ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – ตอนที่ 716 พายุก่อตัว

เขาลังยาตั้งอยู่ในเขาลึกที่มีเมฆปกคลุมหนาแน่นในเมืองชางโจว

ณ อาคารหนึ่งในลานกว้างสไตล์โบราณ จู่ๆ ก็มีเสียงตวาดหนักดังขึ้น

“พวกแกว่าอะไรนะ! เซี่ยวเอ๋อตายแล้ว?!”

ภายในอาคาร หลินเสวียนหมิงที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ปรมาจารย์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ แววตาเจ็บปวดและเสียดาย

ผู้อาวุโสสวีและผู้อาวุโสหลินยืนอยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวัง ร่างกายสั่นเทิ้ม เกรงกลัวผู้อาวุโสสองที่กำลังโกรธจัดมาก

“ไร้เหตุผล! ไร้เหตุผลสิ้นดี!” ฝ่ามือที่หลินเสวียนหมิงตบทำให้โต๊ะไม้จันทน์ที่อยู่ด้านหน้าพังลง จากนั้นก็หันกลับไปมองสองอาวุโสด้วยความโกรธเกรี้ยว “ทำไมพวกแกไม่ขวางไอ้หลินอิ่งไว้ล่ะ?! หรือคิดจะหักหลัง?”

“ผู้อาวุโสสอง พวกเราขวางแล้ว แต่ขวางไว้ไม่อยู่ครับ! หลินอิ่งมีจิตสังหารแรงกล้า พวกเราก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะฆ่าคุณชายเซี่ยวได้” ผู้อาวุโสหลิวพูดเสียงเข้ม

“ขวางไม่อยู่? ไม่ได้การ ฉันจะไปจับหลินอิ่งมาพิพากษาเดี๋ยวนี้แหละ ไม่สิ! ฉันจะไปฆ่ามัน!”

หลินเสวียนหมิงพูดด้วยอารมณ์รุ่มร้อน

“ฉันอุตส่าห์เลี้ยงดูเซี่ยวเอ๋อมาสิบกว่าปีดันถูกมันฆ่าไปซะอย่างนั้น ฉันต้องเอามันมาแร่เป็นชิ้นๆ ถึงจะสาแก่ใจฉัน!”

การตายของหลินเซี่ยว เป็นข่าวร้ายของผู้อาวุโสสอง

หลินเซี่ยวไม่เพียงเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่อาจขึ้นถึงจุดสูงสุดรายการแห่งฟ้า แต่ยังเป็นหน้าเป็นตาที่เขาสนับสนุนอีก

เมื่อหลินเซี่ยวตาย เขาก็ไม่มีคนเข้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดกับฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่แล้ว

แรงกายแรงใจตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถูกทำลายไปสิ้นด้วยน้ำมือหลินอิ่ง!

ความสะเทือนใจหนักนี้ ทำให้หลินเสวียนหมิงที่เป็นคนใหญ่คนโตแห่งบูโดยอมรับไม่ได้ทันที

“ผู้อาวุโสสองอย่างเพิ่งโกรธไปครับ! ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสสองเชียวนะ จะลดตัวไปตามฆ่าหลินอิ่งได้ยังไง คุณชายเซี่ยวเสียชีวิต เดิมก็วุ่นวายพออยู่แล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็กำลังคิดแผนกับเรื่องนี้อยู่ ถ้าท่านบุ่มบ่ามไปอาจถูกเขาฉวยโอกาสเข้าโจมตีก็ได้” ผู้อาวุโสหลิวพูดโน้มน้าวอย่างหนัก

“ฉันไม่สน! อย่าว่าแต่ฐานะเลย ถึงฉันจะไม่รักษาหน้านี้อีก ถูกแม่เฒ่าลงโทษอย่างหนัก และถึงนายท่านใหญ่จะออกจากการเก็บตัวฉันก็ไม่สนใจ! ตอนนี้ไอ้หลินอิ่งมันอยู่ที่ไหน?! พวกแกไปเรียกคนมาเลยนะ ฉันจะไปฆ่ามันกับมือเดี๋ยวนี้แหละ!”

“ดูซิ ว่าแม้แต่ฉันมันจะต้านไหวไหม!”

หลินเสวียนหมิงพูดด้วยความโกรธจัด แทบจะเป็นบ้า

ผู้อาวุโสหลิวกับผู้อาวุโสสวีเงียบเป็นเป่าสาก รู้ว่าการตายของคุณชายเซี่ยวทำให้นายใหญ่ท่านนี้สติแตก

“เห็นว่าฉินเหิงเยว่ไปรับหลินอิ่งกลับเขาลังยาแล้วครับ แม่เฒ่ากำลังเตรียมพบเขาอยู่พอดี” ผู้อาวุโสหลิวพูดด้วยท่าทางจริงจัง

“ดี! งั้นก็เก็บมันระหว่างทาง” หลินเสวียนหมิงพูดเสียงกร้าว “พวกแกสองคนไปบอกฉินเหิงเยว่ ถามว่ามันจะอยู่ฝั่งไหนกันแน่”

“หา! ไม่ได้นะครับ! ผู้อาวุโสสอง” ผู้อาวุโสหลิวห้ามปรามอย่างหนัก “ถ้าท่านทำอย่างนี้ พอผู้อาวุโสใหญ่ได้ข่าวต้องเตรียมการรับมือเอาไว้แน่ ถึงจะเก็บหลินอิ่งแล้ว แต่สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์ก็คือผู้อาวุโสใหญ่นะครับ!”

ได้ยินดังนั้นแล้วหลินเสวียนหมิงก็หน้าขรึม เหลือบมองนอกหน้าต่างด้วยความเย็นยะเยือก โมโหจนหนวดกระตุก

“อีกอย่างนะครับ หลินอิ่งไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเราคิด!” ผู้อาวุโสหลิวพูดอย่างเคร่งเครียด “คนที่เขาพามาด้วยเมื่อคืนร้ายกาจมากเลยทีเดียว แล้วยังมียอดฝีมือที่ชื่อซือคงฟู่อะไรนั่นจากเจียงเป่ยอีก”

“ผมไปตรวจสอบมาแล้ว สืบได้ความมานิดหน่อย ซือคงฟู่จากเจียงเป่ยคนนั้นเป็นคนของแก๊งมังกรครับ!”

“ซือคงฟู่จากเจียงเป่ย? คนของแก๊งมังกร?” หลินเสวียนหมิงหน้าเครียด ดวงตาเผยความหวาดหวั่นเล็กน้อย “เมื่อคืนก็เป็นเขาที่ขวางพวกแกไว้เหรอ?”

ผู้อาวุโสหลิวเอ่ย “ใช่ครับ เขานั่นแหละที่ขวางผมกับเหล่าสวี พวกเราก็เลยเข้าแทรกการประมือของคุณชายเซี่ยวกับหลินอิ่งไม่ได้”

“อีกอย่าง ยอดฝีมือที่ซือคงฟู่พามาด้วยเมื่อคืนนี้ ถ้าผมเดาไม่ผิด น่าจะเป็นองครักษ์มังกรเขียวจากตี้จิง”

“ผู้อาวุโสสอง พวกเราประเมินผิดไปแล้ว หลินอิ่งเป็นอย่างกับตะวันบนฟ้าของตี้จิง เบื้องหลังจะไม่มีกำลังหนุนที่แข็งแกร่งได้ยังไง?”

“ตี้จิงเป็นถิ่นที่มังกรเขียวนั่งครองอยู่! คนที่อยู่เบื้องหลังหลินอิ่งคือมังกรเขียวแห่งตี้จิงเชียวนะครับ!”

“มังกรเขียว!”

ซี๊ด!

หลินเสวียนหมิงสูดลมเย็น หลับตาแน่น

เขารู้สึกว่าในปากมีรสเฝื่อนมาก

หลินเสวียนหมิงรู้ว่ามังกรเขียวกับซือคงฟู่เป็นใคร แล้วยังเคยรู้จักกับมังกรเขียวในตอนยังหนุ่มด้วย

มังกรเขียวกับซือคงฟู่เป็นบุคคลที่ผู้อาวุโสสองของตระกูลหลินอย่างเขาล้ำเส้นไม่ได้จริงๆ!

คิดไม่ถึงเลยว่าเบื้องหลังหลินอิ่งจะมีกำลังหนุนที่ร้ายกาจเพียงนี้!

“ไอ้เดรัจฉานหลินอิ่งถึงกับมีสองเจ้าพ่อใหญ่คุ้มหัวเชียวเหรอะ! น่าโมโหจริงๆ!” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยท่าทางดุดัน กำหมัดทั้งสองแน่น

“มิน่าล่ะ มิน่าทางพี่ใหญ่ถึงยังอยู่เฉย ดูหลินอิ่งขึ้นนั่งแท่นผู้สืบทอดต่อหน้าต่อตา ไม่คัดค้านอะไรเลย” หลินเสวียนหมิงพูดเสียงเย็น “สงสัยพี่ใหญ่คงรู้เบื้องหลังของหลินอิ่งแล้ว หวังให้ฉันเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเอง เขาจะได้รอเก็บเกี่ยวอยู่ข้างหลัง”

“พอนึกถึงสีหน้าพี่ใหญ่ในคณะกรรมการผู้อาวุโสแล้ว ไฟในอกฉันก็ดับไม่ลง”

“ผู้อาวุโสสอง เวลานี้เราต้องตั้งรับอย่างใจเย็นนะครับ การแก้แค้นให้กับการตายของคุณชายเซี่ยว คงต้องวางแผนระยะยาวแล้วล่ะ ผมขอเสนอ ท่านน่าจะเอาเรื่องนี้บอกกับท่านนั้นที่มณฑลหวงไห่นะครับ” ผู้อาวุโสหลินพูดเสนอแนะ

“ฉันต้องบอกตาแก่มังกรเหลืองอยู่แล้ว ลูกศิษย์เขาตายทั้งคน แถมยังตายด้วยน้ำมือคนที่เกี่ยวข้องกับความแค้นของเขาอีก มังกรเหลืองจะไม่โมโห ไม่เอาศักดิ์ศรีแล้วหรือยังไง?” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยสีหน้ามืดหม่น

“สมัยก่อนคนในอาณัติมังกรเหลืองฆ่าลูกชายของซือคงฟู่ทางอ้อม เดิมซือคงฟู่ก็เป็นคนมีแผนร้ายอยู่แล้ว การมาชางโจวครั้งนี้คงจ้องเซี่ยวเอ๋อไว้แต่แรกแล้วแน่! แล้วที่ไอ้หลินอิ่งกล้าฆ่าเซี่ยวเอ๋อ มันก็ต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่นอน” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็น “ถ้าฉันรู้แต่แรกว่ามันเกี่ยวข้องกับไอ้หลินอิ่ง ฉันจะไม่ให้เซี่ยวเอ๋อออกหน้าเด็ดขาด! น่าแค้นใจชะมัด!”

“ไม่เพียงแต่ต้องฆ่าไอ้หลินอิ่ง บัญชีนี้ ฉันยังจะคิดกับไอ้แก่นั่นด้วย!” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยแววตาโหดเหี้ยม

“วันนี้ไอ้หลินอิ่งมันจะมาเขาลังยาใช่ไหม? ได้! ฉันจะไม่ไปหามัน พวกแกไปเชิญท่านเฉินเฟิงมา ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา!”

“ครับ!” ผู้อาวุโสหลินรู้โดยพลันว่าผู้อาวุโสสองใจเย็นลงแล้วคิดจะทำอะไรกันแน่

……

อีกทางด้านหนึ่ง หลินอิ่งกับจางฉีโม่นั่งอยู่เบาะหลังรถ ฉินเหิงเยว่ขับรถด้วยตัวเอง ขับเข้าไปในเขาใหญ่ของชางโจวที่เชื่อมต่อยาวไม่มีที่สิ้นสุด

ภูเขาในชางโจวเป็นป่าดึกดำบรรพ์เก่าแก่ ทั้งยังเป็นเขตคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ประชากรอาศัยอยู่เบาบาง

“คุณชายหลินอิ่ง เมื่อคืนคุณก่อเรื่องใหญ่ ทำเอาผมตกใจนอนไม่หลับทั้งคืนเลย” ฉินเหิงเยว่พูดถอดถอนใจ

“พอคุณชายเซี่ยวเสีย ตระกูลหลินก็จ้าละหวั่นทันที วันนี้แม่เฒ่าเปิดประชุมคณะกรรมการผู้อาวุโส ท่าทางผู้อาวุโสแต่ละฝ่ายคิดหนักกันใหญ่”

“แล้วแม่เฒ่ามีท่าทียังไงบ้างครับ?” หลินอิ่งถามเรียบๆ

“ยังไม่รู้ครับ ปกติแม่เฒ่าก็ไม่แสดงอารมณ์ให้เห็น” ฉินเหิงเยว่พูดจริงจัง “แต่ไหนมาแม่เฒ่าก็ให้ความสำคัญกับคุณชายเซี่ยวมาตลอด เกรงว่า…จะเว้นโทษหนักคุณชายหลินอิ่งไม่ได้!”

หลินอิ่งพูดเฉย “แล้วผู้อาวุโสฉินคิดว่าตอนนี้ผมควรทำยังไงครับ?”

“ฮ่าๆ” ฉินเหิงเยว่หัวเราะ “คุณชายหลินอิ่งไม่ธรรมดาเลย ใจกล้าจริงๆ ถ้าเป็นผมคงนั่งเครื่องบินออกชางโจวตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว กล้าขึ้นเขาลังยาที่ไหนกัน”

เขาลังยาตั้งอยู่ในเขาลึกที่มีเมฆปกคลุมหนาแน่นในเมืองชางโจว

ณ อาคารหนึ่งในลานกว้างสไตล์โบราณ จู่ๆ ก็มีเสียงตวาดหนักดังขึ้น

“พวกแกว่าอะไรนะ! เซี่ยวเอ๋อตายแล้ว?!”

ภายในอาคาร หลินเสวียนหมิงที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ปรมาจารย์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ แววตาเจ็บปวดและเสียดาย

ผู้อาวุโสสวีและผู้อาวุโสหลินยืนอยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวัง ร่างกายสั่นเทิ้ม เกรงกลัวผู้อาวุโสสองที่กำลังโกรธจัดมาก

“ไร้เหตุผล! ไร้เหตุผลสิ้นดี!” ฝ่ามือที่หลินเสวียนหมิงตบทำให้โต๊ะไม้จันทน์ที่อยู่ด้านหน้าพังลง จากนั้นก็หันกลับไปมองสองอาวุโสด้วยความโกรธเกรี้ยว “ทำไมพวกแกไม่ขวางไอ้หลินอิ่งไว้ล่ะ?! หรือคิดจะหักหลัง?”

“ผู้อาวุโสสอง พวกเราขวางแล้ว แต่ขวางไว้ไม่อยู่ครับ! หลินอิ่งมีจิตสังหารแรงกล้า พวกเราก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะฆ่าคุณชายเซี่ยวได้” ผู้อาวุโสหลิวพูดเสียงเข้ม

“ขวางไม่อยู่? ไม่ได้การ ฉันจะไปจับหลินอิ่งมาพิพากษาเดี๋ยวนี้แหละ ไม่สิ! ฉันจะไปฆ่ามัน!”

หลินเสวียนหมิงพูดด้วยอารมณ์รุ่มร้อน

“ฉันอุตส่าห์เลี้ยงดูเซี่ยวเอ๋อมาสิบกว่าปีดันถูกมันฆ่าไปซะอย่างนั้น ฉันต้องเอามันมาแร่เป็นชิ้นๆ ถึงจะสาแก่ใจฉัน!”

การตายของหลินเซี่ยว เป็นข่าวร้ายของผู้อาวุโสสอง

หลินเซี่ยวไม่เพียงเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่อาจขึ้นถึงจุดสูงสุดรายการแห่งฟ้า แต่ยังเป็นหน้าเป็นตาที่เขาสนับสนุนอีก

เมื่อหลินเซี่ยวตาย เขาก็ไม่มีคนเข้าชิงตำแหน่งผู้สืบทอดกับฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่แล้ว

แรงกายแรงใจตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถูกทำลายไปสิ้นด้วยน้ำมือหลินอิ่ง!

ความสะเทือนใจหนักนี้ ทำให้หลินเสวียนหมิงที่เป็นคนใหญ่คนโตแห่งบูโดยอมรับไม่ได้ทันที

“ผู้อาวุโสสองอย่างเพิ่งโกรธไปครับ! ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสสองเชียวนะ จะลดตัวไปตามฆ่าหลินอิ่งได้ยังไง คุณชายเซี่ยวเสียชีวิต เดิมก็วุ่นวายพออยู่แล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็กำลังคิดแผนกับเรื่องนี้อยู่ ถ้าท่านบุ่มบ่ามไปอาจถูกเขาฉวยโอกาสเข้าโจมตีก็ได้” ผู้อาวุโสหลิวพูดโน้มน้าวอย่างหนัก

“ฉันไม่สน! อย่าว่าแต่ฐานะเลย ถึงฉันจะไม่รักษาหน้านี้อีก ถูกแม่เฒ่าลงโทษอย่างหนัก และถึงนายท่านใหญ่จะออกจากการเก็บตัวฉันก็ไม่สนใจ! ตอนนี้ไอ้หลินอิ่งมันอยู่ที่ไหน?! พวกแกไปเรียกคนมาเลยนะ ฉันจะไปฆ่ามันกับมือเดี๋ยวนี้แหละ!”

“ดูซิ ว่าแม้แต่ฉันมันจะต้านไหวไหม!”

หลินเสวียนหมิงพูดด้วยความโกรธจัด แทบจะเป็นบ้า

ผู้อาวุโสหลิวกับผู้อาวุโสสวีเงียบเป็นเป่าสาก รู้ว่าการตายของคุณชายเซี่ยวทำให้นายใหญ่ท่านนี้สติแตก

“เห็นว่าฉินเหิงเยว่ไปรับหลินอิ่งกลับเขาลังยาแล้วครับ แม่เฒ่ากำลังเตรียมพบเขาอยู่พอดี” ผู้อาวุโสหลิวพูดด้วยท่าทางจริงจัง

“ดี! งั้นก็เก็บมันระหว่างทาง” หลินเสวียนหมิงพูดเสียงกร้าว “พวกแกสองคนไปบอกฉินเหิงเยว่ ถามว่ามันจะอยู่ฝั่งไหนกันแน่”

“หา! ไม่ได้นะครับ! ผู้อาวุโสสอง” ผู้อาวุโสหลิวห้ามปรามอย่างหนัก “ถ้าท่านทำอย่างนี้ พอผู้อาวุโสใหญ่ได้ข่าวต้องเตรียมการรับมือเอาไว้แน่ ถึงจะเก็บหลินอิ่งแล้ว แต่สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์ก็คือผู้อาวุโสใหญ่นะครับ!”

ได้ยินดังนั้นแล้วหลินเสวียนหมิงก็หน้าขรึม เหลือบมองนอกหน้าต่างด้วยความเย็นยะเยือก โมโหจนหนวดกระตุก

“อีกอย่างนะครับ หลินอิ่งไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเราคิด!” ผู้อาวุโสหลิวพูดอย่างเคร่งเครียด “คนที่เขาพามาด้วยเมื่อคืนร้ายกาจมากเลยทีเดียว แล้วยังมียอดฝีมือที่ชื่อซือคงฟู่อะไรนั่นจากเจียงเป่ยอีก”

“ผมไปตรวจสอบมาแล้ว สืบได้ความมานิดหน่อย ซือคงฟู่จากเจียงเป่ยคนนั้นเป็นคนของแก๊งมังกรครับ!”

“ซือคงฟู่จากเจียงเป่ย? คนของแก๊งมังกร?” หลินเสวียนหมิงหน้าเครียด ดวงตาเผยความหวาดหวั่นเล็กน้อย “เมื่อคืนก็เป็นเขาที่ขวางพวกแกไว้เหรอ?”

ผู้อาวุโสหลิวเอ่ย “ใช่ครับ เขานั่นแหละที่ขวางผมกับเหล่าสวี พวกเราก็เลยเข้าแทรกการประมือของคุณชายเซี่ยวกับหลินอิ่งไม่ได้”

“อีกอย่าง ยอดฝีมือที่ซือคงฟู่พามาด้วยเมื่อคืนนี้ ถ้าผมเดาไม่ผิด น่าจะเป็นองครักษ์มังกรเขียวจากตี้จิง”

“ผู้อาวุโสสอง พวกเราประเมินผิดไปแล้ว หลินอิ่งเป็นอย่างกับตะวันบนฟ้าของตี้จิง เบื้องหลังจะไม่มีกำลังหนุนที่แข็งแกร่งได้ยังไง?”

“ตี้จิงเป็นถิ่นที่มังกรเขียวนั่งครองอยู่! คนที่อยู่เบื้องหลังหลินอิ่งคือมังกรเขียวแห่งตี้จิงเชียวนะครับ!”

“มังกรเขียว!”

ซี๊ด!

หลินเสวียนหมิงสูดลมเย็น หลับตาแน่น

เขารู้สึกว่าในปากมีรสเฝื่อนมาก

หลินเสวียนหมิงรู้ว่ามังกรเขียวกับซือคงฟู่เป็นใคร แล้วยังเคยรู้จักกับมังกรเขียวในตอนยังหนุ่มด้วย

มังกรเขียวกับซือคงฟู่เป็นบุคคลที่ผู้อาวุโสสองของตระกูลหลินอย่างเขาล้ำเส้นไม่ได้จริงๆ!

คิดไม่ถึงเลยว่าเบื้องหลังหลินอิ่งจะมีกำลังหนุนที่ร้ายกาจเพียงนี้!

“ไอ้เดรัจฉานหลินอิ่งถึงกับมีสองเจ้าพ่อใหญ่คุ้มหัวเชียวเหรอะ! น่าโมโหจริงๆ!” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยท่าทางดุดัน กำหมัดทั้งสองแน่น

“มิน่าล่ะ มิน่าทางพี่ใหญ่ถึงยังอยู่เฉย ดูหลินอิ่งขึ้นนั่งแท่นผู้สืบทอดต่อหน้าต่อตา ไม่คัดค้านอะไรเลย” หลินเสวียนหมิงพูดเสียงเย็น “สงสัยพี่ใหญ่คงรู้เบื้องหลังของหลินอิ่งแล้ว หวังให้ฉันเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเอง เขาจะได้รอเก็บเกี่ยวอยู่ข้างหลัง”

“พอนึกถึงสีหน้าพี่ใหญ่ในคณะกรรมการผู้อาวุโสแล้ว ไฟในอกฉันก็ดับไม่ลง”

“ผู้อาวุโสสอง เวลานี้เราต้องตั้งรับอย่างใจเย็นนะครับ การแก้แค้นให้กับการตายของคุณชายเซี่ยว คงต้องวางแผนระยะยาวแล้วล่ะ ผมขอเสนอ ท่านน่าจะเอาเรื่องนี้บอกกับท่านนั้นที่มณฑลหวงไห่นะครับ” ผู้อาวุโสหลินพูดเสนอแนะ

“ฉันต้องบอกตาแก่มังกรเหลืองอยู่แล้ว ลูกศิษย์เขาตายทั้งคน แถมยังตายด้วยน้ำมือคนที่เกี่ยวข้องกับความแค้นของเขาอีก มังกรเหลืองจะไม่โมโห ไม่เอาศักดิ์ศรีแล้วหรือยังไง?” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยสีหน้ามืดหม่น

“สมัยก่อนคนในอาณัติมังกรเหลืองฆ่าลูกชายของซือคงฟู่ทางอ้อม เดิมซือคงฟู่ก็เป็นคนมีแผนร้ายอยู่แล้ว การมาชางโจวครั้งนี้คงจ้องเซี่ยวเอ๋อไว้แต่แรกแล้วแน่! แล้วที่ไอ้หลินอิ่งกล้าฆ่าเซี่ยวเอ๋อ มันก็ต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่นอน” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็น “ถ้าฉันรู้แต่แรกว่ามันเกี่ยวข้องกับไอ้หลินอิ่ง ฉันจะไม่ให้เซี่ยวเอ๋อออกหน้าเด็ดขาด! น่าแค้นใจชะมัด!”

“ไม่เพียงแต่ต้องฆ่าไอ้หลินอิ่ง บัญชีนี้ ฉันยังจะคิดกับไอ้แก่นั่นด้วย!” หลินเสวียนหมิงพูดด้วยแววตาโหดเหี้ยม

“วันนี้ไอ้หลินอิ่งมันจะมาเขาลังยาใช่ไหม? ได้! ฉันจะไม่ไปหามัน พวกแกไปเชิญท่านเฉินเฟิงมา ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา!”

“ครับ!” ผู้อาวุโสหลินรู้โดยพลันว่าผู้อาวุโสสองใจเย็นลงแล้วคิดจะทำอะไรกันแน่

……

อีกทางด้านหนึ่ง หลินอิ่งกับจางฉีโม่นั่งอยู่เบาะหลังรถ ฉินเหิงเยว่ขับรถด้วยตัวเอง ขับเข้าไปในเขาใหญ่ของชางโจวที่เชื่อมต่อยาวไม่มีที่สิ้นสุด

ภูเขาในชางโจวเป็นป่าดึกดำบรรพ์เก่าแก่ ทั้งยังเป็นเขตคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ประชากรอาศัยอยู่เบาบาง

“คุณชายหลินอิ่ง เมื่อคืนคุณก่อเรื่องใหญ่ ทำเอาผมตกใจนอนไม่หลับทั้งคืนเลย” ฉินเหิงเยว่พูดถอดถอนใจ

“พอคุณชายเซี่ยวเสีย ตระกูลหลินก็จ้าละหวั่นทันที วันนี้แม่เฒ่าเปิดประชุมคณะกรรมการผู้อาวุโส ท่าทางผู้อาวุโสแต่ละฝ่ายคิดหนักกันใหญ่”

“แล้วแม่เฒ่ามีท่าทียังไงบ้างครับ?” หลินอิ่งถามเรียบๆ

“ยังไม่รู้ครับ ปกติแม่เฒ่าก็ไม่แสดงอารมณ์ให้เห็น” ฉินเหิงเยว่พูดจริงจัง “แต่ไหนมาแม่เฒ่าก็ให้ความสำคัญกับคุณชายเซี่ยวมาตลอด เกรงว่า…จะเว้นโทษหนักคุณชายหลินอิ่งไม่ได้!”

หลินอิ่งพูดเฉย “แล้วผู้อาวุโสฉินคิดว่าตอนนี้ผมควรทำยังไงครับ?”

“ฮ่าๆ” ฉินเหิงเยว่หัวเราะ “คุณชายหลินอิ่งไม่ธรรมดาเลย ใจกล้าจริงๆ ถ้าเป็นผมคงนั่งเครื่องบินออกชางโจวตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว กล้าขึ้นเขาลังยาที่ไหนกัน”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset