ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 199 ซุ่มยิง

บทที่ 199 ซุ่มยิง

ผ่านไปหนึ่งวัน

หลินอิ่งออกจากเกาะเทียม ตั้งแต่เช้าตรู่ ขับรถไปยังอาคารเป่าติ่ง

เมื่อวานแบบเครื่องประดับที่ปรึกษากับฉีโม่ ยังมีบางจุดที่ต้องปรับแก้ สองวันนี้เขาจึงคิดจะช่วยฉีโม่จัดการงานในมือก่อน

ปี๊น! ปี๊น!

ตอนที่รถแท็กซี่กำลังจะขับออกจากซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง ตรงหน้าได้มีรถออฟโรดสองคันจอดอยู่ข้างทาง เจ้าของรถไม่อยู่ ทำให้ปิดขวางทางไว้ทั้งหมด

“คุณครับ ตรงหน้าไปไม่ได้ กลับรถเปลี่ยนทางมันยุ่งยาก ผ่านซอยนี้ไปก็เป็นอาคารเป่าติ่งแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นคุณเดินไปได้ไหม?” คนขับรถถามอย่างเกรงใจ

“ได้สิ” หลินอิ่งพยักหน้า จ่ายค่ารถ เปิดประตูลงไป

ห่างไปไม่ถึงร้อยเมตร ออกจากซอยเล็กๆ นี้ไป ตรงหน้าก็คืออาคารเป่าติ่ง

ตึกๆ หลินอิ่งเดินไปตามทาง จู่ๆ มือถือก็ดังขึ้นมา

เขากำลังจะรับสาย สายตากวาดมองไปรอบๆ อย่างเคยชิน จู่ๆ กลับถูกเงาร่างสีดำสองร่างที่อยู่บนดาดฟ้าตึกทางซ้ายดึงดูดความสนใจเข้า

พริบตาที่มองเห็นคนชุดดำ เขาก็หันหลังกลับพุ่งออกไปโดยสัญชาตญาณ ด้วยความเร็วถึงขีดสุด

ปัง!

เกิดเสียงแหลมคมดังขึ้น

จากนั้น เสียงรัวกระสุนปืนดังเปรี้ยงปร้างก็ถี่กระชั้นขึ้น ที่ดาดฟ้าตึกทางด้านซ้ายมีเสียงปืนดังไม่หยุด กราดยิงเล็งไปทางที่หลินอิ่งวิ่งห้อตะบึงอยู่

ช่วงเวลาสายฟ้าแลบ ต่อเนื่องถึงหนึ่งนาทีเต็ม ปลอกกระสุนกองหนึ่งตกลงเกลื่อนถนน หลินอิ่งพุ่งเข้าไปในซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง ใบหน้าเขาราวกับน้ำลึก แววตาเย็นเยียบถึงขีดสุด

“ระยำ ไอ้หมอนี่ดวงแข็งจริงๆ แกเองก็สบายใจเกินไปแล้ว กระสุนไม่โดนเป้าหมายสักนัด พวกเราต้องตามไปฆ่าไหม?” บนดาดฟ้าตึก ชายชุดดำที่ถือปืนไรเฟิลคนหนึ่งใช้ภาษาต่างประเทศกล่าวอย่างชะล่าใจ

“แกเป็นอะไรไปล่ะ แกยิงคนแรกก็ไม่เห็นระเบิดหัวเขาให้ตาย เขารู้สึกตัวแล้วยังจะไม่วิ่งอีกเหรอ ฉันจะยิงไม่โดนก็เป็นเรื่องธรรมดา” ชายชาวต่างชาติที่ถือปืนยาวอีกคนหนึ่งแสดงท่าทางไม่พอใจเอามากๆ “ไม่ต้องตามฆ่าเขาหรอก เปลี่ยนที่ซ่อน ไอ้หมอนี่จะต้องมาอาคารเป่าติ่งอีกแน่ นี่เป็นบริษัทของตระกูลเขา ไม่หนีไปไหนหรอก”

“ก็ได้ เดี๋ยวโทรบอกคุณชายเซียวก่อน” ชายอีกคนใช้ห่อสีดำเก็บปืนไรเฟิล ล้วงโทรศัพท์ออกมากำลังจะต่อสาย

เพิ่งจะต่อสาย ท่าทางเขากลับชะงักค้างขึ้นมาทันที พบว่าชายที่คุ้นหน้าคนหนึ่ง ได้ขึ้นบันไดจากตึกมาถึงดาดฟ้าแล้ว

พอหลินอิ่งหาตึกเจอ ก็รุดมายังดาดฟ้าชั้นหกทันที

คนที่กล้าเล่นงานตัวเอง เขาไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด

ชายชาวต่างชาติชุดดำสองคนมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รีบวางมือถือลงทันที เปิดห่อสีดำกำลังจะล้วงเอาปืนออกมาจากด้านในอีกครั้ง

ผลัวะ

หลินอิ่งพุ่งเข้ามา วาดเท้าหวดไปสองที เกิดเป็นเสียงลมอันแข็งแกร่ง ถีบคนทั้งสองจนล้มคว่ำ หมุนไปในอากาศร้อยแปดสิบองศาแล้วล้มลงบนพื้น กระอักเลือดออกมาหนึ่งที กระดูกถูกเตะจนแหลก

“พูด ใครส่งพวกแกมา?” หลินอิ่งกุมลำคอของชายคนหนึ่งไว้ ถามเสียงเหี้ยม

ชายชาวต่างชาติสองคนแสดงท่าทางหวาดกลัวอย่างยิ่ง ปากอ้ากว้าง พูดละล่ำละลักออกมาชุดใหญ่

“คนของประเทศM” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะได้ยินเป็นภาษาต่างประเทศ พวกเขากำลังพูดอะไรสักอย่างถึงคนจ้างวาน

พลั่กๆ

หลินอิ่งคร้านจะฟังอีกต่อไป ใช้สองหมัดต่อยคนทั้งสองที่อยู่บนพื้น นอนสลบไสลอยู่ตรงนั้น

หลังจากแน่ใจว่าสองคนนี้เป็นคนประเทศM เขาก็เดาได้แล้วว่าใครเป็นคนส่งมา

ครืด~

มือถือยังดังไม่หยุด หลินอิ่งรับสายด้วยสีหน้าปกติ

“ฮัลโหล ท่านหลิน คุณไม่เป็นไรนะ?” ที่ปลายสาย เป็นเสียงร้อนใจของเสิ่นซานดังออกมา

“เกิดอะไรขึ้น? ถึงได้โทรมาอย่างร้อนใจขนาดนี้?” หลินอิ่งถามอย่างสงสัย

สายแรกที่เสิ่นซานโทรมาตนเองไม่ได้รับ จากนั้นก็มีสายโทรเข้ามาเรื่อยๆ อีกหลายสาย ดังต่อเนื่องไม่หยุด นี่ไม่ใช่นิสัยปกติของเสิ่นซาน คาดว่าน่าจะมีเรื่องด่วนอะไร

“ท่านหลิน ขออภัยด้วยครับ เป็นเรื่องด่วนจริงๆ เป็นเรื่องใหญ่” เสิ่นซานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เมื่อสิบกว่านาทีก่อนผมถูกคนลอบยิง โชดดีที่รถผมติดตั้งระบบใหม่กันกระสุนได้ คนที่ลงมือ ผมให้หลิวจุนจับตัวไว้แล้ว เค้นถามออกมาได้ เป็นคนที่ลาตินกรุ๊ปส่งมาครับ”

“สิบกว่านาทีก่อน? นายเองก็ถูกคนลอบยิงด้วย?” หลินอิ่งถามอย่างสงสัย

ตอนแรกเขาคิดว่าคนที่ลงมือเป็นคนที่เซียวจวงส่งมา ก่อนหน้านี้เจ้าโง่นั่นยังปล่อยให้เขาอยู่สามวันแล้วถึงจะฆ่าเขา คิดไม่ถึงว่าจะลงมือกับเสิ่นซานไปพร้อมกันด้วย

แต่พอลองคิดดูอีกที ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน เซียวจวงเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของลาตินกรุ๊ปในเมืองตุงไห่ ก่อนหน้านี้ตนเองสั่งให้เสิ่นซานคอยสร้างความยุ่งยากให้ลาตินกรุ๊ปมาตลอด คาดว่าคงถือโอกาสลงมือแก้แค้นไปพร้อมกับตัวเขาเลย

“ท่านหลิน ไม่ใช่แค่ผม เจียงฉีก็เกิดเรื่องด้วย” เสิ่นซานพูดด้วยน้ำเสียงหนักหน่วง “เมื่อกี้ตอนที่ผมโทรหาเจียงฉี มือถือเขาก็โทรไม่ติดแล้ว จากนั้นเลขาเขาก็โทรมา บอกว่า เจียงฉีถูกยิง ตอนนี้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว”

“เจียงฉีเกิดเรื่อง?” หลินอิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจความโกรธลุกโชนขึ้นมา “ตอนนี้นายให้คนมาที่อาคารเป่าติ่งที เมื่อกี้มีคนลอบทำร้ายฉันเหมือนกัน นายส่งคนมาที่นี่ พาคนไปก่อน”

“หา? ท่านหลินก็ถูกคนลอบทำร้ายด้วยเหรอครับ?” เสิ่นซานน้ำเสียงตื่นตระหนก รีบพูดว่า “ครับๆ ท่านหลิน ผมจะรีบส่งคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”

ในมุมมองของเสิ่นซาน เรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้เป็นปัญหาร้ายแรงเกินไป หลินอิ่งเป็นที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของเขา หากหลินอิ่งถูกลอบทำร้าย นั่นคงจะร้ายแรงมากจริงๆ

สิบนาทีให้หลัง

แลนด์โรเวอร์สีดำสองคันก็มาถึงปากซอยเล็ก คนกลุ่มหนึ่งพาตัวชายชุดดำสองคนไป ถือโอกาสรวบรวมหลักฐานของกลางที่พวกเขาทำการซุ่มยิงไปด้วยเลย หลินอิ่งนั่งอยู่บนรถแลนด์โรเวอร์คันหนึ่ง คนขับรถขับไปยังโรงพยาบาล

หลินอิ่งนั่งอยู่เบาะหลังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเผยไอสังหารที่ยากจะพบเห็นออกมา

เรื่องในครั้งนี้ทำให้เขาตัดสินใจจะฆ่าคนขึ้นมา ตัวเขายังไม่ไปลงมือฆ่าใครที่ลาตินกรุ๊ปด้วยซ้ำ พวกเขากลับมาที่นี่ แถมยังกล้าเป็นฝ่ายมาหาตนเองใช้อุบายที่โหดเหี้ยมเช่นนี้อีก เห็นเขารังแกง่ายงั้นหรือ?

ส่งมือปืนมาเล่นงานตนเอง เจียงฉี กับเสิ่นซานพร้อมกัน แถมยังยิงจนเจียงฉีบาดเจ็บหนัก กำลังช่วยชีวิตอยู่ในห้องฉุกเฉิน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะช่วยชีวิตได้หรือไม่

กลุ่มนายทุนต่างชาติกลุ่มนี้ กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว

ครืดๆ ตอนที่หลินอิ่งกำลังจมอยู่ในความคิดอยู่นั้น มือถือก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เขากดรับสาย

“หลินอิ่ง คุณอยู่ไหน? ทำไมยังไม่มาที่บริษัทอีก วันนี้ที่บริษัทเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย” จางฉีโม่พูดอย่างกังวล

“ผมมีเรื่องนิดหน่อย ทางบริษัทเป็นยังไงบ้าง” หลินอิ่งถาม

“ตลาดหุ้นของบริษัทกำลังเกิดปัญหาใหญ่ ฉันเรียกประชุมหุ้นส่วน ผลคือหุ้นส่วนส่วนใหญ่ล้วนปฏิเสธที่จะมาประชุม บอกว่าได้ขายหุ้นให้กับลาตินกรุ๊ปไปหมดแล้ว เกิดปัญหาก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา” จางฉีโม่กล่าวอย่างร้อนใจ “ดูท่า ลาตินกรุ๊ปจะเล่นงานบริษัทของเรา”

“ผมเข้าใจแล้ว ฉีโม่ คุณไม่ต้องร้อนใจ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” หลินอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ตกลง งั้นคุณทำธุระก่อนเถอะ สายหน่อยค่อยมากินข้าวด้วยกัน จะได้คุยกันเรื่องนี้” จางฉีโม่พูด

ได้ยินคำพูดของหลินอิ่ง พลันในใจเธอก็สงบลงอย่างมาก เต็มไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย ทุกครั้งเวลามีปัญหาสำคัญ เมื่อไปหาหลินอิ่ง หลินอิ่งก็จะมีวิธีแก้ไข ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลย

“อืม” หลินอิ่งวางสาย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset