ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 571 ยอดฝีมือประลองฝีมือ

เย่เฮยและหวงชิงซานสีหน้าเย็นชา จ้องมองคนต้าเหอสองคนที่ใส่หน้ากากผี

“พูดมา พวกแกเป็นใคร?”คนต้าเหอใส่หน้ากาก พูดด้วยสายตาโหดเหี้ยม

เย่เฮยรักษาความสงบ ดูเหมือนว่ากำลังสังเกตพฤติกรรมของคนต้าเหอพวกนี้

คนต้าเหอชุดดำประมาณสิบกว่าคน ในมือทุกคนต่างก็ถือมีดยาวคมกริบไว้ บนมีดนั้นมีรอยแกะสลักรูปดอกเบญจมาศอย่างประณีต

“ผู้ปกปักรักษาสองคนจากสำนักยุทธเชียน รหัสชื่อว่า จั่วฉวน จั่วซง?”หวงชิงซานเปิดปากพูด มองทั้งสองอย่างเย็นชา

“อือ?”จั่วฉวนแววตาประกายเย็นชา ส่อแววสังหาร

“แกรู้รหัสชื่อของพวกเรา? น่าสนใจ”จั่วฉวนดูเหมือนเริ่มสงสัย พูดอย่างคาดเดา “พวกแกเป็นคนแก๊งหยางเหมิน?”

“แก๊งหยางเหมินของพวกแกทำเรื่องของเราพังตั้งแต่เมืองเกาหยาง ทำไม ยังกล้ามาไล่ฆ่าพวกเราอีก?”จั่วซงก็พูดอย่างเย็นชา

จั่วซงและจั่วฉวน ทั้งสองต่างก็เป็นผู้นำระดับสูงในประเทศหลุงของสำนักยุทธเชียนแห่งประเทศต้าเหอ ระดับผู้ปกปักรักษารองมาจากผู้นำกงจิ่ว

เข้าร่วมการจัดวางแผนการสำคัญระดับใหญ่หลายอย่าง

เพราะฉะนั้น วินาทีที่ถูกเย่เฮยไล่ฆ่ามาถึงที่

สิ่งที่พวกเขาเชื่อมโยงได้ก็คือ แก๊งหยางเหมิน

เพราะความขัดแย้งในตระกูลกงซุนมณฑลเกาหยาง สำนักยุทธเชียนถลำลึกเกินไป เคยปะทะกันซึ่งๆหน้ากับแก๊งหยางเหมิน จึงมีความบาดหมางกัน

อีกอย่าง แก๊งหยางเหมินรู้รากฐานเบื้องหลังของสำนักยุทธเชียน รู้รหัสชื่อของพวกเขาสองคน

นอกจากนี้แล้ว อำนาจลึกลับอื่นในประเทศหลุงก็ไม่มีใครว่างจนไม่มีอะไรทำ ไล่ฆ่ามาหาเรื่องถึงที่

“เหอะ แกค่อยๆเดาไปละกัน”

เย่เฮยก็หัวเราะเย็นชา แล้วโบกมือแรง ทันใดนั้น ลูกน้องผู้เก่งกล้าทั้งหลายที่อยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้าไป

“ไอ้สารเลว รนหาที่ตาย”

จั่วฉวนตะโกนด่า โบกมือเช่นกัน คนต้าเหอถือมีดลายเบญจมาศหลายคนที่อยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้าไปดั่งเงามืด

เสียงฮวั๊ก ลูกน้องของทั้งสองฝ่าย ปะทะกันซึ่งๆหน้า

ภายในสถานที่นั้นเห็นเพียงเงาร่างสิบกว่าร่างปะทะกันไปมา ทั้งแสงมีดเงาดาบ แรงสังหารอันน่ากลัว

ส่วนจั่วซงและจั่วฉวน ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย

เย่เฮยและหวงชิงซาน ก็ไม่ได้ละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว จ้องคนต้าเหอทั้งสองตาไม่กะพริบ

การแข่งขันของยอดฝีมือก็คือแบบนี้

พวกเขาต่างก็รอเวลา ค้นหาช่องโหว่ของฝ่ายตรงข้าม ก็เหมือนสถานการณ์ก่อนสิงโตล่าเหยื่อ รอแค่เวลาลงมือ กระโจมฆ่าเหยื่อในเสี้ยววินาที

ผ่านไปครู่หนึ่ง

ผ่านไปประมาณสามนาที

จั่วฉวนและจั่วซงจับฝักมีดไว้ ทนรอไม่ไหวแล้ว จังหวะลมหายใจก็เปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น

“ท่านปู่หวง ท่านจัดการคนฝั่งขวา ผมจัดการคนฝั่งซ้าย”

เย่เฮยพูดอย่างจริงจัง

วินาทีที่พูดจบ

ร่างของเย่เฮยพุ่งเข้าไปเหมือนดั่งลมกระโชก ออกมือทั้งสองข้าง ท่าทางราวกับล่าฆ่าเสื้อผู้ดุร้าย ระหว่างการเปลี่ยนหมัดเหมือนดั่งพายุสะเทือน อากาศแผดเสียงก้อง เสียงดังกึกก้อง

กริ๊งกริ๊งตั๊กตั๊ก

จั่วฉวนสะบัดมีดลายเบญจมาศออกมา ตวัดมีดออกไปแต่ละทีก็เป็นแสงอันแรงกล้า ฟันลงไปที่ถุงมือเย่เฮย แม่นยำและโหดเหี้ยม

ทั้งสองปะทะกัน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิดนั้นแสงไฟระยิบขึ้นมาทันที และยิ่งมีเสียงการกระทบกันของโลหะไม่ขาดสาย

อีกด้านหนึ่ง หวงชิงซานกำลังปะทะอยู่กับจั่วซง

สิ่งที่หวงชิงซานใช้คือฝ่ามือมีดและหมัด วิชาหมัดอันหนักหน่วง ฝ่ามือมีดอันดุเดือด กลับสามารถใช้เนื้อหนังปะทะกับมีดลายเบญจมาศอันคมกริบในมือของจั่วซง เห็นได้ว่าวิชาความสามารถนั้นแน่นหนาขนาดไหน

แค่ครู่เดียว ยอดฝีมือทั้งสี่สู้ฟันกัน ร่างเคลื่อนไหวไปๆมาๆไม่อยู่กับที่ ภายในอาคารร้าง ชนผนังคอนกรีตและละด้านพังโดยไม่ตั้งใจ เหยียบพื้นคอนกรีตบนพื้นจนแตก

เวลาเดียวกัน

ภายในอาคารร้างแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปร้อยเมตร ภายในชั้นใดชั้นหนึ่ง คนที่สายตาดี เห็นการปะทะฝีมือระหว่างเย่เฮยและจั่วฉวนพอดี

ภายในชั้นนั้น มีชายหนุ่มในชุดคอจีนยืนเรียงกันประมาณสิบกว่าคน ตรงกลางมีเก้าอี้ปรมาจารย์วางอยู่ตัวหนึ่ง

จ้าวเฉิงเฉียนใส่ชุดคอจีนสีขาว ในมือจับแก้วน้ำชา หรี่ตาดูสถานการณ์การสู้รบในที่ไกล

ข้างกายเขา ยังมีหม่าผิงชวนและเผยหวูหมิง

“นายน้อย คนของหลินอิ่งและผู้ปกปักรักษาสองคนของสำนักยุทธเชียน ประมือกันแล้ว หลินอิ่งเจ้าตัวไม่ได้แสดงตัว”หม่าผิงชวนวางกล้องโทรทรรศน์กลางคืนสำหรับทหาร รายงานอย่างจริงจัง

จ้าวเฉิงเฉียนแววตากะพริบอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “ละแวกนี้สำรวจชัดเจนแล้วใช่ไหม? แน่ใจว่าหลินอิ่งไม่ได้นั่งบัญชาการในเหตุการณ์?”

“สำรวจชัดเจนแล้วครับ”หม่าผิงชวนพูดอย่างจริงจัง “ดูสถานการณ์แล้ว หลินอิ่งไม่ได้มาด้วยซ้ำ มอบหมายงานให้ลูกน้องสองคนทำอย่างไว้ใจ”​

“มั่นใจขนาดนี้เหรอ จัดการกับผู้ปกปักรักษาสองคนที่ความสามารถแข็งแกร่งของสำนักยุทธเชียน เจ้าตัวไม่มาดูแม้แต่นิดเดียว?”จ้าวเฉิงเฉียนจีบน้ำชาไปคำหนึ่ง พูดอย่างใจเย็น

“เพิ่งปะทะฝีมือกัน ดูสถานการณ์แล้ว ลูกน้องสองคนของหลินอิ่ง ไม่ได้แพ้คนต้าเหอพวกนั้นเลย ฝีมือยังอยู่เหนือกว่าด้วยซ้ำ”หม่าผิงชวนพูดด้วยสีหน้าจริงใจ

“เหล่าหม่า ถ้าหากให้คุณกับเผยหวูหมิงไปจัดการจั่วฉวนและจั่วซง พวกคุณมีความมั่นใจในชัยชนะแค่ไหน?”จ้าวเฉิงเฉียนถามอย่างเคร่งขรึม

“นี่…….นายน้อย ถ้าหากผมและเผยหวูหมิงต้องใช้ความสามารถทั้งหมดล่ะก็ หากพูดว่าเปอร์เซ็นต์ชัยชนะ พวกเรามีเปอร์เซ็นต์ชนะหกสิบ คนต้าเหอสองคนนี้สี่สิบ”หม่าผิงชวนพูดวิเคราะห์ “น่าจะไล่เลี่ยกัน”

“แต่ว่า พวกเราสองคนไม่มีความมั่นใจว่าจะจับตัวคนต้าเหอสองคนนี้ไว้ได้ สองคนนี้ถึงจะสู้ไม่ไหว ก็สามารถเอาตัวรอดต่อหน้าเราสองคนได้”หม่าผิงชวนพูดอย่างจริงจัง “ถ้าหากนายน้อยท่านลงมือเอง นั่นก็จัดการได้อย่างง่ายดาย”

จ้าวเฉิงเฉียนไม่ได้รับคำ จ้องมองสถานการณ์การสู้รบ จับแก้วน้ำชาไว้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“นายน้อย ความจริงผมไม่เข้าใจการกระทำของหลินอิ่ง เขายอมแบ่งผลประโยชน์ของเมืองเทคโนโลยีเทียนหลง มาแลกเปลี่ยนกับข่าวกรองในมือนายน้อย แต่ทำไมหลังจากได้รับข่าวกรองแล้ว ก็ลงมืออย่างรีบร้อนแบบนี้?”เผยหวูหมิงพูดอย่างไม่เข้าใจ “ถ้าหากไม่สามารถจับตัวจั่วฉวนสองคนนี้ได้ ให้พวกเขาหนีไปได้ นั่นไม่ใช่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือ?”

จ้าวเฉิงเฉียนหัวเราะ พูดว่า “นี่ก็เป็นจุดที่ผมสงสัยเหมือนกัน”

“เท่าที่ฉันรู้จักหลินอิ่ง คนคนนี้ไม่เคยทำเรื่องที่ไม่จำเป็น และไม่ทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ”จ้าวเฉิงเฉียนพูดอย่างจริงจัง “เขากล้าให้คนข้างกายลงมือ นั่นก็หมายความว่า มีความมั่นใจเพียงพอในตัวสองคนนี้”

“เพราะฉะนั้น ฉันสงสัยมาก ว่าสองคนนี้มีเบื้องหลังความเป็นมายังไง”​

“ก็ใช่……นายน้อยพูดถูก”หม่าผิงชวนพูดอย่างคิดอะไรอยู่ “แต่ว่าต้องมีความมั่นใจอย่างเด็ดขาด ในการจับตัวจั่วฉวนสองคนนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินสองคนกระมัง?”

“เมื่อกี้ผมสังเกตอยู่สักพัก ดูเบื้องหลังวิชาการต่อสู้ของสองคนนี้ไม่ออกเลย วิชาของทั้งสองไม่เหมือนกันเลย น่าจะไม่ได้มาจากสำนักเดียวกัน”หม่าผิงชวนพูดวิเคราะห์ “ส่วนยอดฝีมือระดับรายการดินขึ้นไป คนที่มีชื่อในรายการ ผมล้วนศึกษามาหมดแล้ว โดยพื้นฐานแล้วสามารถตัดสินเบื้องหลังวิชาการต่อสู้ได้”

“แต่ว่าสองคนนี้ ผมดูล่องลอยไม่ออกเลยแม้แต่น้อย”หม่าผิงชวนถอนหายใจพูด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset