ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที 83

ขณะที่กรีลกำลังนั่งดูเอกสารบางอย่างในห้องทำงาน และกำลังคิดหาวิธีในการสอนเด็กนักเรียนของเขา หลังจากที่ได้เห็นว่าเด็กนักเรียนในคลาสนั้นอ่อนแอเพียงใด เพราะส่วนใหญ่นั้นความสามารถยังไม่ถึงเป้าที่เขากำหนดไว้ จากนั้นก็มีเสียงข้อความดังขึ้นมา

 

‘หื้ม เจสัน ? ส่งคลิปวิดีโอแล้วงั้นหรอ เขาจัดการสัตว์ร้ายได้ตัวหนึ่งแล้วงั้นหรอ ถ้าจำไม่ผิดเจสันจะต้องจัดการสัตว์ร้ายที่ตื่นขึ้นในระดับต่ำ บางที่เขาอาจจะสามารถจัดการสำเร็จได้ภายใน 2-3 วันนี้ ถ้าเจสันสามารถพบสัตว์ร้ายที่อยู่ตัวเดียวภายในป่า 2 ดาวนี้ได้ แสดงว่าต้องมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมมาก’

 

ขณะที่กรีลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้เปิดวิดีโอที่เจสันส่งเข้ามาซึ่งมี 2 คลิปวิดีโอ และส่งข้อความว่าจะไปหาที่ห้องทำงาน

 

‘เจสันสามารถจัดการสัตว์ร้ายได้ 2 ตัวแล้วงั้นหรือ นั่นเป็นความสำเร็จที่ดีมาก ‘

 

แต่เมื่อกรีลเริ่มสังเกตุการต่อสู้ เขาก็ขมวดคิ้วทันที เพราะเขาแทบจะบอกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับลูกธนู และเจสันก็สามารถยิงมันได้อย่างแม่นยำด้วยสายตาที่ยอดเยี่ยมมาก แต่มันก็สังเกตุได้ไม่ยากว่ามีบางสิ่งบางอย่างในลูกธนู

 

เจสันจัดการทหารก็อบบลินตัวแรก มันถูกธนูยิงใส่จากนั้นเพียงชั่วครู่มันก็ขยับตัวไม่ได้ ซึ่งสาเหตุต้องมาจากลูกธนูเพราะเนื่องจากมันถูกยังเข้าไปที่ท้องของก็อบบลินเท่านั้น มันไม่สามารถที่จะจัดการพวกก็อบบลินได้ง่ายดายขนาดนี้

 

กรีลจึงสรุปได้ว่า เจสันได้ใช้พิษบางอย่างสำหรับการจัดการพวกก็อบบลินเหล่านี้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ดีและง่ายในการต่อสู้กับสัตว์ร้ายที่ตื่นขึ้น นี้เป็นกลยุทธ์ที่กรีลตั้งใจให้เด็กนักเรียนของเขาได้เรียนรู้ เมื่อพวกเขาสังเกตว่าการเอาชนะสัตว์ร้ายระดับที่สูงกว่าตนเองที่ไม่มีทางเป็นไปได้หรือยากที่จะจัดการ

 

กลยุทธ์ในการใช้อาจจะมีราคาแพง และถ้านักเรียนของเขาสามารถที่จะจัดการกับสัตว์ร้ายได้ พวกเขาก็จะได้รับการสอนจากทักษะการต่อสู้ระดับ 3 ที่แม้แต่นักเรียนในโรงเรียนหลัก ยังไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเขาได้เรียนทักษะนี้ เพราะเนื่องจากทักษะนี้หาได้ยาก แม้แต่ในแอสทริกซ์

 

รางวัลนี้ดึงดูดความสนใจให้เหล่านักเรียนที่อยากมีความแข็งแกร่งและความสามารถ เมื่อดูวิดีโอที่เจสันส่งมา ก็ได้เห็นก็อบบลินอีก 2 ตัวถูกลอบโจมตีระยะไกลด้วยธนู ในคลิปแรกเจสันสามารถจัดการพวกก็อบบลินได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งกรีลเองก็ดูพอใจกับสิ่งนั้น

 

เมื่อกรีลเปิดคลิปที่ 2 ดู ก็สังเกตเห็นว่ามีจอมเวทย์ก็อบบลินอยู่ในกลุ่มของก็อบบลินอีก 5 ตัว

 

‘จอมเวทย์ก็อบบลิน ?? ในเขตป่า 2 ดาว เกิดอะไรขึ้น ??’ กรีบเริ่มสับสนกับสิ่งที่เห็นภายในวิดีโอ ซึ่งดูเหมือนเป็นการลอบสังหารมากกว่าการต่อสู้แบบประชันหน้า เนื่องจากเจสันใช้พิษในการโจมตีอย่างเงียบๆ และพวกก็อบบลินก็ถูกสังหารด้วยความง่ายดาย

 

หลังจากวิดีโอจบลง กรีลก็ประหลาดใจเมื่อเจสันสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่สำคัญกับกรีลในตอน หากพบจอมเวทย์ก็อบบลินอยู่ในกลุ่มล่าสัตว์ของพวกก็อบบลิน แสดงว่าพวกก็อบบลินกำลังขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วโดยไม่สามารถควบคุมได้

 

หลังจากนั้นกรีลก็ได้ค้นหาข้อมูลของเขตป่า 2 ดาว จนกระทั่งพบว่า พวกมันได้รับการขึ้นทะเบียนในบันทึกของเมื่อไซโร ซี่งเป็นข่าวร้ายที่สำคัญ ทำให้กรีลมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

 

หลังจากค้นหาเพิ่มเติม กรีลก็ได้พบข้อมูลของความโกลาหลในเขตเวทย์มนต์เกี่ยวกับนักรบก็อบบลินระดับสูง จอมเวทย์ก็อบบลิน และก็อบบลินไรเดอร์ที่ฆ่านักล่าหลายด้วยในระดับผู้วิเศษ นั้นหมายถึงเขตเวทย์มนต์ถูกใช้โดยหัวหน้าหรือผู้คุมระดับสูงของก็อบบลิน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าราชาก็อบบลินคงไม่ได้อยู่ในแอสทริกซ์ แต่ก็ไม่แน่

 

ราชาก็อบบลินสามารถมอบความสามารถบางอย่างให้กับพวกลูกน้องของมัน ในอดีตมีราชาก็อบบลินอยู่ 2-3 ตน แต่ไม่มีตัวไหนที่อยู่ในแอสทริกซ์ และกรีลเองก็ไม่อยากนึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่คิดได้ อย่างไรก็ตามมันอันตรายอย่างยิ่งสำหรับนักเรียยนของเขา ที่ต้องออกล่าสัตว์สำหรับงานที่มอบหมาย

 

ด้วยการปรากฏตัวของกลุ่มก็อบบลิน และก็มีจอมเวทย์ก็อบบลินอยู่ภายในเขตป่า 2 ดาว กรีลไม่อยากนึกถึงว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเขตป่า 3 ดาว ที่มีกลุ่มก็อบลินอยู่จำนวนมาก

 

ข้อเท็จจริงสำหรับพวกก็อบบลิน คือพวกมันมีความสามารถในการสืบพันธุ์ที่รวดเร็ว และมีความฉลาดกว่าสัตว์ร้าย พวกมันมีสังคมเป็นของตัวมันเองและทำงานหรือออกล่าเป็นกลุ่ม

 

เรื่องนี้ทำให้กรีลลังเลว่าจะเกิดอะไรขึ้น และควรจะทำอย่างไร กรีลคิดว่าเขาควรส่งคลิปวิดีโอของจอมเวทย์ก็อบบลินไปยังรัฐบาลและเพิ่มหน่วยรักษาความปลอดภายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบป้องกัน เพื่อที่จะคุ้มครองชาวเมือง

 

รัฐบาลจะได้ทำการตรวจสอบและวิจัยเกี่ยวกับขนาดของฐานก็อบบลินและขนาดสังคมของพวกมัน หลังจากเห็นว่างานนี้เริ่มีความอันตรายเกินไปและกรีลเองก็เน้นว่าชีวิตของเด็กนักเรียนนั้นสำคัญกว่างาน กรีลจึงทำการแจ้งให้นักเรียนทุกคนทราบถึง เกี่ยวกับก็อบบลินเพื่อให้นักเรียนทักคนระมัดระวังตัว แต่นั้นไม่ได้หมายความว่างานจะยุติลง

 

ทุกคนสามารถที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าควรจะทำต่อหรือไม่ กรีลเองก้ไม่ได้บังคับว่าจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ ถึงกระนั้นกรีลเองก็รอคำตอบของนักเรียน แต่ก้ไม่มีใครที่จะปฏิเสธที่จะไม่ทำงานนี้ เป็นเพราะของรางวัลที่จะได้รับ ทำให้พวกนักเรียนมีแรงจูงใจที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จ

 

 

และยังมีเด็กนักเรียนบางคนที่ได้รับบาดเจ็บจากภารกิจนี้ แต่ไม่มีเด็กคนไหนที่เสียชีวิต ในขณะที่เดียวกันเจสันก็มาที่โรงเรียนและไปที่ห้องของกรีล และทำการเคาะประตูห้อง แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู และพบว่าประตูห้องถูกล็อคไว้

 

‘ครูกรีลอยู่ไหนนะ’

 

เจสันถามกับตัวเอง ขณะที่คิดว่าครูของเขาอาจจะผิดสัญญา ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีใคร  เจสันรู้สึกเหมือนโดนหลอกเมื่อมีคนเมินข้อความของเขา ผ่านไป 20 นาที เจสันก็ได้รับข้อความจากกรีล

 

‘รอก่อนนะ เดียวฉันกลับมา’

 

เห็นได้ชัดว่ากรีลมีบางสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำ และเจสันรู้เพียงเล็กน้อยว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องของจอมเวทย์ก็อบบลินที่เขาค้นพบ ไม่นานนักก็มีข่าวใหม่เกี่ยวกับก็อบบลินปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่งในพื้นที่ทางใจ้ของเมืองไซโร เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่า 2 ดาวที่มีจำนวนก็อบบลินมาปรากฏเป็นจำนวนมาก และสังหารสัตว์และล่ามนุษย์ที่อ่อนแอกว่า

 

เจสันไม่รู้อะไรมากนักขณะที่นั่งอยู่ในห้องเรียนที่ว่างเปล่าและไม่รู้ว่าต้องทำอะไร หรือควรทำอะไร

 

‘รางวัลของฉันละ ??’

 

เขาทำได้เพียงร้องออกมามาในใจ ก่อนตัดสินใจป้อนน้ำผลไม้บาคูรีให้กับสกอร์พิโอ และฝึกเทคนิคนรกสวรรค์ต่อหลังจากนั้น

 

สกอร์พิโอได้กินน้ำผลไม้บาคูรี และมันก็ดูดซับมานาจากหินมานาจำนวนเล็กน้อย เจสันสังเกตเห็นบางอย่างของสกอร์พิโอ และดูเหมือนจำนวนมานาที่สกอร์พิโอสา่มารถดูดซับนั้นมันมีปริมาณมากกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย เจสันรู้สึกดีใจนิดหน่อยและยิ้มเบาๆ ให้กับมัน

 

สกอร์พิโอนั้นมีความพัฒนาขึ้นและมันต้องเพิ่มขึ้นอยากมากในอนาคต โชคดีที่สกอร์พิโอนั้นดูจะไม่เจ็บปวดแบบคราวก่อน และดูเหมือนน้ำผลไม้บาคูรีจะกลายเป็นของชอบของมัน หลังจากให้กินจนหมด ความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนทั่งคู่จะสามารถรับรู้ได้

 

แมงป่องตัวเล็กไม่ได้ลอกคราบในตอนนี้ แต่ได้สำรอกน้ำลายออกมาเป็นสำดำๆ เป็นครั้งคราว ซึ่งเจสันก็ไม่ได้สังเกตุ หลังจากฝึกเสร็จเจสันก็ตัดสินใจที่จะออกมาดูดซับมานานอกโรงเรียน

 

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ เจสันเสร็จสิ้นการดูดซับมานา และกรีลก็ปรากฏขึ้นอยู่ข้างหลังของเจสัน เมื่อมองหน้ากันกรีลเห็นได้ชัดว่าเจสันรู้สึกไม่พอใจ

 

“ทำได้ดีมากเด็กน้อย ตัดสินใจมานะว่าอยากเรียนเทคนิคอะไร เดียวฉันจะสอนให้”

 

‘เขาไม่ได้กล่าวขอโทษที่ปล่อยให้ฉันรอเป็นชั่วโมง โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ งั้นหรอ ?’

 

เจสันไม่พอใจแต่ก็เก็บไว้ในใจ ขระที่มองเขม็งไปที่กรีล ทำให้กรีลรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และหน้าจอโฮโลแกรมได้ปรากกฏขึ้นต่อหน้าเจสัน พร้อมกับแสดงทักษะและเทคนิคมากมาย

 

“ว้าว”

นี้เป็นสิ่งเดียวที่หลุดออกมาจากปากของเจสันในตอนนี้ และเจสันเริ่มมีความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นทักษะและเทคนิคการต่อสู้จำนวนมาก และเมื่อกรีลเห็นเจสันรู้สึกพอใจ เขาก็ยิ้มออกมา

 

`เทคนิคพิเศษ–การจัดการมานา`

 

`เทคนิคการไซเรนเดธ–ดาบ(ระดับ-3)

 

`เทคนิคการจัดการของเหลวขั้นสูง (ระดับ-3)

 

`เทคนิคพิเศษ- การรวมธาตุ

 

`เทคนิคชาโดว์เสต็ป (ระดับ-3)

.

มีทักษะระดับ 3 มากมายและเทคนิคพิเศษต่างๆ อย่างน้อย 3-4 ทักษะ อย่างที่เจสันได้เห็น เทคนิคด้านล่างน่าจะเป็นเทคนิคระดับ 2 และเจสันสงสัยว่าครูธรรมดาจะมีเทคนิคมากมายขนาดนี้ในสร้อยข้อมือควอตัมได้ยังไง

 

ยิ่งกว่านั้น อนุญาติให้แจกนักเรียนทั่วไปได้ยังไง ใครที่มีอำนาจในการทำเช่นนี้ ก็ครูของเขาไงง !!

 

การเลือกดูทักษะต่างๆ ทุกอย่างอย่างละเอียดพร้อมคำอธิบาย ส่วนใหญ่มีคะแนนอยู่ด้านหลังบ่งบอกถึงความยากลำบากในการเรียนรู้ และดูเหมือนว่าเทคนิคการจัดการของเหลวระดับสูงจะง่ายที่สุดในทักษะระดับ 3 เหล่านี้ แต่เจสันไม่มีธาตุน้ำและไม่มีแรงจูงใจสำหรับการฝึกทักษะนี้

 

การหลอมหรวมของธาตุได้ดึงดูดความสนใจของเจสัน แต่มันห่างไกลสำหรับเจสัน เจสันจึงได้เลือกดูไปสักพักจนมีทักษะบางอย่างที่ดูเหมือนจะเหมาะสมกับตัวเจสันอย่างมาก

 

`เทคนิคพิเศษ- แยกจิต

God’s eyes ดวงตาของเทพเจ้า

God’s eyes ดวงตาของเทพเจ้า

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes
Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง God’s eyes ดวงตาของเทพเจ้าจากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset