ตอนที่ 369.4 ความทุกข์ยากบนโลกมนุษย์ มิอาจเอื้อนเอ่ย

เมื่อสองวันก่อนเจิ้งต้าเฟิงเกือบจะถูกสุยโย่วเปียนเอากระบี่เสียบ

สาเหตุก็เพราะลูกศิษย์คนดีอย่างฟ่านเอ้อร์ไม่รู้ว่าไปให้ใครช่วยวาดภาพเหมือนที่ราวกับมีชีวิตจริงให้กับอาจารย์ของตัวเอง หลังจากได้มา เจิ้งต้าเฟิงก็เอามาแขวนไว้บนผนังห้องของตัวเอง ทำท่าราวกับว่าอยากจะจุดธูปบูชาอย่างไรอย่างนั้น

จากนั้นเผยเฉียนก็มาบอกความลับ

สุยโย่วเปียนจึงรีบไปดู เป็นภาพเหมือนของนางจริงๆ!

แถมยังยิ้มหวานหยดย้อยอีกด้วย? ชุดที่สวมก็โปร่งบางถึงเพียงนั้น?

หากครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเฉินผิงอันห้ามสุยโย่วเปียนเอาไว้ คาดว่าเจิ้งต้าเฟิงคงถูกนางแทงกระบี่ใส่เต็มแรงแล้วจริงๆ

สุดท้ายยังคงเป็นเฉินผิงอันที่ไม่สนใจคำอ้อนวอนของเจิ้งต้าเฟิง ปลดภาพเหมือนลงมามอบให้สุยโย่วเปียนนำไปจัดการ ถึงได้สยบคลื่นมรสุมที่ทำให้คนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ครั้งนี้ไว้ได้ แต่ก็ถือว่าสุยโย่วเปียนกับเจิ้งต้าเฟิงผูกปมความขัดแย้งกันไว้อย่างแน่นหนาแล้ว

เฉินผิงอันที่ทำตัวเป็นกาวประสานก็ไม่มีจุดจบที่ดี สุยโย่วเปียนไม่ได้ฟันภาพเหมือนนั้นให้แหลก กลับกันยังหัวเราะหยันพูดว่า ไม่สู้เจ้าเฉินผิงอันเก็บไว้เองเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้วนี่

คิดไปคิดมา เฉินผิงอันจึงใช้หลักความรู้การเรียงตามลำดับที่อาจารย์ผู้เฒ่าเหวินเซิ่งพูดถึง นั่นคือไปดึงหูเผยเฉียนมา บอกให้นางคัดตัวอักษรหนึ่งพันห้าร้อยตัว

ฟ่านเอ้อร์คล้ายจะมีไหวพริบอยู่บ้าง หลังจากนำภาพนี้มามอบให้ก็ไม่มาหาอีกเลย ไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันจะสอนให้เขารู้ว่าอะไรคือหมัดหวังปาที่แท้จริง

ช่วงปลายปีแล้ว

ต้องซื้อของสำหรับช่วงปีใหม่

ฟ่านจวิ้นเม่ามาเยือนรอบหนึ่ง บอกว่าตระกูลฟ่านกับตระกูลฝูได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ฝ่ายหลังเป็นคนมาหาถึงเรือน ฝูฉีมาพบนางด้วยตัวเอง ซึ่งฝูฉีรับประกันว่าจะชดเชยให้กับร้านยาฮุยเฉินด้วยจำนวนเงินที่ใหญ่เทียมฟ้า

เผยเฉียน เว่ยเซี่ยน สุยโย่วเปียนสามคนพากันไปซื้อสิ่งของที่ใช้ในวันตรุษจีน

เป็นเผยเฉียนที่ขอร้องสุยโย่วเปียนอย่างยากลำบาก

ผู้เฒ่าที่ทุกวันจะต้องมานั่งคุยกับจูเหลี่ยนในตรอกเล็กนอกร้านยา วันนี้นั่งอยู่ตรงมุมหัวเลี้ยว สงบสำรวมตามองจมูก จมูกมองใจ ท่าทางคล้ายยอดฝีมือนอกโลกอย่างยิ่ง

ตลอดหลายวันมานี้จูเหลี่ยนยิ่งตั้งใจอ่านหนังสือมากขึ้น อีกทั้งส่วนใหญ่ล้วนเป็นหนังสือใหม่เอี่ยมที่จัดพิมพ์ด้วยวิธีการดีเยี่ยม ล้วนเป็นผู้อาวุโสคนนั้นที่มอบให้เขา แทบจะต้องจุดตะเกียงอ่านตอนกลางคืนทุกวัน

คืนนี้พวกเผยเฉียนสามคนกลับมาพร้อมของเต็มมือ เฉินผิงอันปิดประตูร้านยา นั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาว ดื่มยาดองสุราที่ผ่านการหล่อหลอมระดับเล็กในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หนึ่งอึก

เผยเฉียนเล่นสนุกอยู่ข้างนอกอย่างเต็มที่มาหนึ่งวันจึงนอนหลับไปนานแล้ว แน่นอนว่าไม่กล้าไม่คัดหนังสือ

หลูป๋ายเซี่ยงนั่งอยู่ข้างกายเขา

เขาพูดคุยถึงเรื่องราวน่าสนใจบนภูเขาของใต้หล้าแห่งนี้

หลูป๋ายเซี่ยงรู้สึกว่าคู่ควรให้นำมาขบคิด พูดว่ายุทธภพของพื้นที่มงคลดอกบัวควรจะเรียนรู้การกระทำของสำนักบนภูเขาเหล่านี้บ้างจริงๆ

ยกตัวอย่างเช่นการสังหารศัตรูคู่อาฆาตของที่นี่ถือว่ารวดเร็วฉับไวอย่างมาก มีกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรหลายข้อบนภูเขาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

ข้อแรก รับมือกับศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่มีทางจะคลี่คลายความขัดแย้งได้ด้วยการถอนรากถอนโคน ข้อสอง ลูกศิษย์หนุ่มสาวที่ตบะไม่สูง แต่มีโชคดีเป็นพิเศษ อย่าได้เอาศีรษะหรือสมบัติอาคมไปมอบให้คนอื่นเด็ดขาด หากคนที่เป็นเช่นนี้จะถูกล้อมสังหาร คนส่วนใหญ่ที่จับกลุ่มกันมามักจะแบ่งให้คนหนึ่งคือผู้ฝึกตนที่มีตบะสูสีหรืออยู่ในขอบเขตเดียวกัน มาเพื่อขัดเกลามหามรรคา หากระหว่างการเข่นฆ่าสามารถสังหารคนผู้นั้นได้สำเร็จก็มีความเป็นไปได้ว่าจะดูดดึงเอาโชคของอีกฝ่ายมาครอง คนหนึ่งคือผู้ปกป้องมรรคาชั่วคราว อย่างน้อยต้องมีศักยภาพสูงกว่าคนที่จะถูกฆ่าหนึ่งถึงสองขอบเขต คนหนึ่งคือผู้ฝึกตนที่ตบะสูงที่สุดซึ่งจะคอยรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันอยู่ในที่มืด ข้อที่สาม หากยังคงเสียเปรียบครั้งใหญ่ แต่เมื่อเกี่ยวพันกับการคงอยู่หรือล่มสลายของสำนักก็ไม่ต้องคิดรักษาศักดิ์ศรีหน้าตาอีกแล้ว เงินที่ควรให้ก็ให้ สมบัติที่ควรมอบก็มอบไป ข้อที่สี่ ศักยภาพของผู้ฝึกตนอิสระจะสูงแค่ไหน แต่ไปมีเรื่องด้วยก็ไม่น่ากังวลมากนัก คนเหล่านี้ไม่มีที่พึ่ง เดิมทีก็เป็นเหมือนคลังสมบัติเคลื่อนที่อยู่แล้ว หากพวกเขากล้ามาแหยม ไม่ฆ่าทิ้งก็เสียเปล่า

คุยกันมาถึงสุดท้าย หลูป๋ายเซี่ยงปลงอนิจจังจากใจจริงว่า “ช่างเป็นฟ้าดินที่แตกต่างจริงๆ นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องของการรับลูกศิษย์ของที่นี่ พิถีพิถันยิ่งนัก พื้นที่มงคลดอกบัวไม่อาจเทียบได้เลย”

จากนั้นเขาก็หันหน้ามายิ้มให้ “อย่างเช่นสิ่งที่เจ้าปฏิบัติต่อเผยเฉียน”

เฉินผิงอันอืมรับหนึ่งที “การรับลูกศิษย์นั้นยากมาก ไม่ใช่ว่ามีอะไรก็สอนพวกเขาอย่างนั้น แรกเริ่มข้าไม่เต็มใจจะสอนเผยเฉียน ภายหลังเริ่มมีความคิดจะสอน แต่ก็ไม่กล้าสอน ตอนนี้คือไม่รู้ว่าควรจะสอนอย่างไร”

เฉินผิงอันเงยหน้ามองม่านฟ้าราตรี “จูเหลี่ยนเอ่ยสัพยอกว่าเผยเฉียนคือหญ้าบนยอดกำแพงที่แข็งแกร่ง อันที่จริงข้ารู้สึกว่ายังดี เด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น ผู้ใหญ่ที่เติบโตแล้ว ข้ารู้สึกว่าคนเราควรต้องมีสามช่วงวัยนี้ หญ้าต้นเล็กบอบบางอ่อนแอ แต่รากต้องหยั่งลึกลงไปอย่างแน่นหนา เพียงแค่ลมพัดมา หญ้าก็พลิ้วปลิว อันที่จริงนี่ก็ไม่มีอะไร หญ้าเขียวขึ้นเรียงเคียงกัน ลมพัดส่ายไปส่ายมา อันดับต่อมาก็จะเป็นเหมือนไผ่เขียวบนภูเขา บางคนก็รังเกียจ พูดกันว่าไผ่ชั่วร้ายตัดหมื่นต้นก็ไม่เสียดาย (ท่อนหนึ่งในบทกลอนของราชวงศ์ถัง) แต่ก็มีบัณฑิตบางคนที่ชอบต้นไผ่มาก ใต้หล้าแห่งนี้ยังถึงขั้นมีถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ (ทะเลไผ่) มีภูเขาชิงเสินที่ชื่อเสียงโด่งดังมาก จากนั้นถึงจะเป็นต้นสนเขียวตระหง่านหยัดตรง”

“เมื่อก่อนมีมือกระบี่คนหนึ่งที่ร้ายกาจมากๆๆ เดินทางร่วมกับข้า ตอนนี้มาย้อนนึกดูแล้ว ยามที่เขามองข้า หากว่ากันในด้านคุณลักษณะแล้วก็คงเหมือนที่ข้ามองเผยเฉียน ต่างก็กำลังถามใจตัวเองอยู่ เป็นการทดสอบที่ไร้เสียงครั้งหนึ่ง”

“ตอนนั้นข้าเพิ่งฝึกวิชาหมัด เขาสอนวิชากระบี่ที่สูงส่งให้ข้าไม่ได้หรือ? ให้ข้าดื่มเหล้าที่ดองจากโอสถปีศาจสักคำหนึ่งไม่ได้หรือไง? สอนวิชาชั้นสูงด้านการหล่อหลอมร่างกายและจิตวิญญาณให้ข้าไม่ได้หรือ? มอบสมบัติวิเศษให้ข้าทีเดียวหมดไม่ได้หรือไง? ล้วนทำได้ทั้งหมด เพราะสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ ที่ทำได้โดยไม่ต้องกะพริบตาด้วยซ้ำ”

“แต่เขากลับไม่ทำ”

“เพราะอะไร?”

“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยคิดมาก่อน ภายหลังมาคิดดูก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก จนกระทั่งข้างกายข้ามีเผยเฉียนถึงพอจะเข้าใจบ้างเล็กน้อย”

ท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งบอกว่าโลกที่พวกเราอยู่อาศัยมักจะซับซ้อนเช่นนี้เสมอ เดินไปเดินมา พุ่มหญ้าขึ้นเป็นกอ วัดร้างอารามเก่าโทรม เดินไปเดินมา ต้นหลิ่วต้นหยางเคียงคู่ ดอกท้อบานสะพรั่ง เดินไปเดินมา ภูเขาแห้งโกร๋นสายน้ำขุ่นมัว ม่านรัตติกาลหนาหนัก เดินไปเดินมา หอแก้วศาลาหยก เปล่งรัศมีเรืองรอง

เฉินผิงอันดื่มเหล้าดองยาอึกสุดท้ายของคืนนี้ ใบหน้าพลันแดงก่ำ ฤทธิ์เหล้านี้แรงจริงๆ

น้อยครั้งนักที่เฉินผิงอันจะพูดคุยเรื่องพวกนี้กับคนนอก วันนี้คือข้อยกเว้น

เพราะเฉินผิงอันรู้สึกว่าหลูป๋ายเซี่ยงคือคนบนเส้นทางเดียวกัน พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้น ก็คล้ายๆ กับที่ให้ตายอย่างไรผู้เฒ่าเหยาและอริยะหร่วนฉงก็ไม่ยินดีรับเขาเฉินผิงอันเป็นลูกศิษย์

เฉินผิงอันรัดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ให้เรียบร้อย ใช้สองมือถูหน้า จากนั้นก็เป่าลมใส่ฝ่ามือ ควันขาวลอยอวลอล ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า “ข้ามองโลกใบนี้ในแง่ดีเสมอ ส่วนที่เลวร้าย ข้าก็อยากจะมองให้ชัด มองให้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม หากเป็นเรื่องราวหรือคนที่ไม่ได้ถูกหรือผิดมากเกินไปก็จะพยายามมองในส่วนที่ดีของพวกเขา ไม่ได้บอกว่าคนอื่นไม่ชอบข้าเฉินผิงอัน ไม่เห็นดีในตัวข้าเฉินผิงอัน หรืออาจถึงขั้นเกิดข้อขัดแย้งกัน เขาจะต้องเป็นฝ่ายผิด ในพื้นที่มงคลดอกบัวของพวกเจ้ามีปรมาจารย์วิถีวรยุทธ์คนหนึ่งชื่อว่าคนลับมีดหลิวจง เขาพูดประโยคหนึ่งที่น่าสนใจมาก ‘ถนนใต้ฝ่าเท้ากว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ต่างคนต่างเดินไป ไม่มีปัญหา’ ข้าคิดว่าประโยคนี้ไม่มีปัญหาจริงๆ เพียงแต่ เป็นคน จะไม่มีคนดีคนเลวได้อย่างไร นอกจากถูกและผิดแล้วก็จะค่อนข้างพร่าเลือน ต่างก็พูดกันว่าชะตาชีวิตคนเกี่ยวข้องกับสวรรค์ นี่ก็ถือเป็นความถูกต้องและความผิดแล้ว ยกตัวอย่างเช่นตู้เม่า ผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานคนนั้น ชั่วชีวิตนี้เขาต้องเคยทำเรื่องที่เลวร้ายมามากแน่ๆ และก็ต้องเคยทำเรื่องดีมาเช่นกัน ถึงขั้นที่ว่าเมื่ออยู่ในสำนักใบถง เขาก็คือบรรพบุรุษผู้กู้คืนความรุ่งโรจน์อย่างสมศักดิ์ศรีจริงๆ ลูกศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำคือวีรกรรมยิ่งใหญ่ที่เรียกว่าสละชีวิตเพื่อความชอบธรรม”

หลูป๋ายเซี่ยงวางมือสองข้างไว้บนหัวเข่าเบาๆ ยิ้มบางกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าทุกคนต่างก็ยินดีหาเรื่องลำบากใส่ตัวอย่างเจ้าหรือ? วันๆ เอาแต่คิดวกวนอยู่ในใจว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด จะต้องลำบากแบบนี้ไปเพื่ออะไร? ฝึกวรยุทธ์ เรียนวิชากระบี่ เป็นเทพเซียน คนหลายคนก็ทำแค่เพื่อความสะใจของตัวเองเท่านั้น เป็นจอมยุทธ์ผดุงคุณธรรม เพื่อแก้แค้นให้เพื่อนสนิทจึงสังหารคนทั้งครอบครัวของคนที่ไม่รู้จัก แต่นี่กลับถูกยุทธภพมองว่าเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของวีรบุรุษ จะนับอย่างไร? เพื่อบิดา ปล้นรถนักโทษสังหารขุนนาง ฆ่าทุกคนหมดสิ้นในรวดเดียว สุดท้ายยังได้เป็นขุนนางใหญ่ ทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ ถูกมองว่าเป็นการกระทำที่กตัญญู เปี่ยมไปด้วยความองอาจผึ่งผาย จะนับเช่นไร? คนผู้หนึ่งทรยศต่อข้า ข้าก็ทรยศต่อคนทั้งใต้หล้า คนแบบนี้มีมากมายเหลือเกิน บางคนทำเช่นนี้ แต่บางคนก็คิดจะทำ แต่แค่ทำไม่ได้เท่านั้น”

หลูป๋ายเซี่ยงใช้สองมือตบเข่าเบาๆ “บนเส้นทางชีวิตคน มีคนมองเห็นดอกไม้หนึ่งดอกท่ามกลางความรกร้างว่างเปล่า พอเห็นแล้วก็รู้สึกมีความหวัง บางคนทนเห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ เห็นคนอื่นทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้ จึงมองเห็นแต่ขี้ที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง กินขี้อยู่เต็มปาก แต่กลับยังรู้สึกว่ารสชาติยอดเยี่ยม ถึงอย่างไร…กินขี้ก็ทำให้อิ่มท้องได้”

เฉินผิงอันอดถามขัดจังหวะทำลายบรรยากาศอันดีไม่ได้ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

แล้วก็รีบพูดว่า “ช่างเถิด ถือซะว่าข้าไม่ได้ถาม”

หลูป๋ายเซี่ยงให้คำตอบที่ต่อให้เฉินผิงอันคิดจนหัวแตกก็คิดไม่ถึง “ข้าเคยกินมาก่อนไง”

เฉินผิงอันเงียบงัน

หลูป๋ายเซี่ยงคลี่ยิ้ม พูดด้วยสีหน้าปกติ “ข้ามีชาติกำเนิดพอๆ กับเว่ยเซี่ยน อันที่จริงยังแย่กว่าเขาเล็กน้อยด้วยซ้ำ เป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่ยังเล็ก คนที่บ้านเกิดก็ไม่ถือว่าเป็นคนซื่อสัตย์จิตใจบริสุทธิ์อะไร ปีที่ข้าอายุสิบสี่เคยถูกเด็กหนุ่มชั่วร้ายของบ้านเกิดโยนเข้าไปในหลุมขี้ แถมยังทิ้งคนสองคนให้เฝ้าอยู่ด้านข้าง ขอแค่โผล่หัวออกมาจะต้องถูกด้ามไม้ไผ่ตีกลับไป ช่วยไม่ได้ จึงต้องกินให้อิ่มท้อง หลังจากนั้นมาข้าก็ลับมีดแหลมคมเล่มหนึ่ง”

เฉินผิงอันถาม “ทุกคนล้วนถูกเจ้าแทงตายหรือ?”

หลูป๋ายเซี่ยงส่ายหน้า “เปล่าเลย ข้าคำนวณเวลาอย่างแม่นยำ คนแรกที่จับตัวมาได้ดื่มเหล้าจนเมามาย ข้าแทงท้องเขาหนึ่งทีก็ขาอ่อนไปก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็ถูกโยนเข้าไปในคุกของอำเภอ ต่อมาบ้านเกิดก็อยู่ไม่ได้แล้ว จึงออกไปท่องยุทธภพ เรียกว่าท่องยุทธภพ แต่อันที่จริงก็แค่การมีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ จู่ๆ วันหนึ่งข้าก็เริ่มได้พบเจอกับเรื่องอัศจรรย์ติดต่อกัน ไปกินสมุนไพรวิเศษอายุพันปีต้นหนึ่ง ได้รับตำราลับวิชาเทพเซียนมาเล่มหนึ่ง รู้จักกับสาวงามคนรู้ใจมากมาย แล้วก็คงเป็นเพราะรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อยกระมัง จึงกลายเป็นความยึดมั่นอย่างหนึ่ง คิดอยากจะให้ตัวเองเป็นเหมือนลูกหลานชนชั้นสูง กลายมาเป็นบัณฑิต ชอบคำว่า ‘สง่างาม’ มากที่สุด แต่ว่าข้ายังถือว่าฉลาด ไม่ว่าเรียนรู้อะไรก็เร็วไปหมด สรุปจากเรื่องหนึ่งก็อนุมานไปเรื่องอื่นๆ ได้ อีกอย่างไม่ว่าข้าทำอะไรก็ล้วนอยากเป็นที่หนึ่ง โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียว ต่อให้ช่วงชิงมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังถือว่าปล่อยวางได้”

เฉินผิงอันพูดอย่างสะท้อนใจ “ข้ารู้ว่าจูเหลี่ยนมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลสูงศักดิ์ คือคนของครอบครัวที่ร่ำรวย ยามกินใช้กระถางวางอาหารเลิศรส มีดนตรีบรรเลงคลออย่างแท้จริง สุยโย่วเปียนแย่กว่าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นครอบครัวแม่ทัพอันดับหนึ่ง โชควาสนานำพาถึงได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่มงคลดอกบัวปีนั้น ยากจะจินตนาการได้ว่า เจ้าก็คือบรรพบุรุษผู้บุกเบิกภูเขาของลัทธิมารในพื้นที่มงคลดอกบัว”

หลูป๋ายเซี่ยงยิ้มอย่างเข้าใจ “ก็ยุทธภพนี่นะ ในช่วงเวลาที่ข้าใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติรุ่งโรจน์ ในยุทธภพไม่ว่าจะเป็นธรรมะหรืออธรรมก็ล้วนชื่นชอบตั้งชื่อที่ไพเราะน่าฟัง ข้าไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่ตรงไหน หากคิดจะตั้งชื่อก็ตั้งไปตรงๆ ว่าลัทธิมาร จากนั้นก็ทำเรื่องที่ถูกต้องซื่อตรงยิ่งกว่าพรรคฝ่ายธรรมะ นั่นต่างหากถึงจะถือว่าร้ายกาจ ใช่แล้ว ไม่ต้องให้เจ้าเฉินผิงอันพูด ข้าก็รู้ว่าหลังจากนั้นลัทธิมารมีพฤติกรรมเช่นไร เปิดตำราประวัติศาสตร์หลายเล่มออกอ่านก็จะค้นพบว่าประวัติศาสตร์ก็วกไปวนมาอยู่แบบนี้ ราชสำนัก ยุทธภพล้วนเหมือนกัน เหมือนการวาดวงกลม บางครั้งอาจมีอริยะผู้ทรงคุณธรรม มีผู้เปี่ยมพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์โผล่ออกมา ถ้าอย่างนั้นก็เดินออกไปอีกหน่อย วงกลมจะใหญ่ขึ้นอีกนิด คนรุ่นหลังก็จะเดินวนตามวงกลมต่อไป”

เฉินผิงอันคิดแล้วก็พูดว่า “บางครั้งก็เลี้ยวไปเลี้ยวมา ไม่มีที่สิ้นสุด”

หลูป๋ายเซี่ยงพยักหน้ารับ “นั่นก็คือปรากฎการณ์ของกลียุค ชีวิตคนมีค่าเท่าผักหญ้า ไม่ต่างจากไก่และหมา”

คนทั้งสองเงียบงันกันไปนาน

—–

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset