ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ – ตอนที่ 676

บทที่676

“เขาใช้วิชาเสริมพลังอ้านจิ้ง” ซาเฟยหยางพูดออกมาอย่างเรียบเฉย

ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจ “วิชาเสริมพลังอ้านจิ้งคืออะไรเหรอครับ?”

“มันเป็นเทคนิดแบบหนึ่ง ที่สามารถเสริมพลังให้เราได้ คล้ายๆ กำลังภายใน แต่ในโลกนี้คนที่รู้จักวิชาเสริมพลังอ้าทิชชูนั้นน้อยมาก ถ้าผมฆ่าเขาไปมันก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก”

ไป๋ยี่เฟย “……”

“ผู้อาวุโส นั่นมันศัตรูนะครับ” ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ซาเฟยหยางแค่ตอบมาอย่างเรียบๆ คำเดียวว่า “ไม่ต้องห่วง เขาสร้างปัญหาได้ไม่มากหรอก”

เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ซาเฟยหยางก็กำลังช่วยเขาแล้ว เขาจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?

แต่ว่า……

“ดูจากท่าทางแล้วผู้อาวุโสน่าจะใช้วิชาเสริมพลังอ้านจิ้งเหมือนกัน ผู้อาวุโสช่วยสอนผมหน่อยได้มั้ยครับ?”

แต่ซาเฟยหยางกลับส่ายหน้า “ไม่ได้”

ไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจ “ทำไมครับ?”

ซาเฟยหยางตอบ “อายุมากเกินไป มันไม่เหมาะแล้ว”

ไป๋ยี่เฟย “……”

หลังกลับเข้ามาในรถ หลงหลิงหลิงก็ยื่นกระดาษทิชชูให้ไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยรับไปเช็ดคราบเลือดบนมือ พอโยนทิชชูทิ้งก็ตั้งใจจะออกเดินทางต่อ

แต่เขาก็นึกอะไรขึ้นได้ แล้วหันไปพูดกับฟางหยันที่กำลังหวาดผวาอยู่ “คุณฟางครับ ไหนคุณบอกว่าจะลงจากรถแล้วไม่ไปกับเราต่อกับเราไม่ใช่เหรอครับ? ตอนนี้คุณสามารถลงไปได้แล้วครับ”

ฟางหยันหันไปมองศพที่นอนเกลื่อนนอกรถ แล้วกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ส่ายหน้า “ที่นี่มันค่อนข้างกันดาร ฉันไม่ลง”

ไป๋ยี่เฟยชี้ไปทางด้านหลังของโรงงาน “ทางนั้นเป็นหมู่บ้าน”

ฟางหยันส่ายหน้า “ฉันไม่เชื่อ!”

เมื่อกี้เธอเห็นเต็มสองตาว่ามีคนถูกปล่อยไปคนหนึ่ง ถ้าเธอไปลงรถตรงนั้น แล้วเกิดชายคนนั้นกลับมาเจอเธอเข้าจะทำยังไง?

ถึงตอนนั้นถูกหาว่าเป็นพวกเดียวกับไป๋ยี่เฟย แบบนี้เธอก็ถูกฆ่าสิ เธอไม่มีทางลงจากรถเด็ดขาด!

พอไป๋ยี่เฟยเห็นอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากพูดต่อ แล้วเขาก็ขับรถออกไป

ครั้งนี้เขาไม่ได้ขับไปที่เมืองหลวงโดยตรง แต่เขาใช้เส้นทางที่ไกลกว่า ขับอ้อมไปกว่าสามอำเภอ

ระหว่างทาง ฟางหยันที่ตั้งสติได้ก็ถามหลงหลิงหลิงไปอีกครั้งว่า “ตกลงพวกคุณเป็นใครกันแน่คะ?”

หลงหลิงหลิงตอบไปแค่ว่า “คนดีค่ะ”

เห็นได้ชัดว่าฟางหยันไม่เชื่อ คนดีที่ไหนเขาเอามีดไปทะเลาะไล่ฟันกันแบบนี้? แถมยังฆ่าคนตายเป็นเบือ คิดว่าเธอตาบอดรึไง?

แต่การได้เห็นคนๆ เดียวสามารถล้มคนได้ตั้งเจ็ดแปดคนนั้น มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ สถานการณ์แบบนั้นมันสะใจยิ่งกว่าในหนังซะอีก มันเป็นการสู้กันด้วยอาวุธจริงๆ เลยนะ!

แต่มันก็แค่ทำให้สายตาที่เธอมองไป๋ยี่เฟยเปลี่ยนไปเท่านั้น มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกชอบไป๋ยี่เฟยเลยสักนิด ที่สำคัญเธอคิดว่าพวกไป๋ยี่เฟยค่อนข้างต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ

ส่วนด้านฐานะก็ไม่เหมาะสมเลยสักนิด

พวกเขาดูเหมือนพวกที่มักจะมีแต่เรื่องทะเลาะวิวาท คนแบบนี้ก็มักจะเป็นพวกจิ๊กโก๋ ใช้ชีวิตอยู่ใต้ดิน คนแบบนี้ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วยจะดีที่สุด

พอถึงเมืองหลวง เธอจะรีบสลัดพวกเขาทิ้ง ถ้าพวกเขาต้องการเบอร์ของเธอ เธอก็จะบอกเบอร์มั่วๆ ไป

แต่ฟางหยันคิดมากไป

พอมาถึงย่านการค้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ไป๋ยี่เฟยไม่ได้หันหลังกลับมาเลยด้วยซ้ำ เขาแค่ออกมาเฉยๆ ว่า “ลงไปแล้วทำเหมือนเราไม่เคยเจอกันมาก่อน”

พอฟางหยันได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไปเลย เธอถูกผู้คนรายล้อมมาโดยตลอด จู่ๆ มาถูกมองข้ามแบบนี้ มันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจซะเลย จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถามไปว่า “คุณไม่อยากได้ลายเซ็นของฉันเหรอ?”

ไป๋ยี่เฟยตอบไปอย่างเรียบเฉยว่า “ผมไม่บ้าดาราครับ”

ฟางหยันฟังจบก็ทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็ลงจากรถไป

แต่หลังจากที่เธอลงจากรถได้แปบเดียว ก็มีคนจำเธอได้แล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเธอเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก

มีวัยรุ่นสองคนเธอผ่านเธอไป จากนั้นก็ชะงัก

“คุณ คือฟางหยันใช่มั้ยคะ?”

“ใช่จริงๆ ด้วย! อ้า! พวกเราขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยคะ?”

วัยรุ่นสองคนดูตื่นเต้นมาก แต่เสียงกรี๊ดของพวกเธอก็ดันไปดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบๆ เข้า เพียงครู่เดียว ผู้คนมากมายก็ออกันเข้ามา ล้อมฟางหยันเอาไว้ ต่างก็พากันมาขอลายเซ็น ขอถ่ายรูปด้วย

ฟางหยันนั่นไม่ได้ทำตัวตามใจเหมือนตอนอยู่ในรถ แต่เธอกำลังทำหน้ายิ้มแย้ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพเรียบร้อยว่า “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันแค่บังเอิญผ่านมาทางนี้ ดีใจมากเลยค่ะที่ทุกคนชอบฉัน ฉันต้องขอบคุณทุกคนมากจริงๆ”

พอหลงหลิงหลิงเห็นฟางหยันที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงนั้น เธอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจมาก “ความสดใสร่าเริงที่เรารู้จักเธอในวงการบันเทิงนั่น มันเป็นแค่การแสดง ไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด”

ไป๋ยี่เฟยพูดไปขำไป “พวกดาราก็เป็นแบบนี้แหละ”

หลงหลิงหลิงพยักหน้าเห็นด้วย

……

หลังจากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ส่งหลงหลิงหลิงไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของเมืองหลวงก่อน หลังจากที่ดำเนินเรื่องเสร็จ เขาก็เจ้าไปไปพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รับผิดชอบหลงหลิงหลิง

แต่ที่นึกไม่ถึงคือหมอที่รับผิดชอบหลงหลิงหลิงก็แซ่ฟางเหมือนกัน เขาเป็นชายวัยกลางคนที่อายุประมาณห้าสิบกว่า ดูเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อตรง

ไป๋ยี่เฟยสอบถามไป๋ยี่เฟยเสร็จ หมอฟางก็พูดขึ้นว่า “เยื่อหุ้มปอดอักเสบ โรคนี้จะบอกว่าหนักก็หนักอยู่ แต่จะบอกว่าไม่หนักมันก็ไม่หนักเหมือนกัน ผมแนะนำให้พักรักษาที่โรงพยาบาลดีกว่านะครับ”

พอฟังจบ ไป๋ยี่เฟยก็โล่งอกไปมาก

ความจริงโรคแบบนี้นั้นหนิววั่งสามารถรักษาได้ แต่เพราะอยากให้ไป๋ยี่เฟยเดินทางไปที่เมืองหลวง เขาจึงจงใจที่จะไม่พูดออกมาเท่านั้น

ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ครับ ขอบคุณมากครับคุณหมอ”

พอออกมาจากห้องทำงานของหมอ ไป๋ยี่เฟยก็ไปยังห้องผู้ป่วยที่หลงหลิงหลิงพักอยู่ จากนั้นก็เล่าเรื่องอาการของเธอให้ฟัง สุดท้ายก็จัดพยาบาลคนหนึ่งมาคอยดูแล

ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นว่า “หลิงหลิง คุณอยู่รักษาตัวที่นี่อย่างสบายใจได้เลย เดี๋ยวผมออกไปทำธุระก่อน แล้วจะแวะมาเยี่ยมคุณอีกทีนะครับ”

หลงหลิงหลิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ฝากทักทายหลี่เสว่แทนฉันด้วยนะคะ”

ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วพยักหน้า

พอออกจากโรงพยาบาล ไป๋ยี่เฟยก็นั่งรถโดยสารไปยังสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง

หลักๆ แล้วการที่เขามาเมืองหลวงครั้งนี้ก็เพื่อพาหลงหลิงหลิงมาหาหมอ เลยถือโอกาสมาหาภรรยาของเขาด้วยเลยแน่นอนว่าถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากพาเธอกลับไปพร้อมกันเลย

แต่ว่า สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงเป็นอาณาจักรของเต้าจ่าง เขาไม่มีทางทำร้ายหลี่เสว่แบบซึ่งๆ หน้าหรอก นังไงหลี่เสว่ก็เป็นถึงรองประธานของสหพันธ์ด้วย

แต่ไป๋ยี่เฟยนั้นไม่ใช่ ดังนั้นไป๋ยี่เฟยอาจถูกเขาเล่นงานก็ได้

การที่ไป๋ยี่เฟยพาซาเฟยหยางมาด้วยก็เพราะสาเหตุนี้นั่นแหละ

ไป๋ยี่เฟยนั่งรถแท็กซี่มาถึงที่สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง

เขาพาซาเฟยหยางเดินเข้าไปในอาคาร แต่ก็ถูกรปภขวางเอาไว้ก่อน

ไป๋ยี่เฟยจึงรีบเอาหนังสือผ่านทางที่หลี่เสว่ส่งให้เขาออกมาทันที

ตอนแรกรปภที่วางท่าใหญ่โต แต่พอได้เห็นหนังสือผ่านทางของไป๋ยี่เฟยแล้วก็ตกใจจนสะดุ้ง นั่นรองประธานเป็นคนเซ็นเองกับมือเลยนะ

ว่าแล้วเขาก็รีบก้าวถอยหลังจากนั้นก็โค้งคำนับ

สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงนั้นเป็นผู้ควบคุมเศรษฐกิจทั้งหมดของฝั่งเหนือ ถึงจะเป็นแค่รปภที่เฝ้าประตูก็เถอะ ประธานของบริษัทเล็กๆ บางคนยังไม่กล้าหาเรื่องเขาเลย เขาถึงได้ว่าท่าใหญ่โตแบบนี้ไง

อย่างว่าแหละ จะว่าท่าใหญ่โตยังไงก็ไม่มีทางใหญ่ไปกว่าผู้นำของสหพันธ์อยู่แล้วจริงมั้ย?

พอเข้ามาในอาคารได้แล้ว ไป๋ยี่เฟยถึงรับรู้ได้ถึงความสามารถจริงๆ ของสหพันธ์ได้สักที

สิ่งที่เขารับรู้ได้คือ :สูงใหญ่

ความสูงนั้นไม่ต้องพูดถึง ตึกทั้งตึกมันเป็นของทางสหพันธ์ ส่วนใหญ่นั้น ภายในห้องโถง ตอนที่พนักงานบางคนแจกเอกสารยังต้องใช้รถเซกเวย์ในการแจกจ่ายเลย นอกเหนือจากนั่นก็ไม่ต้องพูดแล้ว สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงนั้นเป็นถึงผู้นำทางเศรษฐกิจของฝั่งเหนือเลยนะ

แต่ไป๋ยี่เฟยแค่รู้สึกตะลึงไปแปบเดียว ก็ไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่านั้น เขาดึงพนักงานสาวมาคนหนึ่งแล้วถามเธอไปว่า “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าห้องทำงานของรองประธานหลี่อยู่ไหนเหรอครับ?”

พนักงานสาวคนนั้นมองหน้าไป๋ยี่เฟย แล้วถามไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครเหรอคะ?”

ไป๋ยี่เฟยเอาใบผ่านทางของเขาให้เธอดู แล้วตอบไปด้วยรอยยิ้มว่า “เธอเป็นภรรยาของผมครับ ผมตั้งใจมาเยี่ยมเธอครับ”

“แล้วคุณได้นัดล่วงหน้าไว้ก่อนมั้ยคะ?”

ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ไม่ได้นัดครับ ผมตั้งใจมาเซอร์ไพรส์เธอ”

หญิงสาวพยักหน้า แล้วเดินไปทางลิฟต์ “ได้ค่ะ เชิญตามฉันมาค่ะ”

ไป๋ยี่เฟยเดินตามสาวน้อยไป พอหันไปเห็นซาเฟยหยางที่ไม่ได้ตื่นเต้นนัก เขาก็พูดไปว่า “ผู้อาวุโสครับ เพิ่งมาครั้งแรกยังสามารถใจเย็นได้แบบนี้ น่านับถือ”

แต่ซาเฟยหยางกลับส่ายหน้า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรก”

พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับอึ้ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

ลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset