ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 383 งานเลี้ยงสังคมชั้นสูงของเมืองก่าง

“ไม่ อย่าฆ่าผม ผม ผมผิดไปแล้ว” ข่าเอ๋อร์พูดด้วยความหวาดกลัว กลัวจนตัวสั่น

เขาคุกเข่าอยู่บนพื้น ก้มหัวตัวสั่น ไม่กล้าเงยหน้ามองสายตาหลินอิ่ง

ในตัวหลินอิ่งมีความเย็นชาและอาฆาต ทำให้คนรู้สึกเหมือนตกอยู่ในบ่อน้ำแข็ง หนาวเย็นไปทั้งร่าง

น่ากลัวมาก คนประเทศหลุงคนนี้

ท่าเดียวทำให้เฟยบี่พิการไปเลย ฝีมืออันน่ากลัวแบบนี้ ทำให้ข่าเอ๋อร์ตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น

ต้องรู้ว่า ยอดฝีมือผิวดำเฟยบี่คนนี้ที่เขาพามาวันนี้ นี่เป็นนักฆ่ามืออาชีพต่างประเทศระดับต้นๆเลยทีเดียว อย่างน้อยก็เป็นยอดฝีมือที่สู้กับฮาเดสได้

ข่าเอ๋อร์พาเฟยบี่มา ก็เพื่อจะจัดการกับฮาเดสได้ แบบนี้จะได้หัวเราะเยาะคริสอย่างได้ใจ ตั้งใจจะมาโชว์เป็นพิเศษ

แต่คิดไม่ถึง กลับมาเจอกับคนประเทศหลุงที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ ทำเอาเฟยบี่ไม่มีแม้แต่โอกาสรับมือ ก็ล้มลงกระอักเลือดบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง

แผนการที่คิดไว้เพื่อมาเหยียดยามเยาะเย้ยกลับล้มเหลวทุกอย่าง แต่กลับเขาถีบจนล้มลงกับพื้น จนขายหน้าอย่างสิ้นเชิง

“แค่นี้ก็กลัวแล้ว?” หลินอิ่งมุมปากยิ้ม “เมื่อกี้ไม่ใช่ยังพูดจาอวดดีไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ใช่ ผมไม่เก่ง ไม่อวดดี ผมผิดไปแล้ว คริส ยกโทษให้ผมนะครับ ให้เขาปล่อยผมไปเถอะนะ ผมไม่พูดจาอวดดีแล้ว” ข่าเอ๋อร์สีหน้าหดหู่ น้ำเสียงอ่อนลง พูดจาอ้อนวอน

คริสหัวเราะเย็นชาไม่พูด ไอ้หน้าโง่คนหนึ่ง

ต่อหน้าประธานหลิน ข่าเอ๋อร์ยังกล้าอวดดี? ยังกล้าด่านายทุนที่อยู่เบื้องหลังเขาเป็นหมูอีก? นั่นก็ไม่ใช่กำลังด่าประธานหลิน?

เพี๊ยะ

หลินอิ่งตบหน้าข่าเอ๋อร์จนตัวหมุน ตบหน้าเขาหน้าบวมเป็นซาลาเปา รอยฝ่ามือพิมพ์อยู่บนหน้า

“อ๊าก”

ข่าเอ๋อร์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กระอักเลือดไม่หยุด

เขาคิดไม่ตก เด็กหนุ่มประเทศหลุงคนนี้ทำไมแรงเยอะขนาดนี้ ฝ่ามือตบมา ก็ทำให้เขาเหมือนถูกรถชน ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดไปทั้งตัว

นี่ถ้าไม่ระวังใช้แรงหนักกว่านี้ ไม่ทำเอาเขาตายคาที่เหรอ

“คนประเทศหลุงที่เคารพ ขอโทษด้วย ขอร้องอย่าทำร้ายผมอีกเลย ประเทศหลุงของพวกคุณมีคำพูดโบราณว่า ทหารสองทัพรบกัน ไม่ฆ่านักการทูต” ข่าเอ๋อร์ก้มหัวยอมแพ้ ถูกหลินอิ่งตบจนโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้ว แสดงโฉมหน้าที่อ่อนแอออกมา

“ยังรู้จักคำพูดนี้ด้วยเหรอ? น่าเสียดาย นี่ไม่ใช่การรบระหว่างทหารสองฝ่าย โม่เก๋อติงก็ไม่มีสิทธิ์เรียกตัวเองว่าเป็นคู่แข่งผม” หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย

“ฮาเดส ทำขามันพิการสองข้าง แล้วส่งกลับไป”

หลินอิ่งทิ้งคำพูดไว้ จากนั้นก็หันตัวเดินจากไป คริสคอยติดตามอยู่ข้างกาย

“อย่า อย่าทำให้ผมพิการ ผมยอมขอโทษกับความผิดที่ผมทำไปก่อนหน้านี้ ผมยินยอมชดใช้เงินเพื่อซื้อขาของตัวเอง ขอร้อง คนประเทศหลุงที่เคารพ ให้โอกาสผมสักครั้ง” สายตาข่าเอ๋อร์หวาดกลัว ขอร้องอย่างเสียงดังไม่หยุด

เสียงดังปัง ฮาเดสพุ่งเข้าไปชกข่าเอ๋อร์จนกระเด็น กดตัวเขาไว้บนพื้นเหมือนหมูที่ตายแล้ว จากนั้นก็ทั้งหมัดทั้งขาทุบถีบลงไปที่หัวเข่าของเขา

“เอื้อกอ๊าก”

ข่าเอ๋อร์ร้องออกมาเสียงดังอย่างกับหมูถูกเชือด แววตาซีดขาวด้วยความหวาดกลัว ปากก็กระอักเลือดไม่หยุด ขาทั้งสองข้างถูกทำร้ายขนเปลี่ยนรูป กลายเป็นคนพิการทันที

นี่เป็นผลตอบแทนอันเจ็บปวดที่เขาต้องชดใช้ สำหรับการดูถูกคนประเทศหลุง

…….

เข้าสู่เวลาค่ำคืน รถlincolnสีดำโบราณคันหนึ่งขับอยู่บนถนนเซียงเจียงอันเจริญรุ่งเรือง

ฮาเดสขับรถออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา คริสสีหน้าเคร่งเครียด นั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ

หลินอิ่งนั่งอยู่ที่นั่งหลังคนขับ หลับตาพักผ่อน

เขาสั่งกำชับคริส คืนนี้ให้ไปร่วมงานเลี้ยงสังคมเมืองก่างที่โม่เก๋อติงจัดขึ้น

โม่เก๋อติงเคลื่อนไหวแล้ว ทำลายสัญญาบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จื่อจิน ยังทำการกดดันบริษัทผองเฟยอีกด้วย ยังส่งคนเข้าไปหาเรื่องถึงที่

ถ้านกหวีดเป่าไม่ดัง อีกหน่อยจะมีผลกระทบอะไรในสังคมเมืองก่างได้?

โดยเฉพาะ หวางเฟิงเที๋ยนที่ไร้แววตาของบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จื่อจิน ฉีกสัญญาทิ้งก็แล้วไป ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง หันกลับมาก็มาช่วยโม่เก๋อติงพูด กล้ามาข่มขู่คนของเขา บอกว่าตัวเองมีอำนาจในฝ่ายกฎหมายมาก? กล้าเรียกร้องค่าละเมิดสัญญากับเขา ก็จะทำให้บริษัทผองเฟยถูกฟ้องร้องจนล้มละลาย?

ช่างไม่มีขื่อไม่มีแปแม้แต่น้อย

“ประธานหลิน เมื่อกี้ผมทำความเข้าใจกับข้อมูลที่รู้มา งานเลี้ยงเมืองก่างครั้งนี้ที่โม่เก๋อติงจัดขึ้นใหญ่โตมาก คนใหญ่โตในแวดวงธุรกิจของเขตหยู้ติ่งเมืองก่างมากันครบ” คริสรายงานอย่างเคารพ

“ครั้งนี้ เขายังบอกว่าต้อนรับตัวแทนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างผมคนนี้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจหาเรื่อง”

หลินอิ่งยิ้มที่มุมปาก พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดูให้ชัดเจน โม่เก๋อติงต้องการทำอะไรกันแน่ เขาคิดว่าใช้อำนาจความสัมพันธ์ในแวดวงธุรกิจ ก็กดดันอะไรได้”

หยุดไปครู่หนึ่ง หลินอิ่งก็พูดต่อ “คริส ทางด้านจี้ฉงซาน มีเบาะแสอะไรหรือยัง?”

“ประธานหลิน ช่วงนี้จี้ฉงซานไม่ได้เผยโฉมในที่สาธารณะที่เมืองก่างเลย เงียบมาก”

คริสพูดอย่างจริงจัง “ ผมให้คนจับตามองบริษัทในนามของจี้ฉงซานแล้ว จะได้เบาะแสความเคลื่อนไหวของเขาอย่างเร็วที่สุด”

หลินอิ่งพยักหน้า พูดว่า “จับตาดูต่อไป”

ถึงเขาจะสั่งคริสเรียกคนมาเพิ่ม จะเป็นสายลับหน่วยสืบสวนมืออาชีพที่หามาจากสายลับหน่อยสืบสวนของแต่ละประเทศ แต่นี่เป็นเมืองก่าง อยากหาที่ซ่อนตัวของจิ้งจอกพันปีอย่างจี้ฉงซาน ก็ไม่ค่อยเหมาะสม

หลังจากจี้ฉงซานจับตัวหยูจื๋อเฉิง ต้องเป็นเต่าหดหัวแน่นอน ต้องหาโอกาสมาลอบกัดเขาในที่ลับแน่นอน

สิ่งที่ตัวเองจะทำ ก็คือทำลายดินแดนธุรกิจของจี้ฉงซาน นี่คือพื้นฐานที่จี้ฉงซานต้องพึ่ง บีบจนเขากระโดดโลดเต้น แล้ววิ่งออกมาเอง

หลินอิ่งรู้ดี นายทุนใหญ่อย่างจี้ฉงซาน ฆ่าคนทั้งครอบครัวของเขาก็อาจจะทำให้เขาออกมาได้ แต่ว่า ดินแดนธุรกิจของเขาสำหรับเขาแล้ว นั่นสำคัญกว่าชีวิตพ่อแม่พี่น้องของเขาอีก ก็เหมือนกับชีวิตของเขา

“ใช่ ประธานหลิน ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีครับ ขอแค่จี้ฉงซานออกมา หนีแหล่งข่าวของผมไปไม่ได้แน่” คริสพูดอย่างจริงจัง

ถึงแม้คริสจะไม่รู้ว่าประธานหลินคิดยังไงกับมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเมืองก่างคนนั้นยังไง แต่ว่า ก็ทำตามอย่างไร้กังวล จับตาไว้ก็พอ

สำหรับความสามารถของประธานหลิน เขาเชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อสงสัย ประธานหลินทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง ฝีมือก็เก่งกาจน่ากลัว

อย่างเมืองตงไห่อันใหญ่โต ประธานหลินก็ทำได้อย่างง่ายดาย ส่งเสิ่นซานกับเจียงฉีขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ ควบคุมวงการธุรกิจตงไห่และโลกแห่งความมืดอย่างเด็ดขาด ควบคุมทุกอย่าง

ประธานหลินถึงจะไม่แสดงออก แต่ในที่ลับ เป็นราชาแห่งตงไห่อย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนเขาคริส มั่นใจในความสามารถของตัวเองว่าไม่แพ้เสิ่นซานและเจียงฉีแน่นอน ขอแค่ซื่อสัตย์ตั้งใจทำงานให้ประธานหลิน อนาคตข้างหน้าไร้ขีดจำกัด และต้องพัฒนาที่เมืองก่าง เปิดโลกใบใหม่ได้แน่นอน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset