ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 711 เลือดสาดทั่วตึกชางไห่

สีหน้าหลินเซี่ยวผิดแผกไปหมด รู้สึกถึงความเดือดดาลสุดขีดปนความตลกขบขัน

หลินอิ่งพูดว่าจะฆ่าเขา?

ในสายตาของหลินเซี่ยว หลินอิ่งแค่แกล้งทำเป็นบ้าบอคอแตกเท่านั้น

ตอนอยู่ที่ตี้จิง นั่นเป็นถิ่นของหลินอิ่ง หลินสวนถูทำธุรกิจของหลินอิ่งจนป่นปี้ตีนัง ทั้งยังซ้อมลูกน้องของเขา แต่ที่หลินอิ่งแค่ทำลายมือของหลินสวนถูข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่เพราะกลัวจะล่วงเกินตระกูลหลินแห่งลังยาหรอกหรือ?

ตอนนี้หลินอิ่งมาชางโจวแล้ว มาอยู่ในถิ่นของตระกูลหลิน แล้วยังกล้าคุยโม้ว่าจะฆ่าตนที่เป็นถึงคุณชายสองของตระกูลหลินอีกหรือ?

“หลินอิ่ง ตอนที่อยู่ตี้จิงแกยังไม่กล้าฆ่าหลินสวนถูเลย แต่แกคิดจะฆ่าฉันที่ช่างโจวเนี่ยนะ? ฮะ?” หลินเซี่ยวหัวเราะเย็นชา “ฉันว่าวันนี้แกคงถูกยั่วโมโหจนบ้าไปแล้วแน่ ถึงได้มาไม้นี้”

“ในเมื่อแกไม่คิดไว้หน้าตัวเอง งั้นฉันก็จะช่วยแกเหยียบให้จมไปเลย!”

หลินเซี่ยวพูดอย่างดูถูก แต่ขณะที่เขากำลังจะวาดมือออกไปสั่งให้ผู้อาวุโสทั้งสองจับกุมหลินอิ่งกับซือคงฟู่

เมื่อนั้น การกระทำของหลินเซี่ยวก็หยุดชะงัก ปรากฏความตกใจออกมาจากแววตา

เพราะชายฉกรรจ์ที่ซือคงฟู่พามาด้วยได้ลงมือแล้ว

พวกเขาดึงเทปออกมาอย่างคล่องแคล่ว ขับคนในงานให้ห่างออกมา แล้วเฝ้าอยู่ตามทางเข้าทุกจุด

ตำแหน่งการยืนของพวกเขาดีเยี่ยม ราวกับค่ายกลก็ไม่ปาน ปิดทางออกของทุกคน

“พวกแกทำอะไรน่ะ?!”

ผัวะ!

มีคนตระกูลหลินที่ขัดขืนคิดจะต่อต้าน แต่ก็ถูกชายหนุ่มในชุดคอจีนซัดคว่ำกองอยู่กับพื้น เพียงสองฝ่ามือก็กระเด็นลอย

เมื่อหลินเซี่ยวเห็นภาพนี้แล้วก็หน้าซีดเผือด เขาจับจุดสำคัญหนึ่งได้

หลินเซี่ยวพบว่า ที่ข้อมือชายฉกรรจ์ที่ซือคงฟู่พามามีรอยสักภาพมังกรอยู่

นี่เป็นสัญลักษณ์อันน่าสะพรึง หมายถึงฐานะลึกลับอย่างหนึ่ง

ตอนที่อยู่ในเกาะหวงหลงของนักพรตมังกรเหลืองอาจารย์ของเขา หลินเซี่ยวเคยเห็นข้อมือผู้ติดตามนักพรตมังกรเหลือง ก็มีรอยสักภาพนี้เหมือนกัน

นักพรตมังกรเหลืองเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในมังกรทั้งห้าของแก๊งมังกร ผู้ติดตามคือองครักษ์มังกรเหลืองที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแดน

และภาพภาพนี้ก็คือลักษณะเฉพาะขององครักษ์ห้ามังกรแห่งแก๊งมังกรนั่นเอง!

หลินอิ่งมีแบ็คกราวด์เป็นแก๊งมังกรเลยหรือนี่?! ถึงกับพาองครักษ์มังกรมาถึงชางโจวได้!

นี่เป็นเรื่องที่หลินเซี่ยวคิดไม่ถึง!

อย่างที่เห็น เขาเป็นศิษย์ของนักพรตมังกรเหลือง แต่เขาก็ยังไม่อาจเชิญคนของแก๊งมังกรให้ออกหน้าได้

แล้วหลินอิ่งเป็นใครมาจากไหน ถึงทำให้องครักษ์มังกรมาคุ้มกันได้?!

แต่นี่เป็นองครักษ์มังกรของทางไหนอีกล่ะ?

“บังอาจ! พวกแกจะทำอะไรกัน?! มีคนกล้าเป็นปรปักษ์กับตระกูลหลินที่ชางโจวด้วยเหรอะ?!” เมื่อผู้อาวุโสหลิวเห็นการกระทำของคนกลุ่มนี้แล้วก็โมโหเลือดพล่าน

“อย่าเปลืองน้ำลายไปเลยน่า ชื่อเสียงตระกูลหลินทำให้ผมกลัวไม่ได้หรอก” ซือคงฟู่พูดเนิบ “เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวกับพวกคุณสองคน แอบข้างไปเลย แต่ถ้ายืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ผมจะเล่นเป็นเพื่อนพวกคุณเอง!”

ว่าแล้วซือคงฟู่ก็รวบพัดเก็บ ลุกขึ้นยืนและพาชายหนุ่มที่ดวงตาแหลมคมราวกับใบมีด ขึ้นไปรั้งสองผู้อาวุโสตระกูลหลิน

ต่อสู้กันชุลมุนจนเกิดเป็นเสียงลมหวืดๆ

ระดับบูโดของซือคงฟู่ไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ก็มียุทธ์เป็นเลิศ นำองครักษ์มังกรเขียวสองนามสกัดสองอาวุโสตระกูลหลินได้อย่างง่ายดาย ราวกับเดินทอดน่อง

เมื่อนั้นก็เหลือเพียงหลินอิ่งกับหลินเซี่ยวที่เผชิญหน้ากัน

นัยน์ตาหลินอิ่งเย็นจนถึงจุดเยือกแข็ง ไร้อารมณ์

ส่วนหลินเซี่ยวเมื่อเห็นสถานการณ์เปลี่ยนก็เริ่มร้อนรน

เขาลุกลี้ลุกลน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อที่ถูกจ้อง

“น้องหลินอิ่งเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า? วันนี้เป็นการต้อนรับการกลับมาของเธอนะ อาจมีจุดที่ดูแลไม่ทั่วถึง ไม่เห็นต้องมีใจคิดฆ่ากันขนาดนี้เลยนี่?” น้ำเสียงของหลินเซี่ยวอ่อนลง พูดเสียงเครียด

เขาถูกหลินอิ่งทำให้กลัวแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่าการกระทำวันนี้ผลีผลามเกินไป ไม่น่าบีบหลินอิ่งขนาดนั้นเลย

“ไม่ผิดหรอก ผมจะฆ่าคุณนี่แหละ” หลินอิ่งพูดขึ้นโดยพลัน น้ำเสียงยังคงไร้ซึ่งอารมณ์

“แก…! แกจะบีบกันมากไปแล้วนะ!”

หลินเซี่ยวโมโหเลือดขึ้นหน้า

เขาเป็นถึงคุณชายสองแห่งตระกูลหลิน แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ถูกดูถูกขนาดนี้

“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าวันนี้เลือดที่สาดไปทั่วตึกช่างไห่จะเป็นของแกหลินอิ่ง หรือของฉันหลินเซี่ยว!”

หลินเซี่ยวเริ่มก้าวเท้าก่อนด้วยความโกรธ โครม! แทบสะเทือนไปทั้งชั้น

เขาเลือดขึ้นหน้าเต็มพิกัด ส่งเสียงราวกับฟ้าคำรามออกมาจากตัว มุ่งไปทางหลินอิ่งอย่างกับลมกระโชก

หลินอิ่งสะบัดมือ กางนิ้วทั้งห้าออกราวกับจะจับสายลมกลางอากาศ ความเร็วดุจสายฟ้า

ฟืบ! หลินอิ่งจับร่างหลินเซี่ยวได้จากกลางอากาศ กระชากทีหนึ่ง จากนั้นก็ขับชี่กังอันแข็งกร้าวออกมา

ผัวะ!

หลินเซี่ยวซัดฝ่ามือกลับกระทบกับมือของหลินอิ่ง เมื่อนั้นก็เกิดการปะทะฝ่ามือกันพัลวัน

ทุกฝ่ามือของเขาล้วนมีภาพติดตาลึกลับตามมาด้วย กำลังหนักหน่วงเหลือประมาณ ราวกับจะทำลายภูเขาให้แตกกระจุย

แค่พริบตาเดียวก็ซัดออกไปกว่าสิบครั้งแล้ว

หลินอิ่งรับกระบวนท่าอย่างใจเย็น ออกมือวาดแข้ง รับทุกกระบวนท่าอย่างแม่นยำ

แม้ท่าทางหลินอิ่งจะเชื่องช้า เหมือนดาบหนักไร้คม ใหญ่แต่ไร้ประโยชน์ ทว่าการออกรับแต่ละครั้งกลับบั่นทอนกำลังอันดุเดือดของอีกฝ่าย โจมตีช่องโหว่ของเขา

การประมือสั้นๆ เพียงนาทีเดียว ทั้งสองก็ใช้ไปกว่าร้อยกระบวนท่าแล้ว

หลินเซี่ยวถอยอยู่เนืองๆ ถูกบีบถอยด้นไปด้านหลัง ใบหน้าตึงเครียด

“หลินอิ่ง! กะ แกมองทางบูโดของฉันออกได้ยังไง? แล้วแกเอาองครักษ์มังกรมาตามอารักขาได้ยังไง?” หลินเซี่ยวพูดด้วยสีหน้าที่ตะลึงหนัก

ใช่แล้ว! การประมือเมื่อครู่ หลินเซี่ยวยิ่งสู้ก็ยิ่งหวาดหวั่น

เขาเดาความสามารถของหลินอิ่งไม่ออกเลย

ระดับกำลังภายในของหลินอิ่งดูเหมือนจะพอๆ กับเขา หรืออาจจะด้อยกว่าเขานิดหนึ่ง

แต่กระบวนท่าหลินอิ่งพิสดารหลายหลาก อย่างกับเดาทางของเขาออกหมด และราวกับเขาก็ลึกซึ้งในวิชานี้ด้วย

ความล้ำลึกในบูโดนี้ ยากจะคาดเดาจริงๆ

เป็นที่รู้กันดี ว่าฝีมือของหลินเซี่ยว นอกจากได้รับการถ่ายทอดจากศาสตร์บูโดขนานแท้ของตระกูลหลินแห่งหลังยาแล้ว มากไปกว่านั้นก็มาจากการถ่ายทอดจากนักพรตมังกรเหลือง

ไม่ว่าจะเป็นบูโดของตระกูลหลินหรือแก๊งมังกร ล้วนแต่เป็นวิชาลับในแวดวงลึกลับที่ไม่เผยสู่ภายนอก แต่หลินอิ่งจะรู้อย่างถ่องแท้ได้อย่างไร?

ในสายตาของหลินเซี่ยว หลินอิ่งผู้นี้ลึกลับมากขึ้นทุกที

หลินอิ่งเผยรอยยิ้มเย็นที่มุมปาก

“จะตายอยู่รอมร่อ จะถามมากไปทำไมกัน?”

“เหอะๆ แกคิดว่าแกชนะแน่แล้วเหรอ?”

หลินเซี่ยวด่าทอออกไปด้วยความโมโห

“พลิกทะเลพิชิตมังกร!”

ทันใดนั้น ท่าทางหลินเซี่ยวก็ผงาดผยองราวกับมังกรพ้นทะเล น่าเกรงขามถึงที่สุด เขาก้าวหน้าออกไป กางนิ้วทั้งห้า ซัดฝ่ามือไปอย่างหนัก

ชี่กังในฝ่ามือนี้ควบแน่นดุจวัตถุ โถมออกไปราวกับคลื่นน้ำ ทำโต๊ะเก้าอี้แตกกระจุยในพริบตา สั่นสะเทือนจนราวกับตึกชั้นนี้จะพังทลาย

การเผชิญกับกำลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หลินอิ่งก็แค่เอามือไพล่หลังแล้วส่ายหน้า

“ท่านี้คุณยังใช้ได้ไม่ดีพอ”

ชั่วพริบตา หลินอิ่งก็เปลี่ยนท่วงท่า ยื่นมือออกไปตั้งรับ ทว่ากระบวนท่านี้กลับเหมือนกับหลินเซี่ยว!

หลินอิ่งก้าวออกไป กางนิ้วทั้งห้าออก ตวัดมือกลางอากาศราวกับมังกรลดเลี้ยวตัวอยู่บนท้องฟ้า สง่างามองอาจ

กระบวนท่าเดียวกัน แต่หลินอิ่งทำได้หนักแน่นกว่า ดุดันกว่า และถึงแก่นแท้กว่า!

วินาทีที่เงาร่างทั้งสองพุ่งเข้าหากัน…

โครม!

เสียงสนั่นหวั่นไหวไปทั่วอากาศ

เสียงระเบิดดังก้อง พลังอันบ้าระห่ำกระจายออกเป็นวงกว้าง

ตุบ!

หลินเซี่ยวกระแทกลงพื้นอย่างจัง เนื้อตัวเปื้อนเลือด ฟองเลือดทะลักออกจากปากไม่หยุด เขาเบิกตาโพลงมองหลินอิ่งอย่างเหลือเชื่อ

“ทะ ทำไมแก ทำไมแกถึงรู้เคล็ดวิชาที่อาจารย์ฉันถ่ายทอดให้ฉันได้…นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้!” หลินเซี่ยวพูดอย่างกระหืดกระหอบ ดวงตาเหม่อลอย อย่างไรเขาก็คิดไม่ตกว่าหลินอิ่งรู้วิชาของเขาได้อย่างไร แถมยังใช้ได้เยี่ยมยอดกว่าเขา

หลินอิ่งแตะลงสู่พื้น เอามือไพล่หลัง แลต่ำมองหลินเซี่ยวที่ราวกับสุนัขพะงาบๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset