ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 506 คนตระกูลฉู่มา

“เหอะ” สวีจิ่วหลิงจับหนวด ทำเสียงเย็นชา “ไอ้เด็กหลินอิ่งนั่นคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง ทำอะไรตามใจชอบในตี้จิง หลายตระกูลใหญ่ก็ไม่พอใจในวิธีการกระทำของเขา ฉันบริหารกิจการอยู่ในตี้จิงหลายสิบปีแล้ว ทุกด้านทุกคนใครบ้างที่กล้าไม่ไว้หน้า? ครั้งแล้วครั้งเล่าที่หาเรื่องมาถึงหัวตระกูลสวี ครั้งนี้ ฉันจะให้ชื่อตระกูลฉีถูกลบล้างให้ได้”

สวีจิ่วหลิงรู้ถึงความสามารถของหลินอิ่ง เป็นการตัดสินใจที่ลำบากมาก ไม่เพียงเตรียมตัวใช้อำนาจลึกลับของตระกูลสวี ต้องทำหลินอิ่งให้ตายในครั้งเดียว ไม่ให้เหลือปัญหา

“ดีดีดี คุณท่านสวียังคงแข็งแกร่ง ราศีนี้ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ” กงจิ่วพูดประจบ

“คุณท่านสวี ในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว ผมก็พูดกับท่านโดยตรงเลย เรื่องการฆ่าหลินอิ่งนั้น ทางคนของผมวางแผนการเรียบร้อยแล้ว ท่านแค่ประกาศในตี้จิง ให้อำนาจแต่ละด้านไม่กล้าเคลื่อนไหว ค่อยๆจัดการอำนาจโลกแห่งความมืดในตี้จิงของหลินอิ่งทีละก้าว”

“อีกอย่าง อีกสามวัน ฉีเวิ่นติ่งต้องตายแน่นอน ถึงเวลาข่าวนี้ออกไป ตี้จิงต้องสะเทือน” กงจิ่วพูด้วยสายตาโหดเหี้ยม “ในวันงานศพของฉีเวิ่นติ่ง ตระกูลสวีก็เข้าไปกดดันได้เลย ผมจะคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง แค่ลงมือ ต้องทำให้หลินอิ่งรับมือไม่ทัน ทำให้รากฐานของเขาในตี้จิงล่มสลายทันที”

“คุณท่านฉีตาย เครือข่ายความสัมพันธ์ทั้งหมดที่ตระกูลฉีมีก็จะถูกตัดขาด แล้วท่านก็ออกมากดดันตระกูลฉี ผู้มีอำนาจแต่ละด้านต้องคอยดู และไม่กล้าออกหน้าแทนตระกูลฉี หลินอิ่งถึงแม้อำนาจใหญ่โต แต่ไร้ความสัมพันธ์ในตี้จิง ถึงเวลาตัวคนเดียวก็ทำอะไรไม่ได้” กงจิ่วพูดอย่างเชื่องช้า ท่าทางเหมือนชัยชนะอยู่ในกำมือ

“จบสิ้นตระกูลฉี กิจการที่เหลือไว้ ตระกูลสวี ผม ชีซิงกรุ๊ป แยกกันครอบครองอาณาจักรใต้หล้า”

ได้ยินแล้ว สวีจิ่วหลิงหรี่ตาเล็กน้อย พูดว่า “ดูแล้วคุณกงเตรียมมาอย่างเพียบพร้อมแล้ว ผมไม่มีข้อคิดเห็น คุณควบคุมจัดการก็พอ มีเรื่องไหนที่ต้องใช้ตระกูลสวี ก็พูดได้เลย ในเมื่อผมตัดสินใจแล้ว ก็จะทำทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้แน่นอน”

“ได้ ถ้าเช่นนั้นก็รอข่าวเรื่องการตายของฉีเวิ่นติ่งได้เลย” ในสายตากงจิ่วเต็มไปด้วยความมั่นใจ

คนของตระกูลสวีที่นั่งในนี้ ใบหน้าของทุกคนต่างก็แสดงท่าทางตื่นเต้น

ครั้งนี้ คุณชายอิ่งแห่งตี้จิงที่ไม่มีใครเทียบได้ อาจจะล้มภายใต้การร่วมมือของตระกูลสวีทั้งสามฝ่าย

ในใจของพวกเขาทุกคน เริ่มคิดถึงสถานการณ์การแบ่งแยกธุรกิจของตระกูลฉีแล้ว

ต้องรู้ว่า เดิมแล้วตระกูลฉีก็ร่ำรวยเหนือประเทศแล้ว หลังจากที่หลินอิ่งกลับสู่ตี้จิงแล้ว ก็ยึดครองตระกูลเหวิน จัดการทรัพยากรทั้งหมดในวงการธุรกิจ ขยายใหญ่โตอีกไม่รู้กี่เท่า

แม้กระทั่ง ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลนิ่งก็อยู่ในการควบคุมของหลินอิ่ง

อำนาจเงินทองและทรัพย์สินในมือของคนคนนี้ไม่รู้ว่ามากมายใหญ่โตขนาดไหน ยากที่จะคาดการได้จริงๆ

ฆ่าล้างหลินอิ่ง ผลดีที่จะได้รับ สามารถทำให้ตระกูลสวีขึ้นถึงจุดสุดยอดของประเทศหลุงได้เลย ทุกคนของตระกูลสวีต้องได้รับผลประโยชน์อย่างไร้ที่สิ้นสุด

……

วันที่สอง

ตี้จิง สนามบินนานาชาติเขตจงเทียน

หยูจื๋อเฉิงพาชายหนุ่มชุดสูทสิบกว่านาย และนำขบวนรถเพื่อมารับที่สนามบิน

ฉู่สงซานและคนตระกูลฉู่ลงจากเครื่องบิน ก็ถูกรับไปที่โรงแรมจงเทียน

นี่ก็คือสถานที่หลินอิ่งนัดกับฉู่สงซาน

โรงแรมจงเทียน ถูกเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว มีเพียงชายหนุ่มชุดสูทแต่ละนายยืนประจำอยู่บนทางเดิน

ชั้น28 ห้องโถงใหญ่ที่หรูที่สุด

หลินอิ่งนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะรับรอง สีหน้าเคร่งเครียด นิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ

หลี่ผูและหัวหน้ายืนอยู่ข้างหลัง สีหน้ารอคอยและเคร่งเครียด

พวกเขาสองคนรู้แล้ว หลินอิ่งเชิญคนของตระกูลฉู่แห่งเตียนหนานมา เอายาที่สามารถช่วยชีวิตของคุณท่านฉี

พูดตามตรง นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเขา

ว่าหลินอิ่ง จัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นการต้อนรับ

ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพอย่างที่สุด ต่อตระกูลฉีแล้ว

ต้องรู้ว่า ตอนงานเลี้ยงของตระกูลนิ่ง คนใหญ่คนโตมากมายในตี้จงจะเข้ามา หลินอิ่งก็ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาในการพบหน้าเลย

เสียงติ๊ดติ๊ดสองครั้ง โทรศัพท์ดังขึ้น

หลินอิ่งแววตากะพริบ รับโทรศัพท์

“ฮัลโหล ประธานหลิน ผมลงจากเครื่องแล้ว ดอกโคมเอามาแล้ว” ในโทรศัพท์ เป็นเสียงอันหนักแน่นของฉู่สงซาน

“ได้ ประธานฉู่ ครั้งนี้ต้องรบกวนคุณแล้ว ต่อจากนี้ เรื่องของคุณ ก็คือเรื่องของผม” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง

“ผมอยู่สถานที่นัดหมาย รอคุณอยู่ที่โรงแรมจงเทียน หยูจื๋อเฉิงจะรับคุณมาเอง”

“ผมรู้แล้ว ประธานหลิน ผมโทรหาคุณ เพื่อทักทายคุณก่อน คุณท่านตระกูลผมฝากคำพูดมาด้วย แล้วก็ครั้งนี้พี่ใหญ่ของผมฉู่หยุนซานก็มาด้วย คุณท่านเอาดอกโคมให้เขาเป็นคนรักษา เขาค่อนข้างมีข้อคิดเห็นในตัวประธานหลิน ค่อนข้างเอาใจยากหน่อย เดี๋ยวในงานเลี้ยง ต้องให้ท่านรับมือดีๆหน่อย” ฉู่สงซานพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“ได้ ประธานฉู่ ผมเข้าใจความหมายของคุณแล้ว เรื่องนี้ ต้องรบกวนคุณแล้วจริงๆ” หลินอิ่งพูดอย่างจริงจัง

“ไม่ต้องเกรงใจ พบหน้ากันแล้วค่อยคุยรายละเอียด”

วางสายแล้ว แววตาหลินอิ่งก็ค่อยๆเฉียบคมขึ้น

ยาเอามาแล้ว แต่อยู่กับพี่ใหญ่ของตระกูลฉู่ที่มาด้วยกัน? คุณท่านตระกูลฉู่ยังฝากคำพูดมาด้วย?

เห็นได้ชัดว่า เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย

หลินอิ่งรู้ดี คนเจ้าเล่ห์รอบคอบอย่างฉู่จี้ชัง ทุกการกระทำต่างก็มีความหมายลึกซึ้ง

ถึงแม้ฉู่สงซานจะไม่ได้พูดอย่างละเอียด แต่ว่าหลินอิ่งรู้สึกได้ว่า ฉู่จี้ชังต้องยื่นข้อเสนอที่ทำให้คนลำบากใจแน่นอน

ก่อนหน้านี้หลินอิ่งกับฉู่สงซานคุยโทรศัพท์กัน รู้แล้วว่าฉู่จี้ชังไม่รับค่าชดเชยใดๆจากเขาทั้งนั้น

คนคนหนึ่งที่ไม่เอาเงิน สิ่งที่ต้องการนั้น ต้องใหญ่โตพอสมควร

ไม่รู้ว่าในใจคุณท่านฉู่นั้นคิดอะไรอยู่

แต่ไม่ว่ายังไง ยามาถึงตี้จิงแล้ว คุณปู่มีทางรักษาแล้ว ไม่ว่าข้อเสนอใดๆ เขาต้องได้ดอกโคมมาให้ได้

ยี่สิบนาทีผ่านไป

โรงแรมจงเทียน หน้าโรงแรม มีรถเบนท์ลี่ย์จอดเรียงกันเป็นคันๆ

ท่ามกลางการปกป้อง ฉู่สงซาน ฉู่หยุนซาน ต่างก็พาคนติดตามเดินเข้าไปในโรงแรมจงเทียน

ไม่นาน คนทั้งกลุ่มก็ขึ้นไปถึงห้องรับรองชั้น28

“ประธานฉู่ทั้งสอง เดินทางมาไกล อย่างเหน็ดเหนื่อย ลำบากทั้งสองท่านแล้ว เชิญนั่ง”

หลินอิ่งลุกขึ้นต้อนรับ พูดอย่างเกรงใจ

“ฮาฮาฮา ประธานหลิน เกรงใจเกินไปแล้ว ต่างก็เป็นเพื่อนเก่าแก่กันแล้ว ตามสบาย” ฉู่สงซานตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“คุณก็คือหลินอิ่ง?” ฉู่หยุนซานขมวดคิ้ว สังเกตดูหลินอิ่ง

“ผมเคยได้ยินเรื่องของคุณ ประสบความสำเร็จแต่เด็ก แต่ว่า คุณเชิญคนตระกูลฉู่ของเรามา ไม่ไปรับที่สนามบินเอง สั่งลูกน้องไปรับก็จบเรื่อง?” ฉู่หยุนซานพูดอย่างยโส แววตามั่นใจมาก

ได้ยินแล้ว สีหน้าของฉู่สงซานก็เปลี่ยนเล็กน้อย หัวหน้าและหลี่ผู ก็หน้าเปลี่ยนเล็กน้อย

“เหอะ ประธานฉู่พูดอารมณ์ขันแล้ว ผมมีธุระด่วนต้องจัดการ เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ผมต้อนรับได้ไม่ดี หวังว่าจะไม่ถือสา”

สีหน้าหลินอิ่งไม่มีอารมณ์แปรปรวนใดๆ พูดอย่างเรียบเฉย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset