ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 14 การวางแผนของหลินอิ่ง

บทที่ 14 การวางแผนของหลินอิ่ง

หลินอิ่งกลับจาก ซิงกวางหุ้ยมาถึงบ้านแล้ว

คิดอยู่ในใจว่าจะจัดการครอบครัวของฉีโม่ ยังไงดี คืนนั้นเขาโทรหาอูหยาง สั่งการลงไป

วันถัดมา

จางฉีโม่ไปทำงานที่บริษัทแล้ว หลินอิ่งมาที่ร้านกาแฟเล็ก ๆ สั่งลาเต้มา1แก้ว

รอไปห้านาที

มีรถBMW 530 สีดำใหม่เอี่ยมขับมาจอดที่หน้าร้านกาแฟ

ชายหนุ่มร่างแกร่งลงจากรถ เขาเป็นคนที่ดูซื่อสัตย์มีจิตใจดี มีความเข้มงวด และแผ่นหลังตั้งตรง ดูก็รู้แล้วว่าที่เคยอยู่ในกองทัพมาก่อน

“ประธานหลินสวัสดีครับ ผมคืออู่เจิ้งรถที่คุณให้ไปรับมาผมรับมาแล้วครับ ผมมาที่นี่เพื่อรับการประเมินของคุณครับ” อู่เจิ้งกล่าวอย่างพิถีพิถันยืดตัวขึ้นและยืนอยู่หน้าหลินอิ่ง อย่างกับกำลังรายงาน

หลินอิ่งเหลือบมองไปที่ อู่เจิ้งและพยักหน้าเล็กน้อย ไอ้หนุ่มคนนี้ใช้ได้

หลังจากผ่านเหตุการณ์ ซิงกวางหุ้ยมา เขาก็ตัดสินใจทันทีว่าต้องจัดผู้คุ้มกันให้ ฉีโม่ แต่เดิมเขาอยากจะสั่งพ่อบ้านกู่ของตระกุลนิ่ง เอาลุกศิษที่เรียนศิลปะการต่อสู้โบราณมาสักสองสามคน

ถึงยังไงกู่ชางไห่เป็นถึงพ่อบ้านหญ่ของตระกุลนิ่ง ฝีมือศิลปะการต่อสู้โบราณก็ดีในระดับหนึ่ง ลูกศิษย์เขาก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน

แต่คิดไปคิดมา หลินอิ่งก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป

เขาไม่ต้องการให้คนในแวดวงนั้นมาเกี่ยวพันกับครอบครัวของ ฉีโม่ แม้ว่านั่นจะเป็นการรับประกันความปลอดภัยของฉีโม่ได้ดีกว่าก็ตาม

สุดท้ายแล้วผู้คนในแวดวงศิลปะการต่อสู้โบราณและผู้คนในสังคมฆราวาสนั้นโดยพื้นฐานแล้วอยู่ในสองโลกที่แตกต่างกันอยู่แล้ว

ดังนั้น เขาแค่สั่งให้อูหยางไปหาทหารผ่านศึกมาทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับฉีโม่

ในขณะเดียวกัน ก็ถอยรถยนต์มา1คันที่เหมาะกับระดับของฉีโม่ในตอนนี้

หลินอิ่งพูด “เล่าประวัติของนายให้ฉันฟังหน่อย”

“ประธานหลิน ผมเข้ากองทัพตอนอายุ18 เป็นทหารธรรมดาไป5ปี ปีนี้เพิ่งจะออกจากกองทัพกลับบ้านเกิดครับ ตอนนี้ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานชั่วคราวครับ ”อู่เจิ้งตอบอย่างจริงจัง

หลินอิ่งพยักหน้าเบาๆ อู่เจิ้งสอดคล้องกับข้อกำหนดของเขามาก เขาไม่มีภูมิหลังทางสังคมที่ซับซ้อน เกิดในกองทัพมีบุคลิกดีและปฏิบัติตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ดูเหมือนว่าฝีมือเขาจะไม่เลวเลย และมีมากเกินพอที่จะจัดการกับนักเลงทั่วไปได้

“จากนี้ไปนายจะเป็นคนขับรถและผู้คุ้มกันของผู้อำนวยการจางปกป้องความปลอดภัยของเธอเป็นหลัก หากมีเหตุฉุกเฉินที่ไม่สามารถจัดการได้ให้โทรหาฉันทันที” หลินอิ่งกล่าวอย่างเข้มงวด “เรื่องอื่นๆนอกเหนือจากนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับนาย”

“เข้าใจแล้วครับท่านประธานหลิน ขอบคุณที่ท่านให้โอกาสนี้กับผม” อู่เจิ้งพูดพร้อมยืนตัวตรงและรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

เขาอยู่ที่บ้านเกิดของเขาตลอด หลังจากที่เขาออกจากกองทัพ ครั้งนี้ที่เขามาที่เมืองหลวงและได้งานเงินเดือน 10,000 บวกกับเงิน10,000ที่ท่านประธานให้ ซึ่งพูดได้เลยว่าได้ว่าเป็นเงินเดือนที่เยอะมาก!

“เอาล่ะขับรถไปอาคารเป่าติ่ง”

ทั้งสองเข้าไปในรถ อู่เจิ้งสตาร์ทรถและขับตรงไปยังใจกลางเมือง

20นาทีผ่านไป รถขับไปที่ล่างตึกของอาคารเป่าติ่ง

“ฉีโม่”

หลินอิ่งลงจากรถไปทักทาย

“ทำไมคุณถึงเพิ่งมาที่บริษัท ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว” จางฉีโม่ ถามจากนั้นเธอก็เห็นอู่เจิ้งและถามว่า “คนนี้คือ?”

“สวัสดีผู้อำนวยการจาง ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนขับรถประจำของคุณครับ” อู่เจิ้ง กล่าว

“คนขับรถประจำ?” จางฉีโม่สับสนเล็กน้อยและมองไปที่หลินอิ่ง “แต่ฉันยังไม่มีรถนะ”

“ ต่อไปนี้รถคันนี้ก็เป็นของคุณแล้ว” หลินอิ่งยิ้มพร้อมพูด

“รถของฉันงั้นหรือ?” จางฉีโม่ มองไปที่รถ BMW 530 สีดำคันใหม่นี้อย่างลังเล “ฉันไม่ได้ซื้อรถนิ”

เธอรู้ราคาของรถคันนี้ดี ราคาประมาณ 500,000 หยวน เป็นรถที่ดีมาก

“ ผมซื้อเอง” หลินอิ่งกล่าว“ ต่อไปนี้ มันเป็นของคุณ”

“คุณซื้อมาเหรอ?” จางฉีโม่แปลกใจเล็กน้อย “รถคันนี้แพงเกินไปรึเปล่า อีกอย่างคุณไม่ขับหรือ?”

หลินอิ่งส่ายหัวอยู่ในใจ นี่นับว่าแพงเหรอ? ถ้าไม่กังวลว่าจะกะทันหันเกินไป ตัวเขาเองก็คงจะส่งคนไปถอยรถ โรลส์ – รอยซ์แฟนทอมให้ฉีโม่แล้ว

“ แล้วนายได้เงินมากจากไหนเยอะแยะ?” จางฉีโม่มองไปที่หลินอิ่งด้วยความสงสัย

หลินอิ่งยุ่งอยู่แต่ในร้านบาร์บีคิวเล็ก ๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านนี้ เขาจะหาเงินเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?

“ช่วงสองปีที่ผ่านมาฉันเก็บเงินไว้เองได้บ้าง” หลินอิ่งกล่าว “ ตอนนี้คุณเป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของบริษัทแล้ว คุณต้องมีรถเป็นของตัวเอง!”

“ไม่ได้” จางฉีโม่ส่ายหัวและปฏิเสธ “แม้ว่านายจะเป็นคนซื้อมา แต่ฉันรับไว้ไม่ได้ นายเก็บไว้ใช้เองเถอะ”

เธอและหลินอิ่งไม่เคยถามเรื่องการเงินของกันและกัน ดังนั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าหลินอิ่งเก็บเงินได้เท่าไร

แต่แม้ว่าสองปีที่ผ่านมานี้หลินอิ่งจะทำเงินได้ แต่ก็เป็นเงินที่หาได้อย่างยากลำบากในร้านบาร์บีคิวทุกวัน

รถราคาสี่ห้าแสนหยวน เขาต้องใช้เวลาทำงานนานแค่ไหน?

“อย่าลืมสิ ที่ทำงานตอนนี้ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณ” หลินอิ่งยิ้ม “คุณเป็นเจ้านายของผมโดยตรง ขนาดคุณยังไม่ขับรถไปทำงานเลย ฉันจะกล้าขับเหรอ?”

“จะว่าไป ของผมก็เป็นของคุณเหมือนกันไม่ใช่หรือ?” หลินอิ่งกล่าว

จางฉีโม่กัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อย แล้วมองไปที่ หลินอิ่ง จากนั้นมองไปที่รถ BMW 530 อันงดงามคันนี้ เธอก็แอบหวั่นไหวเล็กน้อย

“อย่าคิดมากไปเลย คุณเป็นถึงผู้อำนวยการแผนก คุณจะเสียหน้าไม่ได้” หลินอิ่งกล่าวอย่างจริงจัง “อย่างไรก็ตามต่อไปผมก็รับใช้คุณอยู่แล้ว ถ้าคุณได้รับการเลื่อนตำแหน่งมีเงินทองมากมาย คุณค่อยให้ฉันสักคันก็ยังได้

“วันนี้ฉันได้รับคำสั่งจากประธานอู ทางคณะกรรมการจัดให้ อู่เจิ้ง เป็นคนขับรถประจำของคุณ บริษัทจะจ่ายเงินเดือนของเขาเอง” หลินอิ่งพูดช้าๆ “มันคงไม่ดีถ้าคุณจะหักหน้าคณะกรรมการทันทีที่คุณเข้ารับตำแหน่งใช่ไหม?”

จางฉีโม่คิดไปสักพักแล้วพยักหน้าและพูดว่า “ก็ได้”

“ งั้นลองนั่งรถดูสิ” หลินอิ่งยิ้มพร้อมพูด

จางฉีโม่ก็ลองอย่างกระตือรือร้น

ความรู้สึกนี้มันดีสุดยอดไปเลย

เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานตัวเล็ก ๆ ไปเป็นผู้อำนวยการแผนก จากนั้นก็มีรถหรูและคนขับรถประจำตามมา ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในวันเดียว ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว

ทันใดนั้น

จู่ๆปอร์เช่ 911 สีแดงก็ขับมาอย่างกะทันหัน และขวางที่หน้ารถของจางฉีโม่ เจ้าของรถยังจงใจทำให้รถสปอร์ตส่งเสียงดังลั่นถนน ราวกับว่ากำลังหาเรื่องพวกเธอ …

“หึ ไม่เลวนิ จางฉีโม่ ฉันได้ยินมาว่าเธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้อำนวยการประจำแผนกของ บริษัทแล้ว”

เสียงที่ทำให้คนไม่พอใจดังขึ้น

จางฉีโม่และหลินอิ่ง มองไปที่พวกเขาในเวลาเดียวกัน เห็นแค่ชายหนุ่มในชุดแฟนซีใส่แว่นกันแดดสีดำ เปิดประตูรถและเดินเข้ามา มองพวกเขาทั้งสองด้วยสีหน้าที่เหนือกว่า

นั่นเป็นจางเถียนไห่ที่ไม่ได้มาทำงานหลายวันหนิ

“จางฉีโม่ ช่างกล้าดีนิ ฉันได้ยินมาว่าเธอเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบเมื่อวานนี้และยังได้งานอัญมณีมูลค่าหลายสิบล้านของ บริษัทไปอีก” จางเถียนไห่กล่าวด้วยสีหน้ากวนๆ “เธอก็กล้าใช้เงินของบริษัทถอยรถให้ตัวเองแล้วเหรอ? ยากจนจนชินจริงๆ ทำได้น่าเกลียดมาก แต่ก็ลงมือโกยได้โหดเหี้ยมจริงๆ”

“จางเถียนไห่นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน” จางฉีโม่ กล่าวด้วยสีหน้าโกรธเล็กน้อย

“เพียงแค่ฐานะยากจนของบ้านเธอ สามารถซื้อรถมูลค่า 500,000 หยวนได้หรือ เหมือนว่าฉันต้องแจ้งผู้จัดการหลี่ของแผนกการเงินให้ไปตรวจสอบบัญชีของเธอแล้วล่ะ” จางเถียนไห่กล่าวด้วยสีหน้าชิวๆ

“ตอนพูดอะไรให้ดูตำแหน่งตัวเองด้วยจางเถียนไห่” หลินอิ่ง พูดเบา ๆ “นายก็แค่ผู้จัดการที่ดูแลช่องทางการขายของสาขาย่อยของบริษัท กล้าพูดจาแบบนี้กับผู้อำนวยการแผนกแบบนี้ได้ยังไงกัน?ตอนนี้บริษัทเครื่องประดับจางซื่อเป็นของบ้านนายหรือ? ผู้จัดการฝ่ายการเงินต้องทำตามคำสั่งของนายหรือ?”

“นายเป็นตัวอะไร กล้าสั่งสอนกูได้ไง?” จางเถียนไห่ โกรธมาก เขาจ้องไปที่ หลินอิ่ง อย่างดุร้าย “นายมันก็แค่ไอแมงดาที่ไม่เอาถ่าน ยังมีหน้ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้อีกเหรอ?”

หลินอิ่งยิ้มๆ“ ตอนนี้ฉันเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของบริษัท ฉันมาทำงานที่บริษัท แต่ฉันได้ยินมาว่ามีคนอาเจียนใส่โต๊ะกรรมการ และสุดท้ายก็เลียโต๊ะจนสะอาดและกินมันกลับไปเอง”

“ฉันสงสัยจริงๆว่าใครกันที่เก่งขนาดนี้ จางเถียนไห่ นายรู้หรือไม่ว่าเป็นใคร?”

“หลินอิ่ง!นาย!” จางเถียนไห่ตกตะลึงทันที เขามองไปที่สายตาแปลก ๆ ของพนักงาน บริษัท รอบตัวเขา เขารู้สึกร้อนๆบนใบหน้า

เขาไม่คาดคิดว่า คนไม่เอาถ่านแบบหลินอิ่งกล้าล้อเลียนตัวเองขนาดนี้ เอาเรื่องน่าเกลียดของตนมาพูดในที่สาธารณะ ช่างกล้าดีจริงๆ!

“มึงมันก็แค่ไอ้คนไม่เอาไหน วันนี้ถ้ากูไม่ตบมึงให้ตาย มึงคิดว่าตัวเองใหญ่จริงๆใช่ไหม” จางเถียนไห่ โกรธมากและยกมือขึ้นจะตบไปที่ หลินอิ่ง

หลินอิ่งยืนนิ่งๆอยู่กับที่ พร้อมรอยยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้มบนใบหน้าของเขา

ตุบ!

ร่างกายสูงใหญ่พุ่งเข้ามาขวางจางเถียนไห่ไว้ อู่เจิ้งยังไม่ทันที่จะเริ่มลงมือ ก็กระแทกจนจางเถียนไห่ล้มไปอยู่กับพื้น

“นายกล้าที่ทำร้ายฉันหรือ? รู้ไหมว่ากูคือใคร?” จางเถียนไห่ล้มอย่างเสียหน้า แล้วลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธแค้นและใบหน้าที่ดุร้าย

“คุณครับ ผมไม่สนว่าคุณเป็นใคร ผมเป็นคนขับรถประจำและบอดี้การ์ดของผู้อำนวยการจาง งานของผมคือปกป้องไม่ให้ผู้อำนวยการจาง และผู้ช่วยหลิน ถูกคุกคามหรือทำร้าย โปรดระวังคำพฤติกรรมของคุณด้วยครับ” อู่เจิ้งกล่าวอย่างจริงจัง

“นาย!” จางเถียนไห่ รู้สึกอับอายและโกรธมาก อยากจะตบไปที่หน้าของอู่เจิ้ง

แต่เมื่อเห็นร่างที่สูงใหญ่และดุดันของอู่เจิ้ง ส่วนสูง 1.9 เมตรกว่าๆและแขนที่ดูมีแรง เขาทำได้เพียงแค่ทนความโกรธนี้ไว้

“ได้! จางฉีโม่เธอนี่มันช่างน่าเกรงขามจริงๆเลยนะ” จางเถียนไห่กล่าวอย่างขุ่นเคือง “อย่าเอารถคันนี้มาขับละทำตัวหยิ่งผยองไปเลย กูเล่นกับสาวๆคนไหนก็ให้ BMW ซีรีส์ 5 ที่เป็นของขวัญ ”

“ หึ เธอก็อย่างดีใจเร็วไปหน่อยเลย เป็นแค่ผู้อำนวยการออกแบบชั่วคราว” จางเถียนไห่กล่าวอย่างเย็นชา “ ฉันได้ยินมาแล้วว่า บริษัทจะจัดงานแสดงเครื่องประดับภายนอกในภายหลัง ถึงตอนนั้นแล้วผู้ชนะจะได้เป็นผู้อำนวยการออกแบบอย่างเป็นทางการ เธอคิดว่าเธอจะนั่งในตำแหน่งนี้ได้อีกสักกี่วัน”

“อีกอย่าง แค่เส้นสายของเธอในบริษัท ฉันแค่ขู่ ดูสิว่าใครกล้าร่วมมือทำงานกับเธออีก!”

สายตาของหลินอิ่งมองไปที่ อู่เจิ้ง

อู่เจิ้งเดินเข้าไปคว้าปกคอของจางเถียนไห่และหยิบเขาขึ้นมาเหมือนหยิบลูกไก่ขึ้นมา ยกเขาขึ้นมาทั้งตัวเลย

“ท่านครับ กรุณาหุบปากด้วยครับ” อู่เจิ้งกล่าวอย่างจริงจัง “ตำแหน่งการจอดรถของคุณละเมิดระบบจราจรอย่างร้ายแรงครับ และยังขวางทางรถของผู้อำนวยการจาง ตอนนี้ผมขอให้คุณขับรถออกไป!”

หลังจากพูดจบอู่เจิ้งก็ปล่อยมือ จางเถียนไห่ล้มลงมาบนพื้น สีหน้าไม่พอใจและหายใจเข้าลึกๆ

เขาเหลือบมองจางฉีโม่และ หลินอิ่ง เข้าไปนั่งในรถด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรองดองเหยียบคันเร่งแล้วหมุนรถและขับออกไป

“มึงสองคนรอดูเลยนะ อย่าคิดว่าตอนนี้ฉันจัดการกับบ้านของพวกเอไม่ได้!” จางเถียนไห่ปล่อยคำพูดที่รุนแรงไว้ และขับรถไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน

“ ความรู้สึกที่ได้เป็นผู้อำนวยการ ไม่เลวใช่ไหม?” หลินอิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

จางฉีโม่ก็หัวเราะขึ้นมา และรู้สึกสบายใจมาก

หลินอิ่งเดินไปเปิดประตูรถแล้วยกมือขึ้น “เชิญครับ ท่านผู้อำนวยการ”

ดวงตาของ จางฉีโม่กลมกลิ้ง แล้วขึ้นไปนั่งบนรถอย่างมีความสุข

Comment

Options

not work with dark mode
Reset