ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 54

บทที่ 54

ไป๋ยี่เฟยออกจากโหวจวี๋กรุ๊ปแล้ว ก็ตรงดิ่งไปที่นิวซีกรุ๊ปทันที

ไม่รู้ว่าผู้บริหารเบื้องหลังนิวซีกรุ๊ปคือใคร และก็ไม่รู้ว่านิวซีกรุ๊ปกับกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปมีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร ทำให้เขาต้องแฝงตัวเข้ามาที่นิวซีกรุ๊ปมาสืบค้นด้วยตัวเอง

ตอนนี้เขาสงสัยว่าคงจะเป็นหลิ่วจาวเฟิง

หลิ่วจาวเฟิงมักจะมีความคิดที่ไม่ดีต่อหลี่เสว่ แต่ว่าหลี่เสว่ไม่เคยตอบรับไป อีกทั้งยังถูกไป๋ยี่เฟยขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นเขาตั้งใจจะทำลายหลี่ซื่อกรุ๊ป บีบบังคับให้หลี่ซื่อกรุ๊ปต้องหาแหล่งช่วยเหลือ ถึงตอนนั้นหลิ่วซื่อกรุ๊ปก็ทำเป็นยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือ แต่ต้องแลกกับ หลี่เสว่

นายท่านหลี่นั้นมักจะวางหลี่ซื่อกรุ๊ปไว้เป็นอันดับหนึ่ง แน่นอนว่าเรื่องนี้คงต้องให้หลี่เสว่หย่ากับไป๋ยี่เฟย และแต่งออกไปกับหลิ่วจาวเฟิงอีกที พอคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าลงล็อกพอดี

แต่ว่า การสันนิษฐานก็คือการสันนิษฐาน ถ้ายังหาหลักฐานไม่ได้ ก็ไม่ควรจะตัดสรุปทันที ไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของตนได้

นิวซีกรุ๊ปตั้งอยู่ที่บริเวณเมืองเทียนเป่ยเขตนอกเมืองเหนือ ปกติจะเรียกว่าเขตเหนือ ไม่ไกลมาก นั่งรถประมาณยี่สิบ-สามสิบนาทีก็ถึงจุดหมาย

มาถึงนิวซีกรุ๊ป ไป๋ยี่เฟยบอกชื่อตามที่หลงหลิงหลิงบอกกับเขาที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ ก่อนจะรอให้คนคนนั้นออกมา

ไม่กี่นาทีผ่านไป ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับหลงหลิงหลิงก็เดินเหยียบรองเท้าส้นสูงเข้ามา

ผู้หญิงคนนี้มีอายุประมาณ 25-26 ปีได้ สวมใส่ชุดพนักงานสีขาว ผมดัดเป็นลอนและหุ่นบางเพรียว

“คุณคือไป๋ยี่เฟย?” หญิงสาวเหลือบตามามอบแวบหนึ่ง

ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ใช่ครับ”

“ฉันชื่อจินเมิ่งหลัน เป็นเลขาส่วนตัวของท่านบริหาร” จินเมิ่งหลันเอ่ยออกมา

ไป๋ยี่เฟยพยักหน้ารับอย่างมีมารยาท “สวัสดีครับ”

จินเมิ่งหลันอืมตอบรับไป “ที่จริงแล้วบริษัทไม่ได้มีแผนจะรับพนักงานใหม่หรอกนะ แต่ว่าคุณคือคนที่หลิงหลิงแนะนำมา ดังนั้นตามฉันมาเถอะ!” พูดจบหญิงสาวก็เดินจากไป

ไป๋ยี่เฟยรับเดินตามติดไป

จินเมิ่งหลันพาไป๋ยี่เฟยเดินขึ้นตึกไป มาจนถึงแผนกดำเนินงานของบริษัท ก่อนจะสั่งการกับผู้หญิงที่สวยหวานคนหนึ่ง “พานหุ้ยหุ้ย พนักงานใหม่ ดูแลด้วย”

พานหุ้ยหุ้ยพยักหน้ารับ ก่อนจะยิ้มออก “รับทราบค่ะ เลขาจิน”

จินเมิ่งหลันเดินจากไปแล้ว

พานหุ้ยหุ้ยรีบเก็บรอยยิ้มกลับมา ก่อนจะตบหน้าอกตนเองเบาๆ “แม่เจ้า ตกใจแทบตาย!”

“คุณกลัวเขา?” ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขันมาก

พานหุ้ยหุ้ยตอบกลับโดยอัตโนมัติ “แน่นอนสิ เธอเป็นถึง……” พูดไปครึ่งประโยคก็รีบปิดปากตัวเองขึ้นมา ก่อนจะมองไปยังไป๋ยี่เฟยด้วยความสงสัย “บริษัทไม่รับพนักงานใหม่ คุณถูกเลขาจินพาเข้ามา แสดงว่าคุณสนิทกับเลขาจินอย่างนั้นเหรอ?”

ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “เพิ่งเจอกันครั้งแรก”

“จริงเหรอ?”

“จริงสิ” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า

พานหุ้ยหุ้ยผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะกระซิบบอกไป๋ยี่เฟยเบาๆ “เลขาจินขึ้นชื่อว่าเป็นแม่เสือสาวสุดโหด”

ห้องทำงานแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก ขนาดประมาณหกสิบเจ็ดสอบตารางเมตรได้ ทุกโต๊ะทำงานจะถูกไม้กั้นสีฟ้าอ่อนกั้นให้แยกจากกัน เวลานี้พนักงานคนอื่นๆล้วนก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงานกัน

เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน ถึงแม้จะพูดเสียงเบามากแล้ว พานหุ้ยหุ้ยยังเขยิบเข้าไปใกล้หูของไป๋ยี่เฟยอีก ตอนพูดนั้นลมหายใจรดรินลงไปที่ข้างหูของเขาหมด

ไป๋ยี่เฟยขยับหูขึ้นมา ก็จะยกสองมือขึ้นมาทำเป็นกรงเล็บเสือ อ้าปากกว้างคำราม “อย่างนี้เหรอ?”

“ฮ่าๆ……”

ไป๋ยี่เฟยก็หัวเราะออกมาเช่นกัน เพื่อที่จะทำให้ตนคุ้นชินกับบริษัทใหม่ ก็ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานไว้

ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะไปพลางๆ ภาพนี้ถูกคนบางคนสังเกตเข้าให้

เวลาที่เหลือ พานหุ้ยหุ้ยก็สอนงานต่างๆให้กับไป๋ยี่เฟย ทั้งสองใกล้ชิดกันมาก และมักมีเสียงหัวเราะออกมาเป็นพักๆ

สำหรับไป๋ยี่เฟยนั้น เพื่อที่จะทำให้การสืบค้นของตนสะดวกขึ้น ก็เลยต้องตีสนิทกับพานหุ้ยหุ้ยเข้าไว้

แต่เพราะแบบนี้ ก็จะมีความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นที่ยังรอเขาอยู่

หลังเลิกงาน พานหุ้ยหุ้ยพาไป๋ยี่เฟยมายังหอพักของพนักงาน

พนักงานของบริษัทนี้ล้วนมีที่พักเป็นของตนเอง ไป๋ยี่เฟยเพิ่งมาครั้งแรก ทำได้แต่ให้พานหุ้ยหุ้ยช่วยนำทางเขาไปยังที่พัก พานหุ้ยหุ้ยเข้ากับไป๋ยี่เฟยได้ดี ก็เลยตอบรับด้วยความเต็มใจ

แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงที่พัก ก็ถูกกลุ่มคนสี่ห้าคนมาล้อมเข้าให้

พนักงานบริษัทอายุยี่สิบกว่าๆทั้งห้าคนเดินเข้ามาล้อมไป๋ยี่เฟยและพานหุ้ยหุ้ย คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเป็นผู้ชายเจาะหู ดูเหมือนว่าจะเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มนี้

ถึงแม้ว่าชายผู้เจาะหูผู้นี้จะมีหน้าตาที่ธรรมดา แต่ดูจากการแต่งตัวและนาฬิกาที่สวมไว้สามารถบ่งบอกได้ว่าฐานะของทางบ้านนั้นไม่ธรรมดา

พานหุ้ยหุ้ยเห็นชายตรงหน้าแล้ว ก็กระโดดเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังไป๋ยี่เฟยโดยอัตโนมัติ ก่อนจะถามออกไปอย่างหวาดกลัว “ซุนเฉิง นายจะทำอะไร?”

ชายหนุ่มที่ชื่อว่าซุนเฉิงนั้นหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ทำอะไรน่ะเหรอ?” พูดจบ ก็เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับไป๋ยี่เฟย ก่อนจะใช้สายตากวาดมองบนล่าง “นายเพิ่งมาใหม่เหรอ?”

ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ใช่”

เขามาเพื่อสิบถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้บริหาร ไม่อยากก่อเรื่อง และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าตนไปทำอะไรคนกลุ่มนี้เข้าให้?”

ซุนเฉิงมองไปยังไป๋ยี่เฟยก่อนจะพูดเสียงเย็น “ในเมื่อเพิ่งมาใหม่ ฉันก็จะไม่อะไรมาก แต่ว่าฉันขอเตือนไว้ก่อน พานหุ้ยหุ้ยเป็นผู้หญิงของฉัน นายออกห่างจากเธอหน่อย ถ้าครั้งหน้ายังเห็นอีกล่ะก็เตรียมตัวตายได้เลย!”

“นายพูดอะไร? ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนาย แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบนายด้วย!” พานหุ้ยหุ้ยพูดอย่างโมโห

ซุนเฉิงพูดเสียงเย็น “แล้วจะทำไม?”

“นาย!” พานหุ้ยหุ้ยกัดฟันแน่น

ซุนเฉิงมองไปทางไป๋ยี่เฟย “จำที่ฉันพูดได้หรือยัง?”

“จำได้แล้ว” ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า

เขาไม่อยากก่อเรื่อง เลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยง

ซุนเฉิงรู้สึกประหลาดใจที่ไป๋ยี่เฟยว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ก่อนจะมองไปยังไป๋ยี่เฟยด้วยความสนุก ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่เลวเลย! เจ้าเด็กนี่เรียนรู้เร็วดี!”

พานหุ้ยหุ้ยไม่คิดว่าไป๋ยี่เฟยจะขี้ขลาดขนาดนี้ ก่อนที่จะเขยิบออกห่างจากเขาหนึ่งก้าว

ซุนเฉิงมองไปที่พานหุ้ยหุ้ยหนึ่งที ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะพาคนของตนเดินจากไป

พอคนเดินจากไปหมดแล้ว ไป๋ยี่เฟยถึงเริ่มถามออกมา “พวกเขาเป็นใครกัน?”

พานหุ้ยหุ้ยนิ่งสงบ ไม่มีความสนิทสนมเป็นกันเองอย่างเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว “พนักงานบริษัท”

ไป๋ยี่เฟยชะงักไป ก่อนจะเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นพวกเราเดินต่อไปเถอะ?”

“ฉันยังมีธุระอื่นอยู่ คุณเดินไปเองเถอะ!” พานหุ้ยหุ้ยพูดเสียงเย็น ก่อนจะเดินจากไป

ไป๋ยี่เฟยพูดไม่ออก ก่อนจะหาที่พักเจอด้วยตนเอง ตอนที่มาถึงนั้นในห้องพักก็มีผู้ชายพักอยู่สามคนแล้ว

ที่พักเหมือนกับหอของมหาวิทยาลัย หนึ่งห้องมีสี่คนอาศัยอยู่ด้วยกัน และยังมีอีกหนึ่งห้องน้ำ

ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไปแล้ว เห็นว่าแต่ละคนนั้นก็กำลังทำเรื่องต่างๆของตนอยู่ คนหนึ่งกินมาม่า อีกคนซักผ้า และอีกคนกำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ พวกเขาเห็นไป๋ยี่เฟยเดินเข้ามาแล้วก็ทำเพียงแค่เงยหน้ามามองครู่หนึ่ง

ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับพวกเขา

เดินออกไปที่ระเบียง ไป๋ยี่เฟยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรสายหาหลี่เสว่ แต่ก็ยังโทรไม่ติดเช่นเดิม

โทรหากี่สายก็ไม่สำเร็จ ทำได้เพียงแค่ส่งข้อความบอกเสว่เอ๋อว่าคืนนี้ตนมีธุระเล็กน้อย ไม่กลับไปนอนที่บ้านแล้ว

ส่งข้อความเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็สำรวจชายหนุ่มทั้งสามคน อยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องของนิวซีกรุ๊ป แต่ว่าดูท่าทีแล้วคงไม่ค่อยอยากจะสนใจเขาเท่าไหร่

ไป๋ยี่เฟยห่อไหล่ลงมา เขามาเพื่อสืบข้อมูลก็จริง แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปประจบสอพลอคนอื่นเพื่อให้ได้ข้อมูลมา

ตอนที่เขากำลังจะเดินออกนอกห้องนั้น ชายที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ก็เรียกเขาขึ้นมา “น้องชาย กินข้าวกันไหม?”

ไป๋ยี่เฟยรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ “ได้สิ”

ทั้งสองเดินออกไปยังร้านข้าวก่อนจะสั่งอาหารมาสองชุด

“ฉันชื่อหานเวย” ชายผู้นี้แนะนำตัวขึ้น

ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมา “ไป๋ยี่เฟย เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

“เฮ้อ……” หานเวยถอนหายใจออกมา

ไป๋ยี่เฟยเกิดความสงสัย “ทำไมเหรอ?”

หานเวยถอนหายใจออกมาอีก “ฝากเนื้อฝากตัวอะไร ตอนนี้กิจการบริษัทไม่ค่อยดี กำลังเร่งปลดพนักงานอยู่”

ไป๋ยี่เฟยได้ยินแล้วกลับไม่ประหลาดใจ ก่อนจะฟังหานเวยพูดต่อ “รู้ไหมว่าทำไมคนอื่นถึงทำไม่ดีกับนาย”

“เพราะว่าจะปลดพนักงาน?” ไป๋ยี่เฟยถามออกไป

หานเวยพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้กำลังทยอยปลดพนักงาน แต่นายกลับเพิ่งเข้ามาทำงาน และยังเป็นคนที่เลขาจิน

พาเข้ามาอีก ทุกคนเลยคิดว่าพึ่งเส้นสายเข้ามาไงล่ะ นายก็คงไม่ถูกปลดงานหรอก อย่างนี้แสดงว่าพวกเขาต้องถูกปลดเพิ่มมากขึ้นคนหนึ่งอย่างไงล่ะ”

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset