ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 136

ตอนที่ 136 เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอ!

 

อันที่จริงสตรีชุดขาวผู้นั้นมาจากสํานักเมฆาม่วง แต่ไม่มีใครรู้จักนาง

 

“นางเป็นใคร? ยังดูเป็นมือใหม่อยู่เลย ไม่รู้ว่าเข้ามาในพื้นที่ทดสอบโลหิตนี้ได้ยังไง?” ขั้นพลังของเจิ้งจวิ๋นสูงสุดในที่นี้ เขาจึงทําตัวเป็นพี่ใหญ่ถามเรื่องราวต่าง ๆ

 

สตรีชุดขาเหลือบมองเล็กน้อย ดวงตาของนางสงบนิ่งราวกับบ่อน้ํา

 

“เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะมาถามข้า” เสียงของสตรีชุดขาวดังขึ้น

 

ใบหน้าเจิ้งจวิ๋นถึงกับมืดดํา เขาไม่กล่าวสิ่งใดและมีเพียงร่องรอยความโกรธในดวงตาเท่านั้น

 

เวลานี้ ขั้นพลังของเขาเข้าสู่จุดสูงสุดในกลุ่ม

 

นอกจากหลินเซวียนแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนกล้าหยิ่งผยองใส่เขาอีก

 

มันจึงทําให้เขาทนไม่ได้

 

” หากไม่พูด เจ้าอาจจะได้ไปพูดในความมืดแทน!” เจิ้งจวิ๋นเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ”รอไว้ข้าจะจับตัวเจ้าหลังจากออกไป”

 

เขาต้องแสดงอํานาจของตน มิเช่นนั้นคนอื่นจะไม่เกรงกลัวอีก

 

ฮึ่ม!

 

ลมหายใจจากสมุทรวิญญาณขั้นกลางระดับสามพ่นออกมาราวกับคลื่นสูงกระทบฝั่ง

 

” ฝ่ามือเมฆา!”

 

เขาตบฝ่ามือออกไปกลางอากาศ

 

จากนั้นเงาเมฆมากมายได้ปรากฏขึ้นทุกที่พร้อมพลังวิญญาณที่กระจายไปทั่ว

 

พลังของฝ่ามือทําให้ผู้คนรอบด้านถึงกับแยกย้ายทันที

 

มีเพียงไม่กี่คนอย่างหลินเซวียนและมู่หรงเฉียนหลิงที่ทนได้

 

“อย่าคิดว่าตนเองสูงส่งนัก!” เสียงของสตรีชุดขาวดังขึ้นอย่างเย็นเยือก นิ้วมือขาวหยกของนางได้ยื่นออกไปตรงหน้า

 

ฟิ้ง!

 

หลังจากชี้นิ้วได้ไม่นาน หมู่เมฆรอบด้านก็ได้ละลายหายไปกลางอากาศราวกับไม่มีอะเกิดขึ้น

 

“มันคืออะไร?” ทุกคนต่างพากันตกตะลึง เพียงนิ้วเดียวก็สามารถทําลายการโจมตีของยอดฝีมือขั้นสมุทรวิญญาณขั้นกลางระดับสามได้!

 

มู่หรงเฉียนหลิงและคนอื่นๆ ต่างเผยท่าที่ประหลาดใจ แม้แต่หลินเซวียนยังเปิดตากว้างเพื่อใช้นัยน์ตาสีม่วง

 

“เจ้า…” เจิ้งจวิ๋นตกตะลึงมากกว่าใคร ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ แต่เมื่อครู่เขาก็ใช้พลังไปถึงเจ็ดส่วน

 

แต่แค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะทําให้คนคนหนึ่งตาย!

 

อย่างไรก็ตามมันกลับถูกทําลายโดยนิ้วสตรีนิ้วเดียว

 

” ดูเหมือนข้าจะให้เกียรติเจ้าไปหน่อยสินะ!” เขาไม่ต้องการกลายเป็นคนโง่ต่อหน้าฝูงคน ดังนั้นจึงคิดจะโจมตีอย่างเต็มกําลัง

 

ขณะเดียวกัน คลื่นพลังงานแห่งความมืดก็ปรากฏขึ้นในอากาศพร้อมร่องรอยความผันผวน

 

จากนั้นทั้งห้องโถงก็สั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงอีกครั้ง

 

“นี่มัน…” ทุกคนรอบด้านต่างไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“มันเป็นสัญญาณว่าสมบัติระดับมรดกจะออกมาใช่หรือไม่?? บางคนเริ่มสงสัย

 

จากนั้นความคิดนี้ก็กระจายออกไป

 

ดวงตาพวกเขาเผยความร้อนขึ้นมาทันทีจากความตื่นเต้น

 

สมบัติที่เป็นระดับมรดกสืบทอดนั้นเป็นสมบัติที่ล้ําค่ามาก!

 

หากสามารถครอบครองมันได้ การบรรลุขั้นแก่นแท้แห่งวิญญาณย่อมไม่ใช่เรื่องยากอีก!

 

” สมบัติขั้นมรดก?” หลินเซวียนสงสัยว่าดาบจักรพรรดิสายลมที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ เป็นหนึ่งในมรดกหรือเปล่า

 

ฟูม! ฟูม!

 

ผู้คนมากมายต่างไม่รอช้าพุ่งไปยังทิศทางของความผันผวนทันที โดยเฉพาะพวกยอดฝีมือระดับแนวหน้า

 

แม้แต่เจิ้งจวิ๋นก็ต้องปล่อยเรื่องสตรีชุดขาวไปก่อนและพุ่งออกไป

 

หลินเซวียนเองก็ไม่รอช้าเช่นกัน

 

สตรีชุดขาวครุ่นคิดบางอย่าง จากนั้นนางก็ได้วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อหลินเซวียนมาถึง ผู้คนมากมายก็ต่างหลีกทางให้

 

เพราะพวกเขาทราบถึงพลังของชายคนนี้แล้ว และไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีก!

 

หลินเซวียนไม่ได้สนใจสิ่งนี้ขณะพุ่งไปอยู่ตรงหน้าสุด

 

มันมีเสาหินขนาดใหญ่สี่เสารองรับทั้งสี่ด้าน ตรงกลางเป็นบ่อโลหิตที่กําลังส่องประกายสีแดง

 

กลิ่นเลือดฉุนมากจนทําให้ทุกคนขมวดคิ้ว

 

บนพื้นดินรอบด้านมีซากอาวุธอยู่มากมาย หลินเซวียนมองไปอย่างระมัดระวัง และพบว่าซากอาวุธเหล่านั้น เป็นอาวุธระดับสูงทั้งนั้น

 

” เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?” หลินเซวียนสงสัย

 

ร่องรอยความผันผวนเมื่อครู่ของพลังอยู่ตรงหน้าพวกเขา มันจึงทําให้คนเหล่านี้ตื่นเต้น

 

” หากต้องการสมบัติ มันอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องรีบร้อน!” บางคนตะโกนขึ้นในความมืด

 

ขณะเดียวกันยังมีนักสู้อีกหลายคนวิ่งไปตรงหน้า แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็หยุดอยู่กับที่

 

ฉากนี้ทําให้คนที่ตามมาชะงัก

 

“มันคือเขตอาคม!” หลินเซวียนหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาจดจ้องไปยังฉากตรงหน้า

 

” บัดซบ นี่มันอะไรขึ้น!” บางคนตะโกนขึ้นจากด้านหน้า

 

ทันใดนั้นดาบได้ยาวฟาดลงบ่อเลือดอย่างรุนแรง

 

“อะไร!” ท่าที่เจิ้งจวิ๋นและคนอื่นๆเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองไปยังคนที่โจมตีทันที

 

ชายคนนั้นตัวสั่นก่อนจะได้สติกลับมา

 

บนบ่อโลหิต โลหิตภายในนั้นกําลังสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนจะแบ่งออกเป็นสี่ส่วนไปตามเสารอบด้าน

 

จากนั้นพื้นดินเริ่มกลายเป็นสีเลือดพร้อมพลังที่แปลกประหลาดพวยพุ่งออกมา

 

ภายในกองเลือดนั้นมีซากศพและกระดูกอยู่

 

แกร็ก! แกร็ก!

 

เสียงกระดูกเคลื่อนไหวดังขึ้นในกองเลือด จากนั้นผีดิบมากมายได้ปรากฏออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหากลุ่มคน

 

อ้ากก!!

 

“ไปที่ประตูด้านหลังดีกว่า” หลินเซวียนพุ่งออกไป

 

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” ร่างสองร่างได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินเซวียน

 

มันคือเจิ้งจวิ๋นและหลิงเฟิงที่เข้ามาขวางเขา

 

ใบหน้าเจ๋งจริ้นดูดุร้ายอย่างมากและกําลังมองหลินเซวียนอย่างเย็นเยือก

 

หลิงเฟิงเองก็ไม่ต่างกัน เขาอยากจะฉีกหลินเซวียนเป็นชิ้นๆ

 

” ครั้งนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว!”

 

ทั้งสองร่วมมือกันเพื่อจะจัดการเสี้ยนหนาม

 

“ก้าวอัสนี้!”

 

หลินเซวียนเร่งความเร็วขึ้นทันทีพร้อมถอยออก

 

ตุ้ม!

 

ทันใดนั้นทะเลเพลิงได้ปรากฏขึ้นราวกับว่าจะเผาทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้อง

 

เขตอาคมลึกลับยังคงทํางานอยู่ ครั้งนี้มันปล่อยเพลิงอันร้อนแรงออกมาปกคลุมผู้คน

 

เจิ้งจวิ๋นและหลิงเฟิงคลาดสายตาหลินเซวียนไปแล้วจากผลของไฟ

 

“ทําลายอาคมและชิงสมบัติก่อน จากนั้นค่อยสังหารหลินเซวียน!” เจิ้งจวิ๋นกล่าวเสียงต่ํา

 

พวกเขาพยายามทําลายอาคมกันอย่างยากลําบาก

 

แต่อาคมนี้ลึกลับเกินไป มันจึงไม่สามารถหาทางออกได้ ทุกคนในห้องต่างถูกตรึงอยู่กับที่

 

ขณะเดียวกันหลินเซวียนเองก็ถูกล้อมไปด้วยเปลวไฟ

 

“ฮี ลูกเล่นยังอ่อนหัด!” เซียนสุราเอ่ยขึ้นในตัวหลินเซวียน

 

ภายใต้คําชี้แนะของเซียนสุรา หลินเซวียนสามารถเดินไปภายในทะเลเพลิงอย่างสบายใจ

 

“แก้ปัญหาอันตรายที่สุดก่อน!” ดวงตาเขาเปล่งประกายและตัดสินใจหันไปสู้กับหลิงเฟิงและเจิ้งจวิ๋น

 

ทั้งสองพยายามสังหารเขาอยู่ตลอดเวลา หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเขา เช่นนั้นคงตายไปนานแล้ว

 

ฟูม!

 

เขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วผ่านอาคมไฟ จากนั้นได้ไปปรากฏตัวด้านหลังหลิงเฟิง หลินเซวียนไม่รอช้าที่จะแทงดาบไปยังศัตรู

 

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์
Score 7.9
Status: Ongoing Released: N/A
อ่านนิยายเรื่อง ดาบพิโรธสวรรค์หลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้ ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน! … หนึ่งดาบทะลวงดารา! หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน! หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset