลูกหัวฉันซึ่งยืนสองขาเพื่อมองออกไปด้านนอก ตัวฉันใหญ่จนยืนแบบนี้น่าจะสูงกว่าเธอแล้วด้วยซ้ำ

 

“ถึงจะยังไม่เดินทางในทันที แต่ฉันจะเตรียมตัวไว้จนกว่าเธอจะพร้อมนะ”

 

‘…’

 

ทำให้เธอเป็นห่วงอีกแล้ว แต่ว่า ก็ดีแล้วล่ะ ฉันอยากจะพร้อมมากกว่านี้จริง ๆ อยากจะคอยปกป้องเธอได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…เหมือนอย่างอุล

ว่าแล้วความอบอุ่นในร่างก็แผ่ไปทั่วร่างกาย ราวกับว่าเขากำลังตอบสนองคำของฉันอยู่ นั่นทำให้ฉันรู้สึกสงบใจขึ้นมากเลยล่ะ

 

วันเวลาผ่านไป หิมะเริ่มละลายหายไปแทนที่ด้วยความอบอุ่นจากฤดูใบไม้ผลิ หมู่บ้านนี้ไม่มีฟาร์มแต่ว่าพึ่งการเก็บของป่า กับของจากเมืองใกล้หมู่บ้านเท่านั้น

ถึงแม้อากาศจะไม่เย็นแล้วแต่ของที่มอบความอบอุ่นอย่างอุลก็ไม่ส่งผลเสียแม้แต่น้อย พอไม่เย็นมันก็เลิกมอบความอบอุ่น เป็นหลักการง่าย ๆ ที่น่าประหลาดใจ

และตอนนี้คุณโรเวิร์ตก็กำลังทำตามคำสัญญา ที่ว่าจะสอนเวทมนตร์ให้กับเคียร่า แต่จะเป็นช่วงบ่ายจนถึงเย็น เพราะว่าตอนเช้าเคียร่ากับฉันต้องเข้าป่าเพื่อเก็บของป่าตามปกติ

และพวกเราสองคนมักจะชอบไปสถานที่ที่ไกลออกไปสักหน่อยตลอด เรียกว่าการสำรวจไง การสำรวจ และวันนี้เราก็มาลึกจนถึงหน้าผาทางใต้ซึ่งค่อนข้างไกลจากหมู่บ้านพอควร

 

“จะว่าไป ก็ใกล้ถึงวันที่เจอริเกลวันแรกแล้วหนิเนอะ”

 

‘เอ๋ เป็นงั้นเหรอ’

 

เคียร่าหัวเราะให้กับการทำหน้าสงสัยของฉัน ก่อนที่จะพูดต่อ

 

“หลังจากเข้าฤดูใบไม้ผลิได้ 1 เดือนฉันก็เจอเธอในป่าไง”

 

อ้อ งั้นน่าจะใช่แหละฉันไม่ได้นับเลยแฮะ…นี่ผ่านมา 1 ปีแล้วเหรอ ไวจริงนะ ฉันเผลอยิ้มออกมาแล้วหลับตาลงสูดบรรยากาศโดยรอบ

แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะหนนี้ก็มองเห็นแสงสีทองเช่นเดิม แต่ว่า…มันใกล้มาก อยู่ด้านหน้านี่เอง

 

‘กรร!!’

 

จู่ ๆ ก็เกิดเสียงคำรามดังสนั่นมาจากอีกฟากของหน้าผา…ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก เสียงมันมาจากอีกด้านของหินที่พวกเรายืนอยู่ ซึ่งดังจนมาถึงตรงนี้นี่แหละ

สัตว์ในป่าแตกตื่นและวิ่งไปมาด้วยความร้อนรน ฉันกับเคียร่าเองก็ตกใจจนทำตัวไม่ถูก แล้วทันใดนั้นเองอีกฟากของหน้าผาก็เกิดเสียงฝีเท้าหนัก พร้อมทั้งเสียงกระพือปีกอย่างแรงจนมีเสียงแหวกอากาศเกิดขึ้น

และจางหายไปบนฟ้า…เมื่อมองตามก็พบกับเงาของมังกรขนาดยักษ์ กำลังสยายปีกอย่างยิ่งใหญ่ บดบังดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างกลางหัวพวกเรา

จนเมื่อเงยหน้ามองก็ต้องเอามือมาป้องตา และเงานั่น…ก็หยุดและหักเลี้ยวดิ่งลงมาจุดที่พวกเราอยู่

 

‘!? เคียร่าหนีเร็ว!’

 

เพราะว่าเคยบินรึเปล่านะ เลยรู้ได้ว่าวิถีบินของมังกรตัวนั้นกำลังพุ่งตรงไปที่เคียร่า ฉันจึงร้องออกมาด้วยความลนลาน พลางพุ่งตัวเข้าไปชนเคียร่าให้วิ่งหนี

คราวนี้เป็นฉันที่รู้สึกตัวและดึงสติเคียร่ากลับมา เธอเองก็ตั้งสติตามฉันและเริ่มวิ่ง โดยมีจุดปลายทางคือหมู่บ้านนั่นเอง

 

“มะ- มังกรจากอีกฝั่งของภูเขา?! ด้านนอกมีแต่ทะเลไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงบินมาฝั่งนี้ล่ะ”

 

เคียร่าเริ่มพึมพำข้อสงสัยของตัวเองออกมา ไม่รู้! ตอนนี้ไม่รู้แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย ที่แน่ ๆ คือต้องหนีก่อนเพราะพอวิ่งแบบนี้ก็เห็นได้ชัดเลย ว่าเจ้านั่นมันตามพวกเรามาอยู่!!

จะว่าเคียร่าก็ไม่ได้ ในหัวฉันก็เต็มไปด้วยคำถาม…นั่นคือตัวตนของแสงสีทองขนาดใหญ่เหรอ? แล้วทำไมมันถึงตามเรา ไม่สิเดิมที…ทำไมมันถึงรู้ว่าพวกเราอยู่ตรงนี้

ไม่เข้าใจอะไรเลยโว้ย!! พอมองไปด้านหลังก็เห็นว่าระยะห่างลองของพวกเรายิ่งน้อยลงกว่าเดิม อา…ฝีเท้าของเคียร่าไม่ได้เร็วขนาดนั้นนี่นา แถมฉันก็ยังผ่อนแรงตามเธอด้วย

ว่าแล้วฉันก็วิ่งไปดังหน้าเคียร่าจนเธอต้องหยุดวิ่ง ฉันจึงขยับปีกเบา ๆ เพื่อเป็นการบอกให้ขึ้นหลัง

 

“ให้ฉันขี่เหรอ?”

 

ฉันพยักหน้าให้เธอ ถึงแม้ตอนนี้อาจจะตัวเล็กเกินจะให้เธอขี่ แต่แบบนี้น่าจะหนีได้ไกลกว่า เธอเองก็ทำท่าเข้าใจก่อนจะรีบปีนขึ้นมานั่งหลังฉัน และกอดคอแน่น

 

‘กรร!!’

 

และทันทีที่เคียร่าขี่ฉัน ด้านหลังก็เกิดเสียงคำรามที่หนักแน่นขึ้นอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงความโกรธอย่างชัดเจน อะไรเล่าโกรธอะไรกันเนี่ย…

และเพราะไม่มีทางเข้าใจฉันถึงได้ออกวิ่งทันที

 

“อึก”

 

ได้ยินเสียงร้องออกมาจากเคียร่า อาจจะเพราะเร็วเกินจนเกิดแรงกระแทกล่ะมั้ง เธอจึงได้ร้องออกมา แต่อดทนนิดนึงนะเคียร่า ฉันจะต้องทำให้เธอปลอดภัยเอง

แต่แล้ว จู่ ๆ ก็มีกลิ่นฉุนที่หอมหวานอย่างน่าประหลาดโชยมาจากด้านหลัง ฉันรู้ได้เลยว่านั่นคือเวทมนตร์ที่ตั้งใจโจมตีมา จึงหยุดเท้ากะทันหันจนดินโดนขูดไปไกล

และเคียร่าที่รับแรงนั้นไม่ไหวก็ตกจากหลังฉัน เหนือสิ่งอื่นใด…

 

‘โครม!’

 

มีลำแสงสีฟ้าสดขนาดใหญ่ปาดหน้าพวกเราไปเพียงนิดเดียว มันถูกกวาดเป็นเส้นโค้งรอบตัวพวกเราไว้ค่อนข้างกว้าง ทุกสิ่งที่โดนแสงนั่นถูกทำลายคนแทบไม่เหลือซาก พื้นเองก็ถูกทำลายจนแตกไปหมด

ตาย…ถ้าเมื่อกี้หยุดไม่ทันแล้วโดนเข้าไปตายแน่ ๆ น่ากลัวไปแล้ว

 

“นั่น…อะไรน่ะ”

 

เคียร่าเองก็มีสีหน้าตกตะลึงไม่ต่างจากฉัน เหนือสิ่งอื่นใด…เธอที่ตกจากหลังของฉันได้แผล บ้าเอ้ย ทำไมไม่ระวังให้ดีกว่านี้กันริเกล!

กลายเป็นว่าตอนนี้ทางหนีก็ถูกปิด แถมเคียร่ายังบาดเจ็บจนเดินไม่ไหว ที่สำคัญ…

 

‘ตึง!’

 

มีเสียงของบางอย่างที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากดังขึ้นด้านหลัง และใกล้มาก ๆ เมื่อหันไปมองก็พบกับมังกรขนาดยักษ์ที่ลงมากับพื้น พอยืนอยู่แบบนี้แล้วก็เห็นขนาดและรูปร่างได้ชัดเจน

(เครดิตผู้ออกแบบ : Kola-rabbit )

​มังกรตัวใหญ่…ไม่สิ พอเห็นใกล้ขึ้นแล้วไม่ได้ตัวใหญ่เท่าเสียงที่ดังกระหึ่ม แต่ก็น่าจะตัวใหญ่กว่าอุลแค่นิดหน่อย ลำตัวสีฟ้าอ่อนเกือบขาว

และมีเกล็ดงอกออกมาใหญ่กว่าที่อยู่ตามผิวบางจุดซึ่งเป็นสีน้ำเงิน ร่างกายดูใหญ่กำยำมีแรงมาก แต่ทางลำตัวลงไปก็ดูเพรียวบางลงมา จะว่ามังกรปฐพีก็ไม่ใช่ จะว่ามังกรวารีก็ไม่เชิง

ใบหน้าที่ดูแข็งแกร่งและดุดันจับจ้องมายังพวกเราที่อยู่ด้วยกัน พร้อมทั้งแยกเขี้ยวขู่อย่างโกรธเกรี้ยวโดยไม่รู้สาเหตุ แต่ก็รู้แค่ว่ามังกรตัวนี้

…อันตราย

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset