ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 668 ก็จะไม่กล่าวโทษเธอเช่นกัน

บทที่ 668 ก็จะไม่กล่าวโทษเธอเช่นกัน

ซาเฟยหยางก้มหัวจ้องมองฉีฉีหนึ่งที จากนั้นยิ้มพยักหน้า เดินเข้าไปในออฟฟิศเลย

ฉีฉีรู้สึกหวาดผวามาก ถึงยังไงตำหนิต่อว่าคนอื่นลับหลังเรื่องแบบนี้ถูกจับได้คาหนังคาเขา มีความอึดอัดใจเล็กน้อยจริงๆ อีกทั้งเมื่อกี้ซาเฟยหยางยิ้มต่อเธอ เธอรู้สึกรอยยิ้มนี้ดูเหมือนมีความหมายแฝงอยู่ จากนั้นไม่กล้าอยู่ต่ออีก รีบออกจากออฟฟิศเลย

ฉีฉีกลับไปที่ห้องผู้ป่วยอีก ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว ก็ฟื้นฟูพลังความสามารถแล้วเช่นกัน แต่เธอไม่ได้กลับไปรายงานสภาพการณ์กับอาจารย์ให้ชัดเจนในทันทีเลย เธอคิดว่าหลังจากสวีลั่งฟื้นแล้วค่อยว่ากัน

นั่นเป็นพี่ชายเธอที่พลัดพรากจากกันไปยี่สิบปีแล้ว คิดว่าถ้าอาจารย์รู้แล้ว ก็จะไม่กล่าวโทษเธอล่ะ

……

ในออฟฟิศคณบดี

ไป๋ยี่เฟยให้ซาเฟยหยางนั่งลง จากนั้นเทชาที่เดือดปุดปุดแก้วหนึ่งให้กับซาเฟยหยาง ส่งไปให้เขา ยิ้มพูดว่า “อาวุโสเชิญดื่มน้ำชา”

ซาเฟยหยางรับมาดื่มไปคำหนึ่งพูดว่า “อร่อยมาก”

ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วยิ้มอีก จากนั้นพูดว่า “คำเล่าลือเป็นเรื่องจริงนะ อาวุโสดูดวงเป็นจริงๆ”

ซาเฟยหยางได้ยินคำพูดนี้กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นส่ายหัวเบาๆว่า “ผมจำเรื่องในอดีตไม่ได้แล้ว”

ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ถามมากเช่นกัน เพียงแค่พูดว่า “ขอบคุณการชี้แนะของอาวุโสก่อนหน้านั้นอย่างมาก”

ซาเฟยหยางได้ยินคำพูด มีความไม่เข้าใจเล็กน้อย

ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพนั่งอยู่ข้างซาเฟยหยาง พูดว่า “อาวุโสช่วยผมดูสักหน่อยดีกว่าล่ะ?”

ซาเฟยหยางจ้องมองไป๋ยี่เฟย ผ่านไปนานมากล้วนไม่ได้พูด

ไป๋ยี่เฟยไม่ร้อนใจเลย ตามใจให้ซาเฟยหยางดู

ผ่านไปนานมาก ซาเฟยหยางจึงพูดเบาๆว่า “โชคชะตาขรุขระ ทั้งหลงทั้งราบเรียบ”

ตอนที่ซาเฟยหยางพูดน้ำเสียงสงบมาก ความไม่เข้าใจก่อนหน้านั้นดูเหมือนไม่เคยโผล่ออกมาก่อนเลย

ไป๋ยี่เฟยต่อสองคำนี้มีความเข้าใจเล็กน้อย ก็มีความไม่เข้าใจเล็กน้อยเช่นกัน สิ่งที่เข้าใจก็คือโชคชะตาเขาขรุขระ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือทั้งหลงทั้งราบเรียบ

หลังจากแอบครุ่นคิดพักหนึ่ง อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยถามซาเฟยหยางว่า “อาวุโส ผมเชื่อท่านได้หรือไม่?”

คำพูดนี้แท้ที่จริงแฝงไว้ด้วยความหมายสองชั้น ความหมายผิวเผินคือพูดว่าเชื่อการดูดวงของเขาเมื่อกี้ ส่วนความหมายที่แฝงไว้ด้วยคือสามารถเชื่อเขาคนนี้หรือไม่

แม้ว่าซาเฟยหยางถูกขังไว้นานมากขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้โง่เขลาเลย ดังนั้นเขาสามารถเข้าใจถึงความหมายอีกชั้นหนึ่งของไป๋ยี่เฟย

แต่ว่าซาเฟยหยางไม่ได้ตอบกลับเขาเลย เพียงแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก

แท้ที่จริงบางคำพูดไม่จำเป็นต้องตอบเลย ถึงยังไงถ้าหากว่าคุณเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงน่าเชื่อถือไปตอบแล้ว แต่ผลสุดท้ายกลับเอามีดแทงข้างหลังคุณ การกระทำเช่นนี้จะไม่มีคนชอบเลย

ไป๋ยี่เฟยเห็นแบบนี้พยักหน้าเล็กน้อย “รู้แล้ว”

……

ไป๋ยี่เฟยไปเยี่ยมเย่ฮวนก่อน

เคาะประตูไปสักพัก มีคนมาเปิดประตูแล้ว แต่ที่ทำให้คนอึดอัดใจก็คือคนที่มาเปิดประตูคือเฝิงเซียนเซียน

หลังจากเฝิงเซียนเซียนได้มองเห็นไป๋ยี่เฟย โมโหในทันทีพูดว่า “ไสหัวออกไป! ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ!”

ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเฝิงเซียนเซียนหนึ่งที รักษารอยยิ้มไว้พูดว่า “ผมคือมาเยี่ยมเย่ฮวนล่ะ”

แท้ที่จริงเรื่องในครั้งนี้ไป๋ยี่เฟยไม่มีหน้าที่อะไรจำเป็นจะต้องไปรับผิดชอบต่อเย่ฮวนเลย แต่พูดถึงสุดท้ายแล้ว แผนการในครั้งนี้ยังเป็นไป๋ยี่เฟยเสนอออกมา

จากนั้นเขาจึงปรึกษาหารือกับเย่ฮวน เพียงแค่สุดท้ายเกิดความผิดพลาด ในใจเขามากน้อยยังคงมีความรู้สึกผิดเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้นอีก สถานที่เกิดเรื่องอยู่ที่เมืองเทียนเป่ย เขตอิทธิพลของเขา

ด้วยเหตุนี้ สำหรับเฝิงเซียนเซียน ไป๋ยี่เฟยจะพยายามทำให้จิตใจสงบเยือกเย็น

แต่เฝิงเซียนเซียนไม่คิดเช่นนี้เลย ทั้งๆในครั้งนี้ความสัมพันธ์ของเขากับเย่ฮวนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ท่าทีของเฝิงเซียนเซียนเสียดสีเหมือนอดีตที่ผ่านมาอย่างไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยิ่งมากกว่าแต่ก่อนอีก

“คุณหูหนวกแล้วหรือ? บอกว่าไม่ต้อนรับคุณ ก็คือไม่ต้อนรับคุณ ไม่ขาดแคลนคนมาเยี่ยม รีบไสหัวออกไป!” เฝิงเซียนเซียนเท้าสะเอวกั้นไว้อยู่หน้าประตู ก็คือไม่ให้เขาเข้าไป

ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าขึงลงทันที เขามาเยี่ยมเย่ฮวนก็ออกมาจากความหวังดีเช่นกัน แต่ถูกคนปฏิบัติต่อเช่นนี้ ใจที่ดีขนาดไหนก็อารมณ์ไม่ดีขนาดนั้นแล้ว “ที่นี่นะเป็นเมืองเทียนเป่ย!”

“เมืองเทียนเป่ยแล้วยังไงหรือ?” เฝิงเซียนเซียนไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่

ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเย็นชา “ที่นี่ยังเป็นโรงพยาบาลโว่หลง”

เฝิงเซียนเซียน ฮึ เสียงหนึ่ง “งั้นเป็นยังไงอีกล่ะ?”

ไป๋ยี่เฟยโมโหพูดว่า “นี่เป็นเขตอิทธิพลของผม โรงพยาบาลของผม แม่มึงเอ่ย คุณให้ผมไสหัวออกไปหรือ?”

“แม่มึงเอ่ยถ้าไม่มึงก็ไสหัวออกไปให้กู! หลีกทางให้กู!”

เฝิงเซียนเซียนอึ้งชะงัก สีหน้าอั้นจนแดงระเรื่อ “คุณ!”

ไป๋ยี่เฟย ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง ผลักเฝิงเซียนเซียนออกไปทันที เดินตรงเข้าไปในห้องผู้ป่วย

ในห้องผู้ป่วย เย่ฮวนไม่ได้นอนอยู่บนเตียง ก็ไม่ได้สวมใส่เสื้อผู้ป่วยเช่นกัน เขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา

และอยู่ตรงกันข้ามกับโซฟาเขา เย่อ้ายที่อมยิ้มเต็มใบหน้านั่งอยู่

บนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา มีชาร้อนที่เพิ่งเทออกมาสองแก้ว

เย่ฮวนจ้องมองไปยังไป๋ยี่เฟย เชิญเขานั่ง “ขอโทษ เรื่องในครั้งนี้ผมไม่ได้บอกกับเธอ ดังนั้นจะมีอคติกับคุณเล็กน้อย”

เฝิงเซียนเซียนตามเข้ามาแล้ว จ้องเขม็งหลังของไป๋ยี่เฟย ฮึ เสียงหนึ่ง

ไป๋ยี่เฟยไม่ใส่ใจเฝิงเซียนเซียนเลย เขาวางกระเช้าผลไม้อยู่ข้างๆก่อน จากนั้นจึงนั่งลงไป ถือแก้วน้ำชาแก้วหนึ่งขึ้นมา ค่อยๆดื่มไปคำหนึ่ง จึงถามว่า “ทำไมไม่ทำการตรวจเช็คร่างกายทั้งตัวสักหน่อยล่ะ?”

“ผมยังไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” เย่ฮวนอมยิ้มหนึ่งที

ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ก็ไม่พูดมากเช่นกัน แต่คือถามไปอีกคำถามหนึ่ง“ต่อจากนี้ไปคิดว่าจะทำยังไงหรือ?”

เย่ฮวนจ้องมองไป๋ยี่เฟยหนึ่งที โดยจิตใต้สำนึกหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “นี่จึงเป็นจุดประสงค์ที่คุณมาเยี่ยมผมหรือ?”

ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ปฏิเสธ

เย่ฮวนเก็บหัวเราะเย็นชา พูดเบาๆว่า “หลี่จู้ตายแล้ว การพัฒนาที่ดินผืนนั้นจะเลื่อนไปเป็นเวลาชั่วคราว และก่อนหน้านั้นเขาก็เคยบอกแล้วเช่นกัน วันหลังจะมีพินัยกรรม งั้นลูกชายของเขาจะสืบทอดต่อที่ดินผืนนั้น”

หยุดชะงักหนึ่งที จึงพูดว่า “ก่อนที่จะหาลูกชายของเขาเจอ ระหว่างพวกเราน่าจะไม่มีผลประโยชน์ปะทะกันแล้ว”

“แต่ว่าที่ดินผืนนั้นถึงยังไงก็ต้องเอาออกมาคุยกัน ผมไม่อยากเกิดการปะทะด้านผลประโยชน์กับคุณอีกเลย ไม่ถูก คือการปะทะทุกอย่าง”

ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดนี้แปลกใจอย่างมาก กะพริบตาจ้องมองเย่ฮวน ยิ้มพูดว่า “คุณคืออยากจะเป็นเพื่อนกับผมหรือ?”

เย่ฮวนพยักหน้า “คุณรู้ ช้าเร็วผมก็ต้องกลับเมืองหลวง สืบการตายที่แท้จริงของพ่อแม่ผมให้ชัดเจน ผมจะล้างแค้นให้พวกเขา”

“คิดว่าอีกไม่นานคุณก็จะไปเมืองหลวงเช่นกัน น้ำบ่อนี้ของเมืองหลวงทั้งลึกมากทั้งข้นมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะเหมือนลักษณะของพวกเราในตอนนี้ สู้กันไปสู้กันมาก็ยังเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม”

“ดังนั้นผมอยากได้รับความช่วยเหลือกับการสนับสนุนจากคุณ แน่นอน ถ้าหากว่าคุณก็ต้องการความช่วยเหลือกับการสนับสนุนเช่นกัน ผมก็จะทุ่มสุดพลังเช่นกัน”

ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดยิ้มแล้วยิ้มอีก ดูแล้วเย่ฮวนคืออยากจะผูกพันเป็นพันธมิตรกับเขา ถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่จะร่วมงานระยะยาวแบบหนึ่งล่ะ

กำลังอยู่ตอนที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่ อยู่ดีๆเฉินห้าวพุ่งเข้ามาแล้ว ร้องตะโกนเสียงหนึ่ง “พี่ หลิงหลิงอยู่ดีๆไข้สูงไม่ลด ล้มสลบไปแล้ว”

ไป๋ยี่เฟยตื่นตะลึงฉับพลันในทันที ลุกขึ้นมาแล้ว จากนั้นจึงตามเฉินห้าวไปอย่างรีบร้อน

……

นอกห้องฉุกเฉิน ไป๋ยี่เฟยกับเฉินห้าวรออยู่ ในใจร้อนใจเป็นห่วง

เริ่มตั้งแต่เขารับต่อโหวจวี๋กรุ๊ปตลอดเวลาหลงหลิงหลิงก็ช่วยบริหารอยู่ข้างเขา ก็ไม่เคยคิดที่จะทรยศเขามาก่อน ในใจเขาประทับใจอย่างมาก ดังนั้น อยู่ที่นี่ไป๋ยี่เฟย หลงหลิงหลิงนับได้ว่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง

ผ่านไปไม่นาน เย่ฮวนมาแล้ว สวี่ชางก็มาแล้วเช่นกัน

เย่ฮวนมองเห็นลักษณะที่ร้อนใจของไป๋ยี่เฟย ปลอบโยนพูดว่า “อย่ากังวล จะไม่เป็นอะไร”

ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า จ้องมองไปยังสวี่ชางอีก รู้สึกผิดและเสียใจเล็กน้อยพูดว่า “ขอโทษ เรื่องของครั้งก่อนเป็นผมเข้าใจผิดคุณแล้ว ยังไม่ทันที่จะขอโทษกับคุณ”

สวี่ชางส่ายหัวต่อๆกัน “ผมล้วนรู้ เพียงแค่ว่าที่ดินผืนนั้นไม่สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้เป็นเวลาชั่วคราวแล้ว”

ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าต่อๆกัน

แม้ว่าสวี่ชางเป็นน้องชายแท้ๆของสวี่เต้าจ่าง แต่ว่าเขาสามารถรู้สึกได้ พวกเขาทั้งสองไม่ได้เป็นคนทางเดียวกันเลย

ในเวลานี้ หนิววั่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้ว เขาไม่ได้พูดตรงๆเลย แต่เรียกไป๋ยี่เฟยไปในห้องหนึ่งตามลำพัง

ในใจไป๋ยี่เฟยร้อนใจ หลังจากปิดประตูแล้วก็ถามทันทีว่า “เป็นยังไงแล้วล่ะ?”

หนิววั่งส่ายหัวต่อๆกัน “ตรวจไม่เจอ”

ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจมาก “ทำไมเป็นอย่างงั้นล่ะ?”

หนิววั่งทอดถอนใจหนึ่งที พูดว่า “เธอตื่นแล้ว ไม่มีอันตรายต่อชีวิตเป็นเวลาชั่วคราว แต่ไข้สูงตลอดไม่ลด เป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ดีเช่นกัน”

เงียบสักพัก พูดอีกว่า “อาจจะพาเธอไปเมืองหลวงได้ เมืองหลวงฝั่งโน้นเครื่องมือทันสมัยกว่าอีก ทั้งมีหลิวเสี่ยวอิงอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่แน่อาจจะตรวจออกมาได้”

ไป๋ยี่เฟยไตร่ตรองหนึ่งที “ได้ งั้นก็ไปเมืองหลวง”

หนิววั่งก็เลยพูดว่า “อืม งั้นผมไปเตรียมรถ”

ไป๋ยี่เฟยกลับส่ายหัวพูดว่า “ไม่ต้อง ผมไปเอง”

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset