ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 267 เพื่อนของนิ่งซวนอาจจะเป็นคนไร้ค่าเหมือนกัน?

บทที่ 267 เพื่อนของนิ่งซวนอาจจะเป็นคนไร้ค่าเหมือนกัน?

“เข้าใจแล้ว” หลินอิ่งพูด “เอาอย่างนี้แล้วกัน นิ่งซวน ฉันอยู่ที่ตี้จิง พรุ่งนี้จะไปหานายแล้วกัน”

“หา? ผู้อาวุโส คุณอยู่ตี้จิงเหรอ?” นิ่งซวนกล่าวอย่างแปลกใจ ในน้ำเสียงแฝงความยินดี

“ใช่แล้ว”

“ดี ดี ผู้อาวุโส งั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว พรุ่งนี้จะไปพบคุณ” นิ่งซวนพูดราวกับยกภูเขาออกจากอก

หลินอิ่งวางสาย ยกชาแดงที่ข้างโต๊ะขึ้นมาจิบหนึ่งอึก แววตาเผยความแหลมคมออกมา

พอเขาฟังสถานการณ์ที่นิ่งซวนพูด ก็ได้กลิ่นทะแม่งๆ ออกมา

เรื่องที่นิ่งซวนพูดมามันแปลกเกินไปจริงๆ มิน่าเขาถึงเป็นฝ่ายมาหาตนเองเพื่อขอความช่วยเหลือ

พ่อไปจัดการธุระที่ต่างประเทศแล้วหายตัวไป หน้าของนายท่านก็ไม่ได้พบ ตนเองอยู่ในตระกูลพบเจอกับความบีบคั้น การเปลี่ยนแปลงเป็นชุดๆ นี้ บางทีนิ่งซวนคงแบกรับความกดดันอันมหาศาลนี้ไม่ไหว

ควรรู้ว่า คนที่เกิดมาในตระกูลนิ่งตระกูลชนชั้นสูงทรงอิทธิพลเหมือนอย่างนิ่งซวน การชิงดีชิงเด่นทั้งในที่ลับและที่แจ้งภายในตระกูลเป็นสิ่งที่ดุเดือดมาก การแย่งชิงระหว่างองค์ชายเหมือนในละครยังเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ

ยึดอำนาจลอบฆ่า พี่น้องฆ่ากันเองภายในตระกูลอะไรนั่น จึงค่อนข้างพบเห็นได้บ่อย

เพราะอย่างไร ทรัพย์สินเงินทองและอำนาจที่มากมายอย่างหาใดเปรียบนี้ มักทำให้คนมีนิสัยบิดเบี้ยว ความโลภและความอยากได้ถูกขยายขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด

สำหรับเรื่องเช่นนี้ หลินอิ่งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

ตอนเด็กตนเองกับมารดาถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลฉี และเป็นเพราะตอนนั้นฉีเหอถูกับเหล่าพี่น้องแย่งชิงสิทธิ์การสืบทอดภายในตระกูล คิดจะยืมอิทธิพลจากภายนอก จึงไม่เสียดายที่จะยอมแลกทุกอย่าง

การแย่งชิงผลประโยชน์ภายในตระกูลใหญ่แห่งตี้จิงเหล่านั้น อย่าว่าแต่เป็นตำแหน่งผู้สืบทอดเลย ต่อให้เป็นผลประโยชน์เพียงน้อยนิด ก็เพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดาเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งได้

ใคร่ครวญอยู่สักพัก หลินอิ่งก็มองไปที่หยูจื๋อเฉิง กล่าวอย่างจริงจังว่า “นายได้ข่าวอะไรจากตระกูลนิ่งบ้างไหม? ระยะนี้ ตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นบ้างหรือเปล่า?”

คนเองก็อยู่ตี้จิงพอดี หลินอิ่งคิดจะช่วยนิ่งซวนสักครั้ง

แต่ไหนแต่ไรหลินอิ่งไม่เคยเอาเปรียบคนที่จัดการธุระให้ตัวเอง

ดีร้ายอย่างไรนิ่งซวนก็เคยซื่อสัตย์ภักดีจัดการธุระให้ตนเองมาไม่น้อย ตอนอยู่ที่เมืองชิงหยูนนั้น ทำตามคำสั่งทุกประการเลยก็ว่าได้ ต้านแรงกดดันของตระกูล ฝืนช่วยตัวเขาประคองตระกูลหวัง

ตอนนี้นิ่งซวนมีปัญหายุ่งยาก มาหาถึงหน้าประตู ตนเองไม่มีทางนั่งมองอยู่เฉยๆ โดยไม่สนใจได้

“ตระกูลนิ่งแห่งตี้จิง?” หยูจื๋อเฉิงขมวดคิ้วคิดใคร่ครวญอยู่สักพัก กล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านอิ่ง ผมรู้จักคนที่กุมอำนาจในตระกูลนิ่ง แต่ไม่ค่อยได้คบค้ากับตระกูลนิ่งมากนัก พักนี้จึงไม่ได้ยินข่าวคราวใดของตระกูลนิ่ง”

“ท่านอิ่ง ต้องการให้ผมไปสืบสถานการณ์ในช่วงนี้ของตระกูลนิ่งไหมครับ” หยูจื๋อเฉิงถามอย่างจริงจัง

แม้จะไม่เข้าใจนักว่าทำไมท่านอิ่งจู่ๆ ถึงสนใจเรื่องราวตระกูลนิ่งแห่งตี้จิงขึ้นมา แต่เขาไม่มีทางถามมาก ไม่ว่าเรื่องใดจัดการตามคำสั่งก็พอแล้ว

หลินอิ่งพยักหน้า กล่าวว่า “นายให้คนในปกครองไปสืบดูให้แน่ชัด สอบถามดูหน่อยว่า นายท่านตระกูลนิ่ง พักนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

ปีนั้นอาจารย์เคยผูกวาสนาอันดีงามกับตระกูลนิ่งแห่งต้าจิงระยะหนึ่ง เขามีฐานะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลนิ่ง ฐานะในตระกูลนิ่งของเขาเป็นรองแค่เพียงนายท่านตระกูลนิ่ง นิ่งไท่จี๋เท่านั้น

นิ่งซวนบอกในโทรศัพท์ว่า กระทั่งใบหน้าของนายท่านยังไม่ได้พบ สิ่งนี้จึงคาใจเขาอย่างมาก

ควรรู้ว่า เมื่อสองเดือนก่อน นิ่งไท่จี๋ยังฝากคำพูดผ่านนิ่งซวนมาบอกตนเอง บอกว่าจะมาพบผู้สืบทอดของสหายเก่าอย่างตนเองสักครั้ง

ตระกูลนิ่งนี้ ไม่รู้ว่าใครกำลังลอบทำเรื่องชั่วอยู่ ตัวเขาจำเป็นต้องไปสักเที่ยวแล้ว

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่เขาตัดสินใจได้แล้ว คืนนั้นพอหลินอิ่งกลับถึงห้องก็หลับไป

วันต่อมา ยามเช้าตรู่

หลินอิ่งให้ฮาเดสเบิกรถคันหนึ่งได้ตามใจ ขับไปยังเขตเสิ่นหนง

สำนักงานใหญ่ของบริษัทตระกูลนิ่งอยู่ในเขตเสิ่นหนง และสถานที่นัดพบของเขากับนิ่งซวนก็อยู่ที่ร้านน้ำชาซินสุยในเขตเสิ่นหนง

ร้านน้ำชาซินสุย เป็นร้านใหญ่ที่ตกแต่งค่อนข้างได้บรรยากาศร้านหนึ่ง

ที่นี่เป็นอาคารสไตล์โบราณที่แบ่งเป็นสัดส่วน ลานขนาดใหญ่มีกลิ่นอายโบราณ เต็มไปด้วยการผ่านวันเวลามาอย่างโชกโชน

อย่ามองเพียงว่าเป็นอาคารโบราณสามชั้น มันกลับตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางเมืองที่คึกคักที่สุดของตี้จิง ดูไปก็เหมือนหงส์ในฝูงกา

อาคารสไตล์โบราณแบบนี้ อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองตี้จิงเช่นนี้ ราคาของมันคงไม่อาจจินตนาการได้เลย แค่เพียงอาคารราคาก็มากกว่าสิบหลักแล้ว

ร้านน้ำชาซินสุย เป็นที่ชุมนุมของพวกเศรษฐีและบุคคลมีชื่อเสียงที่โอ่อ่าและมั่งคั่งที่สุดของเขตเสิ่นหนง ผู้ที่มาล้วนเป็นมหาเศรษฐีข้าราชการตำแหน่งสูงของตี้จิง จำเป็นต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้าไปได้

ชากาหนึ่งที่ชงที่นี่ ราคาเป็นแสนขึ้นไป ทั้งหมดล้วนเป็นใบชาดีสินค้าชั้นยอดที่สุดที่เก็บรวบรวมจากประเทศหลง

เพียงไม่นาน ฮาเดสก็ขับรถเบนท์ลีย์สีดำคันหนึ่งมาถึงหน้าประตูร้านน้ำชาซินสุย เขาดึงเปิดประตูรถอย่างชำนาญ จากนั้นก็ขับรถไปจอดที่โรงจอดรถ

หลินอิ่งเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ลอบพยักหน้าให้กับตนเอง รู้สึกว่าร้านน้ำชาแห่งนี้ตกแต่งได้ไม่เลว เดิมตัวมันก็คือซากปรักหักพังที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง หลังผ่านการปรับปรุงแก้ไข ยังคงทิ้งกลิ่นอายโบราณอันสะอาดบริสุทธิ์ไว้ พอมองไป ก็ทำให้คนรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความสบายใจ

แต่ไรมาเขาค่อนข้างชอบของโบราณในประเทศหลง

และภายในโรงจอดรถอันกว้างขวางของร้านน้ำชาซินสุย รถที่จอดแต่ละคันล้วนเป็นรถชั้นหนึ่ง ยังมีรถประจำตำแหน่งของพวกข้าราชการ ที่ใช้ป้ายทะเบียนรถแบบพิเศษ ทั้งยังเป็นข้าราชการตำแหน่งสูงมากอีกด้วย

ต่อให้มองเพียงแวบเดียว ก็ยังมองออกว่า ไม่ใช่ร้านน้ำชาธรรมดาอย่างแน่นอน

เวลานี้ ที่ชั้นสามของร้านน้ำชาซินสุย ภายในห้องพิเศษที่มีชื่อว่าแม่น้ำผิ่นซานห้องหนึ่ง นิ่งซวนมีท่าทีกระสับกระส่าย นั่งไม่ติดที่เดินกลับไปกลับมา ราวกับแบกรับแรงกดดันมหาศาลไว้

เลขาคนสนิทของนิ่งซวน อูหยาง นั่งดื่มชาที่ด้านข้างอยู่คนเดียว สีหน้าดูค่อนข้างซีดเซียว

เห็นได้ชัดว่า ท่วงท่าอันสง่างามของสองคนนี้ไม่เหมือนกับตอนที่พักอยู่เมืองตุงไห่อีกแล้ว ราวกับว่าหลังจากกลับมาตี้จิง จะได้รับความลำบากไม่น้อย

“ประธานนิ่ง คุณเองก็อย่ากังวลปัญหาของทางตระกูลเกินไปนักเลย ในเมื่อประธานหลินรับปากออกหน้าแล้ว ด้วยความสามารถของประธานหลิน จะต้องช่วยแก้ไขปัญหาได้แน่” อูหยางกล่าวปลอบ

“เฮ้อ ความสามารถของผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องสงสัยอยู่แล้ว” นิ่งซวนถอนหายใจ กล่าวช้าๆ ว่า “เพียงแต่ ไม่แน่ว่าผู้อาวุโสจะยอมออกหน้าช่วยฉัน เพราะอย่างไรเขาก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูลนิ่ง ส่วนฉันเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ในตระกูล นำประโยชน์อะไรมาให้ผู้อาวุโสได้กันล่ะ? ในตระกูลนิ่งมีคนที่เก่งกว่าฉันอยู่ตั้งมาก”

“ที่สำคัญที่สุด ครั้งนี้เป็นเบื้องบนของตระกูลร่วมกันกดดันฉัน ด้วยฐานะของผู้อาวุโส เกรงว่าคงไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา” นิ่งซวนกล่าวอย่างกังวล ท่าท่างไม่ความเชื่อมันในตัวเองเป็นอย่างมาก

ใช่แล้ว หลังจากนิ่งซวนกลับมาที่ตี้จิงก็ได้รับความลำบากไม่สิ้นสุด เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตตกต่ำถึงขีดสุดก็ว่าได้

คนเรายามประสบกับความตกต่ำ ก็จะสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปเรื่อยๆ กลายเป็นคนโลเลสองจิตสองใจ

“นี่……ไม่พูดดีกว่า” อูหยางเองก็ถอนหายใจเช่นกัน คนใหญ่คนโตอย่างประธานหลิน มีอุปนิสัยที่คาดเดาได้ยาก อีกทั้งเรื่องในครั้งนี้ของประธานนิ่งก็ใหญ่โตและยุ่งยากเกินไป

“ไอหยา นี่มันนิ่งซวน คุณชายใหญ่นิ่งของเราไม่ใช่เหรอ? ได้ยินว่าบิดาของคุณชายใหญ่นิ่งหายตัวไป คุณไม่ไปตามหาพ่อคุณ ยังมีอารมณ์มาดื่มชาอยู่ที่นี่อีก?”

เวลานี้เอง มีน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถางเสียงหนึ่งดังเข้ามา เห็นเพียงชายหนุ่มแต่งตัวไม่ธรรมดาคนหนึ่ง เดินเข้ามายังห้องพิเศษอย่างแช่มช้า มองนิ่งซวนสองคนด้วยท่าทางครุ่นคิด

นิ่งซวนมีท่าทีเดือดดาล อยากจะพูดตอบโต้อะไรบ้าง กลับไม่มีความมั่นใจ ได้แต่ก้มหน้ากำหมัด

ชายหนุ่มเข้ามานั่งอย่างเอื่อยเฉื่อย พลางกล่าวว่า “นิ่งซวน ฉันว่านะ นายยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ? ตอนนี้ นายมันก็เป็นแค่เด็กถูกทิ้ง สุนัขไร้ค่าตัวหนึ่งของตระกูลนิ่งไม่ใช่เหรอ? ด้วยฐานะเช่นนี้ ทำไมนายยังมีหน้ามานั่งในร้านน้ำชาซินสุยอีก?”

“เอาอย่างนี้แล้วกัน วันนี้คุณชายอย่างฉันมีนัดพอดี ที่นั่งวีไอพีเต็มหมดแล้ว นายก็ยกที่นั่งให้ฉันแล้วกัน” ชายหนุ่มกล่าวด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ยึดที่นั่งที่นิ่งซวนจองไว้มาครองเสียเอง

นิ่งซวนโกรธจัด แทบอยากจะพุ่งเข้าไปตบหน้าเขาสักฉาด แต่บีบให้ไม่มีทางเลือก กัดฟันกล่าวว่า “จ้าวเจี้ยนหนิง ตรงนี้เป็นที่นั่งที่ฉันจองไว้ให้คนใหญ่คนโตท่านหนึ่ง ทางที่ดีนายอย่ามาวุ่นวายดีกว่า อย่าทำให้คนใหญ่คนโตท่านนั้นโกรธ”

“หา? คนใหญ่คนโต? ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวฉันก็ขำตายหรอก นิ่งซวน ท่าทางเหมือนสุนัขจรจัดอย่างนาย ยังจะไปรู้จักคนใหญ่คนโตคนไหนได้อีก?” จ้าวเจี้ยนหนิงกล่าวด้วยท่าทางเหยียดหยาม “ร่วมดื่มชากับนายได้ บางทีคงจะเป็นคนไร้ค่าเหมือนกันสินะ? เพราะอย่างไร คนประเภทเดียวกันย่อมอยู่ร่วมกันได้”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset