ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 549

บทที่549

จางหัวปินยังพูดต่ออีกว่า “ไม่ว่าใครก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ในเมื่อตัดสินใจเลือกไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ควรรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองได้เลือกไป”

ฟังจบ ไป๋ยี่เฟยก็ถอนหายใจเบาๆ จางหัวปินพูดถูก เขาไม่ใช่พระโพธิสัตว์ ถึงช่วยได้คนหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถช่วยทุกคนได้

อีกอย่าง ต่อให้รับคนพวกนี้มา ตอนนี้ตำแหน่งในคริสตัลกรุ๊ปก็ไม่มีมากพอให้พวกเขาเข้าไปอยู่ดี

ไป๋ยี่เฟยจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก เขาหันไปถามจางหัวปินว่า “แล้วเรื่องของ สวี่ชางล่ะไปถึงไหนแล้ว?”

เขารู้สึกว่าสวี่ชางคนนี้ยังมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่โดยเฉพาะเรื่องพี่ชายของเขา แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวไป๋ยี่เฟยก็จำเป็นต้องรู้ให้ได้แล้ว ต่อให้เป็นข้อมูลเพียงน้อยนิดก็ตาม

จางหัวปินส่ายหน้า “คนของเราที่ถูกส่งไปสืบเรื่องสวี่ชางได้ขาดการติดต่อไปแล้ว ผมกลัวจะถูกเปิดเผย เลยไม่กล้าตามสืบต่อครับ”

ไป๋ยี่เฟยฟังเสร็จก็ขมวดคิ้ว แล้วถามต่อ “แล้วหลิ่วจาวเฟิงล่ะ?”

“เบาะแสก่อนหน้านี้ก็มาขาดลงที่หลิ่วจาวเฟิงนี่แหละครับ เขาเป็นตัวแปร แต่หลังจากนั้น หลิ่วจาวเฟิงก็หายตัวไปหลายวันมานี้ก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย ราวกับว่าเขาหายสาบสูญไปเลยอย่างนั้นแหละ”

ไป๋ยี่เฟยตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย “สืบต่อไป”

“อืม”

……

ไป๋ยี่เฟยนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้พักหนึ่งก่อนจะสั่งให้ไป๋หู่และคนอื่นๆ เฝ้าต่อไป ถ้าได้เรื่องเกี่ยวกับหลิ่วจาวเฟิงยังไงก็ให้รายงานเขาทันที ส่วนเขาก็ตั้งใจจะไปหาหลี่เสว่

การที่หลี่เสว่ไปทำงานที่เมืองเทียนเป่ยคนเดียวนั่น เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง

ไป๋ยี่เฟยขับรถไปทางเมืองเป่ยไห่คนเดียว

พอมาถึงเมืองเป่ยไห่ เขาขับรถตามGPSมาจนถึง อาคารสหพันธ์ธุรกิจ

ไม่เสียแรงที่เป็นสหพันธ์ธุรกิจ ตำแหน่งของตึกถูกสร้างเอาไว้ใจกลางเมือง โดยมีตึกที่สูงใหญ่แยกออกมาอย่างเด่นสง่าอยู่เพียงลำพัง

ไป๋ยี่เฟยจอดรถไว้ที่หน้าประตู จากนั้นก็เดินตรงไปทางประตู

รปภเข้ามาขวางไป๋ยี่เฟยไว้ “คุณเป็นใคร? แล้วมาทำอะไรครับ?”

“ผมคือประธานกรรมการของคริสตัลกรุ๊ปแห่งเมืองเทียนเป่ยครับ” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างสุภาพ “ผมมาเพื่อพบประธานสหพันธ์ครับ”

รปภใช้สายตาพิจารณาเขา เหมือนจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เขาพูดเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่พูดออกมาว่า “รอสักครู่นะครับ ผมขออนุญาตโทรถามก่อน”

“ครับ” ไป๋ยี่เฟยยืนรออย่างว่าง่าย ตอนนี้ประธานของสหพันธ์คือภรรยาของเขา จะบุกเข้าไปเลยไม่ได้

รปภเดินไปทางห้องรปภ ไม่นานเขาก็เดินออกมา “ท่านประธานไม่อยู่ คุณกลับไปก่อนเถอะครับ!”

“หือ?” ไป๋ยี่เฟยสงสัย “เป็นไปได้ยังไง? ตอนนี้เพิ่งเที่ยงวันนะครับ จะไม่อยู่ได้ยังไง?”

“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ?” รปภไล่เขาด้วยความรำคาญใจ “ถ้าหมดธุระแล้วก็รีบไปซะ อย่ามาขวางอยู่หน้าประตูแบบนี้”

ไป๋ยี่เฟยได้แต่ถามไปดีๆ ว่า “แล้วคุณรู้รึเปล่าครับว่าเธอไปไหน?”

“คุณเคยเห็นเจ้านายที่ไหนมาคอยรายงานให้รปภรู้ว่าตัวเองจะไปไหนมั้ย?” รปภขำเยาะเย้ย แล้วไล่ไป๋ยี่เฟยออกไป

ไป๋ยี่เฟยถึงกับสำลัก แต่ก็ไม่ได้ถือสารปภคนนี้ เขาจึงตั้งใจที่จะจากไป

แล้วในตอนนั้นเอง เบนท์ลีย์คันหนึ่งก็ขับออกมาจากลานจอดรถ ผ่านมาทางไป๋ยี่เฟยพอดี

ไป๋ยี่เฟยมองรถคันนั้นแบบผ่านๆ แต่เขาก็ต้องอึ้งไป

เพราะคนที่นั่งอยู่ในนั้นก็คือหลี่เสว่ที่เขาตั้งใจมาหา ส่วนคนที่ขับรถก็คือ สวี่ชาง

ไป๋ยี่เฟยรู้สึกตกใจมาก ไหนบอกว่าหลี่เสว่ไม่อยู่ไง? แล้วทำไมเธอถึงไปอยู่บนรถกับ สวี่ชางล่ะ?

และภาพที่ไป๋ยี่เฟยเห็นเมื่อกี้ คือภาพที่หลี่เสว่กับสวี่ชางกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนคนที่สนิทกันมาก ส่วนหลี่เสว่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

ไป๋ยี่เฟยมาหาหลี่เสว่ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและคิดถึง แต่มันกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ความแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้ มันทำให้หัวใจของไป๋ยี่เฟยนั้นดิ่งลงไปยังก้นบึ้ง

หลังจากที่อึ้งไปพักหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยก็รีบขึ้นไปบนรถแล้วขับตามออกไป

ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังติดไฟแดงอยู่นั้น เขาก็โทรศัพท์หาหลี่เสว่ มันโทรติดแต่หลี่เสว่ก็ไม่ยอมรับสาย

ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้เริ่มร้อนรนแล้ว ทำไมหลี่เสว่ถึงไม่ยอมรับสายนะ?

เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?

ไม่ใช่ บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ด้วยเวลางานหลี่เสว่อาจจะปรับมือถือเป็นโหมดเงียบก็ได้ เธอจึงไม่ได้รับสายของเขา หลังจากทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็ยังเชื่อมั่นในตัวหลี่เสว่อยู่

เขารีบขับตามเบนท์ลีท์ไป จนมาถึงภัตตาคารตะวันตกแห่งหนึ่ง

หลี่เสว่กับสวี่ชางเข้าไปข้างในแล้ว ไป๋ยี่เฟยจำเป็นต้องเข้าไปตามหาด้านใน

แต่พอมาถึงที่หน้าประตู เขาก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนขวางเอาไว้

“หยุด เจ้านายของเราได้เหมาที่นี่ไว้แล้ว ถ้าคุณจะกินข้าวก็ไปกินที่อื่น” บอดี้การ์ดที่ร่างกายกำยำและสวมแว่นดำไว้พูดขึ้น

ไป๋ยี่เฟยทำหน้าเคร่งขรึม “ผมมาหาเจ้านายของพวกคุณนั่นแหละ”

“มาหาเจ้านายของเราเหรอ? ล้อกันเล่นใช่มั้ยเนี่ย?” เห็นได้ชัดว่าบอดี้การ์ดไม่เชื่อ “เจ้านายของเรากำลังทานมื้อเที่ยงกับสาวสวยอยู่นะรู้มั้ย? แกอย่ามาก่อกวน รีบๆ ไปซะ”

ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว “สาวสวยที่คุณว่านั้นมันภรรยาผมนะ แล้วผมยังเข้าไปไม่ได้รึไง?”

“เป็นเมียแกแล้วมันจะทำไม?” บอดี้การ์ดไม่สนใจเลยสักนิด “ตอนนี้คนที่กินข้าวกับเมียของแกคือเจ้านายของฉันไม่ใช่แก!”

บอดี้การ์ดอีกคนก็ได้เดินเข้ามา ใบหน้าที่ไร้มารยาทของเขากำลังทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม “นี่ไอ้หนู เมียของแกมีวาสนาได้กินข้าวกับพวกเรา แกควรจะดีใจสิถึงจะถูก จะร้อนรนไปทำไม!”

“ไม่ใช่รึไง? ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะมีสิทธิ์มานั่งกินข้าวกับเจ้านายของเราได้นะ!” บอดี้การ์ดคนแรกพยักหน้าเห็นด้วย

คำพูดของบอดี้การ์ดทำให้ไป๋ยี่เฟยต้องประหลาดใจ

เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้คนปกติทั่วไปเขาพูดกันอย่างนี้เหรอ? มาบอกเขาว่า เขาควรดีใจอย่างนั้นเหรอ?

ดีใจกับผีนะสิ!

ตอนอยู่บนเรือ สวี่ชางก็ช่วยเขาด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับเขา เขายังคิดว่า สวี่ชางเป็นชายที่มีคุณธรรมเสียอีก

แถมตอนอยู่บนเรือเขายังบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับหลี่เสว่เลย

นี่นะเหรอที่บอกว่าไม่ได้คิดอะไร?

แม้แต่บอดี้การ์ดยังทำตัวกร่างแบบนี้ ยังมีหน้าคิดว่าตัวเองมีเหตุผลอีก คนอย่าง สวี่ชางไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว!

แม่งเอ๊ย! นั่นมันภรรยาของเขานะ!

ไป๋ยี่เฟยทำหน้าไม่พอใจ “จะบอกว่า การกระทำของเจ้านายพวกคุณมันถูกแล้วสินะ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” บอดี้การ์ดพยักหน้าอย่างได้ใจ

สิ้นเสียง สายตาที่เย็นเยือกของไป๋ยี่เฟยก็วิ่งผ่าน แล้วยกมือขึ้นมาชกเข้าไปที่หน้าของบอดี้การ์ด “ใช่แม่แกสิ!”

“โอ๊ย!”

บอดี้การ์ดถูกกำปั้นที่มาโดยที่ไม่ทันตั้งตัวชกจนถอยหลังไปหลายก้าว

พอบอดี้การ์ดอีกคนเห็นอย่างนั้น ก็ก่นด่าออกมา “เชี่ย! กล้าลงมือ……”

ยังไม่ทันได้พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ก้าวมาข้างหน้า แล้วถีบออกไป

“ตุ๊บ”

บอดี้การ์ดถูกถีบจนลงไปนอนอยู่ที่พื้น

บอดี้การ์ดที่เพิ่งถูกต่อยไป พอตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้ามาอีกรอบ เพื่อสั่งสอนไป๋ยี่เฟย

ไป๋ยี่เฟยเอี้ยวตัวหลบไปได้ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาจับแขนขอชายคนนั้นไว้ แล้วจับมือของชายคนนั้นไขว้หลังและแทงเข่าออกไป

บอดี้การ์ดส่งเสียงออกมาจากทางจมูก ถูกแทงจนแทบอ้วกออกมา

ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ถ้าไม่รู้จักเข้ากับคนอื่นเดี๋ยวผมจะสอนให้เอง!”

บอดี้การ์ดที่ล้มลงเมื่อกี้ได้ลุกขึ้นมาแล้ว เขาโจมตีไป๋ยี่เฟยมาจากทางด้านหลัง ไป๋ยี่เฟยหมุนตัวกลับมา ส่วนมืออีกข้างก็เตรียมป้องกัน แต่ใครจะไปคิดว่าบอดี้การ์ดคนนั้นจะพึ่งเข้ามาทั้งอย่างนั้น

แรงปะทะนี้เกินกว่าที่ไป๋ยี่เฟยคาดการณ์ไว้ ไป๋ยี่เฟยถูกชนจนเสียหลัก บอดี้การ์ดที่ถูกจับไว้ก็ฉวยโอกาสนี้ดิ้นจนหลุดออกจากพันธนาการมาได้ แล้วหันไปร่วมมือกับบอดี้การ์ดอีกคนโจมตีไป๋ยี่เฟยเข้ามาพร้อมกัน

เพื่อที่จะทรงตัวให้อยู่ ไป๋ยี่เฟยจึงช้าไปหนึ่งวิ จนถูกบอดี้การ์ดคนหนึ่งเตะเข้าที่หน้าอก จนรู้สึกถึงเลือดเหมือนกำลังจะไหลย้อนกลับ

ส่วนบอดี้การ์ดอีกคนก็กำลังจะพุ่งเข้ามา ด้วยความที่ไป๋ยี่เฟยไม่อยากถูกทำร้ายแล้ว เขาจึงตัดสินใจพุ่งเข้าใส่ เขาจับกำปั้นของบอดี้การ์ดคนนั้นเอาไว้ พุ่งไปข้างหน้า จากนั้นก็ย่อตัวลง แล้วออกแรงบิด

“อ้า!”

แขนของชายคนนั้นถูกไป๋ยี่เฟยหักไปแล้ว

ไป๋ยี่เฟยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้สวนกลับ ไป๋ยี่เฟยเตะใส่อย่างจังโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้แต่การโจมตีจากทางด้านหลังก็ไม่สนใจ

การเตะในครั้งนี้ ทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นกระเด็นออกไปไกล บวกกับแขนที่ถูกหัก ตอนนี้เขาจึงไม่สามารถสู้ได้อีกแล้ว

บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังได้ชกโดนหลังของไป๋ยี่เฟยไปทีหนึ่ง จนไป๋ยี่เฟยเซไปข้างหน้า รู้สึกปวดแสบที่กลางหลัง

ไป๋ยี่เฟยไม่ได้สนใจมัน เขาแค่หันหลังกลับไป แล้วกระโดดถีบใส่บอดี้การ์ดคนนั้น แต่บอดี้การ์ดคนนั้นได้รอตั้งรับอยู่แล้ว ไป๋ยี่เฟยจึงถีบเขาให้ถอยไปแค่สองก้าวเท่านั้น

จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็พุ่งเข้าไป อาศัยแรงจากการที่โดนถีบล็อกคอบอดี้การ์ดเอาไว้

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset