ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 1034 หยุดยั้ง

หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยหลับตาลงแล้ว เขาก็มองทะลุทุกอย่างได้ทันที

วินาทีที่เขาใช้มือบีบคอของชายชรา ไป๋ยี่เฟยถึงจะค่อยๆลืมดวงตาที่แดงเถือกนั้นของเขาขึ้นมา

ภายในแววตาของชายชราเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “เป็นไปได้ยังไง? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”

ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “แผนการเจ้าเล่ห์ทั้งหมดทั้งมวลเมื่ออยู่ต่อหน้าความสามารถที่แท้จริงแล้ว ล้วนเก่งได้แค่เปลือกภายนอก แต่ความเป็นจริงแล้วมันไก่อ่อนจนอ่อนกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”

หลังจากที่พูดจบ ไป๋ยี่เฟยยื่นมือออกไปคว้าโทรศัพท์ของชายชราไว้ โทรศัพท์ยังคงอยู่ในสถานะการโทรอยู่

“หวังเจียจุ้น แกฟังคำพูดของฉันให้ดีๆ!” ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ถ้าแกกล้าแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บของหลงหลิงหลิง ฉันจะฆ่าตาแก่นี่เดี๋ยวนี้เลย!”

“อีกอย่างฉันจะทำให้แกตายอย่างไร้ที่ฝังศพอีกด้วย!”

หลังจากที่พูดจบ สิ่งที่ทางปลายสายส่งกลับมาคือความเงียบเหงา ก่อนที่จะมีเสียงตบที่ดังใสดังขึ้นมา

“เพี๊ยะ!”

เป็นเสียงของฝ่ามือกระทบกับใบหน้า

จากนั้นก็มีเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังขึ้น “ฮื่อๆ…..”

เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงนี้แล้วร่างกายเขาก็สั่นไปทั้งตัว ก่อนที่ดวงตาจะกลับมาแดงเถือกอีกครั้ง

ปลายสายมีเสียงของหวังเจียจุ้นดังขึ้นมา “ฉันแม่งไม่สนใจหรอกนะว่าแกคือใคร ทางที่ดีตอนนี้แกรีบปล่อยตัวอาหยางจะดีกว่า ไม่งั้นฉันจะเล่นงานอินี่ต่อหน้าแกเอง!”

“ฉันจะบอกอะไรแกให้ว่าบนโลกใบนี้ยังไม่มีใครที่กล้าข่มขู่ฉัน!”

ถัดจากนั้น ปลายสายมีเสียงฉีกขาดของเสื้อผ้าดังมา ก่อนที่จะมีเสียงของหลงหลิงหลิงตามมา “อย่านะ! หยุด! แกปล่อยฉันนะ!”

เสียงพวกนี้ทำให้ไฟโกรธของไป๋ยี่เฟยพุ่งปรี๊ดขึ้นถึงจุดสูงสุด ดวงตายิ่งแดงเถือกขึ้น

อาหยางเห็นสภาพนี้ของไป๋ยี่เฟยแล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “คุณไป๋ ถึงแม้คุณจะฆ่าผมไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ผมก็เป็นแค่หมาตัวนึงในตระกูลหวังเท่านั้นเอง”

“แต่ความสำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างคุณชายและหลงหลิงหลิงกลับสามารถส่งผลต่อการเป็นอยู่ของตระกูลหวังของเราได้เลย คุณข่มขู่คุณชายไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“ฉึก!”

“อ๊า!”

ทันทีที่อาหยางเพิ่งพูดจบ ไป๋ยี่เฟยจึงใช้เท้าถีบไปที่ข้อเข่าของอาหยางจนพิการ

ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เลือดเย็น “ถึงจะเป็นหมา แต่ก็แบ่งแยกอยู่ว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ!”

“หวังเจียจุ้น ถ้าเกิดแกไม่สนใจความเป็นความตายของหมาหัวเน่าตัวนี้ล่ะก็ งั้นฉันก็จะเอาให้กระดูกทั้งร่างกายของมันแตกหักทุกซี่ จากนั้นค่อยสับแล้วเอาไปให้หมายักษ์สองตัวนั้นแดก!”

“แกกล้าหรือ?” หวังเจียจุ้นตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว

เมื่อดูจากแบบนี้แล้วข้อสันนิษฐานของไป๋ยี่เฟยเป็นเรื่องจริงจริงๆด้วย ถึงแม้ตาแก่นี่จะเป็นหมาตัวหนึ่งในตระกูลหวัง แต่นั่นก็เป็นหมาตัวหนึ่งที่สำคัญมากๆ อย่างน้อยถ้าขาดมันไป ต้องทำให้ตระกูลหวังเจ็บปวดแน่นอน

“ทำไมฉันถึงไม่กล้าล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างไม่สบอารมณ์

หลังจากที่พูดคำนี้จบ ไป๋ยี่เฟยใช้เท้าถีบลงไปอีกครั้ง ทำให้ข้อเข่าอีกข้างของอาหยางพิการไปอีก

“อ๊า!”

อาหยางทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว กรีดร้องอย่างอนาถ

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หวังเจียจุ้นตะคอกพูดอย่างลน

ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ฉันก็ขอบอกอะไรแกด้วยว่า บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่สามารถข่มขู่ฉันได้ด้วยเหมือนกัน!” 

หวังเจียจุ้นนิ่งเงียบไปอย่างกะทันหัน

ไป๋ยี่เฟยจึงพูดอีกว่า “ถ้าไม่อยากให้มันทรมานต่อ พวกเราก็มาแลกเปลี่ยนตัวประกันกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก!”

ปลายสายยังคงเรียบนิ่งเหมือนเคย

และในตอนนี้ อาหยางที่เจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยวตะโกนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า”คุณชายอย่าได้ตอบตกลงเป็นอันขาดนะครับ ถึงผมจะตายไปก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดายคุณชายคุณต้องจำภารกิจสำคัญของทางตระกูลไว้ให้ขึ้นใจด้วยนะครับ!”

“ตระกูลหวังของเราจะเก็บตัวซ่อนเร้นสิบกว่าปีเพียงเพราะผมคนเดียวไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นถึงแม้ผมจะมีชีวิตต่อไป แต่ก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความรู้สึกผิด!”

“อาหยาง…..”

หวังเจียจุ้นกำลังลังเลใจ

ในจิตใจไป๋ยี่เฟยมีเสียงกรึกดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถ้าเกิดปล่อยให้อาหยางพูดแบบนี้ต่อไป คาดว่าหวังเจียจุ้นอาจจะไม่สนใจเขาจริงๆแล้วก็ได้

ดังนั้นไป๋ยี่เฟยจึงออกแรงเพิ่มมากขึ้นภายในพริบตา ทำให้อาหยางอัดอั้นความเจ็บปวดจนใบหน้าแดงก่ำ

อย่างไรก็ตามเขายังคงพูดอย่างติดๆขัดๆ “คุณชาย…..คุณ…..ทำต่อเลย…..ฉัน…..ขอลา…..ก่อน…..”

หลังจากที่พูดคำพูดสุดท้ายนี้จบ เลือดจำนวนมากพรั่งพรูออกมาจากปากอาหยาง

“เชี่ย!”

สีหน้าของไป๋ยี่เฟยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขารีบใช้สันมือทุบไปที่ท้ายทอยของอาหยาง อาหยางเป็นลมหมดสติภายในพริบตา

ตาแก่ที่อยู่ทางฝั่งนี้กลับจะกัดลิ้นตัวเองเพื่อเป็นการฆ่าตัวตายงั้นหรอ เพื่อไม่ให้รบกวนสภาพจิตใจของหวังเจียจุ้น

และหวังเจียจุ้นที่อยู่ทางปลายสาย หลังจากที่ได้ยินคำพูดสุดท้ายของอาหยางแล้ว เขาก็ได้ตะคอกพูดผ่านโทรศัพท์อย่างโกรธกริ้ว “แกแม่งจำไว้เลยนะ ความแค้นของอาหยางฉันจะเอาคืนแน่นอน ฉันจะเอาชีวิตของคนทั้งครอบครัวของแกมาชดใช้!”

“แกให้ความสนใจกับอิแม่นางคนนี้มากเลยไม่ใช่หรอ? งั้นฉันจะจัดการเอามันเดี๋ยวนี้เลย!”

“อย่า!” ไป๋ยี่เฟยพูดกับหวังเจียจุ้นอย่างร้อนรน “มันยังไม่ตาย มัน…..”

“ตู๊ดๆ…..”

คำพูดของไป๋ยี่เฟยยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกกดวางสายไปแล้ว

“แม่งเอ้ย!”

ไป๋ยี่เฟยร้อนรนมากจนดวงตาแดงเถือก โยนอาหยางไปข้างๆ ก่อนจะรีบกดโทรศัพท์โทรกลับไป และแล้วทันทีที่โทรติดปลายสายก็ได้กดวางไปทันที

ไป๋ยี่เฟยกดโทรต่อย่างไม่ตายใจ หลังจากที่โทรติดแล้วก็ถูกตัดสายไปทันที

ไป๋ยี่เฟยร้อนรนมากจนเดินวนอยู่ในสนามไปสองรอบ ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงดี

และเมื่อเขานึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้หลงหลิงหลิงกำลังถูกหวังเจียจุ้นกระทำชำเรา เขาก็โมโหมากจนร่างกายสั่นไปทั้งตัว

ยังมีวิธีไหนอีกที่สามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้? 

ไป๋ยี่เฟยเดินไปมา พลางคิดหาวิธีการแก้ไขอย่างเร่งรีบ

ผ่านไปสักพัก ไป๋ยี่เฟยยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาล้มเลิกการกดโทรหาหวังเจียจุ้นแล้ว แต่เป็นการหยิบโทรศัพท์ของอาหยาง แล้วเริ่มค้นดูบันทึกการโทรเข้าออกของเขา

เร็วมากเขาก็ได้พบกับรายชื่อโทรศัพท์ที่ถูกเมมไว้ว่า เจ้าบ้านตระกูล

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเบอร์โทรนั้นเป็นเบอร์โทรของเจ้าบ้านตระกูล ตระกูลหวัง

ดังนั้น ไป๋ยี่เฟยจึงกดโทรออกไปอย่างไม่ลังเลใจ

หลังจากที่เสียงตู๊ดดังไปสองครั้ง ฝั่งปลายสายก็ได้กดรับ

“ฮัลโหล?”

เสียงที่ส่งมาจากปลายสายแหบแห้งเล็กน้อย “อาหยาง ดึกขนาดนี้แล้วโทรมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ? ไอ้เด็กเวรนั่นก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหมครับ?”

ไป๋ยี่เฟยจึงรีบพูด “แกฟังไว้เลยนะ ฉันไม่ใช่อาหยาง ตอนนี้อาหยางกำลังอยู่ที่ฉัน แกรีบกดโทรหาลูกชายแกเดี๋ยวนี้ ให้มันหยุดการกระทำของมัน ไม่งั้นฉันจะฆ่าอาหยางเดี๋ยวนี้เลย!”

“…..แกคือใคร?” เห็นได้ชัดเลยว่าปลายสายหยุดชะงักไปสักพัก ถึงจะถามคำถาม

ไป๋ยี่เฟยตอบกลับ “ฉันคือไป๋ยี่เฟย”

แต่ฝั่งปลายสายกลับพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งไว้ “ฉันรู้แล้ว แต่ฉันต้องทำการยืนยันให้แน่ชัดก่อนว่าตอนนี้อาหยางยังมีลมหายใจอยู่”

เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าบ้านตระกูลหวังคนดังกล่าวรู้จักไป๋ยี่เฟยด้วยเหมือนกัน

จะว่าไปมันก็จริง ตระกูลที่ซ่อนเร้นจากโลกภายนอกมานานหลายสิบปี การที่พวกเขาอยากจะกลับมาอีกครั้ง จึงต้องทำการสืบค้นประวัติและความเป็นมาของผู้คนและตระกูลที่มีชื่อเสียง ณ ปัจจุบันก่อนแน่นอน

หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยได้ยินแบบนี้แล้ว จึงรีบคุกเข่าลงไปยิกใต้จมูกของอาหยาง

“แค๊กๆ…..”

ก่อนที่อาหยางจะกัดลิ้นตัวเองเพื่อทำการฆ่าตัวตาย หลังจากที่ตื่นขึ้นมาเลือดได้ไหลเวียนขึ้นมากั้นช่องทางเดินหายใจไว้ ทำให้สำลักเลือดจนไอสองที

ถัดจากนั้น ไป๋ยี่เฟยจึงทำการชกอาหยางอีกครั้งหนึ่งจนเขาเป็นลมหมดสติ

ไป๋ยี่เฟยพูดกับคนที่อยู่ปลายสายว่า “ได้ยินหรือยัง?”

คนที่อยู่ทางปลายสายพูดว่า “ฉันรู้แล้ว แต่แกต้องรับประกันความปลอดภัยของอาหยาง ถ้าเกิดมีเรื่องที่ไม่คาดฝันอะไรที่เกิดขึ้นกับเขาแม้แต่น้อย ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน”

ไป๋ยี่เฟยก็พูดเหมือนกันว่า “ถ้าเกิดมีเรื่องที่ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนฉันเหมือนกันฉันก็จะไม่ปล่อยตระกูลหวังของพวกแกไปแน่นอน!”

“ดังนั้น ทางที่ดีแกรีบจัดการให้เสร็จสิ้นจะดีกว่า!”

ทันทีที่พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็กดวางสายไป

ไป๋ยี่เฟยกระชากร่างกายที่ไม่ได้สติของอาหยางมุ่งหน้าเดินออกไป เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไปจากสนามแห่งนี้อย่างชิลล์สบาย

หลังจากนั้นเขาโยนอาหยางขึ้นไปบนรถ ส่วนตัวเองนั้นได้ขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับ ก่อนจะขับรถออกจากที่นี่ และได้กดโทรหาจางหัวปินอีกด้วย ให้เขาไปตรวจสอบกล้องวงจรที่อยู่รอบๆ

 

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset