ตอนที่ 498 ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

ตอนที่ 498 ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
เรือบินเกราะดํา ฉับพลันปรากฏคนของตําหนักโทเทมมาเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียม พวกเขาทราบว่าคนที่ปล่อยให้เรือดําเนินการ มีส่วนรู้
เห็นกับตําหนักโทเทม ให้ออกมารีดไถเหรียญม่วงผู้คนเช่นนี้
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์จดจําได้ ว่าเรือบินเกราะดําหยุดไปครู่ นั่น
จะต้องเป็นช่วงปล่อยให้คนของตําหนักโทเทมเข้ามาอย่างแน่นอน
ตําหนักโทเทมคงอยู่ทั้งในแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้าง
และรากฐานของตําหนักโทเทมก็อยู่ที่แดนอสูรอ้างว้าง ดังนั้นแล้ว
พวกเขาจึงกล้าก่อการอหังการขึ้นที่นี่
ชายร่างใหญ่พบฉินหยุนไม่คิดส่งมอบ เขาจึงเผยรอยยิ้มโฉดชั่ว
“ภรรยาเจ้าหรือ? เช่นนั้นให้นางเล่นสนุกกับพวกเราสักหนึ่งชั่วยาม
แล้วเจ้าก็ไม่จําเป็นต้องจ่ายแม้สักเหรียญ!”
ชายร่างใหญ่อีกคนหัวเราะดัง “ข้าคิดอยากเล่นกับนางสักหนึ่งชั่วยาม
เช่นกัน ดังนั้นพวกเจ้าทั้งสองจึงได้รับสิทธิ์ในการไม่ต้องจ่าย!”
คําพอกล่าวจบ ชายทั้งสองจึงปิ ดประตู ทั้งคู่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่หวั่นเกรงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ฉินหยุนนํายันต์ออกมาด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว นํ้าเสียงลุ่มลึกกล่าว
ออก “เจ้าทราบหรือไม่ว่ายันต์นี้คืออะไร?”
“ผู้ใดสนใจยันต์ในมือเจ้ากัน ด้วยพละกําลังเจ้า ไม่มีทางต่อต้านอัน
ใดต่อพวกเราได้!” ชายร่างใหญ่หัวเราะ “หาได้ยากนักที่จะมีโฉมงาม
เช่นนี้แม้ในรอบหนึ่งร้อยปี… ข้าย่อมต้องขอลิ้มลองแล้ว!”
“ไปลิ้มลองความตายเจ้า!” นํ้าเสียงฉินหยุนเย็นเยียบและเปี่ ยมล้น
ด้วยจิตสังหาร ยันต์สะกดกายในมือถูกขว้างออก
แม้ชายร่างใหญ่ทั้งสองอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ฉินหยุนก็มียันต์
วิญญาณระดับราชัน ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถสะกดร่างทั้งสองคน
เอาไว้ได้ราวสองถึงสามชั่วลมหายใจ!
“ยันต์สะกดกาย… หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร นี่เจ้าคือฉินหยุน
หรือ!” ชายร่างใหญ่พบฉินหยุนนําหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร
ออกมา จึงร้องตะโกนออกด้วยความหวาดกลัว
ฉินหยุนใช้หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร จับตัวทั้งสองเอาไว้ภายใน
หยางฉีเย่ว์มองไปยังหม้อสามขางดงามใบน้อยที่ฝ่ ามือฉินหยุน นาง
หัวเราะออก “คล้ายไม่ต้องให้ข้าลงมืออันใด เพียงเจ้าก็แก้ปัญหาได้!
สมแล้วที่เป็นสามีข้า!”
ฉินหยุนยิ้มรับเล่นด้วย “เช่นนั้นภรรยาแสนดีของข้าคิดตบรางวัลใด
กัน?”
ใบหน้าขาวนวลของหยางฉีเย่ว์ขณะนี้ เผยความงดงามชวนดึงดูด
ขณะเผยรอยยิ้มซุกซน นิ้วทั้งสองถูกยกขึ้น ประทับที่ริมฝีปาก ก่อน
จะใช้สองนิ้วนั้นประทับที่ริมฝีปากฉินหยุนอีกทีหนึ่ง
ฉินหยุนแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนเองพลางหัวเราะ “นี่หาได้พอไม่!”
“เลิกเล่นได้แล้ว!” หยางฉีเย่ว์กลอกตามอง จากนั้นจึงเผยเสียงจริงจัง
“สองคนนี้หายตัวอย่างกะทันหัน ต้องมีคนทราบในไม่ช้าแน่!”
“ตําหนักจารึกเทวะ นับวันยิ่งมีแต่คนเลวทราม!” ฉินหยุนมองหม้อ
ใบน้อยในมือพลางถอนหายใจ
“เพราะตระกูลชนชั้นสูงมากมายมีส่วนร่วมในการบริหารตําหนัก
จารึกเทวะ พวกเขาจึงฝังเมล็ดพันธ์ตนเองเอาไว้ในตําหนักจารึกเทวะ
ผลลัพธ์ที่ได้ สัมพันธ์ภายในของตําหนักจารึกเทวะจึงเริ่มเอนเอียง”
หยางฉีเย่ว์นั่งข้างเตียงนอน มือขาวนวลขณะนี้ลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่ม
เป็นภาพฉากที่หากผู้ใดพบเห็นคงต้องมองอย่างไม่วางตา
ฉินหยุนราดนํ้ามันสัตว์ลงในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร ทําการ
เผาร่างสองคนจากตําหนักโทเทม พร้อมรับฟังเสียงร้องโหยหวนอีก
ฝ่ ายอย่างบันเทิงใจ
หยางฉีเย่ว์กล่าวขึ้น “สมควรเป็นคนของตําหนักจารึกเทวะ ให้ความ
ร่วมมือกับตําหนักโทเทม ขึ้นมาเรียกเก็บเงินนอกรอบแล้วค่อยแบ่งปัน
กันภายใน คนพวกนี้ย่อมต้องมีพื้นเพบ้าง ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าก่อการ
ถึงเพียงนี้!”
ฉินหยุนคิดเห็นเช่นเดียวกัน
กว่าสองชั่วยามผ่านพ้น อีกคนมาเคาะประตูห้องฉินหยุน ประตูพอ
เปิ ดออก เขาค่อยพบว่าเป็นผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะ
“แขกผู้ทรงเกียรติทั้งสอง ท่านพบเห็นสองคนในชุดดําบ้างหรือไม่?”
ชายชราเอ่ยถาม
หยางฉีเย่ว์พอได้ยินดังนี้ สีหน้าจึงกลายเป็ นเย็นเยือกพร้อมแค่นเสียง
ดัง “ตําหนักจารึกเทวะเจ้าเป็นขั้วอํานาจใหญ่ แท้จริงกลับกล้าก่อ
เรื่องเพียงนี้ ได้รับส่วนแบ่งจากพวกมันเท่าใดกันเล่า?”
“ในเมื่อพวกเราผ่านอาณาเขตตําหนักโทเทม พวกเราย่อมต้องจ่ายค่า
ผ่านทาง อย่างไรแล้ว พวกเราก็ได้รับการคุ้มกันไปตลอดเส้นทาง!”
ชายชราพอกล่าวจบ ก็เร่งรีบถอนตัวจากไป
ประตูปิ ดลง อีกฝ่ ายจากไปแล้ว
หยางฉีเย่ว์แค่นเสียง “คนพวกนี้ช่างกล้าพูดจาไร้มูลนัก! ในแดนอสูร
อ้างว้าง ผู้ใดกันกล้าโจมตีเรือบินของตําหนักจารึกเทวะ? แดนอสูร
อ้างว้างกว้างใหญ่ ไม่ใช่ว่ามีแต่อาณาเขตของตําหนักโทเทม เหตุใด
พวกมันจึงต้องผ่านเส้นทางของตําหนักโทเทม?”
ถัดจากนั้น เรือบินเกราะดําจึงค่อยเคลื่อนไหวอีกครั้ง ฉินหยุนและ
หยางฉีเย่ว์ได้รับเชิญออกมารวมตัว พร้อมกับกลุ่มคนหลายร้อยที่
ห้องโถงกว้างของชั้นที่สอง
หลายร้อยคนจ่ายเพื่อห้องส่วนตัวในเรือ ส่วนใหญ่เป็นขอบเขตวร
ยุทธ์วิญญาณ
สาเหตุว่าพวกเขาเหตุใดต้องมารวมตัวกันตรงนี้ ก็เพราะสองคนจาก
ตําหนักโทเทมหายตัวไป
คนทั้งสองจากตําหนักโทเทมหาได้เคาะประตูห้องผู้อื่นตามลําดับ
เพียงเคาะตามใจอยาก ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่ทราบเรื่อง
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีทางทราบได้เลยว่าห้องใดที่พวกเขาไปเคาะล่าสุด!
ดังนั้นจึงมีแต่ต้องสืบสวนไปทีละเงื่อนเพื่อลงลึกรายละเอียด
ผ่านการพยายามอยู่หลายคน คนของตําหนักจารึกเทวะค่อยยอม
ปล่อยวาง ให้ทุกคนกลับห้องของตนเองได้
ฉินหยุนพอกลับมาถึง เขาจึงเริ่มทําการฝึกฝนพลังเต๋าเก้าสมบูรณ์
ต่อเนื่อง
โดยสารเรือบินกว่าสี่สิบวัน พาหนะใหญ่ยักษ์ลํานี้ในที่สุดก็ผ่านแดน
อสูรอ้างว้าง และเข้าสู่พื้นที่ของแดนวิญญาณอ้างว้าง!
เรือบินเกราะดําลํามหึมาเพียงหยุดพัก ที่ชายแดนระหว่างแดนวิญญาณ
อ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้าง แม้ว่าที่นี่เป็นแดนวิญญาณอ้างว้าง แต่
ก็มีสัตว์อสูรปรากฏตัวบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงยังนับเป็นพื้นที่อันตราย
โชคยังดี เมืองที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยตําหนักจารึกเทวะ มันจึงเป็นปราการ
แข็งแกร่งยิ่งแห่งหนึ่ง!
ขณะนี้ ฉินหยุนกําลังฝึกฝนขุมพลังเต๋าอยู่
เขาใช้ได้เพียงแค่ขุมพลังเต๋าสั่นไหว และขุมพลังเต๋าราชสีห์สวรรค์
ทางด้านวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เขายังไม่อาจทําให้มันตอบสนอง
ได้
หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนออกจากเรือใหญ่ มุ่งหน้าเข้าเมืองที่สร้างขึ้น
โดยตําหนักจารึกเทวะ
เมืองแห่งนี้ค่อนข้างดูเก่า สิ่งปลูกสร้างหลายแห่งผ่านกาลเวลายาวนาน
กระทั่งปรากฏหญ้ามอสสีเขียวขึ้นตามก้อนอิฐไปทั่ว ทําให้เมืองนี้ดู
มีชีวิตชีวาแห่งหนึ่ง
ฉินหยุนพอลงจากเรือที่เทียบท่า เขาค่อยทราบว่ามีผู้คนนับหมื่น
โดยสารเรือลํานี้มา! ผู้คนเหล่านั้นล้วนอยู่ภายใต้สัญญาทาสของ
ตําหนักจารึกเทวะ ตราบเท่าที่ทํางานจนครบกําหนด พวกเขาจะ
สามารถโดยสารเรือได้โดยไม่ต้องจ่ายแม้สักเหรียญ
ตําหนักจารึกเทวะ นับว่าฉลาดเลือกใช้วิธีการนี้หาแรงงานราคาถูก
ผู้คนเหล่านี้ปรารถนาย้ายมาใช้ชีวิตที่แดนวิญญาณอ้างว้าง ดังนั้นเมื่อ
มีโอกาสให้เข้ามาถึง พวกเขาย่อมต้องคว้าเอาไว้ไม่ว่าจะด้วยหนทาง
ใดก็ตาม
หยางฉีเย่ว์ร่วมทางมากับฉินหยุน นางจึงมั่นใจว่าไม่จําเป็นต้องกังวล
ว่าเหรียญม่วงจะขาดมือแต่อย่างใด ทั้งสองขณะนี้พักอาศัยในโรงเตี๊ยม
ที่ดูดีแห่งหนึ่ง
ห้องชุดที่พักอาศัยนี้ มีห้องสําหรับฝึกฝนรวมอยู่ด้วย
หยางฉีเย่ว์เร่งรีบไปชําระกาย เมื่อออกมา นางสวมใส่เพียงเสื้อคลุม
อาบนํ้าบาง เผยส่วนโค้งเว้าของร่างกายอย่างไม่คิดปิ ดบัง หากผู้ใด
พบเห็นล้วนต้องใจเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ฉินหยุนขณะนี้รับชมดวงตะวันลาลับฟ้ายามเย็น เขากล่าวออก “ที่นี่
คือแดนวิญญาณอ้างว้างหรือ? ไม่คล้ายพบเห็นอันใดแตกต่างจาก
แดนยุทธ์อ้างว้าง! กระทั่งความหนาแน่นของพลังวิญญาณเก้าตะวัน
ก็ยังไม่ต่างกัน!”
“แดนวิญญาณอ้างว้างกว้างใหญ่ เทียบเท่าได้กับสามแดนอ้างว้างเลย
ทีเดียว ทรัพยากรที่นี่มีมากล้น และยังเป็นแดนอ้างว้างที่เก่าแก่โบราณ
แห่งหนึ่ง! เมื่อแดนวิญญาณอ้างว้างอยู่จุดสูงสุด ขณะนั้นที่แดนยุทธ์
อ้างว้างยังไม่มีมนุษย์แม้สักคน!” หยางฉีเย่ว์กล่าว “ในภายหน้า เจ้า
จะค่อยทราบถึงความแตกต่างระหว่างแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดน
ยุทธ์อ้างว้างด้วยตนเอง!”
ฉินหยุนรับชมดวงตะวันบนฟากฟ้าพร้อมถอนหายใจ “ข้าสงสัยนัก
ว่าพวกเย่ว์หลานขณะนี้กําลังทําอะไรกันอยู่”
หยางฉีเย่ว์ยิ้มหวาน “นางย่อมอยู่ที่ตําหนักจันทราทมิฬ เรื่องการ
เป็นอยู่ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล! สําคัญที่สุดเรื่องที่เจ้าต้องทําในแดน
วิญญาณอ้างว้าง นั่นก็คือตามหาวิญญาณดวงตะวัน!”
“ไม่ใช่ว่ามีคนของแดนวิญญาณอ้างว้างได้รับวิญญาณดวงตะวันไป
แล้วหรือ? ข้าจะได้รับมันได้อย่างไรกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามนํ้าเสียง
ประหลาดใจ
“ต่อให้มีผู้ใดได้รับมัน พวกเราก็สามารถฉกชิงมันมาได้!” หยางฉีเย่ว์
ยิ้ม “ไปฝึกฝนร่วมกันก่อน ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี่แล้ว เรื่องอื่นจง
ปล่อยวาง มุ่งเน้นไปที่การก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าให้
เรียบร้อยจะดีกว่า!”
ฉินหยุนยังมีแก่นมังกรอยู่อีกหนึ่ง นอกจากนี้ พลังของลูกไฟยักษ์ก็
ยังไม่หมดสิ้น มันเพียงถูกผนึกเอาไว้ภายในแก่นเต๋าตะวันทมิฬ
แม้ว่าฉินหยุนยังไม่อาจใช้ความสามารถแกร่งกล้าของวิญญาณยุทธ์
ตะวันทมิฬ แต่เขาก็ทราบว่าแก่นเต๋าตะวันทมิฬแข็งแกร่งเพียงใด
มันถึงกับสามารถบรรจุพลังงานรุนแรงเอาไว้ได้อย่างมหาศาล
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ต่างสวมใส่ชุดคลุมอาบนํ้า หันหน้าเผชิญกัน
ในห้องลับ ฝ่ ามือทั้งสี่ขณะนี้ผสานกันไว้แน่นซึ่งกันและกัน เริ่มการ
เข้าสู่สภาวะฝึกฝนร่วมกัน
เมื่อฝึกฝนร่วมกัน มันยังมีผลประโยชน์อื่นคงอยู่ เมื่อเลื่อนระดับ จะ
ไม่มีการปลดปล่อยออร่ารุนแรงใดออกมา
ไม่ว่าเป็นพลังงานรุนแรงเพียงใด เมื่อพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา
ทํางานอย่างสมบูรณ์ซึ่งกันและกัน มันจะรักษาสภาวะความสงบ
ภายในร่างกายเอาไว้ได้
ด้วยไม่มีสระเต๋า ความก้าวหน้าจึงไม่มากลํ้าเช่นก่อนหน้า กระนั้น
ด้วยแรงสนับสนุนของพลังแกร่งกล้า พวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานมาก
นัก
ขณะฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ฝึกฝนร่วมกัน ทั้งสองต่างรู้สึกได้ถึงพลัง
ที่ผสานกันและไหลเวียนอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันทั้งแกร่งกล้าและ
รวดเร็ว แต่พลังงานนี้ก็ให้ความรู้สึกอ่อนโยนอย่างหนึ่ง
ฉินหยุนรับรู้ได้ ว่าโลหิตเต๋าและกระดูกเต๋าในกาย ขณะนี้กําลังดูดกลืน
พลังงานมหาศาล พวกมันบํารุงเลี้ยงกล้ามเนื้อและเส้นโคจร กระทั่ง
เส้นผมของเขาก็เริ่มยาวขึ้น
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า คือระดับที่เชี่ยวชาญในกายเต๋า เพราะ
เขาฝึกฝนถึงสามแก่นเต๋า การฝึกฝนกายเต๋าของเขาจึงต้องแข็งแกร่ง
ยิ่งกว่าผู้ใด
ที่ระดับนี้ หยางฉีเย่ว์คิดอยากให้ฉินหยุนก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เก้า ดังนั้นนางจึงทุ่มเทร่วมฝึกฝนกับเขา
“หลังจากเชี่ยวชาญกายเต๋า กําลังกายของเจ้าจะยิ่งสูงลํ้ากว่าขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าทั่วไปมากนัก!” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจ นาง
ขณะนี้เชี่ยวชาญกายเต๋าของตนเองแล้ว ทว่าฉินหยุนยังคงห่างไกล
มีเพียงบํารุงหล่อเลี้ยงกายเต๋า จึงค่อยเกิดขึ้นเป็นอักขระชีวิตตัวที่เก้า
แก่นเต๋าทั้งสาม จําเป็นต้องก่อเกิดอักขระชีวิตตัวที่เก้าขึ้นมา หากไม่
มีกายเต๋าที่แกร่งกล้า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําให้ทั้งสามแก่นเต๋าเกิด
อักขระชีวิตตัวที่เก้า
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ฝึกฝนร่วมกันนับเดือน ในที่สุดกายเต๋าของ
เขาค่อยแกร่งกล้าเพียงพอ เริ่มถือกําเนิดอักขระชีวิตตัวที่เก้า
อักขระชีวิตตัวที่เก้าของแก่นเต๋าทั้งสามปรากฏทีละน้อย เมื่อปรากฏ
โดยสมบูรณ์ ร่างกายฉินหยุนจึงเริ่มสั่น ออร่าสีดําเริ่มหลุดรอดออก
จากร่าง
หยางฉีเย่ว์ได้เห็นเช่นนี้ นางเร่งรีบกอดฉินหยุนเอาไว้และฝึกฝน
ต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทําการสะกดออร่าของฉินหยุนเอาไว้
อักขระชีวิตตัวที่เก้าของฉินหยุนก่อเกิด เขามองที่ร่างงดงามตรงหน้า
ซึ่งปกคลุมด้วยออร่าอ่อนโยน รับรู้ถึงกลิ่นหอมเย้ายวน ภายในใจอด
ไม่ได้ที่จะเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
หยางฉีเย่ว์พอทราบ จึงปล่อยฉินหยุนออกจากอ้อมกอด พร้อมจัดแจง
ชุดตัวเองให้กลับมาดูเรียบร้อย
นางหัวเราะพลางกล่าวกับฉินหยุน “ต้องขอบคุณที่พวกเราเป็นคู่
ฝึกฝนร่วมกัน ไม่เช่นนั้น พวกเราคงไม่มีทางสะกดออร่าตนเอง
เอาไว้ ผู้ใดจะทราบ บางทีเก้าตะวันอาจแปรเปลี่ยนเป็นสีดําอีกครั้ง
หนึ่งก็เป็นได้! เสี่ยวหยุน ความสามารถเทวะครั้งนี้เป็นอะไรกัน?”
ฉินหยุนหลับตาลงสัมผัสถึง “ความสามารถเทวะแผ่นดินไหว ไม่
เพียงแต่สร้างคลื่นกระแทกระหว่างการเกิดแผ่นดินไหว แต่ยัง
สามารถสั่นสะเทือนมิติในละแวกใกล้เคียงได้ด้วย!”
“ความสามารถเทวะระดับที่สามนี้ถือว่าชวนสะพรึง แต่ก็ต้องแลก
ด้วยการใช้พลังเต๋ามหาศาล เรียกได้ว่าแทบจะสูบเอาพลังจากแก่น
เต๋าจนหมดสิ้นหากคิดใช้งาน”
“ทางด้านเคล็ดวิชาอัญเชิญราชสีห์สวรรค์… ขณะนี้ก็ยังอัญเชิญมา
ได้แค่สอง ทว่าราชสีห์สวรรค์จะแกร่งกล้ามากขึ้น และคงอยู่ได้นาน
มากขึ้น!”
หยางฉีเย่ว์เอ่ยคํา “เสี่ยวหยุน ความสามารถเทวะแผ่นดินไหวนั้น
แกร่งกล้า! แต่อย่าได้คิดว่ามันเพียงโจมตีเป็นวงกว้าง! เจ้าขณะนี้ยัง
ไม่อาจควบคุมพลังความสามารถเทวะนั้นได้! ดังนั้นใช้พลังของ
ความสามารถเทวะเพียงหนึ่งในสิบ และโคจรพลังเข้าสู่ร่างกาย
จากนั้นจึงค่อยปล่อยพลังผ่านร่างกายจึงค่อยสามารถควบคุมมันได้!”
“ยกตัวอย่าง พลังของความสามารถเทวะแผ่นดินไหว มันสามารถ
โคจรผ่านแขน หมัด ฝ่ ามือ หรืออาวุธที่อยู่ในมือเพื่อปลดปล่อยการ
โจมตีออก นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีในการใช้พลังสั่นไหวได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ!”

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset