ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร – ตอนที่ 84: ภาค 4 กำเนิดจุดแปรผันของประวัติศาตร์ ตอนที่ 1 เรื่องของการแต่งงาน

ความรู้สึกแรกหลังได้มาอยู่ในเซทเฟร่าคือ ความลำบากใจ เพราะว่าต้องพยายามไม่ให้คนเห็นตัวตนของฉัน จึงต้องหลบอยู่ในพื้นที่ของโบสถ์ ซึ่งมีแค่คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะเข้ามาได้

และเพราะแบบนั้น…

 

“ดูนั่นสิ ท่านมังกรพิภพล่ะ”

 

“โอ้ ช่างงดงาม”

 

“อา เป็นบุญตาเหลือเกิน”

 

ฉันทำสีหน้าเอือมระอาในขณะที่นอนแผ่ไปบนพื้นด้วยความว่าง ถึงที่นี่จะดูแลดีมากเลยก็เถอะ แต่เรื่องที่อึดอัดก็ยังไม่เปลี่ยน

ที่ฟาเรเรียส่วนใหญ่มองฉันเป็นเทพก็จริง แต่ไม่ได้เอาใจใส่ขนาดนี้ ออกไปทางหวาดกลัวด้วยซ้ำ แต่ที่นี่ไม่ใช่…เพราะเป็นโบสถ์หลักขนาดใหญ่ของศาสนา ในนี้จึงเต็มไปด้วยคนที่ศรัทธาอย่างแรงกล้า

พูดให้ตรงประเด็นคือคลั่งศาสนา

 

‘ก็…แอบน่ากลัวอยู่นะ’

 

‘เอ๋ เป็นอะไรเหรอ? มีอะไรน่ากลัวเหรอ? หรือว่าไม่ชินตรงไหนรึเปล่า? นี่’

 

ทันทีที่ฉันเผลอบ่นออกมาแบบนั้น อิกนิสที่นอนอยู่ไม่ไกลออกไปนั้น ก็ชะโงกหัวขึ้นมาแล้วพูดไม่หยุด พร้อมทั้งเดินวนรอบตัวฉันราวกับพยายามหาบางอย่างอยู่

 

‘เปล่าหรอก แค่เจ้าพวกนั้นน่ะ…ไม่คิดว่าน่ากลัวไปหน่อยเหรอ’

 

‘เจ้าพวกนั้น?’

 

หลังพูดจบฉันก็หันหัวไปทางนักบวชที่ยืนอยู่ไกลออกไป อิกนิสจึงหันไปมองตามพร้อมทั้งอ้าปากส่งเสียง ‘อ้อ’ ออกมาลากยาว

 

‘พวกนั้นเป็นคนดีนะ’

 

‘ก็เข้าใจอยู่หรอก…’

 

‘ตอนฉันเหงาเพราะแฟร์ไม่อยู่ด้วย คนพวกนั้นก็มาเล่นด้วยล่ะ!!’

 

‘เหรอ…ดีใจด้วยนะ’

 

พอฉันพูดออกไปแบบนั้นพร้อมกับยิ้มแห้ง อิกนิสก็ส่งเสียงร้องดังออกมาด้วยความดีใจ พลางใช้หางตบพื้นจนดินบุบลงไป

จริงสิ เคยได้ยินมาว่าเกาะที่แฟร์อยู่เป็นเกาะหินไม่มีดินนี่นา แล้วทำไมในสวนนี่ถึงมีดินถมอยู่ล่ะเนี่ย จะว่าไป ทางมาก็ไม่เห็นดินเลยเหมือนกัน

 

‘นี่ ที่นี่ไม่มีดินไม่ใช่เหรอ’

 

‘หือ ตอนที่มาใหม่ ๆ ก็ใช่อยู่หรอก แต่พอสร้างที่นี่ คนพวกนั้นก็พามังกรชนิดนึงมา พวกนั้นลอกคราบเป็นดินด้วยล่ะ!’

 

เอ๋ เป็นงั้นเหรอ ประหลาดจังแฮะ ถึงอิกนิสจะพูดว่าลอกคราบเป็นดินก็เถอะ มันเป็นยังไงฟะนั่น ไม่เห็นจะเข้าใจเลย แต่ถ้าถามไปเขาก็คงตอบว่าลอกคราบก็คือลอกคราบล่ะนะ

เอาเถอะ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องรู้ขนาดนั้นนี่นา

 

‘หือ นั่นแฟลชนี่’

 

ปลายสายตาที่ฉันกวาดไปเจอนั้น มองเห็นร่างของแฟลชที่กำลังบินวนขึ้นลงต้นไม้ พร้อมทั้งสะบัดปีก หงอนบนหัว และเมือกตรงจมูกไปมาอย่างตั้งใจ

อะ พอลองมองดี ๆ ไม่ไกลจากนั้นก็มีมังกรเฟโลกัสตัวอื่นอยู่ด้วยนี่นา

 

‘หมอนั่นทำอะไรอยู่น่ะ’

 

‘อ้อ คงหาคู่อยู่ล่ะมั้ง’

 

‘หาคู่?’

 

‘เจ้านั่นเต้นโชว์สาวอยู่น่ะ ถ้าลีลาถูกใจก็จะได้คู่’

 

‘อะ โดนเมินแล้วไม่ใช่เหรอนั่น’

 

หลังคำอธิบายของอิกนิสไม่ทันไร มังกรที่อยู่รอบตัวแฟลชก็บินแยกตัวกันไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงเจ้าตัวที่หยุดบินแล้วทำท่าจ๋อย ๆ ซึ่งเห็นได้ชัดจากหงอนบนหัวที่หดลง

ก่อนที่อิกนิสจะเป็นคนตะโกนเรียกเขามาด้วยความร่าเริง ทำให้มังกรตัวเล็กนั้นตกใจกับเรื่องกะทันหัน ก่อนจะบินมาหาพร้อมทั้งใบหน้าเศร้า ๆ

 

‘เห็นเมื่อกี้รึเปล่า’

 

อ้า ถามมาแบบนี้แสดงว่าอายที่โดนเห็นตอนแห้วสินะ เวลาแบบนี้ต้องแกล้งไม่เห็น—

 

‘ไม่—’

 

‘อื้อ! เห็นทุกอย่างเลย!!’

 

แต่ฉันก็ลืมไป ว่าคนที่อยู่ด้านข้างฉันเป็นเจ้าพ่อแห่งการไม่อ่านบรรยากาศ ทั้งฉันและแฟลชจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอา โดยที่ตัวอิกนิสเองนั้นไม่เข้าใจแล้วเอียงคอมองด้วยความสงสัย

 

‘ขอโทษนะที่แอบมอง’

 

‘เอาเถอะ ฉันชินแล้วล่ะ’

 

‘ก็ทำครั้งที่ 10 กว่าแล้วนี่นะ!’

 

‘อุ…’

 

การเสริมประโยคของอิกนิสนั้นดูทรงแล้วเหมือนเป็นมีดแทงเข้าที่ตัวแฟลช ไม่สิ เอามีดมาแทงเลยคงเจ็บน้อยกว่า สีหน้าของเขาบ่งบอกออกมาแบบนั้นล่ะนะ

แต่มากขนาดนั้นเลยเรอะ

 

‘ไหงถึงรีบหาขนาดนั้นล่ะ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ไม่ใช่รึไง’

 

‘แต่นี่ฉันก็จะอายุ 3 ปีแล้วนะ 3 ปี!!’

 

‘ยังเด็กอยู่เลยนี่นา’

 

‘เนอะ ริเกลก็คิดเหมือนกันใช่ไหม’

 

ฉันกับอิกนิสมองหน้ากันแล้วยักไหล่ ฉันกับเขามีอายุเท่ากันคือ 7 ปี ดังนั้นแฟลชที่ได้เพียงครึ่งหนึ่งจึงฟังดูเด็กมากสำหรับพวกเรา แล้วอีกอย่าง 3 ปีเนี่ย ฉันยังโตไม่เต็มที่เลยด้วยซ้ำ

แล้วตอนนั้นอิกนิสที่เหมือนคิดบางอย่างออก ก็อ้าปากออกมาด้วยความตกใจ

 

‘เอ๊ะ ถ้างั้นตอนที่เราเจอกันนายก็เด็กมากเลยสิ’

 

แฟลชที่ดูทรงแล้วไม่ชอบถูกทำตัวว่าเป็นเด็กนั้นทำแก้มป่อง พร้อมกับสั่นหงอนบนหัวด้วยความไม่พอใจ แต่ถึงกระนั้นก็พยักหน้าให้กับคำถาม

อะ แฟลชโผล่มาครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อนนี่นา…งั้นตอนนั้นก็ยังไม่ถึงปีเลยหนิ!

 

‘สำหรับพวกฉัน 1 ปีก็ถือว่าโตแล้วน่า! พวกนายคงไม่เข้าใจหรอก’

 

‘ก็ไม่เข้าใจจริง ๆ นั่นแหละ’

 

‘เฮ้อ ฉันจะบ้าตายกับนาย’

 

เขาถอนหายใจพลางบ่นออกมาอย่างเบื่อหน่ายในทันที โดยที่อิกนิสไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตนเองทำอะไรให้ไม่พอใจ ส่วนฉันก็ได้แต่หัวเราะกับท่าทีของทั้งคู่

และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งจนเริ่มสงบ แฟลชก็พูดขึ้นมา

 

‘จะว่าไงดี มันเป็นความฝันของฉันน่ะ’

 

‘ความฝัน?’

 

เมื่อฉันทวนแบบนั้นเป็นการเปิดประเด็นให้เขาพูด งอนที่บ่งบอกความรู้สึกก็ตั้งขึ้น พร้อมทั้งสั่นอย่างดีใจแล้วเขาก็เริ่มเล่า ด้วยท่าทีที่สดใสขึ้นมาในทันที

 

‘ใช่ ฉันอยากจะมีคู่ของตัวเอง แล้วก็มีเด็กกันเยอะ ๆ เลยน่ะ’

 

เห…คำพูดคำจาเหมือนสาววัยแรกแย้ม ที่ตัดสินใจอนาคตตัวเองไม่ถูกเลยบอกว่า มีความฝันคือการแต่งงานเลยวุ้ย

อะ ฉันก็เคยเป็นแบบนั้นนี่นา

 

‘ทั้งอิกนิสแล้วก็ริเกลเองก็ต้องมีบ้างใช่ไหมล่ะ เรื่องที่อยากทำในอนาคต’

 

‘ฉันอยากเล่นกับแฟร์!! อีกเยอะ ๆ เลย!!’

 

คำตอบที่แสนเรียบง่ายและไร้เดียงสาของอิกนิสนั้นทำให้ฉัน มองด้วยสายตาเอ็นดูต่างจากแฟลชที่ดูจะเบื่อกับเขาเต็มทน สนิทกันดีจนน่าอิจฉาเลยแฮะ

 

‘แล้วเธอล่ะ?’

 

‘เอ๊ะ ฉัน?!’

 

ว่าแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงที่โดนถามถึงความฝัน เอ ความฝันของฉันเหรอ ก็คงเป็นปกป้องเคียร่า ไม่สิ ความฝันในที่นี้ คงไม่ใช่อะไรแบบนั้นแหงม ๆ

เป้าหมายสูงสุดในชีวิตเหรอ…ไม่มีเลยน้า แต่ปล่อยเงียบไปก็คงไม่ได้ เอาเป็นอันนั้นแล้วกัน

 

‘ถ้าเป็นเมื่อก่อนคง…แต่งงานล่ะมั้ง?’

 

‘แต่งงาน?’

 

ว่าแล้ว มังกรทั้งสองตัวก็เอียงคอให้กับคำพูดของฉันทันที อะไรกัน เจ้าพวกนี้ไม่รู้จักคำว่าแต่งงานเรอะ!!

 

‘มีคู่นั่นแหละ พวกมนุษย์เรียกกันว่าการแต่งงานน่ะ’

 

‘อ้อ~’

 

ทั้งคู่ส่งเสียงออกมาด้วยความเข้าใจ ก่อนที่อิกนิสจะกะพริบตาแล้วก้มหน้าเล็กน้อย ราวกับคิดอะไรบางอย่าง ส่วนแฟลชนั้นดีใจขึ้นมาทันทีที่เจอคนมีเป้าหมายแบบเดียวกัน

 

‘แต่ก็แค่เคยล่ะนะ ตอนนี้ไม่คิดเรื่องนั้นแล้วล่ะ’

 

‘เอ๋ ทำไมล่ะ การมีคู่มันฟังดูดีจะตาย’

 

อาก็ ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่คิดในโลกก่อนล่ะนะ เพราะไม่รู้จะทำงานอะไรดีถ้าหาแต่งงานแล้วเป็นแม่บ้านก็คงไม่เลว เป็นอะไรที่ค่อนข้างสิ้นคิดล่ะนะ ถึงจะแอบหวังเรื่องโรแมนติดเหมือนในหนังอยู่บ้างก็เถอะ

แต่ว่า…

 

‘พวกนายเคยเห็นมังกรสายพันธุ์เดียวกับฉันตัวอื่นไหมล่ะ’

 

‘ไม่นะ…อะ จริงด้วย เห็นแบบนี้ริเกลก็เป็นมังกรพิภพนี่เนอะ’

 

‘ใช่ นอกจากพ่อก็ไม่เคยเจอคนอื่นแล้วล่ะ แต่เดิมทีมังกรพิภพไม่มีเพื่อนร่วมเผ่าไม่ใช่เรอะ แล้วฉันนี่เกิดมาจากไหนฟะ กอไผ่รึไง?’

 

ในตอนนั้น อิกนิสก็หัวตั้งขึ้นมาในทันทีพร้อมทั้งดวงตาใต้หัวกะโหลกที่เรืองแสงวาบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด

 

‘เอ๋!! มังกรพิภพเกิดจากไผ่เหรอ!!’

 

‘ไม่ใช่เฟ้ย แค่คำเปรียบเปรยน่ะ’

 

เริ่มเข้าใจแล้วละ ว่าทำไมแฟลชถึงชอบทำสีหน้าสุดจะทนกับคนอย่างอิกนิสบ่อย ๆ แต่ก็นะ เพราะเหตุผลที่ว่ามานั่นแหละ

 

‘สิ้นหวังจังน้า’

 

ถึงแม้ว่าชีวิตนี้จะไม่ได้มีแค่เรื่องแต่งงานก็เถอะ แต่พูดแล้วเป้าหมายอย่างอื่นก็ไม่มีเหมือนกัน เดิมทีนอกจากอยู่ข้างเคียร่าต่อไปก็ไม่ได้คิดอะไรไว้เลย

ตอนนี้คงต้องบอกว่าฉันมีความฝันร่วมกับเคียร่า…มั้งนะ?

 

‘อะ นึกออกแล้ว! ว่าเคยได้ยินคำว่า แต่งงาน จากที่ไหน’

 

อิกนิสที่คิดอะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่โพล่งขึ้นมาแบบนั้น พร้อมทั้งถามทวนว่ามันคือการมีคู่ใช่ไหม เมื่อฉันบอกว่าใช่เขาก็เริ่มเอียงคอนิดหน่อย และถามคำถามชวนช็อกออกมา

 

‘ถ้างั้น แฟร์กับเคียร่าจะมีเด็กด้วยกันเหรอ?’

 

‘…หะ?’

 

‘ก็แฟร์เคยพูดว่า—’

 

‘อา! หยุดนะอิกนิส!!’

 

แฟลชพยายามพูดแทรกขึ้นมาพลางบินขัดไม่ให้อิกนิสพูด แน่นอนว่ามันไม่ได้ผลเลยสักนิด

 

‘แฟร์เคยบอกว่า จะขอเคียร่าแต่งงานน่ะ’

 

‘…ว่าไงนะ?!’

 

“ริเกล!!”

 

ในตอนที่ฉันลุกพรวดแล้วขึ้นเสียงใส่พวกอิกนิสอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงของเคียร่าตะโกนเรียกและวิ่งมาแต่ไกล แต่ว่า เธอดูแปลกไปแฮะ…

เอ๊ะ? ทำไมวิ่งท่างั้นอะ

เธอในเธอเข้ามาด้วยท่าวิ่งที่แบบว่า…สาวน้อย เอ๊ะ? ถึงเคียร่าจะเป็นผู้หญิงในอุดมคติก็เหอะ แต่เธอก็ไม่เคยออกสาวขนาดนี้นะ เอ๊ะ?

และกว่าที่จะคิดอะไรออก เจ้าตัวก็วิ่งมาถึงฉันแล้วล้มตัวซุกลงบนหน้าท้องฉันทันที นั่นทำให้ฉันตกใจมากแล้วก้มหัวเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง

 

‘เฮ้ เคียรา เป็นอะไรรึเปล่า เจ็บแผลเหรอ?’

 

เธอไม่ตอบฉัน ไม่สิ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ พร้อมกันนั้นเธอก็ส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมาจากลำคอ โดยที่ใบหน้ายังถูกไปมากับร่างของฉัน

อาการแบบนี้หรือว่า…

 

‘ใคร! ใครมันแกล้งเคียร่า! โผล่หัวออกมานะเฟ้ย!!’

 

ต้องโดนใครแกล้งมาแน่แบบนี้! ถึงจะไม่รู้รายละเอียดก็เถอะ แต่ทำให้เคียร่าดูไปไม่เป็นได้ขนาดนี้แสดงว่าต้องแกล้งแรงมากแน่ ถ้าแบบนั้นไม่ปล่อยให้กลับครบ 32 หรอก!!

ฮึ่ม!!

 

‘…ไม่ใช่มั้ง’ แล้วแฟลชที่ดมกลิ่นความรู้สึกอยู่นั้น ก็พึมพำออกมาอย่างเอือมระอา

 

“อะ หนีมานี่จริงด้วย เคียร่า!!”

 

“!! ระ ระ ริเกล! ซ่อนตัวฉันหน่อย!!”

 

เมื่อมีเสียงของแฟร์ไล่หลังมา เคียร่าก็ตัวสะดุ้งโหยงแล้วเงยหน้าขึ้นมาบอกฉัน…หือ? สีหน้าแบบนั้นมันอะไรน่ะ…

เคียร่าในตอนนี้ไม่ได้ร้องไห้อย่างที่ฉันจินตนาการไว้ แต่ว่าบนใบหน้านั้นแดงแจ๋เหมือนมะเขือเทศ สีหน้าของเธอบ่งบอกชัดเจนว่าไม่รู้ควรแสดงแบบไหนออกมา ดังนั้นจึงดู…แปลก แต่น่ารักดีแฮะ

 

“ระ- เร็วเข้า ริเกล!”

 

‘อะ โอ้…เอาหน่า ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันอยู่นี่แล้ว’

 

ฉันค่อย ๆ ลดตัวลงหมอบลงไปกับพื้น แล้วใช้ปีกสองข้างโอบร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะใช้จมูกชนแก้มของเธออย่างแผ่วเบาเป็นการปลอบประโลม

 

“ทำไมถึงหนีเล่า เคียร่—”

 

“กรร!!”

 

เมื่อแฟร์เข้ามาใกล้ในระดับหนึ่ง ฉันก็กางปีกข้างหนึ่งออกเพื่อกันไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ พร้อมทั้งส่งเสียงคำรามออกมาขู่ โดยยังคงแยกเขี้ยวค้างเอาไว้แบบนั้น

ไม่รู้หรอกว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเคียร่าหนีมาแสดงว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแหงม ๆ แล้วในตอนนั้นเอง เจ้าพ่ออ่านบรรยากาศโคตรแย่อย่างอิกนิสก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียสดใส

 

‘แฟร์จะมี เด็กกับเคียร่าแล้วเหรอ?! เย้—’

 

‘ไอ้บ้า! หัดอ่านบรรยากาศบ้างสิโว้ย!’

 

แฟลชที่เห็นแบบนั้นก็รีบห้ามอิกนิสไม่ให้พูดต่อในทันที แต่ก็เหมือนเดิม มันสายไปแล้ว…ฉันหวนนึกกลับไปถึงหัวข้อคุยล่าสุดที่พูดค้างกันเอาไว้อยู่

ยัยนี่…เล็งเคียร่าไว้เหมือนกันสินะ

 

“กรร…”

 

ฉันส่งเสียงขู่ในลำคอให้แฟร์ถอยออกไป แบบเดียวกันที่เคยทำกับเจ้าชายและโอเรล เจ้าพวกนั้นพอโดนแบบนี้เข้าไปร้อยทั้งร้อยก็ต้องผงะแล้วถอยหลังหนีแน่

แต่ว่า

 

“…”

 

แฟร์ไม่มีทีท่าจะก้าวถอยหลังแม้แต่น้อย ไม่สิ บนใบหน้าของเขาไม่มีความหวาดกลัวอยู่เลยด้วยซ้ำ ทั้งยังจ้องกลับเข้ามาในดวงตาฉันอีก…หน๊อย ไอ้นี่!

 

“ฉันรู้ว่าเธอทำยังไงกับคนที่ชอบเคียร่า แล้วก็เข้าใจด้วยว่าทำไม…”

 

เธอพูดเกริ่นออกมาเช่นนั้นแล้วเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง ถ้ารู้แล้วก็ถอยไปสิเฟ้ย! ไปไหนก็ไปเลยไป๊!

แน่นอนว่าคนหัวแข็งอย่างแฟร์ไม่สนใจเสียงขู่ของฉันแม้แต่น้อย ยิ่งเธอเป็นคนที่คุ้นชินกับสนามรบคงรู้ดี ว่าการขู่ของฉันไม่ได้หมายเอาชีวิต…หรือก็คือมันแค่น่ากลัว แต่ไม่อันตราย

ดังนั้นแฟร์จึงก้าวเท้าเข้ามาข้างหน้า จนตัวแทบจะชนกับใบหน้าของฉันที่แยกเขี้ยวขู่อยู่ ก่อนจะยกมือขึ้นชี้มาที่กลางหัวฉัน

 

“เพราะงั้นฉันไม่ยอมถอยหรอก! ฉันจะพุ่งเข้าใส่จนกว่าพวกเธอทั้งคู่จะยอมฉันเลย!”

 

ประโยคพูดสุดกินใจที่ออกมาจากปากของแฟร์นั้นชวนให้ใจอ่อน แต่เมื่อฉันเหลือบมองกลับไปที่ตัวเคียร่าก็พบว่า…ตอนนี้เธอยังหน้าแดงแจ๋แล้วส่งเสียงแปลก ๆ ออกมาไม่หยุด แฮงค์โดยสมบูรณ์แบบล่ะ

ดังนั้นจึงหันกลับมาจ้องไปที่ดวงตามุ่งมั่นของแฟร์ ซึ่งบนใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วฉันก็อ้าปากรวบรวมกำลังไว้ที่คอ และตะเบ็งเสียงออกไปเพื่อสื่อความในใจ

 

‘ไม่!!’

 

——————— ———————

(มุมคนเขียน)

กลับมาแล้ว~ หายไปตั้งครึ่งเดือนแหนะ…ใช่ไหมนะ? ใช่แหละ ราวๆ นั้น (ฮา) ถึงจะบอกไว้ว่าเคลียร์หลายๆ อย่างเสร็จค่อยกลับมาก็เหอะ สุดท้ายก็…อยากเขียนต่อแล้ว ;-;

แต่มันไม่สำคัญหรอก! ประเด็นอยู่ที่ตอนนี้เรากลับมาแล้ว!! กับ

 

ภาค 4 ‘กำเนิดจุดแปรผันของประวัติศาสตร์’

 

แล้วก็แปะรูปปกใหม่ของภาคนี้เลยแล้วกัน เย้ยๆๆ

​เครดิตผู้วาด : Hatoribaka

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset