ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 41 ชุมชนสุ่ยหยวน

บทที่ 41 ชุมชนสุ่ยหยวน

“เจียงฉี? แกรู้จักเจียงฉี?” ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนไปไม่น้อย ใบหน้าทั้งโกรธทั้งอาย

“ฟางผิง เจียงฉีคือใคร?”หลี่เจิ้นถามขึ้น พบว่าสีหน้าของลูกเขยตนเองแปลกไป

“เจียงฉี คือ……”ฟางผิงสีหน้าทั้งอายทั้งโกรธ ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี

เขาไม่มีทางพูดออกไปตรงๆหรอก ว่าเจียงฉีคือผู้จัดการใหญ่ของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่าตบหน้าตัวเอง

จริงๆแล้วอยากที่จะคุยโม้โอ้อวดตัวเองสักหน่อย คิดไม่ถึงว่า ไอ้เศษสวะบ้านนอกอย่างหลินอิ่ง จะบังเอิญรู้จักผู้จัดการใหญ่ของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อเจียงฉี

แต่ว่าคิดๆดูแล้ว หลินอิ่งรู้จักแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?

ต่อให้ไม่ต้องโอ้อวดตัวเอง ก็เก่งกว่าไอ้เศษสวะบ้านนอกแบบเขาหลายร้อยเท่าแล้ว!

“เจียงฉีเป็นหัวหน้าของผม ผู้จัดการใหญ่ ผู้รับผิดชอบสำนักใหญ่บริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์” ฟางผิงพูดขึ้น

ลู่หย่าฮุ่ยยิ้มออกมา ในตอนนี้เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ก่อนจะพูดขึ้น“อ๋อ? ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ครั้งก่อนที่นายบอกว่าตัวเองเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์ ก็แค่คุยโม้อย่างนั้นเหรอ? ”

“ผมไม่ได้โม้นะ!ผมเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์!”ฟางผิงกัดฟันพูดขึ้น ทั้งรู้สึกอายและรู้สึกโมโหไม่น้อย พร้อมกับพูดอธิบาย“ผมเป็นผู้จัดการใหญ่สาขาเขตเหนือของเมืองของบริษัท”

ความจริงแล้ว สถานะของเขาเป็นเหมือนกับผู้จัดการสำนักงานสาขาย่อยแห่งหนึ่งของบริษัทโอเชี่ยนอสังหาริมทรัพย์

แต่ครั้งนี้เพื่อเป็นการไว้หน้าพ่อตาแม่ยาย แน่นอนว่าต้องคุยโม้โอ้อวดให้ดูใหญ่โตไว้ก่อน หลอกลวงจางฉีโม่ตระกูลบ้านนอก

“ใช่น่ะสิ!ฟางผิงก็พูดถูก ผู้จัดการใหญ่ของสาขาย่อย แล้วมันจะทำไม?” หลี่เจิ้นพูดขึ้น“หลินอิ่ง แกคงไม่เอาการที่แกบังเอิญไปรู้จักชื่อผู้รับผิดชอบสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ฟางผิงทำงานอยู่ แล้วจะใช้สิ่งนี้มาพูดเยาะเย้ยเขาหรอกใช่ไหม?”

“เหอะๆ พูดถึงด้านความสามารถดีกว่าไหม”หลี่เจิ้นพูดอย่างเย้ยหยัน“ความสามารถทางด้านเศรษฐกิจของฟางผิงก็อยู่ตั้งระดับนี้แล้ว หรือว่ามันไม่จริง? ต่อให้ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบของบริษัทใหญ่ เขาที่เป็นถึงผู้จัดการสาขาย่อยของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของเขตเหนือของเมือง หรือว่ามันยังดูไม่ดีพอหรือไง?”

“ไม่รู้จริงๆว่าในหัวของแกกำลังคิดอะไรอยู่ นึกว่าตนเองได้ข้อมูลอะไรนิดหน่อย แล้วมาทำเป็นเข้าใจทุกอย่างดี”หลี่เจิ้นยิ้มอย่างดูแคลน

ลู่หย่าฮุ่ยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก มองหลินอิ่งด้วยสายตาเย็นชา

ใช่สิ ต่อให้ลูกเขยของฝั่งนั้นจะโอ้อวดเกินจริงไปบ้าง แต่ความสามารถก็อยู่ระดับนี้เช่นกัน เก่งกว่าหลินอิ่งตั้งเยอะ!

“ฉันอยากรู้เหลือเกิน ว่าที่แกพูดเหมือนกับว่าแกกับผู้จัดการใหญ่ของพวกเราสนิทกันเลย? ไม่ใช่ว่าไปเก็บได้นามบัตรจากที่ไหนก็ไม่รู้ มาแล้วมาทำเป็นว่าตัวเองรู้จักหรอกเหรอ?”

“เหอะ เด็กสมัยนี้ ตนเองไร้ความสามารถเองแท้ๆ กลับเอาแต่รู้สึกว่าตัวเองรู้จักใคร คนนั้นก็คือสุดยอดแล้ว จากนั้นก็เอามาพูดโกหกหลอกลวง” หลี่เจิ้นก็พูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“ที่จริงแล้ว คิดเอาเองทั้งเพ!”

“ผมและเจียงฉีไม่ได้สนิทกัน” หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ตอนที่ผมไปซื้อบ้านที่ชุมชนสุ่ยหยวนครั้งที่แล้วเจียงฉีช่วยผมจัดการเรื่องธุรการต่างๆให้ ผมถึงได้รู้จักคนคนนี้”

“อะไร? แกยังบอกอีกเหรอว่าแกซื้อบ้านที่ชุมชนสุ่ยหยวนด้วย?”หลี่เจิ้นหัวเราะอย่างสะใจ“ทำไมพูดซะเหมือนเป็นเรื่องจริงเลยล่ะ? เศษสวะแบบแกเนี่ยนะ จะซื้อไหวเหรอ? แกรู้ไหมว่าบ้านของชุมชนสุ่ยหยวนราคาแพงขนาดไหน? ยังจะกล้าคุยโม้โอ้อวดออกมาจากปากอีก!”

“ฮ่าๆๆ!”ฟางผิงก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจเช่นกัน“พวกบ้านนอกแบบแก แม้แต่จะจะพูดโม้ ยังพูดไม่เป็นเลยเหรอ? แค่พูดออกมาก็จับโป๊ะได้เยอะแล้ว!”

“ประธานเจียงเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของบริษัทพวกเรา แกรู้ไหมว่ามันคือตำแหน่งอะไร? ปกติแล้วเวลาผู้บริหารระดับร้อยล้านไปบริษัทหลัก ประธานเจียงก็ส่งเลขาไปรับตลอดแทบทุกครั้ง”ฟางผิงพูดขึ้นด้วยสายตาไม่สนใจใยดี“แล้วประธานเจียงมาช่วยแกจัดการเรื่องซื้อบ้าน? แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

“หลินอิ่ง!ถ้าแกไม่พูดจะตายหรือไง? คุยโม้เกินจริง”ลู่หย่าฮุ่ยตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ รู้สึกว่าหน้าเริ่มแดงและร้อนผ่าว

หลินอิ่งให้ตายเถอะ คุยโม้เกินจริง จนคนเขาจับโป๊ะได้หมดแล้ว คนอื่นแค่ฟังก็รู้แล้วว่าปลอม หัวสมองต้องโง่ขนาดไหนกันเชียว?

“ช่างมันๆๆหย่าฮุ่ย ไม่ต้องไปสั่งสอนลูกเขยแล้ว วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละชอบแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน ผมเข้าใจ”หลี่เจิ้นดูสีหน้าท่าทางไม่ตรงกับสิ่งที่พูด

“เพราะว่าการชิงดีชิงเด่นกันแบบนี้แหละ ถึงต้องรู้จักสถานะของตัวเอง ถูกไหมล่ะ ปากเอาแต่คุยโม้อย่างเดียว แบบนี้มันไม่น่าขำหรือไง”

“อย่าเลย”ฟางผิงยิ้มอย่างสะใจ“บอกไม่ได้ว่าเขาซื้อบ้านที่ชุมชนสุ่ยหยวนแถมให้ประธานเจียงไปจัดการเรื่องเองกับตัวด้วยจริงๆหรือเปล่า”

“พอดีเลย ทานอาหารกันจนอิ่มแล้ว”ฟางผิงพูดขึ้นอย่างเล่นๆ“พวกเราไปเดินเล่นที่ชุมชนสุ่ยหยวนสักหน่อยสิ ให้ผมได้ไปเปิดตา ดูบ้านที่หลินอิ่งซื้อสักหน่อย ดูสิว่าบ้านมันจะเกรดสูงขนาดไหน”

หลี่เจิ้นก็หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดขึ้น“ข้อเสนอของฟางผิงไม่เลวเลย พอดีเลยซิ่วเฟิง หย่าฮุ่ยก็ไปดูบ้านใหม่ของตระกูลผมสักหน่อยสิ ไปดูๆหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง”

ลู่หย่าฮุ่ยและจางซิ่วเฟิงสีหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที หันไปมองหลินอิ่งด้วยสายตาตำหนิติเตียน

ในสถานการณ์แบบนี้มันน่าขายหน้าเสียจริง

“ช่างเถอะ คุณลุงคุณป้า มันยุ่งยากเกินไป พวกเราไม่ไปดีกว่า”จางฉีโม่เปิดปากพูดขึ้นอย่างประนีประนอม สีหน้าก็ดูบึ้งตึงเช่นเดียวกัน  

“ไม่ได้ ต้องไป”หลี่เจิ้นเด็ดเดี่ยว พูดขึ้นอย่างครุ่นคิด“พูดถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเกิดไม่ไปดูบ้านใหม่ของผมล่ะก็ เท่ากับไม่ไว้หน้าผมสักนิดเลยเหรอ? แถม ถ้าเกิดหลินอิ่งซื้อบ้านด้วยตัวเองจริงๆล่ะ? จากนี้ไปพวกเราสองตระกูลก็จะได้เป็นเพื่อนบ้านกันไม่ใช่หรือไง?”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูหน่อยแล้วกัน” หลินอิ่งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ

“แบบนี้สิถึงจะถูก”หลี่เจิ้นยิ้มขึ้นมา ขณะที่พูดก็ลุกขึ้นเดินลงไปข้างล่าง

ฟางผิงและหลี่หลานก็ลุกขึ้น แล้วลงไปขับรถ

“คนบ้านนอกที่เกาะผู้หญิงกินแบบแก ในใจก็รู้ดีอยู่แล้วแต่มาโกหกต่อหน้าฉันเนี่ยนะ?”ฟางผิงออกจากประตูไป ตอนที่เดินผ่านหลินอิ่ง ก็พูดขึ้นมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลินอิ่งไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ลุกขึ้นลงไปเช่นเดียวกัน

“ฉีโม่ แม่บอกให้ลูกพาหลินอิ่งมาทานอาหาร แล้วตอนนี้จู่ๆมาทำเรื่องให้ขายหน้าแล้วได้ยังไง?”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ เดินออกมาจากร้านอาหารปาเซียนด้วยสีหน้าบึ้งตึง

จางฉีโม่เดินมาหยุดข้างๆหลินอิ่ง ก่อนจะถามขึ้น“หลินอิ่งคุณซื้อบ้านที่ชุมชนสุ่ยหยวนจริงๆใช่ไหม”  

หลินอิ่งพยักหน้า

จางฉีโม่สีหน้าท่าทีสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ ทั้งครอบครัวขึ้นไปบนรถหมดแล้ว

……

หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที

ชุมชนสุ่ยหยวน ตึกสูงเรียงกันเป็นแถวๆ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในแถวบริเวณนั้นดูสวยงาม สระน้ำกลางสวนดอกไม้ เห็นแล้วสบายตา

หลินอิ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่ชั้นล่างของตึกสูงสี่สิบห้าสิบชั้นอยู่เพียงลำพัง

สูบเสร็จไปหนึ่งมวน ตระกูลของจางฉีโม่และตระกูลของหลี่เจิ้น เดินออกมาจากประตูใหญ่

หลี่เจิ้นพูดขึ้นด้วยท่าทางพออกพอใจ“ซิ่วเฟิง หย่าฮุ่ย บ้านใหม่ของผมพูดไม่ออกเลยล่ะสิ? ซื้อมามูลค่าหนึ่งล้านสองแสนเลยนะ แม้ว่ามันไม่เหมือนกับ บ้านโทรมๆเมื่อสิบกว่าปีก่อนของชุมชนเจียงฉือ ตอนนี้ขายตะรางเมตรละสามพัน อย่างมากสุดก็แค่สามหมื่นเองใช่ไหมล่ะ?”

คู่สามีภรรยาของลู่หย่าฮุ่ยสีหน้าเริ่มดูไม่ค่อยดีนัก

“ห้องห้องนี้ดูไม่เลวเลยหลี่เจิ้น ลูกเขยของตระกูลคุณมีอนาคตนะเนี่ย”จางซิ่วเฟิงแสร้งทำเป็นยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

“พูดแบบนี้ไม่ได้สิ จะมาลูกเขยของตระกูลคุณอะไรกันล่ะ? แค่บ้านที่เกรดต่ำที่สุดของผมก็เท่านั้น”หลี่เจิ้นพูดประชด“ไปกันเถอะซิ่วเฟิง พาผมไปเปิดตาดูๆหน่อยว่าหลินอิ่งลูกเขยของตระกูลคุณซื้อบ้านแบบไหน”

“เอ่อ ช่างมันเถอะหลี่เจิ้น ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจอะไรมากมายกับหลินอิ่งหรอก”จางซิ่วเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าอึดอัด

ฟางผิงมองหลินอิ่ง แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ไปสิ ไอ้บ้านนอก บ้านที่แกซื้ออยู่ตึกไหนล่ะ? ไม่ใช่ว่ารู้สึกผิดแล้วหรือไง เลยไม่กล้าพาพวกเราไป?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset