ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 493

บทที่ 493

หลี่เสว่ชะงักไปสักพัก ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว“หมายความว่ายังไง?”

หวงเหว่ยขำอย่างเย้ยหยัน“ประธานหลี่ คุณไม่เข้าใจจริงๆหรือว่าแสร้งแกล้งไม่เข้าใจ?”

ในเวลานี้ จางหรงเข้ามาประกบอยู่ข้างๆหลี่เสว่ พร้อมกับพูดเสียงเบาๆ“ประธานหลี่ ตอนนี้สามีของคุณไม่ได้เป็นประธานของโหวจวี๋แล้วไม่ใช่หรือไง”

หลี่เสว่เข้าใจขึ้นมาทันที เพราะว่าไป๋ยี่เฟยไม่ได้เป็นประธานของโหวจวี๋อีกแล้ว ดังนั้นตำแหน่งท่านประธานที่อาศัยการผลักดันของโหวจวี๋ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวอีกต่อไป

ก็ใช่ ที่โหวจวี๋กรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของแล้ว ตำแหน่งประธานบริษัทนี้ของเธอก็คงยากที่จะรักษาเอาไว้แล้วสินะ มีสิทธิ์อะไรจัดการบริหารพวกเขา? อีกอย่าง เธอไม่มีคนคอยช่วยหนุนหลังแล้ว บริษัทคิดจะทำอะไร ก็คงต้องขึ้นอยู่กับตำแหน่งสูงๆแบบพวกเขาแล้วสินะ

หลังจากที่จางหรงพูดกับหลี่เสว่เสร็จ คนอื่นๆก็พูดต่อ

“ประธานหลี่ จริงๆแล้วแค่เซ็นๆเอกสารก็ได้แล้ว พวกเราก็เป็นคนเก่าคนแก่ของบริษัทกันทั้งนั้น ตัดสินใจอะไรไม่มีทางผิดพลาดหรอก”

“ใช่แล้วประธานหลี่ จากที่ผมทราบมา คุณไม่เคยมาจับสายงานแบบนี้มาก่อน ต่อให้พวกเราพูดปรึกษากับคุณ คุณก็ไม่เข้าใจอยู่ดี แล้วก็ตัดสินใจไม่ได้ด้วย นี่มันจะทำให้ทุกคนเสียเวลาซะเปล่าๆนะ”

“ถ้าเกิดการตัดสินใจของคุณผิดพลาด แล้วบริษัทของพวกเราสูญเสียอย่างหนักขึ้นมา คุณจะรับผิดชอบไหม?”

“เกรงว่าคุณจะรับผิดชอบไม่ไหวหรอกมั้ง?”

“ใช่อยู่แล้ว ตอนนี้ประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปก็ไม่ใช่ไป๋ยี่เฟยแล้ว!”

“……”

ผู้คนต่างพูดคนละประโยคสองประโยค คำพูดที่ออกมากดดันบีบคั้นสุดๆ

หลี่เสว่ได้ฟังแล้วก็โกรธไม่น้อย ในขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกเศร้าอยู่เหมือนกัน สถานการณ์ในตอนนี้ของไป๋ยี่เฟยไม่ค่อยจะดีเลย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ถูกทุกคนดูถูกและบีบให้ออก

ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋ยี่เฟยบอกกับเธอไว้แล้ว ว่ายังมีโรงพยาบาลเอกชนสองแห่งที่เป็นของเขา เขาไม่ได้จะสิ้นเนื้อประดาตัวสักหน่อย

หลี่เสว่มองผู้คน ในใจก็เต้นตึกตัก ยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ถ้าฉันไปทุกคนต่างก็ลืมกันหมด พวกคุณนี่ช่างวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆเป็นกันจริงๆเลยนะ”

“ประธานหลี่ คุณหมายความว่ายังไง? ก็ทำเพื่อบริษัทกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?” หวงเหว่ยยิ้มๆ“ดังนั้น เพื่อเป็นการดีกับทุกคน ประธานหลี่ก็ไม่ต้องถามอะไรมากมายแล้ว”

หลี่เสว่สบถหึออกมาเบาๆ เธอไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกกลั่นแกล้งอะไรก็ได้“ฉันขอเตือนพวกคุณสักประโยค แม้ว่าสามีของฉันจะไม่ใช่ประธานของโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว แต่บริษัทแห่งนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่!”

“การตัดสินใจของบริษัทก็ยังเป็นสิทธิ์อำนาจของฉัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณ!”

พูดจบ ผู้คนก็หยุดชะงัก สีหน้าดูไม่ได้

สุดท้ายก็เป็นหวงเหว่ยที่เปิดปากพูดขึ้น“ประธานหลี่ ที่คุณพูดมาก็ไม่ผิด แต่เกรงว่าคุณยังไม่รู้สินะ ว่าท่านประธานคนใหม่ของโหวจวี๋กรุ๊ปพูดเอาไว้แล้ว ว่าถ้าบริษัทแห่งนี้ยังเป็นคนของไป๋ยี่เฟยอยู่ ก็ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการคนไหนในเมืองเทียนเป่ยมาทำงานโคร่วมกันกับบริษัทพวกเรา!”

“ประธานหลี่ คุณรู้ไหมว่านี่มันหมายความว่ายังไง?”

“อะไรกัน?”หลี่เสว่ถลึงสองตาโตด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“เรื่องตั้งแต่เมื่อไร?”

“เมื่อวานนี้เอง”จางหรงพูดแทรกขึ้นมา เขาปิดปากเงียบมาตลอด เหตุผลหนึ่งก็คือเขายังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด จากที่ดู ไป๋ยี่เฟยน่าจะแพ้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครบอกได้อยู่ดี?

ไป๋ยี่เฟยทำให้เขารู้สึกช็อกตกใจมากไปหน่อย ทำให้ตอนนี้เขาไม่กล้าเข้าค้างใครมั่วซั่ว ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบเอาไว้ ด้านหนึ่งก็มีท่าทีกับหลี่เสว่เหมือนเดิมเหมือนกับเมื่อก่อน อีกด้านก็มีท่าทีไม่สนใจไม่แยแสต่อพวกหวงเหว่ย

ถึงตอนนั้นไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เขาก็จะได้ปกป้องตัวเองไม่ให้พลอยซวยไปด้วย

พอหลี่เสว่นึกว่าหลิ่วจาวเฟิงไม้ให้ทั้งเมืองเทียนเป่ยมาทำงานร่วมกันกับบริษัท แล้วบริษัทจะอยู่ต่อได้ยังไง?

ไม่ ไม่ถูก พวกเขาเป็นบริษัทจิวเวลรี่ มีโรงงานเป็นของตัวเอง แค่ออกแบบออกมา ทำการผลิตดีๆก็สามารถวางสู่ตลาดได้แล้ว หรือว่าเขาสามารถทำให้คนทั้งเมืองเทียนเป่ยไม่มาซื้อจิวเวลรี่ของบริษัทพวกเธอได้อย่างนั้นเหรอ?

หลีเสว่คิดเงียบๆแบบนี้ จิตใจก็สงบลงเยอะ ก่อนจะพูดออกมาอย่างนิ่งๆ“ประธานหวง โหวจวี๋กรุ๊ปมีความสามารถนี้ก็จริง แต่เขาไม่มีทางที่จะจำกัดคนทุกคนในเมืองเทียนเป่ยได้หรอกนะ”

“คนส่วนใหญ่ก็เป็นคนทั่วๆไป พวกเขาแทบจะไม่จำเป็นต้องกลัวโหวจวี๋กรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ อยากซื้ออะไร ก็เป็นอิสระของพวกเขา!”

พอหวงเหว่ยได้ฟัง ก็พูดยิ้มๆ“ประธานหลี่ คุณเด็กเกินไป การที่จะควบคุมทุกคนในเมืองเทียนเป่ยมันยากมากเหรอ? แค่โหวจวี๋กรุ๊ปแสดงท่าทีออกมาหน่อย ไม่ว่าผู้ประกอบการคนไหนๆก็ไม่กล้าตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กันหมดแล้ว”

“ทุกคนก็ต้องทำงานใช่ไหมล่ะ? จะทำงานก็ต้องไปบริษัทใช่ไหม? ถูกจำกัดควบคุมจากโหวจวี๊กรุ๊ปแล้ว ใครจะมันมาซื้อจิวเวลรี่จากบริษัทของเรา?”

หลี่เสว่ได้ฟังแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว“หรือว่าเวลาไปทำงาน ก็ต้องถามคนเขาว่าได้ซื้อจิวเวลรี่ของพวกเราไหมอย่างนั้นเหรอ? ว่างเกินไปหรือเปล่า?”

หวงเหว่ยชะงักไป เขารู้ได้ยังไง?

ในความจริงแล้ว หลิ่วจาวเฟิงก็ว่างขนาดนี้จริงๆ เพื่อที่จะทำให้ไป๋ยี่เฟยรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็ทำได้ทั้งนั้น

คนอื่นๆในห้องประชุมเห็นแบบนี้ก็เงียบไม่พูดอะไร

หลี่เสว่กวาดสายตามองทุกๆคน“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม? บริษัทของพวกเราก็จะทำการผลิตอยู่ดี แม้ว่าในเมืองเทียนเป่ยจะขายไม่ออก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่เมืองอื่นๆเราจะขายไม่ได้นี่”

คำพูดของหลี่เสว่เสียงดังทรงพลัง ผู้คนนิ่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรยิ่งกว่าเดิม

จริงๆแล้วความคิดของผู้คนง่ายมากๆ โหวจวี๋กรุ๊ปไม่ให้พวกเขาอยู่ต่อไปไม่ได้ ให้พวกเขาหาเงินไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็แค่แอบกอบโกยเงินจากบริษัทมาสักก้อนหนึ่งก่อนแล้วค่อยจากไปก็เท่านั้นเอง

แต่คำพูดที่หลี่เสว่พูดมาเมื่อตะกี้ทำให้พวกเขารู้สึกลังเล เธอพูดถูก เมืองเทียนเป่ยหมดหนทางแล้วก็จริง แต่ถ้าออกนอกเมืองเทียนเป่ยล่ะ?

หลี่เสว่เห็นแบบนี้ก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งที กำลังกะที่จะดำเนินการประชุมต่อ หวงเหว่ยก็เปิดปากพูดขึ้นมา

“ประธานหลี่ คุณพูดถูก แต่ประเด็นคือ พวกเราต้องมีวัสดุในการผลิตนะ!”

“ถ้าพวกเราจะผลิตเอง ก็ต้องซื้อวัสดุในการผลิตจิวเวลรี่ ไม่มีวัสดุ มีโรงงานไปก็เท่านั้น!”

หวงเหว่ยพูดจี้ใจดำ

หลี่เสว่ลืมจุดที่สำคัญที่สุดนี้ไปเลย บริษัทมีโรงงานสามารถทำการผลิตได้ด้วยตนเอง แต่ก็ต้องมีวัสดุด้วยถึงจะทำการผลิตได้

ไม่ใช่ว่าบริษัทจิวเวลรี่จะมีวัสดุในการผลิตจิวเวลรี่กันทุกบริษัทสักหน่อย มีแค่พวกบริษัทจิวเวลรี่ยักษ์ใหญ่เท่านั้นถึงจะมีวัสดุในการผลิตจิวเวลรี่เป็นของตัวเอง

จริงๆแล้ว บริษัทจิวเวลรี่ส่วนใหญ่ ก็ไม่มีวัสดุกันทั้งนั้น พวกเขาต้องรับซื้อ ถ้าไม่ไปรับซื้อจากเหมืองโดยตรงเลย ก็ต้องไปหาจากบริษัทที่จัดหาวัสดุโดยเฉพาะ

บริษัทฝูรุ่ยก็คือบริษัทจัดหาวัสดุที่เราหาอยู่ บริษัทจัดการวัสดุก็จะไปรับซื้อจากเหมืองโดยตรงเลย

ถ้ามีการกดดันจากโหวจวี๋กรุ๊ปล่ะก็ บริษัทจัดการวัสดุก็ไม่มีทางจัดหาวัสดุมาให้กับพวกเขาแน่นอน แบบนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นแล้ว

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset