ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 650 ฆ่าแกทิ้งก็หมดปัญหาแล้วนี่

กู่ชางไห่ที่รับมือกับนายพลงูที่นำทีมองครักษ์มังกรดำ สู้กันจนสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว

การต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ฝีมือไม่ธรรมดา หัวกะทิองครักษ์มังกรดำที่สวมใส่ถุงมือเงิน กู่ชางไห่ก็โจมตีอย่างไม่ลังเล ซัดฝ่ามือออกไปอย่างต่อเนื่อง ทุกๆ ฝ่ามือต่างก็โจมตีโดนตัวขององครักษ์มังกรดำเข้าอย่างจัง

“เอื้อกอ้า!”

จากการโจมตีเพียงไม่นาน องครักษ์มังกรดำสิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามาก็ถูกกู่ชางไห่ซัดถอยกลับไปจนหมด โดนโจมตีจนลอยออกไปพร้อมกับเลือดที่กลบปาก ล้มนอนกับพื้นแล้วแน่นิ่งไป

ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่หัวกะทิหลายคนที่ต้องการลอบทำร้ายจางฉีโม่จากทางด้านหลัง ก็ถูกกู่ชางไห่กระชากแล้วทำลายแขนขาไปทันที แล้วซัดฝ่ามือใส่จนร่างปลิวกระเด็นออกไป

ส่วนทางด้านของนายพลงู ที่ตั้งใจจะสังหารกู่ชางไห่ทีเผลอ โดยการสับมือลงมาจากด้านบน จนก่อให้เกิดเสียงลมที่ดังกึกก้อง

แต่ด้วยความที่ร่างกายยังเจ็บหนักอยู่ จึงทำให้ความรุนแรงและความเร็วที่โจมตีออกไปนั้นช้าลงไปบ้าง ถูกกู่ชางไห่มองออกในทีเดียว จึงได้สวนฝ่ามือกลับไปทันที

เสียงตูมดังขึ้น

ฝ่ามือของทั้งคู่ปะทะเข้าด้วยกัน นายพลงูต้านทานไม่ไหว ถูกซัดจนถอยหลังไปสิบกว่าเมตร โซเซไปหลายทีการหายใจก็ดูขัดข้อง

เห็นได้ชัดว่า การที่นายพลงูที่ถูกหลินอิ่งเล่นงานจนเจ็บหนักอยู่แล้วต้องมารับมือกับกู่ชางไห่นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่หนักหนาเอาการเลย

หลังการประมือกันครั้งหนึ่ง

ยอดฝีมือระดับรายการแห่งดินที่แก่ชราอย่างกู่ชางไห่นั้น ถึงจำนวนคนจะน้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบเลยสักนิด

เขานั้นเป็นเหมือนกำแพงอันแข็งแกร่ง ที่คอยปกป้องจางฉีโม่อยู่ด้านหน้า ทำให้พวกยอดฝีมือหัวกะทิไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้

“แกตาแก่ แกเองก็พอมีดีอยู่บ้างนี่” นายพลงูพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น พร้อมกับจ้องมองกู่ชางไห่ด้วยสายตาที่เหี้ยมโหด

คนแซ่กู่คนนี้ ช่างเป็นปัญหาที่ใหญ่จริงๆ

ฝีมืออยู่ในระดับเริ่มต้นของรายการแห่งดิน ถ้าเป็นสถานการณ์ทั่วไป ก็เป็นได้แค่ตัวประกอบที่ไร้ค่าสำหรับเขาเท่านั้น

ถ้าเป็นนายพลงูที่ไม่ถูกหลินอิ่งเล่นงานจนเจ็บหนัก มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถจัดการกู่ชางไห่ได้ภายในสามสิบกระบวนท่า เล่นงานจนอีกฝ่าเจ็บหนักปางตาย

แต่ว่าตอนนี้ กลับถูกตัวประกอบที่ไร้ค่าแบบนี้มาขวางภารกิจที่สำคัญของเขาซะได้!

“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าแกจะสามารถปกป้องผู้หญิงคนนี้ได้นานแค่ไหน? ในการรับมือกับคนหมู่มาก แกเองจะมีกำลังเท่าไหร่ให้ใช้กัน?” นายพลงูพูดติดๆ ขัดๆ ด้วยความโมโห

“เข้าไปพร้อมกัน ถึงแม้วันนี้ต้องลากยาวก็ต้องเอามันให้ตายให้ได้!”

พอนายพลงูออกคำสั่ง พวกหัวกะทิองครักษ์มังกรดำที่ถูกเล่นงานจนเจ็บหนักต่างพากันกินยาลูกกลอนลงไปหนึ่งเม็ดเป็นเหมือนยาที่ทำให้สามารถลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ

ไม่นาน คนเหล่านี้ก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้าใส่กู่ชางไห่ด้วยร่างกายที่เปียกโชกไปด้วยเลือด ราวกับไม่กลัวตายเลยสักนิด

หลังจากที่กินยาเข้าไป แววตาของพวกเขาทุกคนก็ดูบ้าคลั่งขึ้นมา สีหน้าก็ดูบิดเบี้ยว ราวกับสายตาของหมาป่าที่เห็นแสงสีเขียว

ภาพที่เกิดขึ้น ทำให้จางฉีโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกับขมวดคิ้ว พร้อมกับความรู้สึกที่ร้อนรนขึ้นมา

กู่ชางไห่ก็ขมวดคิ้วเบาๆ เหมือนกัน แววตาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา

“คุณนายหลินครับ คุณไม่ต้องร้อนใจ มีข้าน้อยอยู่ด้วย ข้าน้อยจะไม่มีทางปล่อยให้คุณเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียวครับ”

พูดจบ กู่ชางไห่ก็เตะขาออกไป ชุดกี่เพ้าที่สวมใส่ได้พองขึ้นและสั่นไหวจากลมปราณที่ปล่อยออกมา

ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็พุ่งออกไปราวกับลูกธนูที่มาพร้อมกับพลังการทำลายล้างที่มหาศาล แล้วเข้าไปตะลุมบอนกลับกลุ่มชายหนุ่มชุดดำ

……

ในเวลาเดียวกัน

ยอดภูเขาเจียงเยว่ ใจกลางสนามต่อสู้

การต่อสู้ระหว่างหลินอิ่งกับท่านมังกรดำนั้น ดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ

พื้นที่ภายในรัศมีร้อยเมตร ได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ราวกับพื้นที่ที่ เคยถูกระเบิดกวาดล้างมาก่อน ดูเละไม่เหลือชิ้นดี มันช่างร้ายแรงจนไม่น่าดูเลย

ท่ามกลางฝุ่นควันที่ลอยคลุ้ง ร่างกายที่เด่นสง่าของทั้งคู่ กำลังเข้าปะทะกันอยู่

ชายสองคนนี้ ได้สู้กันตั้งแต่พื้นราบขึ้นไปจนถึงบนเนิน แล้วไปจนถึงยอดเขา

พื้นดินแตกร้าวเป็นทาง รอบด้านมีแต่หุบเหวที่เละเทะ หลุมบ่อมากมายที่พังทลายไป

สีหน้าของท่านมังกรดำยังคงเดิม แววตาสงบแต่แน่วแน่ สัมผัสอะไรจากสีหน้าไม่ได้เลย ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อกี้เขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดขนาดนั้นมา

ห่างออกไปร้อยเมตร เขาจ้องมองไปยังหลินอิ่งจากที่ไกลๆ แบบนี้ ไม่ขยับเขยื้อน

หลินอิ่งทำหน้าไม่สุขไม่ทุกข์ สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตได้ถูกเก็บซ่อนไปนานแล้ว เหมือนกับบ่อน้ำที่ไม่มีการเคลื่อนไหว สงบแต่ก็ลึกซึ้ง

“หลินอิ่ง แผนของเจ้าใช้ได้เลย ที่สามารถจัดหายอดฝีมือระดับรายการแห่งดินจากมณฑลตุงไห่มาช่วยได้ทัน……” ท่านมังกรดำพูดออกมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงที่พูดออกมาก็สัมผัสถึงอารมณ์เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย

“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรเหรอ? เจ้าคิดว่าการถ่วงข้าไว้ในคืนนี้แล้วฉวยโอกาสช่วยคนรักของเจ้าไป แล้วเรื่องนี้มันก็จะจบลงอย่างนั้นเหรอ?”

“ถ้าเจ้าไม่ยอมส่งเคล็ดลับของแก๊งมังกรออกมา สิ่งที่เจ้าต้องเจอ ก็คือการไล่ล่าที่ไม่หยุดหย่อน……”

“ตอนนี้ มีแค่ตัวข้าคนเดียวที่มาเจรจากับเจ้าดีๆ เมื่อไหร่ที่ข้อมูลของเจ้าถูกแพร่เข้าไปในแวดวงลึกลับ ตอนนั้นมันจะร้ายแรงแค่ไหน แค่คิดเจ้าก็น่าจะรู้แล้ว”

ท่านมังกรดำพูดออกมาอย่างช้าๆ พร้อมกับจ้องมองหลินอิ่งด้วยความสงบ

มุมปากของหลินอิ่งแย้มขึ้น และขำออกมาเบาๆ

“ถ้าคุณไม่สนใจจริง แล้วทำไมเมื่อกี้ คุณถึงพยายามสุดชีวิตเพื่อปลีกตัวออกไปจากผม เพื่อที่จะไปหยุดยอดฝีมือที่ผมส่งมาช่วยตัวประกันล่ะ?”

“คุณรู้สึกร้อนใจแล้ว ใช่มั้ย?”

“ถ้าไม่มีตัวประกันมาข่มขู่ผม คุณก็สูญเสียความมั่นใจที่จะต่อสู้กับผมแล้ว”

หลินอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ท่านมังกรดำหัวเราะออกมา พร้อมกับจ้องมองหลินอิ่งด้วยสายตาที่เหยียดหยาม

“ตัวข้าแค่ไม่อยากทำให้เรื่องมันยุ่งยากเท่านั้น ถ้าไม่มีตัวประกัน การจะทำให้แกยอมส่งเคล็ดลับของแก๊งมังกรออกมาก็จะยากมาก”

“แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่โตอะไร

“จำเป็นแกให้ได้ แล้วปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายเอง”

ท่านมังกรดำพูดออกมาด้วยความมั่นใจ แต่ในความเป็นจริงนั้น เขากลับไม่กล้าประมาทใส่หลินอิ่งเลย

หลังจากที่ได้ประมือกันแล้ว เขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ กลัวจะเผยให้เห็นช่องโหว่

การสู้กันระหว่างยอดฝีมือ แค่ช่องโหว่เล็กๆ ก็อาจทำให้ถึงตายได้

ระดับบูโดของหลินอิ่งในตอนนี้ มันดูไม่ออกเลยสักนิด

ในใจของท่านมังกรดำถึงขั้นสงสัยและสั่นคลอน ว่าหลินอิ่งนั้นกำลังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอจริงใช่มั้ย?

หลินอิ่งที่อยู่ในระยะวัฏจักร กลับสามารถต่อกรกับเขาที่อยู่ในช่วงพีคๆ ได้อย่างสูสี มิหนำซ้ำยังสามารถทำให้เขารู้สึกถึงความอันตรายได้

“จะจับเป็นผมอย่างนั้นเหรอ?”

หลินอิ่งส่ายหน้าหลายครั้ง แล้วพูดไปว่า “คุณคาดการมามากมายขนาดนี้ แต่การคาดการถึงความสามารถของผมไม่ได้”

“คุณคิดไปเองว่าสืบรู้เรื่องระยะวัฏจักรของผม”

“แต่คุณก็ไม่รู้ว่า ผมที่อยู่ในระยะวัฏจักรนั้นมีความแข็งแกร่งถึงขนาดไหน?”

คำพูดนี้ ได้จี้ใจดำท่านมังกรดำเข้าอย่างจัง

นี่แหละคือสาเหตุที่เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ความสามารถของหลินอิ่งนั้นลึกเหมือนน้ำในมหาสมุทร

ถึงแม้รังสีที่ส่งออกมาจะดูไร้กำลังและอ่อนแอ แต่กลับมาจากการโจมตีที่รุนแรงมาก

สภาพขอหลินอิ่งในตอนนี้ ก็ยังสามารถกำราบยอดฝีมือระดับรายการแห่งฟ้าได้อยู่ดี!

“อย่าบีบให้ข้าต้องใช้ไพ่ตายนะ เดียวมันจะหยุดไม่อยู่”

ท่านมังกรดำพูดออกมาอย่างช้าๆ

“ถ้าต้องการสู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง แล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อะไร?”

“ข้านั้นได้กุมข้อมูลทั้งหมดของเจ้าไว้ แค่ทำอะไรนิดหน่อย ก็สามารถทำให้ทุกคนในแวดวงลึกลับตามฆ่าเจ้าได้เลย”

“ถ้าจะพูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ ข้าจะเอาข้อมูลของเจ้าไปบอกอาจารย์กู้ต้า พวกระดับสูงของแก๊งมังกรลงมติ แล้วปรมาจารย์รายการแห่งฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะตามไล่ล่าเจ้า ทำให้เจ้าไม่มีที่ให้ยืนในประเทศหลุง นั้นคือบทสรุปที่เจ้าอยากได้รึเปล่า?”

“ต่อให้คืนนี้ข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปอย่างปลอดภัย แล้วหลังจากนี้เจ้าจะเอาอะไรไปรับมือกับฝนที่ตกมาเป็นสายเลือดอย่างนั้นเหรอ?”

“ยอมส่งเคล็ดลับของแก๊งมังกรมาซะ แล้วมาร่วมมือกับข้า มันเป็นทางเลือกทางเดียวของเจ้า”

พูดจบ ท่านมังกรก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง สายตาเป็นประกายเย็นเยือกจ้องมองมาที่หลินอิ่ง รอคอยคำตอบที่จะได้รับ

เขาได้อธิบายสถานการณ์ออกมาอย่างชัดเจนแล้ว

ด้วยสติปัญญาของหลินอิ่ง ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าสถานการณ์นั้นเป็นยังไงแน่นอน

“ที่คุณพูดมามันถูกต้องที่สุด ข้อมูลที่คุณมีอยู่นั้นสามารถทำให้ผมต้องพบเจอกับปัญหาที่ใหญ่โตมโหฬารแน่” หลินอิ่งขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “แต่ว่า การที่ผมมาที่นี่ ก็ไม่คิดจะกลับไปง่ายๆ อยู่แล้ว”

“คืนนี้ แค่ฆ่าคุณให้ตาย มันก็หมดปัญหาแล้วไม่ใช่เหรอ?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset