ดาบพิโรธสวรรค์ – ตอนที่ 49

ตอนที่ 49 ไร้สาระ

 

เวทีประลองที่ห้า หลินเซวียนปะทะจินซื่อ

 

“นี่ไอ้หนู นับว่าเจ้าโชคร้ายมากที่มาเจอกับข้า!” จินซื่อหัวเราะอย่างเย็นเยือก “หากยอมแพ้เสียตอนนี้ เจ้าอาจจะไม่เจ็บตัว”

 

ใบหน้าหลินเซวียนยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ขณะแบกดาบเพลิงโลหิตอยู่ด้านหลัง “เจ้าพูดแต่เรื่องไร้สาระมากเกินไป“

 

“ไอ้หนู เมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าจะขุดหลุมให้เอง!” จินซื่อโกรธขึ้นมาทันที เขาตบฝ่ามือก่อนจะชักดาบพุ่งไปทางหลินเซวียน ทันใดนั้นเขาได้แยกร่างออกและเข้าล้อมรอบหลินเซวียนไว้ มันคือร่างแยกที่เกิดจากความเร็ว

 

“วิชาดาบไม่เลว!” หลินเซวียนขมวดคิ้ว ‘ตามที่คาดไว้ ศิษย์ที่สามารถผ่านบททดสอบแรกมาได้ย่อมไม่ธรรมดา วิชาดาบของเขาเหนือชั้นมาก อีกทั้งวิชาดาบของเขายังรวดเร็วและทรงพลังไม่น้อย’

 

ถึงแม้ดาบจะยังไม่โจมตีเข้ามา แต่ปราณดาบนั้นได้มาถึงตรงหน้าของเขาแล้ว

 

หลินเซวียนยังคงยืนนิ่งราวกับภูผา เมื่อตัวดาบใกล้เข้ามา เขาได้เริ่มขยับมือไปยังดาบตรงหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมเบี่ยงหลบ

 

ทันทีที่ดาบแทงพลาด หลินเซวียนได้ใช้นิ้วทั้งสิบจับดาบของคู่ต่อสู้

 

ชิ้ง!

 

เสียงอันคมชัดได้ดังขึ้น จากนั้นพลังอันดุร้ายได้ไหลเข้าแขนของจินซื่อทันที

 

มันราวกับโดนค้อนสวรรค์ทุบ ด้ามดาบได้หลุดออกจากมือจินซื่อและตัวดาบก็แตกหักออกกลางอากาศ

 

“เจ้า!” จินซื่อถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตาของเขาไร้ซึ่งความหยิ่งผยองอีก เขาทราบแล้วว่าเหตุใดหลินเซวียนถึงไม่เผยท่าทีอะไร มันเพราะพวกเขานั้นอยู่กันคนละระดับ

 

“ข้าแพ้…” จินซื่อกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

“หมายเลข ‘135’ ชนะ!” เสียงกรรมการผู้ตัดสินดังขึ้น

 

“เกิดอะไรขึ้น? มันจบลงได้ยังไง?” ผู้คนที่ดูลานประลองที่สองอยู่หันไปเอ่ยถามคนด้านข้าง

 

“อะไรนะ? เพียงแค่นิ้วมือก็ระเบิดดาบของจินซื่อได้? เจ้าต้องล้อเล่นแน่ ในเทียบอันดับศิษย์ชั้นนอก จินซื่ออยู่อันดับที่แปดสิบแปดเลยนะ!”

 

“ไม่ได้แล้ว ข้าต้องดูการประลองต่อไปของหมายเลข ‘135’ ให้ได้!”

 

ขณะที่บรรดาผู้ชมกำลังสนทนากัน เสียงอึกทึกอีกกลุ่มก็ได้ดังขึ้นใกล้ลานประลองที่ห้า

 

“น้องหลินช่างทรงพลังนัก!”

 

“น้องเซวียนหล่อสุด ๆ ไปเลย!”

 

“น้องเซวียนเอาที่หนึ่งมาให้ได้!”

 

……

 

ใกล้ ๆ กับเวทีประลองที่ห้า กลุ่มศิษย์จากฝั่งทิศใต้ได้นั่งอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อพวกเขาเห็นหลินเซวียนเอาชนะการประลองได้ด้วยกระบวนท่าเดียว พวกเขาจึงต่างพากันตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า

 

เพราะนอกจากคนของพรรคทั้งสาม หรือสี่ยอดคน มันก็ไม่มีเสียงแบบนั้นกันมากนัก สิ่งนี้ทำให้ผู้คนหันไปมองพวกเขา

 

“ฮึ ดูเหมือนว่าขยะจะเป็นที่ชื่นชอบไม่น้อย!” หยานกงเย้ยเยาะ

 

“ไม่ต้องกังวลกับมันหรอก เสียเวลาเปล่า เป้าหมายของพวกเราคือพวกพรรคเทพสงคราม!” เจียงอู่หลงไม่ได้สนใจหลินเซวียนแม้แต่น้อย

 

หลินเซวียนได้กลับไปยังที่พักด้านข้าง เวลานี้การต่อสู้ของเวทีที่สองยังไม่จบ บนเวที มีศิษย์ของพรรคเทพสงครามนั้นใช้กระบี่ ส่วนศิษย์ของพรรคปราณเทวะนั้นใช้ดาบยาว พวกเขากำลังแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งสองราวกับภูตผีที่เข้าห้ำหั่นกัน บรรยากาศรอบตัวพวกเขามืดดำอย่างมาก ความเร็วของพวกเขาทำให้คนธรรมดาไม่สามารถมองตามได้ทัน มีเพียงศิษย์ที่แข็งแกร่งจริง ๆ เท่านั้นทีจะเห็นการต่อสู้นี้

 

หลินเซวียนสามารถเห็นได้เหมือนปกติ เขาพบว่า ถึงแม้วิชาดาบของศิษย์พรรคปราณเทวะจะแพรวพราว แต่ก็มันก็กำลังถูกอ่านออกและเริ่มเสียเปรียบ เกรงว่าไม่เกินสิบกระบวนท่าเขาก็คงจะแพ้

 

“ยินดีด้วย ศิษย์พรรคเทพสงครามของเจ้าน่าจะชนะ” หลินเซวียนกล่าวให้ถังอวี้พร้อมรอยยิ้ม

 

ถังอวี้กะพริบตาและไม่กล่าวสิ่งใด ศิษย์พรรคปราณเทวะด้านข้างเองก็ได้ยินเช่นกัน

 

“เจ้าจะไปรู้อะไร ไอ้หนู? อย่าพูดจาไร้สาระ!”

 

“ใช่ เจ้าเห็นการประลองนั่นด้วยหรือ?”

 

“แค่อยากจะเอาใจสาวงามหน่อยถึงกับลืมหูลืมตาพูดจาอวดดี ข้าล่ะเหม็นหน้าเจ้านัก!”

 

ศิษย์เหล่านั้นไม่คิดว่าหลินเซวียนสามารถมองเห็นการต่อสู้อันรวดเร็วบนเวที แล้วจะนับประสาอะไรกับการมาตัดสินแพ้ชนะ แต่หลังจากผ่านไปเจ็ดกระบวนท่า บรรดาศิษย์เหล่านี้แทบจะกัดลิ้นตัวเอง

 

ศิษย์พรรคปราณเทวะได้พ่ายแพ้ทันทีหลังจากหลินเซวียนกล่าวจบ

 

“บัดซบ เจ้าปากอีกา!”

 

“ไอ้หนู กล้าพูดจาโอหังเพื่อให้ตัวเองดูดี!” ศิษย์พรรคปราณเทวะหันไปมองหลินเซวียนอย่างไม่พอใจ

 

หลินเซวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และไม่สนใจพวกเขาอีก เขาพลันนึกถึงการประลองบนเวทีที่สอง ศิษย์มีฝีมือเหล่านี้ไม่ได้เก่งแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทุกคนล้วนแต่มีความแข็งแกร่งที่ล้ำลึก เขาได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อยหลังจากดูชม

 

ศิษย์กว่าร้อยคนได้ผลัดกันต่อสู้บนเวที การเคลื่อนไหว ท่วงท่า วิชาทุกรูปแบบได้ปรากฏขึ้นมากมาย ศิษย์ที่ชมอยู่ด้านข้างต่างก็ส่งเสียงอึกทึกกันอย่างไม่ขาดสาย ท้ายที่สุดการทดสอบครั้งแรกก็จบลง

 

เมื่อตัดสิบอันดับแรกออกไป มันจึงมีศิษย์อยู่หนึ่งร้อยสามสิบคน ดังนั้นผู้ที่ผ่านเข้ารอบจึงมีอยู่หกสิบห้าคน แต่เนื่องจากจำนวนคนที่จะทดสอบไม่สามารถจับคู่ได้ครบ มันจึงจะมีหนึ่งคนที่ผ่านโดยไม่ต้องทดสอบรอบนี้

 

พวกเขาต่างพากันปิดตาลงภาวนาให้เป็นตัวเอง

 

“หยินฉิงอี้ รอบนี้ไม่ต้องประลอง!” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น

 

“อ๊ะ!” ปากของหยินฉิงอี้เปิดออกครึ่งหนึ่ง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยท่าทีประหลาดใจ ส่วนคนที่เหลือต่างพากันหดหู่

 

“ยินดีด้วย!” หลินเซวียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

“ขอบคุณศิษย์พี่หลิน” หยินฉิงอี้หน้าแดงอีกครั้ง

 

“ตอนนี้คือการประลองรอบที่สอง” “หมายเลข 135 พบกับหมายเลข 49!”

 

หลินเซวียนไม่คาดคิดว่าคนแรกจะเป็นเขา ‘แต่มันก็คงดีที่จะรีบประลองให้จบและกลับไปดูคนอื่นประลอง’ เมื่อนึกได้เช่นนี้เขาจึงยืนขึ้นยกดาบเพลิงโลหิตไขว้หลัง จากนั้นค่อย ๆ เดินขึ้นลานประลอง

 

“ใช่แล้ว ชายคนนี้แหละ เมื่อครู่เขาสาปแช่งพรรคปราณเทวะของพวกเรา ศิษย์พี่เสว่จะสั่งสอนมันให้หนักเอง!” ศิษย์พรรคปราณเทวะตะโกนขึ้น

 

“ศิษย์พี่เสว่ ทำอะไรกับมันสักอย่าง!” เสียงของศิษย์มากมายดังขึ้นมาไม่ขาดสาย

 

เสว่ฮัวฉิงเดินขึ้นบันไดลานประลองด้วยท่าทีเพลิดเพลินกับเสียงรอบด้าน เขาทราบว่ามันเป็นเสียงที่ชื่นชมตนอยู่

 

แต่ขณะเดียวกัน มันกลับมีเสียงตะโกนแปลก ๆ ดังขึ้นมาด้วย

 

“ศิษย์น้องหลิน เอาเลย ข้าให้กำลังใจเจ้าอยู่!”

 

“จัดการเขาให้ตายไปเลย! หลินเซวียนเจ้าต้องเอาชนะให้ได้ด้วยดาบของเจ้า!”

 

“น้องเซวียน พวกเราอยู่ข้างเจ้า ศิษย์ฝั่งทิศใต้ให้กำลังใจเจ้า!”

 

เสียงเหล่านั้นไม่ด้อยไปกว่าของพรรคปราณเทวะ ศิษย์มีฝีมือหลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะดู

 

“ฮ่า ฮ่า ไม่คาดคิดเลยว่ายังมีคนที่บารมีสูงส่งเช่นนี้อยู่โดยไม่เข้าพรรคใด ข้าอยากจะเห็นฝีมือของเขานัก!” ใกล้กับอัฒจันทร์สีทอง ชายหนุ่มในชุดดำกล่าวพร้อมหัวเราะ

 

“อะไร เจ้าอยากจะดึงเขามางั้นหรือ?” ชายหนุ่มด้านข้างเขาเอ่ยขึ้น

 

“ดูไปก่อน” ชายหนุ่มชุดดำไม่กล่าวสิ่งใดและมองไปยังลานประลองต่อ

 

“เจ้าหนู ดูเหมือนคนสนับสนุนเจ้าก็ไม่น้อยเหมือนกัน ข้าสงสัยนักว่าพวกเขาจะคิดยังไงหากเจ้าแพ้อย่างน่าขายหน้า?” เสว่ฮัวฉิงเยาะเย้ย ในความคิดของเขา หลินเซวียนที่มาแย่งความโดดเด่นไปนั้นเท่ากับรนหาที่ตาย

 

“ในที่สุดข้าก็ทราบว่าทำไมพวกเจ้าถึงอยู่กับพรรคปราณเทวะได้” หลินเซวียนกล่าวโดยไร้อารมณ์

 

“ทำไม?” เสว่ฮัวปิงสงสัย

 

“เพราะพวกเจ้าทั้งโง่และเหมือนกันหมด มันจะตายหรือไม่หากไม่พูดอะไรที่ไร้สาระ?” หลินเซวียนกลอกตา

 

“ดีมากไอ้หนู ข้าโกรธจริง ๆ แล้ว!” เสว่ฮัวปิงกล่าวอย่างเย็นเยือก “ผลที่เจ้ากล้าพูดแบบนั้นคือลงไปนอนคุยกับก้อนดิน!”

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์

ดาบพิโรธสวรรค์
Score 7.9
Status: Ongoing Released: N/A
อ่านนิยายเรื่อง ดาบพิโรธสวรรค์หลินเซวียนถูกผนึกจุดชีพจรจากพลังลึกลับ ทำให้เขาไม่สามารถเปิดพลังวิญญาณเข้าสู่การบ่มเพาะพลังได้ ชีวิตที่ต้องทนลำบากจากการถูกดูหมิ่น เย้ยหยัน เหยียดหยาม ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม มันทำให้ชีวิตของเขาได้พบจุดเปลี่ยน! … หนึ่งดาบทะลวงดารา! หนึ่งดาบสะเทือนฟ้าดิน! หนึ่งดาบพิโรธสวรรค์!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset