ตอนที่ 431.1 บนโต๊ะมีข้าวอีกถ้วย

ชุดหม่างสีหมึกทำมาจากหนังที่หนีชิวน้อยลอกคราบครั้งแรกหลังเลื่อนเป็นก่อกำเนิด คือชุดคลุมอาคมที่สกัดคงคาเจินจวินต้องทุ่มเงินก้อนใหญ่ขอให้ยอดฝีมือสร้างขึ้นอย่างลับๆ

กู้ช่านไม่สอดมือสองข้างไว้ในชายแขนเสื้ออีก ไม่ใช่มารร้ายที่ทำให้ผู้ฝึกตนอิสระจำนวนนับไม่ถ้วนของทะเลสาบซูเจี่ยนรู้สึกว่าสูงส่งลึกล้ำเกินคาดเดาอีกต่อไป เขากางมือออกกว้าง กระโดดโหยงอยู่ที่เดิม “เฉินผิงอัน เจ้าตัวสูงขนาดนี้แล้วหรือ ข้ายังนึกว่าพอพวกเราได้เจอกันอีกครั้ง ข้าจะสูงได้เท่าเจ้าแล้ว!”

เพียงแต่ว่าบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นไม่เอ่ยอะไรสักคำ

ทุกคนในนครน้ำบ่อที่ชมความครึกครื้นอยู่ริมถนนล้วนไม่กล้าหายใจเสียงดัง ต่อให้เป็นลวี่ไช่ซางที่นิสัยร้ายกาจพอๆ กับกู้ช่านก็ยังรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจอย่างน่าประหลาด

กู้ช่านยกมือเกาหัว

ในที่สุดเฉินผิงอันก็เปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ท่านอาหญิงยังสบายดีไหม?”

กู้ช่านพยักหน้ารับอย่างแรง “สบายดี!”

เฉินผิงอันกล่าว “ข้าอยากไปพบท่านอาหญิง ได้ไหม?”

กู้ช่านพูดอย่างน้อยใจ “มีอะไรได้ไม่ได้กันเล่า ท่านแม่ของข้าก็ชอบพูดถึงเจ้าบ่อยๆ เฉินผิงอัน ทำไมเจ้าถึงต้องทำตัวห่างเหินแบบนี้ด้วย?”

เฉินผิงอันกล่าว “ข้าจะรอเจ้าที่ท่าเรือ เจ้าไปกินปูกับเพื่อนให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพาข้าไปที่เกาะชิงเสีย”

กู้ช่านหัวเราะหึหึ “จะต้องสนใจพวกเขาทำไม ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ ไปๆๆ ข้าจะพาเจ้าไปที่เกาะชิงเสียเดี๋ยวนี้เลย ตอนนี้ข้ากับท่านแม่มีเรือนหลังใหญ่มาก รวยกว่าตอนที่อยู่ตรอกหนีผิงเยอะนักล่ะ อย่าว่าแต่รถม้าเลย ขนาดหนีชิวน้อยยังสามารถเข้าออกได้ เจ้าว่านั่นต้องเป็นถนนที่ใหญ่แค่ไหน เป็นเรือนที่โอ่อ่าเท่าไหร่ ใช่ไหม?”

เฉินผิงอันถาม “ไม่ไปบอกกับพวกฟ่านเยี่ยน หยวนหยวนสักคำหรือ?”

กู้ช่านส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เพื่อนกินพวกนี้ จะนับเป็นผายลมอะไรได้”

เฉินผิงอันไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่ชำเลืองตามองมันที่อยู่ด้านหลังกู้ช่าน ‘หนีชิวน้อย’ ที่ปีนั้นถูกตนตกมาจากร่องน้ำในคันนา

ตอนนี้มันปรากฏกายอยู่บนโลกด้วยรูปลักษณ์ของมนุษย์ คือดรุณีน้อยหน้าตาธรรมดา เพียงแต่หากมองอย่างละเอียด ดวงตาดำสีทองที่ตั้งตรงของมันคู่นั้นกลับสามารถทำให้พวกผู้ฝึกตนจับเบาะแสบางอย่างได้

พอเฉินผิงอันชำเลืองมองมาทางมัน หนึ่งในทายาทของมังกรที่แท้จริงห้าตัวสุดท้ายบนโลกในถ้ำสวรรค์หลีจูที่แม้แต่หลิวจื้อเม่าแห่งทะเลสาบซูเจี่ยนก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา คราวนี้มันไม่ได้ก้าวถอยหลังอย่างเมื่อครั้งที่เพิ่งพบกัน แต่กระนั้นก็ยังหลุบเปลือกตาลงต่ำ ราวกับไม่กล้ามองสบตาเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวได้ก็เดินไปทางท่าเรือทันที

กู้ช่านก้าวเร็วๆ ตามไป มองแผ่นหลังเฉินผิงอันแวบหนึ่ง คิดแล้วก็หันไปบอกให้ลวี่ไช่ซางไปแจ้งพวกฟ่านเยี่ยนให้รับรู้ แล้วจึงบอกให้หนีชิวน้อยพาสตรีแต่งงานแล้วที่เป็นนักฆ่าเซียนดินโอสถทองผู้นั้นตามมาด้วย

ลวี่ไช่ซางทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดชะงัก เห็นว่าสายตาของกู้ช่านเย็นชา ลวี่ไช่ซางก็แค่นเสียงดังหึแล้วเดินไปจากที่แห่งนี้

กู้ช่านถึงได้เดินอาดๆ ตามเฉินผิงอันไปอย่างอารมณ์ดี ชายแขนเสื้อกว้างใหญ่สองข้างของชุดหม่างสะบัดดังพรึ่บพั่บไปตามลม

หากไม่เป็นเพราะได้เจอเฉินผิงอัน วันนี้สตรีแต่งงานแล้วต้องตายอย่างแน่นอน คำว่าประหารเก้าชั่วโคตรก็ยิ่งไม่ได้ล้อเล่น นางจะต้องได้กลับไปอยู่ร่วมกับคนทั้งตระกูลอย่างพร้อมหน้าในปรโลกแน่ๆ

กู้ช่านเห็นว่าตอนที่เฉินผิงอันเดินผ่านรถม้าก็ยังไม่หยุดเท้า จึงตะโกนเรียก “เฉินผิงอัน ไม่นั่งรถม้าหรือ?”

เฉินผิงอันไม่ได้หยุดเดิน แล้วก็ไม่ได้หันตัวกลับมา “ข้ามีขาเดินเองได้ อีกอย่างถึงจะเดินก็ตามรถม้าได้ทัน”

กู้ช่านจึงบอกให้หนีชิวน้อยนำตัวนักฆ่าขึ้นรถม้า ตัวเองเดินตามเฉินผิงอันมุ่งหน้าไปยังเรือหอเรือนเกาะชิงเสียที่จอดอยู่ตรงท่าเรือ

ตลอดทางที่เดินกันมา กู้ช่านทั้งไม่ได้ถามเฉินผิงอันว่าทำไมต้องตบตนสองที แล้วก็ไม่ได้เล่าถึงความมีบารมีอำนาจของตัวเองในทะเลสาบซูเจี่ยน แค่คุยเรื่องน่าสนใจของเขตการปกครองหลงเฉวียนที่ตัวเองได้ยินได้ฟังจากคนอื่นมาอีกที

เพียงแต่ว่ายิ่งขยับเข้าใกล้ทะเลสาบซูเจี่ยน กู้ช่านก็ยิ่งผิดหวัง

เพราะก็เหมือนกับที่เขาไม่แยแสเพื่อนจิ้งจอกสหายสุนัขกลุ่มนั้น ระยะทางที่เดินกันมา ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เฉินผิงอันไม่ยอมพูดอะไรกับเขาสักคำ แต่สิ่งที่ทำให้กู้ช่านรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันไม่ได้กำลังสะกดกลั้นไฟโทสะที่อัดแน่นอยู่เต็มท้อง แต่เป็นใจลอย จะพูดให้ถูกก็คือจิตใจของเฉินผิงอันจมจ่อมอยู่กับเรื่องของตัวเอง นี่พอจะทำให้กู้ช่านคลายใจลงได้บ้าง

กู้ช่านกลัวที่สุดก็คือ เฉินผิงอันไม่พูดไม่จาสักคำ พบหน้าตนแล้วตบบ้องหูตนสองที จากนั้นก็จากไปโดยไม่เอ่ยอะไร

ไม่ได้พบกันอีกชั่วชีวิต ต่อให้ในอนาคตได้เจอกันโดยบังเอิญก็เป็นได้แค่คนแปลกหน้าต่อกัน

ตอนที่ขึ้นเรือ หนีชิวน้อยพาสตรีแต่งงานแล้วคนนั้นเดินตามมาด้านหลังด้วย กู้ช่านถามอย่างระมัดระวัง “เฉินผิงอัน ไม่อย่างนั้นให้ข้าปล่อยนักฆ่าคนนี้ไปดีไหม? วันนี้ข้าอารมณ์ดี ปล่อยนางไปก็ไม่เป็นไร”

ฝีเท้าของเฉินผิงอันชะงักเล็กน้อย แต่ยังคงก้าวไปข้างหน้า ไม่หยุดเดิน

เพียงแต่กู้ช่านสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าชั่วขณะนั้นเฉินผิงอันโกรธและ…ผิดหวัง

ทว่ากู้ช่านไม่เข้าใจว่าทำไมตนพูดแบบนี้ ทำแบบนี้แล้ว…ยังผิดสำหรับเฉินผิงอันอีก

ดังนั้นกู้ช่านจึงหันหน้ากลับไป สอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เท้าก็ก้าวไปไม่หยุด แต่ลำคอกลับหันมาจับจ้องสตรีแต่งงานแล้วคนนั้นด้วยสายตาเย็นชาอยู่ตลอดเวลา

ล้วนเป็นเพราะนังผู้หญิงที่วันไหนไม่โผล่หัวดันโผล่หัวมาลอบฆ่าตนวันนี้ผู้นี้แท้ๆ ถึงทำให้เฉินผิงอันโมโหตน ช่างสมควรตายจริงๆ ถูกประหารเก้าชั่วโคตรก็ยังไม่เพียงพอ!

มาถึงหัวเรือ เฉินผิงอันหยุดยืนนิ่ง ทอดสายตามองทัศนียภาพของทะเลสาบที่ห่างไปไกลเพียงลำพัง

กู้ช่านทั้งน้อยใจและไม่พอใจ แต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆ เฉินผิงอันด้วย จึงได้แต่ยืนห่างมาทางด้านหลังเขาไม่กี่ก้าว ขนาดความกล้าที่จะยืนเคียงไหล่เฉินผิงอัน เขาก็ยังไม่มี

และเวลานี้เอง นักฆ่าที่ในที่สุดก็สัมผัสได้ว่าตัวเองยังเหลือทางรอดเสี้ยวสุดท้ายพลันคุกเข่าลง โขกหัวให้กับเฉินผิงอันอย่างแรง “ขอร้องเจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี คือพระโพธิสัตว์มีชีวิตที่จิตใจเมตตา ขอร้องเจ้าพูดกับกู้ช่านสักคำ ให้เขาปล่อยข้าไปสักครั้ง ขอแค่ไม่สังหารข้า วันหน้าข้าจะสร้างซุ้มป้าย สร้างศาลให้แก่ท่านผู้มีพระคุณ จะจุดธูปกราบไหว้ทุกวัน ต่อให้ผู้มีพระคุณจะขอให้ข้าเป็นวัวเป็นม้าของกู้ช่านก็ยังได้…”

ปลายนิ้วของหนีชิวน้อยสั่นเบาๆ

กู้ช่านกลับยกยิ้ม หมุนตัวกลับมาส่ายหน้าให้หนีชิวน้อย ปล่อยให้นักฆ่าคนนี้โขกหัวร้องขอชีวิตจนเกิดเสียงหน้าผากกระแทกพื้นเรือดังตึงๆ อยู่ตรงนั้น

เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงด้วยมืออันสั่นเทา ดื่มเหล้าก่อนอึกใหญ่ถึงจะหมุนตัวกลับมา แต่กลับไม่ได้มองสตรีแต่งงานแล้วที่บอกว่าตนเป็นคนดีเป็นพระโพธิสัตว์มีชีวิต เขามองกู้ช่าน ถามว่า “ทำไมถึงไม่ฆ่าแค่นาง?”

กู้ช่านพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หากฆ่าแค่นางย่อมไม่ได้ผล คนที่ชอบรนหาที่ตายในทะเลสาบซูเจี่ยนมีมากเกินไป เฉินผิงอันเจ้าอาจจะไม่รู้ ในทะเลสาบซูเจี่ยนที่ไร้ขื่อไร้แปแห่งนี้ หากคิดว่าใครฆ่าข้า ข้าก็แค่ฆ่าคนนั้น นั่นก็ถือว่ามีจิตใจดุจพระโพธิสัตว์ที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าแล้ว จะต้องกลายมาเป็นตัวตลกที่พวกผู้ฝึกตนอิสระหลายหมื่นคนและคนทุกคนที่อยู่ในนครรอบทะเลสาบซึ่งพึ่งพาเจ้าของเกาะแต่ละเกาะพากันหัวเราะเยาะ”

กู้ช่านคงกลัวว่าเฉินผิงอันจะไม่เชื่อตน จึงหันหน้าไปถามหนีชิวน้อย “ใช่แบบนี้ไหม? ข้าไม่ได้โกหกเฉินผิงอันใช่ไหม?”

หนีชิวน้อยที่ไม่ยำเกรงต่อผู้ใด ไม่เคารพกฎหมายไร้ขื่อไร้แปที่สุดในทะเลสาบซูเจี่ยนพยักหน้ารับอย่างขลาดกลัว

สตรีแต่งงานแล้วสามารถกลายมาเป็นเซียนดินโอสถทองคนหนึ่งใด อีกทั้งยังกล้ามาลอบสังหารกู้ช่าน ย่อมไม่ใช่คนโง่อยู่แล้ว เพียงชั่วพริบตาก็ขบคิดจนเข้าใจความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดของฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายของตน ตนสามารถฆ่าได้? นางรู้สึกเหมือนร่วงดิ่งลงไปในหุบเหวน้ำแข็งทันใด ตอนที่ก้มหน้าลง สายตากลอกล่อกแล่กไม่หยุดนิ่ง

เฉินผิงอันมองนาง ถามว่า “หากจะบอกว่า ข้าช่วยรับประกันให้ได้ว่าฆ่าเจ้าคนเดียว แต่ทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าล้วนมีชีวิตรอด เจ้าจะทำอย่างไร?”

สตรีแต่งงานแล้วเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลพรากนองเต็มหน้า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี ทำไมถึงปล่อยข้าไปพร้อมกันไม่ได้เล่า? ข้ารู้ว่าข้าผิด ข้าไม่ควรลอบฆ่ากู้ช่าน ข้ารับรองว่าวันหน้าหากพบกู้ช่านอีกจะเป็นฝ่ายเดินหลีกหนีไปให้ไกล ขอร้องเจ้าช่วยข้าด้วยเถอะ ช่วยชีวิตคนหนึ่งครั้งได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ขอร้องเจ้าล่ะ!”

เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช้า “หากวันนี้การลอบฆ่าของพวกเจ้าประสบความสำเร็จ กู้ช่านนั่งคุกเข่าบนพื้นขอร้องให้พวกเจ้าปล่อยเขาและแม่ของเขาไป เจ้าจะรับปากหรือไม่? เจ้าตอบข้ามาตามตรงก็พอ”

สตรีแต่งงานแล้วปาดน้ำตาทิ้ง “ต่อให้ข้าเต็มใจปล่อยกู้ช่านไป แต่ผู้ฝึกกระบี่ของราชวงศ์จูอิ๋งผู้นั้นต้องลงมือสังหารเขาแน่นอน แต่ขอแค่กู้ช่านช่วยข้า ข้าจะต้องปล่อยแม่ของกู้ช่านไปแน่ ข้าจะออกหน้าปกป้องสตรีที่บริสุทธิ์ผู้นั้นไว้ให้ดี จะต้องไม่ให้นางถูกรังแกแน่ๆ”

กู้ช่านคลี่ยิ้มกว้างสดใส

เขาย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าสตรีผู้นี้พูดให้ฟังดูดีไปอย่างนั้นเอง ก็เพื่อให้มีชีวิตรอดนี่นะ คำพูดหลอกผีอะไรที่พูดไม่ได้บ้าง กู้ช่านไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย แต่นี่เกี่ยวอะไรกันด้วยเล่า? ขอแค่เฉินผิงอันยอมพยักหน้าตกลงแล้วไม่โกรธตน ให้ปล่อยมดพวกนี้ไปสักตัวสองตัวจะเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว อย่าว่าแต่ชีวิตไร้ค่าของเซียนดินโอสถทองอย่างนางเลย ต่อให้เป็นคนในครอบครัวนางเก้าชั่วโคตรก็ไม่มีความสำคัญเช่นกัน มดตัวน้อยที่ความตั้งใจเดิม คำสัญญาและตบะล้วนไม่มีค่าแม้แต่อีแปะเดียวพวกนี้ เขากู้ช่านไม่เก็บเอามาใส่ใจแม้แต่น้อย ก็เหมือนกับครั้งนี้ที่จงใจใช้ทางอ้อมไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงก็ไม่ใช่เพื่อต้องการหาเรื่องสนุกให้กับตัวเอง หยอกพวกคนที่เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองกำชัยชนะไว้ในมือพวกนี้เล่นหรอกหรือ?

เฉินผิงอันพูดกับกู้ช่านช้าๆ “เจ้าสังหารนางบนถนน ข้าไม่รู้สึกว่าผิด เจ้าสังหารนางที่นี่ ก็ไม่ผิดเหมือนกัน ไปถึงเกาะชิงเสียแล้วค่อยสังหารนาง ก็ไม่มีปัญหา”

กู้ช่านอึ้งตะลึง

เฉินผิงอันถาม “ตอนนั้นที่อยู่บนถนน เจ้าเรียกนางว่าอะไร?”

กู้ช่านคิดแล้วก็ตอบว่า “ท่านอาหญิง”

เฉินผิงอันถาม “ข้าเรียกท่านแม่เจ้าว่าอะไร?”

กู้ช่านตอบอย่างอัดอั้น “ก็เรียกท่านอาหญิง”

เฉินผิงอันพูดพึมพำ “คนทั้งครอบครัวต้องอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา คนทั้งครอบครัวต้องกลับมารวมตัวกันอย่างสุขสันต์”

กู้ช่านพลันตาแดงก่ำ ก้มหน้าลง “เจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไรกันแน่ ฆ่านาง หรือว่าปล่อยนางไป เจ้าถึงจะไม่โกรธ ไม่โมโห เลิกทำเป็นไม่สนใจข้า เฉินผิงอัน เจ้าบอกข้ามาสิ แล้วข้าจะทำ”

เฉินผิงอันหมุนตัวกลับ “ตามใจเจ้า ข้าไปพบท่านอาหญิงที่เกาะชิงเสียแล้ว บางทีหากพูดคุยเสร็จก็จะจากไปทันที”

แล้วเฉินผิงอันก็ไม่พูดอะไรอีก

กู้ช่านกัดฟันกรอด น้ำตาคลอกลบดวงตา สองมือกำหมัดแน่น

จิตใจของกู้ช่านเชื่อมโยงอยู่กับหนีชิวน้อย ไม่จำเป็นต้องให้กู้ช่านบอก หนีชิวน้อยก็หิ้วตัวเซียนดินโอสถทองเหมือนหิ้วลูกเจี๊ยบเอาไปขังไว้ในห้องลับบนเรือ

—–

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset