ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 132

ตอนที่ 132 สมบัติขั้นวิญญาณ

 

คมดาบของหลินเซวียนที่ฟันอ้วนเฟยนั้นน่าสะพรึงอย่างแท้จริง

 

หว่านเจี้ยนซิงถึงกับตัวแข็ง มือสั่น และใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ

 

หากเป็นเขาก็คงไม่สามารถหลบดาบเมื่อครู่ได้ และที่น่าสะพรึงกว่านั้นคือ มันแทบไม่เห็นคมดาบที่ฟันออกไป

 

ตึก ตึก!

 

เลือดสดไหลลงพื้น ใบหน้าอ้วนเฟยซีดเผือด รอยฟันพาดยาวตั้งแต่หน้าอกซ้ายมาถึงท้องช่วงล่าง

 

เขามองหลินเซวียนอย่างหวาดกลัว แต่ท่าที่ของหลินเซวียนกลับเย็นชาขณะเดินจากไป

 

” หลินเซวียน!” อ้วนเฟยกําหมัดแน่นขณะตะโกนขึ้นดัง

 

ตั้งแต่ที่เขาเอาชนะหว่านเจี้ยนซิงได้ เขาก็ดูหมิ่นผู้ใช้ดาบมาตลอด และไม่เชื่อว่าจะพ่ายแพ้ให้กับนักดาบได้อีก

 

แต่ดาบของหลินเซวียนได้ทําให้เขากระจ่างว่าดาบที่แท้จริงคืออะไร

 

หากเป็นการต่อสู้ที่ต้องตัดสินความเป็นตาย ตอนนี้เขาคงตายไปแล้ว

 

หลังจากผ่านไปนาน ผู้คนก็เริ่มได้สติกลับมา

 

” มหัศจรรย์มาก ข้าสงสัยนักว่าเขาจะเข้าไปยังร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับมังกรแฝงได้ไหม?”

 

ศิษย์หลายคนเริ่มตื่นเต้น หากมีอัจฉริยะปรากฏขึ้นในอวิ่นโจว พวกเขาย่อมได้หน้าไปด้วย

 

“ร้อยอันดับแรก?” หว่านเจี้ยนซิงพึมพําเบา ๆ และไม่มีใครทราบว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

ผ่านไปอีกสองสามวัน ผู้คนก็เริ่มเข้ามายังราชวังโลหิตกันมากขึ้นและออกตามหาสมบัติกันอย่างบ้าคลั่ง

 

มันมีคนอยู่ทุกพื้นที่ แต่มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ได้สมบัติ

 

ขณะเวลาผ่านไป ผู้คนก็เริ่มเข้าไปลึกยิ่งขึ้น

 

บรรยากาศรอบด้านเริ่มอึดอัดลงทุกขณะราวกับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นอยู่

 

ถึงแม้บรรยากาศจะตึงเครียด แต่สมบัติที่อยู่ในส่วนลึกนั้นยิ่งล้ำค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ มันทําให้ผู้คนหักห้ามใจไม่ได้

 

หลินเซวียนยังคงเดินทางอยู่เช่นกัน แต่ละที่ที่ผ่าน เขาจะเผยอาการตกตะลึงมากยิ่งขึ้น

 

เพราะราชวังนี้กว้างขวางอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะมีอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ แล้ว มันยังมีถ้ำและห้องลับต่าง ๆ ราวกับโลกขนาดจิ๋ว

 

แน่นอนว่าสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดคือห้องโถงใหญ่ ซึ่งมีสมบัติสามอย่างกําลังส่องประกายแวววาวดึงดูดสายตาของผู้มาเยือน

 

ที่ขอบของสมบัติทั้งสามนั้น มีผนึกปิดกั้นผู้คนภายนอกไว้

 

คนเกินครึ่งที่เข้ามาในราชวังโลหิตมารวมตัวกันที่นี่ ดวงตาของพวกเขาลุกเป็นไฟราวกับมีหญิงงามอาบน้ำอยู่ตรงหน้า

 

หลินเซวียนเองก็มาปะปนกับกลุ่มคนเพื่อคอยสังเกตอย่างเงียบ ๆ

 

เขาพบว่ามู่หรงเฉียนหลิง เจิ้งจริ้น เซียเจิ้งเฟิง และคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อ้วนเฟย หว่านเจี้ยนซิง และคนของสี่ตระกูลใหญ่บางคนอยู่ที่นี่

 

ในหมู่คนเหล่านี้ เขาพบว่าศิษย์ของตระกูลหลิงก็อยู่ด้วย

 

หลินเซวียนแอบเย้ยเยาะในใจ ศิษย์ตระกูลหลิงครึ่งตายด้วยน้ำมือของเขา แน่นอนว่าตอนนี้เขาทําแค่การสังเกตเท่านั้น

 

หากจะทําการสังหารต่อตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องดี

 

เขาไม่ต้องการมีปัญหาเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงรออย่างเงียบ ๆ

 

สมบัติทั้งสามลอยอยู่กลางอากาศ พวกมันดึงดูดผู้คนด้วยแสงที่ส่องประกลายตลอดเวลา หลินเซวียนใช้นัยน์ตาสีม่วงมองอย่างระมัดระวัง

 

จากนั้นเขาก็ต้องผิดหวัง

 

ในสมบัติทั้งสามนั้นไม่มีดาบ แต่เป็นอาวุธชนิดอื่น

 

ดาบเพลิงโลหิตของเขาเป็นแค่อาวุธเสริมเท่านั้น ไม่ใช่อาวุธหลัก เซียนสุราบอกว่าให้ใช้มันฝึกฝนร่างกาย และปกป้องตนเองขณะบ่มเพาะพลัง

 

กล่าวคือเขายังคงขาดแคลนดาบที่ดีอยู่

 

สมบัติทั้งสามนั้น ตรงกลางคือชุดเกราะที่มีลวดลายซับซ้อน

 

ทางด้านซ้ายคือหอกยาว ด้ามยาวของมันเป็นสีแดงเข้ม หัวหอกมีความเย็นเยือกเล็กน้อยราวกับว่ามังกรในขุมนรกกําลังจะพุ่งขึ้นฟ้า

 

อีกด้านหนึ่งคือมีดยาวที่โค้งสวยงามราวกับจันทร์เสี้ยว มันล่อตาล่อใจผู้คนอย่างมาก

 

“ไม่ทราบว่าสมบัติพวกนี้อยู่ระดับอะไร?” หลินเซวียนสงสัย ถึงแม้มันจะไม่มีดาบอยู่ แต่หากได้มาสักชิ้น มันคงเป็นประโยชน์อย่างมาก

 

อีกทั้งเขายังสามารถนําไปขายเพื่อหาเงินได้

 

เซียนสุราบีบตามองก่อนจะกล่าว “สมบัติทั้งสามนั้นอยู่ขั้นล้ำลึก มันเหมาะสมกับยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณ”

 

ของวิเศษในโลกนี้แบ่งได้เป็นห้าขั้น นั่นคือมนุษย์ ล้ำลึก วิญญาณ ปฐพี และสวรรค์ แต่ละขั้นจะแบ่งได้อีกสามระดับนั่นคือสูง กลาง ต่ำ ของวิเศษขั้นสวรรค์ระดับกลางและสูงนั้นแทบไม่เคยมีใครเคยเห็น กล่าวกันว่ามีแค่ในตํานานเท่านั้น

 

ปัจจุบัน ของวิเศษที่เห็นได้ชัดและอยู่ขั้นสูงสุดในโลกมนุษย์คือขั้นวิญญาณระดับสูง ของวิเศษระดับดังกล่าวจะอยู่ในครอบครองของคนระดับสูงเท่านั้น คนธรรมดาไม่มีทางจับต้องได้

 

ดังนั้นของวิเศษขั้นล้ำลึกทั้งสามนี้ หากนําออกไปได้ บรรดาผู้อาวุโสจะต้องชอบใจแน่นอน

 

” ชุดเกราะสีม่วงตรงกลางอยู่ขั้นล้ำลึกระดับกลาง ส่วนอาวุธอีกสองอันที่เหลืออยู่ระดับต่ำ” เซียนสุรากล่าว

 

“ชุดเกราะสีม่วงนั้นกับของข้าอันไหนดีกว่ากัน?” หลินเซวียนเอ่ยถาม

 

” ชุดเกราะของเจ้าระดับสูงกว่า และมีคุณสมบัติดีกว่า ข้อเสียของมันแค่เก่า ดังนั้นความสามารถบางอย่างของมันจึงหายไป”

 

“โดยรวมแล้วมันแทบจะเหมือนกัน” เซียนสุราวิเคราะห์

 

หลินเซวียนใช้นัยน์ตาสีม่วงส่องไปยังสมบัติทั้งสาม เขาเห็นมีอักขระแปลก ๆ อยู่จึงถามอีกครั้ง “ลวดลายบนนั้นคือลายจารึกหรือเปล่า?”

 

” แทบจะไม่ใช่” เซียนสุรากล่าวอย่างเย้ยหยันเล็กน้อย ” กล่าวตามตรงมันยังห่างไกลจากลายจารึกระดับแรกด้วยซ้ำ!”

 

หลินเซวียนเกาศีรษะ ดูเหมือนว่าเซียนสุราจะทรงพลังกว่าที่เขาคิด

 

“อันไหนดีที่สุดนะ?” หลินเซวียนครุ่นคิด

 

ด้วยคนมากมายที่นี่ เขาเกรงว่าจะต้องสู้กันเพื่อชิงหนึ่งในนั้นมา

 

“ช่างเถอะ มีดยาวนั้นดูเหมือนจะเหมาะกับเราที่สุดแล้ว เอาอันนี้ก็แล้วกัน!” หลินเซวียนตัดสินใจ

 

เขาพยายามเดินอย่างระมัดระวังเพื่อให้กลมกลืนกับคนให้ห้องโถง

 

“ของวิเศษเช่นนี้ต้องรีบฉกมาให้ได้เพื่อความมั่งคั่ง!”

 

ท้ายที่สุดก็มีคนที่ห้ามใจตัวเองไม่อยู่และพุ่งเข้าไป

 

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มต่อสู้แย่งชิงกันเอง มันทําให้ส่วนหนึ่งของการต่อสู้ไปโดนผนึกรอบสมบัติทั้งสามจนมันปล่อยลมกรรโชกรุนแรงออกมา

 

สมบัติทั้งสามชิ้นเปล่งประกายระยิบระยับ

 

มันราวกับทั้งสามกําลังโกรธจากการถูกรบกวนโดยพวกเขา

 

ชุดเกราะสีม่วงตรงกลางเผยเงามัวออกมา มันขยายออกและปกคลุมทุก ๆ สิ่ง

 

หอกยาวด้านซ้ายเผยเงาหอกนับแสนเล่ม ส่วนมีดยาวด้านขวาก็ร่ายรําไปมาราวกับมังกรกําลังลอยลงมาจากสวรรค์

 

จากนั้นมันได้คํารามเสียงดังก้องจนหัวใจของผู้คนเต้นแรง นักสู้บางคนที่ขั้นพลังอ่อนแอถึงกับเลือดซึมและถอยหลัง

 

สมบัติทั้งสามแสดงพลังจนกระแทกผนึกออกมา

 

ท้ายที่สุดผนึกรอบพวกมันก็ได้แตกออก สมบัติทั้งสามเองก็เผยตัวต่อหน้าผู้คน

 

ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโลภทันทีที่เห็น ผู้คนมากมายไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าไป

 

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์
Score 7.9
Status: Ongoing Released: N/A
อ่านนิยายเรื่อง ดาบพิโรธสวรรค์หลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้ ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน! … หนึ่งดาบทะลวงดารา! หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน! หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset