ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 212 พวกคุณกลัวมันแล้วไม่กลัวผมเหรอ?

บทที่ 212 พวกคุณกลัวมันแต่ไม่กลัวผมเหรอ?

“กำลังเล่นตลกอยู่หรือไง? เขยสวะที่ชื่อเสียงโด่งดัง กล้าดียังไงถึงได้มาสร้างความวุ่นวายให้กับคณะกรรมการแห่งไห่หยางกรุ๊ป?” กรรมการคนหนึ่งกล่าวอย่างไม่พอใจ พลางจ้องมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห

“หลินอิ่ง? ต่อให้นายกับประธานเจียงฉีพอจะมีความสัมพันธ์อยู่บ้าง แต่นายก็ควรที่จะรู้ฐานะของตัวเองใช่ไหม?” กรรมการผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวอย่างดูถูก “ท่านเสิ่นซานยังอยู่ตรงนี้ นายมีสิทธิ์อะไรนั่งบนตำแหน่งนั้น?”

การเคลื่อนไหวของหลินอิ่ง ทำให้คณะกรรมการทั้งหมดไม่พอใจอย่างมาก

ไอ้เศษสวะนี่มีสิทธิ์อะไรมานั่งตำแหน่งประธานบริษัท? คิดจะนั่งอยู่บนหัวพวกเขา?

ในความเห็นของพวกเขา แม้แต่ฉินฝู้กุ้ยของเขตเหนือของเมืองก็ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะนั่งบนตำแหน่งประธานบริษัท!

ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเสิ่นซานยังอยู่ที่นี่ เสิ่นซานนั่งบนตำแหน่งประธานทำหน้าที่ประธานในการประชุม บางทีพวกเขาอาจจะพอรับได้ ถึงแม้เสิ่นซานจะไม่ใช่บุคคลในแวดวงธุรกิจ แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เขามีคุณสมบัติพอ แต่หลินอิ่งเป็นใคร? เขยสวะที่มีชื่อเสียงเน่าเฟะแห่งเมืองชิงหยูน!

“แค่ก ๆ ” เสิ่นซานไอแห้ง ๆ กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ท่านหลินนั่งบนเก้าอี้ประธาน พวกคุณยังกล้าตั้งคำถาม?”

“บางทีผมควรที่จะแนะนำให้พวกคุณรู้จักใหม่อีกครั้ง ท่านหลิน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของไห่หยางกรุ๊ป ในมือของเขาถือหุ้นอยู่มากกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์” เสิ่นซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม

หลังจากที่เสิ่นซานพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนมีสีหน้าตกใจ ไม่นานก็ยิ้มออกมา พวกเขาคิดว่าเสิ่นซานกำลังล้อพวกเขาเล่น

“ท่านหลิน? ไม่ใช่มั้ง? ท่านเสิ่นซาน ท่านกำลังล้อเล่นอะไรกับพวกเราน่ะ?” ลู่หยวนกล่าวพลางส่ายหน้า เขาไม่เชื่อคำพูดนี้แม่แต่น้อย

“ท่านเสิ่นซาน เรื่องล้อเล่นของท่านมันชักจะเกินไปแล้ว หลินอิ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด? ฮ่า ๆ ๆ …” กรรมการผู้หญิงคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ฉันว่าน่ะ ท่านเสิ่นซาน ถึงแม้ท่านจะเป็นเพื่อนของประธานเจียง แต่เรื่องภายในของไห่หยางกรุ๊ปท่านยังไม่เข้าใจสถานการณ์ พวกเราต้องเข้าใจกว่าท่านอย่างแน่นอน”

“ฉันว่านะ หลินอิ่ง นายเลิกเสแสร้งได้แล้ว ฉันรู้ ว่านายประจบสอพลอประธานเจียง และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากกับประธานเจียง ตอนนี้ประธานเจียงให้นายออกหน้าแทน มีอะไรก็รีบพูดมา ไม่จำเป็นต้องประดับฐานะอะไรให้ตัวเอง นายมันก็แค่คนช่วยทำธุระให้แค่นั้นเอง” ลู่หยวนกล่าวอย่างเหยียดหยาม ด้วยท่าทางเหมือนกับว่ารู้เรื่องทุกอย่าง

เสิ่นซานมุมปากกระตุก เขาไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว

เขาได้แนะนำท่านหลินอย่างจริงจังขนาดนี้แล้ว คนพวกนี้กลับยังไม่เชื่ออีก?

“ท่านเสิ่นซาน หลินอิ่ง พวกคุณสองคนล้วนเป็นตัวแทนที่ประธานเจียงส่งมาทำหน้าที่ประธานในการประชุมออกความคิดเห็น ผมก็จะไม่พูดอะไรมากแล้ว แค่ประโยคเดียว ตอนนี้พวกเราต้องการที่จะเลือกประธานคนใหม่ของไห่หยางกรุ๊ป และยังต้องการร่วมมือกับลาตินกรุ๊ปอีกด้วย” ลู่หยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ดังนั้น พวกคุณมีอะไรก็พูดมาเถอะ”

คำพูดนี้ของเขาได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้ว ความนัยแจ่มแจ้ง ไม่ว่าหลินอิ่งและเสิ่นซานจะพูดยังไง อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะย้ายพรรคแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะร่วมมือกับลาตินกรุ๊ปกลืนกินไห่หยางกรุ๊ปในทันที พวกนายควรพูดอะไรก็พูด พูดเสร็จก็รีบไสหัวไป

ไม่ว่าหลิ่นอิ่งและเสิ่นซานจะเป็นใครฐานะอะไร ในสายตาของลู่หยวนและผู้คนกลุ่มนั้นแท้จริงแล้วไม่แตกต่างอะไร ทั้งสองคนล้วนเป็นคนของเจียงฉี ไม่ใช่พวกเดียวกันกับพวกเขา

ลู่หยวนและผู้คนกลุ่มนั้นได้เข้าร่วมกับลาตินกรุ๊ปอย่างลับๆ แล้ว อีกทั้งยังเป็นศัตรูของเจียงฉีและเสิ่นซาน ดังนั้น จึงได้รับการสนับสนุนจากลาตินกรุ๊ปอยู่เบื้องหลัง ลู่หยวนถึงได้ไม่เกรงกลัวอิทธิพลของเสิ่นซาน

“ผมอยากจะถามหน่อย ลาตินกรุ๊ปให้ผลประโยชน์กับพวกคุณมากมายแค่ไหน? ถึงได้กว้านซื้อพวกคุณได้?” หลินอิ่งกล่าวอย่างเรียบ ๆ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่หยวนขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเคร่งเครียด: “หลินอิ่ง นายระวังคำพูดหน่อยนะ ที่บอกว่าพวกเราถูกลาตินกรุ๊ปกว้านซื้อหมายความว่ายังไง? พวกเราล้วนเป็นผู้ถือหุ้นของไห่หยางกรุ๊ป เพียงแค่เห็นด้วยที่จะร่วมมือกับลาตินกรุ๊ป ดำเนินการร่วมมือพัฒนาโครงการต่าง ๆ ของเมืองโลก!”

“ถูกต้อง! ร่วมมือพัฒนาด้วยกัน ทุกคนสามารถได้ชัยชนะร่วมกัน ล้วนได้รับผลประโยชน์ ไม่ใช่เป็นดั่งเช่นประธานเจียง ที่ไปเป็นปรปักษ์กับลาตินกรุ๊ป แบบนั้นไม่มีผลดีอะไร มีแต่จะเป็นการนำพาบริษัทไปสู่ความพินาศ” กรรมการคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงเข้ม

“ฉันพูดจริง ๆ นะ หลินอิ่ง นายมันไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการตลาด บุคคลที่ไม่ชำนาญคนหนึ่ง ทำไมประธานเจียงถึงได้ให้คนที่ไม่มีระดับอย่างนายมาร่วมเข้าประชุมด้วยนะ?

หลินอิ่งยิ้มเยาะพลางส่ายหน้า พวกกินข้างในปีนป่ายออกข้างนอกกลุ่มนี้ พูดจาน่าฟัง แต่ความจริงแล้วได้เอากิจการของบริษัทไปขอพึ่งพาเจ้านายคนใหม่ ก็แค่เศษขยะที่ขายนายเพื่อขอความเจริญรุ่งเรือง

ธุรกิจและโครงการของเมืองโลกพวกนั้น ล้วนก่อตั้งขึ้นด้วยเงินทองของเขา พวกมันไม่ได้ลงทุนแม้แต่น้อย แล้วยังจะเอาไป “ร่วมมือพัฒนา” กับลาตินกรุ๊ป?

ช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกเสียจริง

“ผมก็ขี้เกียจที่จะพูดอะไรมากมายกับพวกคุณแล้ว” หลินอิ่งกล่าวอย่างเรียบ ๆ “แค่ถามพวกคุณประโยคเดียว แน่ใจว่าจะร่วมมือกับลาตินกรุ๊ป?”

“แน่นอน พวกเราได้พูดอย่างชัดเจนแล้วนี่ มติของคณะกรรมการก็คือเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการพัฒนาของบริษัท ร่วมมือกับลาตินกรุ๊ปพัฒนาโครงการต่าง ๆ ร่วมกัน” ลู่หยวนกล่าวอย่างเด็ดขาด “พวกเรายังจะเรียนเชิญเซียวจวง ประธานเซียวแห่งลาตินกรุ๊ปลงทุนเข้าร่วมคณะกรรมการไห่หยางกรุ๊ปอีกด้วย ร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่ง ความหมายชัดเจน นายสามารถไปบอกเจียงฉี”

“ใช่! ลู่หยวนเป็นตัวแทนที่พวกเราเลือกร่วมกัน ทุกคำที่เขาพูด เป็นคำพูดที่พวกเราคณะกรรมการผู้ถือหุ้นทุกคนต้องการจะพูด”

“ผมเข้าใจแล้ว” หลินอิ่งกล่าวอย่างเรียบ ๆ “ดูเหมือนว่า อิทธิพลของลาตินกรุ๊ปทำให้พวกคุณรู้สึกกดดัน พวกมันคุกคามญาติของพวกคุณ ขู่ขวัญความปลอดภัยส่วนบุคคลของพวกคุณ พวกคุณยังยอมที่จะเป็นสุนัขรับใช้ให้กับพวกชาวต่างชาติกลุ่มนั้น? กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“นาย! นายพูดอะไร?” กรรมการผู้หญิงคนหนึ่งแววตาตื่นตระหนก จ้องมองหลินอิ่งอย่างไม่เชื่อ

ณ ตอนนี้ ผู้ถือหุ่นที่อยู่ตรงนั้นล้วนมองหลินอิ่งด้วยแววตาตื่นตระหนก พวกเขาไม่รู้ว่า ทำไมหลินอิ่งถึงได้รู้ความลับพวกนี้

เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ตัวคณะกรรมที่อยู่ตรงนี้เองรวมถึงพ่อแม่บุตรหลาน ล้วนถูกคุกคามจากอิทธิพลของลาตินกรุ๊ปอย่างลับ ๆ พวกมันใช้ปืนบังขับขู่เข็ญ บวกกับใช้เงินทองผลประโยชน์ล่อใจ บีบบังคับจนพวกเขาทำได้เพียงก้มหัวให้ และยอมเชื่อฟังแต่โดยดี

“พูดจาเหลวไหล! หลินอิ่ง นายอย่ามาใช้ทฤษฎีอุบายหลอกล่ออยู่ที่นี่!” ลู่หยวนตอบโต้ด้วยความประหม่าหวาดกลัวเล็กน้อย

เรื่องราวเหล่านี้ ลู่หยวนก็เคยเผชิญเหมือนกัน อีกอย่างเขาเป็นคนแรกที่ไปพึ่งพิงลาตินกรุ๊ป ทั้งยังช่วยคนเลวทำความชั่ว ดังนั้นถึงได้กลายเป็นตัวแทนหุ่นเชิดของลาตินกรุ๊ปในไห่หยางกรุ๊ป

หลินอิ่งเหอะในลำคออย่างเย็นชา แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก กวาดสายตามองผู้คนที่อยู่ตรงนั้นแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเย็นชา: “พวกคุณกลัวมัน แล้วไม่กลัวผมเหรอ?”

ขณะที่พูด หลินอิ่งก็ได้ส่งสายตาให้กับเสิ่นซาน เสิ่นซานสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม เขาหยิบเอกสารปึกใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเอกสารในอ้อมแขนของเขา

เอกสารพวกนี้ล้วนถูกยึดมาจากกลุ่มเฮยยิง ข้างในล้วนเป็นข้อมูลความลับส่วนตัวของคณะกรรมการของไห่หยางกรุ๊ป รวมถึงเทปบันทึกเสียงจุดอ่อนที่ใช้เพื่อบังคับขุ่มขู่พวกเขา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset