ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 117

“คุณเป็นใครกันแน่”

 

เจสันถามเชน โดยไม่สนใจไฮออรค์ที่อยู่เบื้องหลัง

 

“ฉันว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมพอที่จะมาเลล่าเรื่องราวๆ ต่างๆ ให้ฟังหรอกนะ”
เชนกล่าว

 

“หลังจากเรื่องนี้จบ  ฉันจะพาเจ้ากลับบ้านและเราค่อยเจอกันวันเสาร์-อาทิตย์ โอเคไหมเจ้าเด็กน้อย”
เชนกล่าวทำให้เจสันตระหนักได้ว่าตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่ม ในขณะที่ฝูงกองทัพของก็อบบลินยังคงบุกต่อ

 

ราชาก็อบบลินน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ที่ไหนสักแห่ง และก็อบบลินและออร์คที่มีเวทย์มนต์และอยู่ในระดับสัตว์ผู้พิทักษ์กำลังโจมตีเมืองอย่างต่อเนื่อง

 

เมืองไซโรกำลังประสบปัญหามากมาย และหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเชน เมืองคงถูกทำลายไปแล้ว

 

แม้กระทั่งตอนนี้ ในเมืองถูกปกคลุมไปด้วยมานาปีศาจและทำให้พวกสัตว์ร้ายนั้นอ่อนแอลงเรื่องๆ เมื่อเวลาผ่านไป เจสันสงสัยเกี่ยวกับมานานี้

 

 

แต่เจสันก็กลับไปตั้งสมาธิที่การต่อสู้ และพยายามมองทุกอย่างด้วยสายตามานาของเขาเพื่อดูสิ่งต่างๆ และมองดูการต่อสู้ของเหล่าผู้วิเศษและผู้วิเศษขั้นสูง ในขณะที่เหล่าก็อบบลินและออร์คส่วนใหญ่จะใช้สัญชาตญาณในการต่อสู้มากกว่า

 

จากการมองดูการไหลของมานาที่เหล่าผู้วิเศษใช้ในการเคลื่อนไหว ทำให้เจสันได้รู้ถึงข้อมูลเชิงลึกมากมาย ดังนั้นเจสันจึงได้ประโยชน์อยากมากในการสังเกตนี้ และดูเหมือนเหล่ามนุษย์จะสามารถเอาชนะเหล่าก็อบบลินและออร์คได้

 

ในตอนนี้มีก็อบบลินและออร์คเพียงไม่กี่ตัวที่เหลือรอดจากการต่อสู้ ในขณะที่เหล่าก็อบบลินจอมเวทย์ระดับสูงที่กำลังจะตายบางตัวได้ใช้พลังชีวิตสุดท้ายเพียงร้ายเวทย์ในการทำลายอาคารบางส่วนของเมือง

 

สภาพเมืองในตอนนี้มันดูคล้ายกับเมืองจิโร่ ตอนที่ถูกฝูงสัตว์ร้ายโจมตีเมือง แต่มันแย่กว่ามาก เนื่องจากตึกระฟ้าหลายกำลังถล่มลง มีผู้คนตายมากมาย

 

เจสันรู้สึกแย่ที่เห็นผุ้คนได้ตายไปมากมาย และมันเป็นอีกครั้งที่เจสันรู้สึกอ่อนแอและไม่สามารถปกป้องใครได้

 

เมื่อมองไปรอบๆ ด้วยดวงตามานา เจสันสามารถเห็นได้ว่าทุกสิ่งที่มีพลังชีวิต จะมีมานาแผ่ออกมาจากทุกที่ และเจสันได้รับมองเห็นแรงระเบิดของมานาที่รุนแรงในระยะไกล

 

เชนบินตรงไปที่ทิศทางนั้น โดยพาเจสันและออร์คที่ถูกพันธนาการเอาไว้ด้านหลัง และยิ่งเข้าใกล้แรงระเบิดมานาของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวยิ่งรุนแรงขึ้น

 

ในขณะนี้ภูมิประเทศที่เฟื่องฟูและสวยงามกำลังเสียหายอย่างมาก ต้นไม้ หิน แม่น้ำ เมืองถูกทำลายจนหมด ราวกับว่ามีอุกกาบาตขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมา

 

เมืองมองอย่างชัดๆ เจสันได้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังสู้กับสัตว์ร้าย 2 เท้า และเมื่อยิ่งเข้าใกล้ขึ้นเจสันก็รู้ทันทีว่านั้นคือ ราชาก็อบบลิน

 

ราชาก็อบบลินสูงกว่า 5 เมตร และมีลักษณะคล้ายมนุษย์ทั่วไป มีเพียงไม่กี่อย่างที่ดูแตกต่าง คือผิวสีเขียวเข้ม ร่างกายที่ใหญ่โต และใบหน้าที่น่ากลัว

 

หัวของมันมีขนาดใหญ่กว่าหัวของคนทั่วไปถึง 2 เท่า ในขณะที่มีรูนมากมายอยู่บนหน้าผากของมัน

 

ดวงตาของราชาก็อบบลินเป็นสีแดงเลือด เจสันตัวสั่นเมื่อเห็นมัน ในขณะมันปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา

 

ราชาก็อบบลินมีบาดแผลมากมาย แต่มันยังดูแข็งแกร่งมากในขณะที่ทิลล์เหมือนจะได้รับบาดเจ็บหนักกว่ามัน เนื่องจากที่ขาของเขาดูเหมือนจะถูกไฟไหม้

 

สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจแก่เจสัน หรือแม้กระทั่งเชนที่กำลังมองทิลล์ด้วยความสับสน ก่อนที่จะมองไปที่ราชาก็อบบลินอย่างประหลาดใจ

 

 

“ทำไมเจ้าหนูทิลล์ถึงได้รับบาดเจ็บมากขนาดนั้น แทนที่จะเป็นราชาก็อบบลินที่เสียเปรียบแต่กลับเป็นเจ้าทิลล์ และบาดแผลนั้นทำไมถึง ?”
เจสันได้เสียงเสียงของเชนที่กำลังบ่นเมื่อเห็นสิ่งต่างๆ และเจสันที่เปิดดวงตามานาอยู่ตลอดเวลาจึงสังเกตเห็นบางสิ่งแปลกๆ

 

เจสันไม่แน่ใจว่านั้นคือสิ่งที่ทำให้ราชาก็อบยบลินกำลังได้เปรียบทิลล์อยู่หรือเปล่า แต่เจสันจะต้องบอกเชนเกี่ยวกับสิ่งนั้น

 

ดังนั้นเจสันจึงดึงชายเสื้อขงเชนและก่อนที่เชนจะหันไปเจสันก็กระซิบที่ข้างหู

 

“ราชาก็อบบลินมีพลังธาตุไฟ”

เจสันพูดและดวงตาของเชนก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ทิลล์ได้สังเหตเห็นเขนและเจสัน เขาได้ตะโกนออกไปว่า
“นี้คือเหยื่อของฉัน !!!”
และก่อนที่เชนจะทำอะไร ทิลล์ก็ได้หยิบลูกแก้วที่เชนให้ไว้ก่อนหน้านี้ออกมา และเปิดใช้งานโดมมานา

 

เจสันรู้อยู่แล้วว่าทิลล์จะต้องชนะ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆ จากเชน

 

ดังนั้นเขาจึงตะโกนออกมาและเปิดงานโดมมานา เมื่อเห็นเช่นนั้นเชนจึงตัดสินใจไม่เข้าไปช่วย ถ้าทิลล์กำลังจะตาย เขาค่อยเข้าไปช่วยในช่วงเวลานั้น

 

เจสันสังเหตเห็นว่าแกนมานาของทิลล์นั้นใหญ่กว่าของราชาก็อบบลิน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าทิลล์นั้นมีพลังงานสำรองที่มากกว่าและมีความแข็งแกร่งที่มากกว่า

 

อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วก็อบบลินไม่ใช่สัตว์ร้ายที่ใช้พลังธาตุในการเพิ่มพลังของตัวเอง

 

 

จู่ๆ เจสันก็สามารถสัมผัสพลังงานที่คุ้นเคยจากทิลล์ได้ีอกครั้ง ในขณะที่ทิลล์รักษาบาดแผลตามร่างกายได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที

 

มันเป็นความสามารถในการรักษาของหมาป่าศักดิ์สิทธิ์ สัตว์พันธะอีกตัวของทิลล์ และทิลลืก็ได้เปลี่ยนอาวุธ ซึ่งทำให้เจสันประหลาดใจ

 

 

 

“อาวุธวิญญาณ”

 

เจสันกระซิบ เชนได้ยินเขาเบิกตากว้าง

 

‘ดวงตาของเด็กคนนี้สามารถแยกแยะได้หรอว่าอาวุธไหนเป็นอาวุธมานาหรือวิญญาณ’

 

เชนสงสัย

 

 

ในมือของทิลล์มีหอกสีขาวขนาดใหญ่ ใบมีดสีทอง และเจสันแน่ใจว่ามันคืออาวุธวิญญาณจากเอกลักษณ์ของมัน โดยเฉพาะสายใยวิญญาณที่เชื่ออยู่ระหว่างอาวุธและตัวของทิลล์ทำให้เจสันยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีก

 

การเชื่อโยงของทิลล์กับอาวุธนั้น มันดูแข็งแกร่งกว่าของเซรอน ทำให้เจสันสังสัยว่ามันเป็นยังไงกันแน่

 

แต่สิ่งที่ทำให้เจสันยิ่งประหลาดใจขึ้นก็คือ ทิลล์ได้เพิ่มมานาของตัวเขาเองลงไปในหอกนั้น และมันก็เริ่มเรืองแสงและสว่างขึ้น ทิลล์ได้เปลี่ยนมานาของตัวเอง กลายเป็นมานาศักดิ์สิทธิ์และอัดมันเข้าไปในหอกทำให้แสงนั้นดูอ่อนโยนแต่ก็แข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน

 

 

มานาศักดิ์สิทธิ์เป็นแสงที่มีประโยชน์ต่อความมืดและสิ่งชั่วร้าย และก็อบบลินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ชั่วร้ายมันอาจจะได้รับผลกระทบจากพลังก็เป็นได้

 

เมื่อสังเกตเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างขึ้นจากหอก ท่าทีของราชาก็อบบลินก็สับสนและกระสับกระส่ายเล็กน้อย มันยกขวานในมือขึ้นและสร้างเปลวไฟสีน้ำเงินที่ลุกโชน

 

จู่ๆ ทิลล์ก็ได้หายวับไปจากพื้นที่ตรงนั้น ราชาก็อบบลินไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของทิลล์ได้ ก่อนที่จู่ๆ ทิลล์ก็พุ่งเข้ามาและเสียบหอกเข้าไปที่กลางอกของราชาก็อบบลิน ก่อนที่จะรู้ตัวราชาก็อบบลินก็ได้ตาพร่ามัว และมันก็ดับวูบไปพร้อมกับแสงสว่างจากหอก การโจมตีนี้สร้างคลื่นสันสะเทือนออกไปในวงกว้าง

 

เจสันมองไม่เห็นอะไรเลยในความือที่มืดมิดอย่างกระทันหัน ในขณะที่ดวงตาสามารถรับรู้ได้เพียงว่ามานาของราชาก็อบบลินค่อยๆ จางหายไป

 

God’s eyes ดวงตาของเทพเจ้า

God’s eyes ดวงตาของเทพเจ้า

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes
Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง God’s eyes ดวงตาของเทพเจ้าจากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset