ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 502 มังกรถึงจะตายแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่มดจะดูหมิ่นได้

ปัง ปัง ปัง

หัวหน้าพุ่งเข้าไป ถีบอีกหลายครั้ง ถีบจนสวีถันโจวกระตุกไปทั้งร่าง เลือดไหลจากปากไม่หยุด เหมือนดั่งถูกรถปราบดินทับ นอนราบอยู่กับพื้น

ดูท่าทางน่ากลัวขนาดนี้ สวีฉางเฟิงร่างอ่อนเพลียไปทั้งร่าง คุกเข่าอยู่กับพื้น ตกใจจนเข่าอ่อน

หัวหน้าคนนี้ที่ลงมือ โหดเหี้ยมจริงๆ

ต้องรู้ว่า หัวหน้า เป็นผู้นำในอาณาจักรทหารแห่งจื่อหลงซาน เป็นยอดฝีมือระดับสูงในกองพิเศษเว่ยอัน ฝีมือนั้นไม่ใช่คนทั่วไปจะคาดการณ์ได้

“แก แกเป็นคนขององค์กรจื่อหลงซาน ทำไมถึงไปช่วยหลินอิ่งทำร้ายคน? ยังมีกฎหมายอีกไหม?” สวีถันโจวมองหัวหน้าด้วยสายตาหวาดกลัว ตั้งคำถาม

เพี๊ยะ

ได้ยินแล้ว หัวหน้ายกมือตบไปที่หน้าของสวีถันโจวอีกครั้ง ตบจนเขากลิ้งอยู่บนพื้น

“จะฆ่าคนแล้ว ที่นี่เป็นถึงจื่อหลงซาน หรือแกยังกล้าฆ่าคนที่นี่เหรอ? ฉันเป็นคนของตระกูลสวี ลูกชายของสวีจิ่วหลิง” สวีถันโจวท่าทางหวาดกลัวไร้ที่พึ่ง พูดด้วยความกลัว

“วันนี้ถึงฉันจะเฆี่ยนตีแกที่นี่แล้วจะทำไม?” หัวหน้าพูดอย่างเย็นชา “ถุย ลูกของสวีจิ่วหลิง? คุณท่านสวีมีลูกชายหน้าโง่อย่างแก? นั่นก็แก่เลอะเลือนแล้ว?”

“แกรู้ไหมว่าสมัยคุณท่านฉียังดำรงตำแหน่งในราชการนั้น ฐานะตำแหน่งอะไร?” หัวหน้าพูดอย่างเย็นชา “เอาชีวิตคุณท่านฉีมาข่มขู่หัวหน้าหลิน? เชื่อไหมว่าฉันยิงแกตายตอนนี้โทษฐานกบฏ”

“หา?”

หัวหน้าตะโกนอย่างโมโห ทำให้สวีถันโจวตกใจเหงื่อท่วมหัว หวาดกลัวอย่างรุนแรง

“อย่า อย่า” สวีถันโจวสีหน้าซีดขาว มองไปที่หลินอิ่ง พูดด้วยอาการตัวสั่น “เรื่องลอบวางยาคุณท่านฉี ฉันไม่ได้เป็นคนทำ ฉันแค่เป็นคนส่งข่าวเท่านั้น หลินอิ่ง แกต้องคิดให้ดีนะ คิดก่อนทำด้วย ชีวิตปู่แกสำคัญหรือไม่”

“วันนี้แกไม่คุกเข่าขอโทษยอมรับผิดกับฉัน ไม่ยอมก้มหัว ถ้าอย่างนั้น แกก็จะไม่มีวันได้ยาแก้พิษ ได้แค่มองปู่แกตายไปต่อหน้าแก” สวีถันโจวฝืนความกลัวพูดประโยคพวกนี้ออกไป จ้องหลินอิ่งอย่างเย็นชา

“เหอะๆๆ……”​

หลินอิ้งหัวเราะ เขายืนมือไขว้หลัง ค่อยๆเดินไปทางด้านสวีถันโจว

“แกอยากทำอะไร? แกคิดให้รอบคอบนำ?” สวีถันโจวพูดอย่างหวาดกลัว

ปัง

หลินอิ่งเหยียบไปที่หน้าของสวีถันโจว เหยียบหน้าของเขาแนบอยู่กับพื้น เหยียบจนเขากระอักเลือดไม่หยุด

“ตระกูลสวีคิดว่า พึ่งแค่คนต้าเหอตัวเล็กๆคนเดียว จะบีบผมจนหมดหนทางได้เหรอ? แล้วคิดว่าเอาชีวิตของคุณปู่ ก็จะบีบให้ผมก้มหัวได้เหรอ? ไม่มียาแก้พิษของคนต้าเหอ ผมก็ไม่มีวิธีแล้วเหรอ?”

หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา

“วันนี้ ผมจะบอกเหตุผลหนึ่งให้พวกคุณรู้ มังกรที่แท้จริงถึงจะตาย เน่าจนเหลือแค่กระดูก นั่น ก็ไม่ใช่สิ่งที่มดจะสามารถดูหมิ่นได้”

“ที่สำคัญ แค่ฝูงหมูหมาอย่างพวกคุณ คิดอยากจะสะเทือนผม?”

“วันนี้ ผมจะไว้ชีวิตคุณ วันหน้า ผมต้องไปตระกูลสวีแน่ ฆ่าล้างตระกูลสวี”

ปัง!

พูดจบ หลินอิ่งสะบัดมือลงไป ตบเข้าที่หน้าของสวีถันโจว ตบจนเขากระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตร นอนกระตุกอยู่บนพื้น บนหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

วินาทีนี้ ทุกคนในเหตุการณ์ ต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มองเหลินอิ่งเหมือนดั่งเทพเทวดา

ทุกคนต่างก็ถูกราศีที่เขาแปร่งประกายออกมาทำให้ชะงัก

ถูกต้อง มังกรถึงแม้จะเน่าจนเหลือเพียงกระดูก ก็ไม่มีวันที่มดจะดูหมิ่นได้

ที่สำคัญ มังกรที่แท้จริงอย่างหลินอิ่ง ยังเหินบินอยู่เหนือเมฆ

“สั่งลงไป ลากตัวพวกเขาออกไป ส่งกลับตระกูลสวี”

“กลับไปบอกกงจิ่ว ภายในสามวัน ส่งยาแก้พิษมา ถ้าหากคุณท่านตระกูลผมตาย ผมจะฆ่าไปถึงต้าเหอ ให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังกงจิ่ว ตายล้างตระกูล”

หลินอิ่งทิ้งคำพูดแห่งเจตนาฆ่าล้างอย่างเด็ดขาดไว้ หมุนตัวเดินเข้าอาคาร

ทิ้งคนตระกูลสวีไว้ ต่างก็ตะลึงตาค้าง ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

ในใจพวกเราเริ่มสงสัยและเสียใจ คนอย่างหลินอิ่ง ทำให้เขาพ่ายแพ้ได้เหรอ?

ขณะนี้ หัวหน้าได้เรียกกองพิเศษเว่ยอันในจื่อหลงซานมาแล้ว เริ่มจัดการกับคนตระกูลสวีที่ถูกซ้อมจนโง่

เวลาแค่ชั่วครู่ ต่อจากนั้น ก็เป็นการทำความสะอาด

คนของตระกูลสวีแต่ละคน ต่างก็ถูกซ้อมจนเบลอ โยนเขารถบรรทุกกองทัพคันหนึ่ง โยนออกไปนอกจื่อหลงซาน

หลังจากกลับไปที่ห้องคุณท่านแล้ว หลินอิ่งสีหน้าเคร่งเครียด แรงอาฆาตในสายตายังไม่จางหาย คนทั้งคนยังคงมีราศีแห่งแรงสังหารที่คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้

หลี่ผูและหัวหน้ายืนเฝ้าอยู่นอกห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มองหลินอิ่งแบบนี้ นั่งอยู่ขอบเตียงผู้ป่วยของคุณท่านฉีเวิ่นติ่ง

พวกเขาสองคนสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของหลินอิ่งในตอนนี้

“คุณปู่ หลานไม่ดีเอง ที่ดูแลความปลอดภัยของท่านไม่ดี” หลินอิ่งมองคุณท่าน พูดพึมพำเอง

ความรู้สึกในใจของเขาตอนนี้ วุ่นวายอย่างสุดขีด

คาดหวังยาถอนพิษจากกงจิ่วเพื่อช่วยคุณปู่? นั่นเป็นไปไม่ได้

อย่าบอกว่าเขาไปคุกเข่าขอร้อง ถึงแม้จะเอาชีวิตไปแลกยาถอนพิษกับกงจิ่ว ผลสุดท้าย ก็คือตระกูลฉีตายอย่างราบคาบ แม้แต่โอกาสในการช่วยคุณปู่แก้แค้นก็ไม่มี

คุณปู่จะรอดหรือไม่ ความจริง ก็ต้องพึ่งโชคชะตาแล้ว

หลินอิ่ง รู้สึกถึงความโกรธแค้นอย่างเอือมระอา

เวลาเดียวกัน ก็คิดถึงความทรงจำมากมาย

สมัยเด็กติดตามแม่ ออกจากตระกูลฉีอย่างไม่มีทางเลือก ตอนนั้นยังเด็ก ต้องทนดูแม่เศร้าโศกเสียใจ ทนต่อคำด่าว่าดูถูก แต่ช่วยอะไรไม่ได้

พอโตขึ้น แม่เพราะว่าต้องทนรับความกดดันในใจมานานปี ทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม ชะตาชีวิตจบสิ้น มาถึงจุดจบแล้ว ถึงแม้ทักษะการแพทย์ของเขาสำเร็จแล้ว แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้แล้ว

เรื่องพวกนั้น มันก็ผ่านไปแล้ว

แต่วันนี้ ถึงแม้เขาจะร่ำรวยเหนือประเทศ อำนาจล้นฟ้า วิชาการต่อสู้เหนือโลกแล้วยังไง?

ญาติคนเดียวอยู่ตรงหน้าตัวเอง ชีวิตอยู่ในอันตราย แต่ทำอะไรไม่ได้

ขอแค่เป็นคน ต่างก็หนีไม่พ้นเกิดแก่เจ็บตาย

หลินอิ่งนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย เฝ้าข้างกายคุณท่าน ค่อยๆหลับตา

พอนั่ง ก็นั่งไปหนึ่งคืน

หลินอิ่งไม่ได้นอนทั้งคืน

หลี่ผูและหัวหน้า ก็เฝ้าอยู่หน้าห้องทั้งคืน

“คุณชาย กินอะไรหน่อยนะครับ ผมเตรียมอาหารเช้าและน้ำชาให้”

หลี่ผูมือถือถาดอาหาร พูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“เรื่องของคุณท่าน เรื่องมาถึงวันนี้แล้ว เชื่อว่าคนดีฟ้าย่อมคุ้มครอง บางทีคุณชายอาจจะได้ข่าวดีเรื่องยาก็ได้”

หลินอิ่งค่อยๆลืมตา หนังตากระตุก ลุกขึ้นจากเตียง เดินออกจากห้อง

“ผมไม่กิน พวกคุณก็ไม่ได้นอนทั้งคืน กินอาหารเช้านี้ก่อนเถอะ” หลินอิ่งค่อยๆพูด รับน้ำชาจากมือหลี่ผูมา ดื่มไปสองคำ

หลี่ผูพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก

“หัวหน้าหลิน เมื่อคืน หยูจื๋อเฉิงหาท่านเพื่อรายงานสถานการณ์ไม่เจอ โทรมาหาผม ส่งข้อความมาหลายฉบับ” หัวหน้าพูดอย่างจริงจัง

หลินอิ่งพยักหน้า พูดว่า “หยูจื๋อเฉิงพูดอะไรบ้าง เลือกสาระสำคัญพูด”

หัวหน้าพูด “หยูจื๋อเฉิงบอกว่า เมื่อคืน ตระกูลสวีมีความเคลื่อนไหวใหญ่ อีกอย่าง ชีซิงกรุ๊ปเปิดงานแถลงข่าวในวงการธุรกิจ เจาะจงกับกิจการทั้งหมดที่อยู่ในนามของท่านในตี้จิง”

“รู้แล้ว เรื่องพวกนี้ คุณบอกกับหยูจื๋อเฉิง ให้เขาควบคุมจัดการทั้งหมด” หลินอิ่งออกคำสั่ง

ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ไปจัดการกับคนพวกนี้ในเรื่องธุรกิจ

คืนที่ผ่านมา เขานั่งคิดทั้งคืน ว่าจะลากตัวกงจิ่วออกมาอย่างไร แล้วจะหายาภายในสามวันได้ยังไง

ติ๊ดติ๊ด

ขณะเดียวกัน มือถือของหลินอิ่งดังขึ้น

นิ่งซวนเป็นคนโทรมา

แววตาหลินอิ่งเป็นประกาย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset