ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 560

บทที่560

“งั้นก็มีแต่จะกระทืบเท่านั้นถึงจะพอใจ!”

“เอาก็เอาสิ เข้ามาได้เลย!”

พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไป๋ยี่เฟยก็ถึงกับอึ้งไปเลย

นี่มันฉากในหนังย้อนยุครึไงเนี่ย?

ไม่นาน ในหัวของไป๋ยี่เฟยก็มีแต่ฉากแบบนี้เต็มไปหมด

ในเวลาเดียวกัน เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่า พวกเขากำลังแย่งที่กันอยู่

“บุกเข้าไป!”

“เอาพวกมันให้ตาย!” หัวโจกของทั้งสองฝ่ายต่างพากันโบกมือ การตะลุมบอนกำลังจะเกิดขึ้น

คนของทั้งสองฝ่ายต่างชูอาวุธของตัวเองขึ้นมาอย่างห้าวหาญ ร้อง “ย๊ะ” ออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่กัน

บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด แต่ความจริงแล้วมันเป็นแค่การตะลุมบอนที่เละเทะเท่านั้น เนื่องจากมีแต่วัยรุ่น วรยุทธที่รู้ก็แค่งูๆ ปลาๆ ยิ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว ไม่สนหรอกว่าจะใช้กระบวนท่าอะไร แค่ได้เข้าไปออกไม้ออกมือก็พอแล้ว

ภาพของผู้คนที่กำลังตะลุมบอนกันแบบนี้มันค่อนข้างสะเทือนใจอยู่เหมือนกัน ไป๋ยี่เฟยเอาแต่ยืนอึ้งอยู่กับที่

หลินจื่อที่อยู่ข้างๆ พอเห็นแบบนั้นแล้วก็รีบดึงตัวของไป๋ยี่เฟย “ไป ตามฉันมา!”

ไป๋ยี่เฟยรีบวิ่งตามหลินจื่อเข้าไปในป่าเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล

แต่พอวิ่งไปได้แค่ไม่ไกล ก็พบกับหัวหน้าของพวกเขาไอ้อ้วนเข้า

พอไอ้อ้วนเห็นว่าพวกเขากำลังทำท่าจะหนี เขาก็โมโหขึ้นมาทันที “นี่พวกแกคิดจะวิ่งไปไหน? คิดจะหนีงั้นเหรอ?”

หลินจื่อสีหน้าซีดเซียว เขารีบอธิบายไปอย่างร้อนรนว่า “ไม่ครับ ไม่ครับ พวกเราแค่……”

ในตอนนั้นเอง ข้างหลังของไอ้อ้วนก็มีคนที่ถือมีดสปาต้าออกมาคนหนึ่ง ชายคนนั้นเล็งมีดมาที่หัวของไอ้อ้วนแล้วกำลังจะฟันลงมา

หลินจื่อตะโกนออกมา “ระวังข้างหลัง!”

ในขณะเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยก็เคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติ เขาดึงไอ้อ้วนมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง จากนั้นก็ชกใส่ชายถือมีดไปทีหนึ่ง

“ตุ๊บ!”

ชายคนนั้นกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร

ไอ้อ้วนกับหลินจื่อต่างก็พากันตกใจ

ไป๋ยี่เฟยก็ตกใจเหมือนกัน

ตอนนี้เขายังบาดเจ็บอยู่เลย แล้วเอาแรงมากมายแบบนี้มาจากไหน?

ที่สำคัญ พละกำลังขนาดนี้เห็นทีจะมีแค่ตอนที่เขาแข็งแรงสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะทำได้

ไป๋ยี่เฟยจ้องมองไปที่กำปั้นของตัวเองด้วยความสงสัย ไอ้อ้วนที่ตั้งสติได้แล้วก็เข้ามาตบไหล่ไป๋ยี่เฟย” ไอ้หนู ขอบใจมาก วันนี้แกช่วยชีวิตฉันไว้ บุญคุณครั้งนี้ฉันจำจะไม่มีวันลืม”

“รอเสร็จเรื่องจากตรงนี้ก่อน กลับไปฉันจะตกรางวัลให้แกอย่างงามเลย!” พูดจบ ไอ้อ้วนก็หยิบมีดสปาต้าของตัวเองขึ้นมา แล้ววิ่งเข้าในฝูงชนไป

“ลูกพี่ติดหนี้บุญคุณนายแล้ว ต่อไปนายก็สามารถเดินเบ่งในเขตที่สามได้แล้ว นี่ ต่อไปก็อย่าลืมฉันที่เป็นพี่น้องคนนี้ด้วยล่ะ!”

ทันทีที่สิ้นเสียง เสียงปืนกลชุดหนึ่งก็ดังขึ้น

“ปั้งปั้งปั้ง……”

ในเวลาเดียวกัน เสียงร้องโอดครวญมากมายก็ได้ดังมาตามๆ กัน

ในที่ไม่ไกล ก็ได้มีรถจี๊ปคันหนึ่งถูกขับเข้ามา บนรถมีปืนกลติดมาด้วยอีกหลายกระบอก แล้วกระหน่ำยิงไปยังกลุ่มคนที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่

พอเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไป๋ยี่เฟยกับหลินจื่อต่างก็ตกใจกันมาก

หลินจื่อที่ตอบสนองได้เร็วกว่าไป๋ยี่เฟยก็รีบตะโกนขึ้นว่า “วิ่งเร็ว!”

ไป๋ยี่เฟยชะงักไป วิ่งเหรอ?

แต่พื้นที่โล่งขนาดนี้จะให้วิ่งไปไหนได้? กลัวแต่จะวิ่งยิ่งเร็วก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้นนะสิ

ไป๋ยี่เฟยดึงตัว หลินจื่อเอาไว้ “หมอบลง แกล้งตาย!”

หลินจื่อเองก็ไม่ได้โง่ พอได้ยินอย่างนั้น เขาก็เข้าใจทันที แล้วหมอบตามไป๋ยี่เฟยไป แกล้งตาย

หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยนอนลงไปแล้ว เขาก็แอบลืมตาขึ้นมาดูไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ไกล ปืนกลยังคงยิงอยู่อย่างต่อเนื่อง ทุกที่ที่ขับผ่านก็ไม่มีใครรอดเลย

ไป๋ยี่เฟยรู้สึกสะเทือนใจมาก

ปืนเป็นอาวุธที่ห้ามมีไว้ครอบครองไม่ใช่เหรอ? แม่งพวกมันกล้าเอาออกมาใช้โต้งๆ แบบนี้ได้ไง?

ขนาดพวกสี่ตระกูลใหญ่ที่ว่ามีปืนยังไม่กล้าเอาออกมาใช้แบบนี้เลย!

การระดมยิ่งยังคงดำเนินต่อไป คนที่อยู่บนรถจี๊ปไม่แบ่งมิตรหรือศัตรู ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้นพวกเขาก็ยิ่งไม่เลือกหน้าส่วนคนพวกนั้นก็ล้มลงไปเรื่อยๆ

แม้แต่หัวโจกอย่างไอ้อ้วนก็ยังโดนไปหลายนัดจนล้มลงไปทั้งอย่างนั้นเลย

หลินจื่อหันไปเห็นภาพนั่นเข้าทันที เขาทนไม่ไหวจนแอบพรึมพำเบาๆ ว่า “จบกันจบกัน……”

ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงพวกเขาที่จบกันหรือหมายถึงลูกพี่ที่จบกัน หรือหมายถึงอย่างอื่น

หลังจากที่รถจี๊ปหยุดยิง มันก็ขับวนดูไปรอบหนึ่ง พอเห็นว่าไม่มีใครรอดแล้ว ก็ขับรถจากไป

ไป๋ยี่เฟยกับหลินจื่อไม่ได้ลุกขึ้นมาทันที พวกเขารอจนรถขับออกไปพักใหญ่แล้วถึงได้ลุกขึ้น

“วิ่งเร็ว!”

หลินจื่อตะโกนออกมา ไป๋ยี่เฟยก็รีบวิ่งตามหลินจื่อไป

ไม่รู้ว่าทั้งคู่วิ่งมานานเท่าไหร่แล้ว พวกเขาวิ่งผ่านถนนมาหลายสาย สุดท้ายทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่ตรงย่านที่สร้างจากพีวีซีย่านหนึ่ง

หลินจื่อก้มลงไปเอามือยันเข่าแล้วหายใจเป็นการใหญ่

ไป๋ยี่เฟยเอวก็ไม่ดูดีไปกว่ากัน ตอนที่วิ่งมามันก็ไปกระตุ้นโดนแผลของเขา จนตอนนี้เหงื่อเขาเริ่มออกอีกแล้ว

หลังจากพักหายใจไปพักหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยก็ได้ถามขึ้นว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

หลินจื่อส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน นอกจะเป็นพวกที่มาจากเขตหกแน่ๆ พวกเขตหดมันมีรถจี๊ป”

ไป๋ยี่เฟยชะงักไป แล้วถามไปอย่างไม่เข้าใจว่า “รถยนต์มันหายากมากเลยเหรอ?”

เขาจำได้ว่าตอนที่วิ่งมา คนส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีการเดินเอา รถยนต์มันน้อยจนน่าสงสารเลยล่ะ

พอหลินจื่อได้ยินอย่างนั้น เขาก็อึ้งไปทันที จากนั้นก็ร้อนรนขึ้นมา “นี่น้องชาย นายคงไม่ได้เพิ่งมาถึงที่นี่ใช่มั้ย?”

ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า “ใช่”

สิ้นเสียง หลินจื่อก็แสดงแววตาที่เห็นใจออกมา และยังถอนหายใจออกมาด้วย “น้องชาย สงสัยนายจะถูกหลอกแล้วล่ะ!” ” ว่าไงนะ?” ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจ

หลินจื่อมองไปรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีคน เขาก็หันมาอธิบายหลันเต่าที่ว่านั้นเป็นยังไงด้วยความระมัดระวัง

หลันเต่าถูกค้นพบเมื่อสิบปีที่แล้ว ที่นี่มีแร่ที่สามารถเอาไปใช้ได้มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือแร่ทองคนที่รู้เข้าต่างก็อยากจะมาขุดทองที่นี่กันทั้งนั้น เพื่อความร่ำรวย

แต่หลันเต่านั้นถูกสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงควบคุมเอาไว้

ตอนนั้นทางสหพันธ์บอกเอาไว้ว่า :ถ้าใครอยากมาร่อนทองที่นี่ก็ต้องจ่ายก่อนล้านหนึ่ง ถึงจะอนุญาตให้มาได้

เพื่อให้ได้ร่อนทองแล้ว อย่าว่าแต่หนึ่งล้านเลย ต่อให้เป็นสิบล้านก็ยังมีคนมา

แน่นอนว่าพอคนพวกนั้นมาถึงที่นี่ก็ต้องอึ้งไปตามๆ กัน

ถึงแม้ว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยตึกที่สูงใหญ่มากมาย แต่ที่นี่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเน่าเหม็นและโสโครก

หลินจื่อบอกว่า ที่นี่มันเป็นสวรรค์ของพวกนอกกฎหมายกับพวกคนมีตังค์ทั้งนั้น ไม่มีใครคุม อยากทำอะไรก็ทำได้

ส่วนคนอย่างพวกเขานั้น แค่มีให้กินอิ่มท้องก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

มีคนมากมายอยากไปจากที่นี่ แต่การเข้ามานั่นมันง่าย แต่ตอนไปนี่สิยาก

นอนเข้ามานั่นใช้แค่ล้านเดียว แต่ตอนออกไปก็ต้องซื้อตั๋วเรือหนึ่งใบ และราคาของตั๋วใบนั้นคือทองหนึ่งพัน

หลินจื่ออธิบายว่า :ทองหนึ่งพันก็ประมาณทองร้อยกิโลนั่นแหละ ส่วนทองที่พวกเขาร่อนได้ในแต่ละวันก็มีแค่กี่ขีดเท่านั้น

ดังนั้น สำหรับคนธรรมดาแล้ว การที่จะออกไปจากเกาะนี้ ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยากที่จะเป็นไปได้

พอไป๋ยี่เฟยฟังจบ เขาก็ขมวดคิ้วทันที “รัฐบาลไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอ? อยู่ที่นี่สหพันธ์อยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ?”

หลินจื่อยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ไม่ใช่รึไง? การที่มีคนตายมันกลายเป็นเรื่องที่แสนธรรมดาไปแล้ว”

ไป๋ยี่เฟยพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “แล้วคุณมาที่นี่กี่ปีแล้ว?” “แปดปี”

ไป๋ยี่เฟยตกใจมาก “แปดปีเหรอ? แล้วตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่?”

“สิบแปด”

ไป๋ยี่เฟยตกใจหนักกว่าเดิมอีก “คุณมาที่นี่ตั้งแต่สิบขวบแล้วเหรอ?”

หลินจื่อยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี หลังจากที่พ่อรู้เรื่องที่นี่เข้า จึงตัดสินใจพาคนในบ้านมาหาเงินที่นี่”

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset