ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 112 เตรียมปืนบาร์เร็ตต์

บทที่112 เตรียมปืนบาร์เร็ตต์

หลินอิ่งกับหยูจื๋อเฉิงขึ้นมาที่ห้องรับแขกชั้นยี่สิบแปด

หลินอิ่งนั่งลงอย่างสง่างาม หยูจื๋อเฉิงไปปิดประตู ก่อนจะต้มชา จากนั้นก็ลุกขึ้นไปยืนตรงหน้าโต๊ะทำงาน เหมือนกับกำลังรอคำสั่ง

“ดูสถานการณ์แล้ว ปลายปีมานี้คุณใช้ชีวิตที่ตี้จิงได้ไม่เลวเลยหนิ” หลินอิ่งพูดอย่างสงบ ก่อนจะจิบชา

“ฉันสามารถมาอยู่ในจุดนี้ได้ ก็เพราะตอนนั้นที่หมัดมวยของท่านอิ่งทั้งนั้นเลย!” หยูจื๋อเฉิงพูดอย่างเคารพ “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าท่านอิ่งช่วยชีวิตเอาไว้ การช่วยเหลือสั่งสอน และประสบการณ์!คงจะไม่มีหยูจื๋อเฉิงในวันนี้ คงจะมีเพียงหลุมศพของหยูเสี่ยวเอ้อแล้วล่ะ!”

หยูจื๋อเฉิงมีท่าทีจริงใจ พลางคำนับ

เขาไม่กล้าสบสายตาเยือกเย็นของหลินอิ่ง เพราะว่าเมื่อได้เห็นแววตาคู่นั้น ก็จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน ชีวิตนี้คงลืมไม่ลงแล้ว!

สิบกว่าปีก่อน ไม่มีหยูจื๋อเฉิง มีเพียงเด็กน้อยใสซื่อที่ชื่อหยูเสี่ยวเอ้อ

จื๋อเฉิงสองคำนี้ หลินอิ่งเป็นคนตั้งให้ เตือนเขา ว่าให้ใช้ประโยชน์จากชื่อจื๋อเฉิง!

ในตอนนั้น หยูเสี่ยวเอ้อเป็นเพียงนักเลงตัวเล็กๆ ในเขตจงเทียนตามข้างถนน วันนั้นไปตีกับนักเลงของถนนอีกเส้นหนึ่งกับลูกพี่ของตัวเอง แต่แพ้ไม่เป็นท่า เขาหนีออกมาคนเดียว ถูกนักเลวถือมีดตามมาเยอะแยะ และขับรถตามมาฆ่าด้วย!

เพียงแต่ว่า หยูเสี่ยวเอ้อเป็นคนที่ไม่ติดร้าย เพราะว่าเขายังมีความเป็นคนดีอยู่ เลยมีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ!และอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต!

ตอนที่หยูเสี่ยวเอ้อถูกล้อมอยู่ตรงมุมถนน แล้วไม่มีทางหนี ก็เห็นเด็กคนหนึ่งยืนอยู่ เลยรีบบอกให้เด็กน้อยคนนั้นหลบไปในห้อง แถมยังอุ้มเด็กคนนั้นไปแอบในห้องด้วย

ในตอนนั้นเอง หยูเสี่ยวเอ้อรู้ว่าอีกไม่นานก็จะตายแล้ว กลัวว่าเด็กผู้ชายคนนั้นจะต้องมาตายเพราะตัวเองด้วย ชีวิตนี้ ยอมพาเด็กไปหลบดีกว่า แล้วให้ตัวเองเผชิญกับความตายคนเดียว

แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าเด็กคนนั้นจะตีเขาจนกองอยู่กับพื้น จากนั้นก็เดินออกไปที่ถนน และต่อยตีพวกมือปืนกับพวกที่มีมีดสิบกว่าคนนั้นอย่างโหดเหี้ยมด้วยตัวคนเดียว

เงาด้านหลังของเด็กน้อยคนนั้น มันทำให้หยูเสี่ยวเอ้อตกใจกลัวไปชั่วชีวิต

เพยงสิบนาที เลือดก็ไหลนองเต็มพื้น!มือปืนกว่าสิบคนและคนที่มีมีดอีกกว่ายี่สิบคนนั้น กลับต้องมาพิการบาดเจ็บภายใต้เด็กหนุ่มคนนี้!

เมื่อเด็กหนุ่มหันกลับมา ก็บอกหยูเสี่ยวเอ้อ ว่าให้สองคำนี้กับคุณ จื๋อเฉิง ชีวิตที่ราบรื่นและดีงาม แถมยังสอนวิชามวยชื่อหมัดฆ่าล้างให้อีกด้วย ใช้ฉายานี้ ตัวอักษรอิ่งตัวเดียว!

จากนั้น เด็กน้อยคนนั้นเดินออกไปอย่างตัวลอย หยูเสี่ยวเอ้อคุกเข่าไหว้อยู่เป็นชั่วโมงก็ไม่สนใจ จำได้เพียงแววตาคมลึกน่าเกรงขามและเย็นชาของเด็กหนุ่มคนนั้น!

ประสบการณ์นั้น เกรงว่าถ้าเอาไปพูดที่ไหนก็จะไม่มีคนเชื่อ ตอนนั้น ท่านอิ่ง อย่างมากก็น่าจะอายุได้แค่สิบขวบเอง!

หลังจากเปลี่ยนแปลงชีวิตของหยูจื๋อเฉิงแล้ว เขาก็กลับไปฝึกหมัดฆ่าล้างอย่างหนัก จนฝึกสำเร็จละทำได้อย่างดี สิบกว่ากระบวนท่านั้น ถึงจะใช้ปืนสู้ ก็เอาชนะปืนได้ง่ายๆ เลย!ด้วยฐานะและสมองที่ไม่เลวเลยของเขา หยูจื๋อเฉิงเลยได้ขึ้นเป็นเบอร์ต้นๆ อย่างรวดเร็ว หลายปีที่ผ่านมา ก็ได้เป็นคนที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในเขตจงเทียน แถมได้ขึ้นนั่งเก้าอี้เบอร์หนึ่ง ที่บ้านร่ำรวยเงินทอง!

แต่ว่า หยูจื๋อเฉิงไม่กล้าที่จะลืมท่านอิ่ง เขารู้อยู่แก่ใจ ว่าทุกอย่างนั้น ว่าชีวิตของตัวเองนั้น ท่านอิ่งเป็นคนให้!ปีที่ผ่านมานี้ เขาเองก็แอบหาท่านอิ่งอยู่ที่ตี้จิ่ง แต่ก็หาไม่เจอเลย

หยูจื๋อเฉิงรอให้ท่านอิ่งกลับมาโดยตลอด แล้วจะเอาธุรกิจที่ตัวเองทำทั้งหมดให้ท่านอิ่ง!ตั้งใจฟังคำสั่ง แล้วก็ตอบแทนสิ่งที่เขาเคยทำให้เมื่อตอนนั้น

คิดไม่ถึงเลย ว่าผ่านมาสิบกว่าปี ท่านอิ่งก็มาปรากฏตัวที่ตี้จิง!

“หยูจื๋อเฉิง ตอนนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจอะไรมาก ที่คุณมีวันนี้ได้ ก็เพราะตัวคุณเองทั้งนั้น รู้จักวางอะนาจให้เป็น แล้วก็คว้าโอกาสเอาไว้” หลินอิ่งพูดอย่างสงบ

“ท่านอิ่งก็ชมเกินไป ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าท่านอิ่งให้ชื่อนั้นกับฉันในวันนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นตกใจ และรู้ถึงตัวตนของฉันได้ทันทีเลยล่ะ!” หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยความเห็นใจ “แล้วก็เป็นเพราะวันนั้น ท่านอิ่งสอนหมัดฆ่าล้าง สิ่งแรกที่พูดขึ้นมานั้น มันทำให้ตราตรึงอยู่ในใจฉัน เข้าใจโลกใบนี้ ว่ามีเพียงกำลังในมือเราเท่านั้น ที่จะอยู่กับเราตลอดไป!”

“ดังนั้น หลายปีมานี้ ฉันเลยไม่กล้าลืมการฝึกซ้อมของหมัดฆ่าล้าง ไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน ก็ต้องหาเวลามาซ้อมให้ได้!”

หยูจื๋อเฉิงเปนเด็กกำพร้า ไม่เคยเรียนหนังสือ มายืนอยู่ตรงนี้ในวันนี้ได้ ก็เพราะหมัดที่หลินอิ่งสอนมาทั้งนั้น!

หมัดฆ่าล้างอันนี้ สิ่งที่ได้ฝึกไม่ใช่แค่หมัด แต่ยังได้ฝึกความหยั่งรู้ ความกล้าหาญเกินใคร และท่าทีการกระทำที่ทรงพลังอีกด้วย มันเลยทำให้เขาดูไม่เหมือนใคร มีกำลังอำนาจเหนือใคร จัดการเรื่องต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังมีคนนับหน้าถือต่อ ทำอะไรได้อย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จอย่างมาก!

“ดีมาก คุณเข้าใจเหตุผลของมันได้ ก็ไม่แปลกเลยที่คุณจะสามารถหลุดพ้นออกมาได้อย่างชาญฉลาด” หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ และชื่นชมหยูจื๋อเฉิงเป็นอย่างมาก

“ท่านอิ่ง เจ๋อเฉิงกรุ๊ปของฉันในวันนี้ เป็นบริษัทร่ำรวยหมื่นล้านแล้ว ขอให้ท่านอิ่งยิ้มแย้มดีใจด้วยเถอะ!” หยูจื๋อเฉิงพูดด้วยความเคารพ “แล้วก็ขอให้ท่านอิ่งอยู่ที่ตี้จิง ให้โอกาสฉันได้ตอบแทนบุญคุณหน่อย!ฉันจะรีบทำการโอนให้ ภายในสิบสิงชั่วโมงเลย เพื่อให้ท่านอิ่ง!”

“ไม่ต้องหรอก” หลินอิ่งพูดอย่างสงบ “ฉันมาที่ตี้จิงในครั้งนี้ ก็เพื่อทำธุระ เมื่อเสร็จก็จะกลับแล้ว”

“ท่านอิ่งจะไปเหรอ?” หยูจื๋อเฉิงมีสีหน้าตกใจ พลางมองหลินอิ่งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เมื่อเห็นท่าทีเย็นสบายของหลินอิ่ง หยูจื๋อเฉิงก็รู้สึกสั่นไหวขึ้นมาในจิตใจ!

บริษัทของตัวเองนั้นมูลค่าเป็นหมื่นล้าน แถมยังจะเอาบริษัทหมื่นล้านโอนให้หลินอิ่งด้วยนะ!แต่หลินอิ่งกลับไม่มีอารมณ์ไหวติงอะไรเลยงั้นเหรอ?

นี่มันเวิร์เกินไปแล้ว ถึงจะเป็นคนที่ร่ำรวยมหาเศรษฐีขนาดไหน จู่ๆ จะได้เงินหลานร้อยล้าน ก็คงจะดีใจเป็นอย่างมาก!

หยูจื๋อเฉิงตกใจไปหมด พลางมองหลินอิ่ง ก่อนจะยิ้มด้วยความขมขื่น พลางปลง

ก็จริง ว่าความสามารถของเขานั้นท่านอิ่งเป็นคนสอน ได้เรียนรู้จากท่านอิ่งมาแค่เศษเสี้ยว ถึงมีวันที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้

บางทีถ้าไปพูดถึงเงินหมื่นล้านกับคนอื่นเขาอาจจะตกใจ แต่ท่านอิ่ง จะไปชายตามองเงินเพียงเล็กน้อยของตัวเองได้อย่างไรกัน?

“นี่เป็นหมัดฆ่าล้างครึ่งหลัง จากนี้คุณตั้งใจเรียนรู้นะ” หลินอิ่งพูดอย่างสงบ ก่อนจะเอาหนังสือที่คัดลอกเล่มเหลืองโยนมาให้

หมัดฆ่าล้าง เป็นเพียงหนึ่งในหมัดทั้งสำนักอู่เหมินสิบสิงของแก๊งมังกร เป็นหมัดการฆ่าที่โบราณและเบื้องต้นที่สุด ตอนแรกตัวเองก็สอนหยูจื๋อเฉิงโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะถึงอย่างไรหยูจื๋อเฉิงอายุเกินยี่สิบแล้ว เรียนรู้อะไรลึกซึ้งได้ไม่มากแล้ว หมัดนี้มันใช้ได้ง่ายและใช้ได้จริง ด้วยท่าทีพลิ้วไหวพร่ำสอนได้ง่าย

“โอเค!ขอบคุณที่ท่านอิ่งให้หนังสือนะ!” หยูจื๋อเฉิงโค้งคำนับเก้าสิบองศา แล้วก็รับหมัดฆ่าล้างฉบับนี้มา ด้วยแววตาสั่นครืน เหมือนกับได้รับสมบัติล้ำค่ามา!

หมัดฆ่าล้างครึ่งหลัง เหมือนกับมันน่าตื่นเต้นกว่าตอนที่เขาได้อยู่อันดับหนึ่งของเขตจงเทียนเสียอีก!

หยูจื๋อเฉิงรู้อยู่แก่ใจดี ว่าตอนที่ในมือนั้นมีพลังที่เหนือใคร ทั้งท่าทีความคิดความอ่านและเป้าหมายก็จะมากกว่าคนทั่วไปเป็นธรรมดา มันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน เพราะจะเห็นทุกอย่างบนโลกใบนี้เป็นเพียงสิ่งของนอกกาย

“ท่านอิ่ง ที่มาที่ตี้จิงในครั้งนี้ ก็เพราะมีอะไรจะกำชับและจัดการ!” หยูจื๋อเฉิงถามขึ้น

“ภายในสามวันต้องดูสถานการณ์ของตระกูลเหวินในตี้จิงให้ได้ หาการเดินทางไปไหนมาไหนของเหวินเทียนเฟิ่งให้ชัดเจน” หลินอิ่งพูดเสียงเย็นชา “พยายามอย่างเต็มความสามารถก็พอแล้ว อย่าทำให้คนในตระกูลเหวินตกใจนะ”

“สืบตระกูลเหวินเหรอ?” หยูจื๋อเฉิงมีแววตาซึ้งใจ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ท่านอิ่ง ต้องใช้กำลังจากเงื้อมมือของฉันงั้นเหรอ?”

“ไม่ต้อง” หลินอิ่งพูดเบาๆ “ให้ฉันเตรียมบาร์เร็ตต์เอาไว้ก่อน”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset