ตอนที่ 683 วิญญาณยุทธ์อสรพิษ

ตอนที่ 683 วิญญาณยุทธ์อสรพิษ
คู่ต่อสู้ของฉินหยุน คือศิษย์สำนักอสูรอันโด่งดัง ไป๋ตูสื่อจากหุบเขา
หมื่นพิษ
อีกฝ่ายครอบครองวิญญาณยุทธ์อสรพิษสีดำ กล่าวกันว่าอสรพิษนี้
สามารถดูดกลืนพิษนานาชนิดกักเก็บเอาไว้ในตัวได้
ระหว่างประลอง อสรพิษของไป๋ตูสื่อสามารถควบคุมและปลดปล่อย
พิษที่กักเก็บเอาไว้ หรือใช้พิษจากเจ้าของก็ยังได้
ฉินหยุนเมื่อเดินขึ้นบนลานประลอง เขาจึงได้เห็นไป๋ ตูสื่อเดินขึ้นมา
เช่นกัน
อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มร่างสูงกำยำ แม้ครอบครองร่างอสูร กระนั้นกลับ
ไม่ได้ดูมีสภาพชวนสะพรึงเช่นผู้อื่น
ด้วยร่างอสูร ผิวหนัง เนื้อ และกระดูกนั้นจึงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อ
ใช้อาวุธโจมตี มันถือเป็นการนำพลังของร่างอสูรมาเผยออกอย่าง
เต็มที่
กระนั้น ไม่ว่าร่างอสูรแข็งแกร่งเพียงใด คิดรับมือกับการโจมตีตอบ
โต้อย่างรุนแรงก็ยังเป็นเรื่องยาก
ฉินหยุนครอบครองพลังสั่นไหว เขาสามารถสั่นไหวโดยตรงที่ศัตรู
สิ่งนั้นไม่ใช่อะไรที่ร่างอสูรจะสามารถต้านรับเอาไว้ได้
ไป๋ตูสื่อเผยสีหน้าสงบ ปากไร้การพูดกล่าว เขาเพียงยืนและมองที่
ฉินหยุน
ฉินหยุนพิจารณามองที่ไป๋ ตูสื่อ ค่อยตระหนักได้ว่ามือทั้งสองของอีก
ฝ่ายเป็นสีม่วง นอกจากนี้แล้ว ยังเผยประกายแสงสีสุกสว่างออกมา
อย่างชวนขนลุก
ผู้คนที่นี้ย่อมได้เห็น ว่ามือของไป๋ ตูสื่อนั้นมีพิษร้ายแรง
“ชายผู้นี้ พิษนับร้อยชนิดนั่นไม่รุกรานทำร้ายร่างกายตนเองเลยหรือ
ไรกัน?” ฉินหยุนคิดกับตนเอง
“เสี่ยวหยุน เจ้าอย่าได้หวาดเกรงชายคนนี้ไป ร่างราชสีห์สวรรค์ลึก
ล้ำของเจ้าต้านทานพิษแทบทุกชนิด และข้ายังสามารถใช้พลังตะวัน
ทมิฬเพื่อป้องกัน นี่ย่อมไม่มีอะไรให้กังวล!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ได้ยินคำกล่าวของหลิงหยุนเอ๋อ ฉินหยุนค่อยผ่อนคลายได้มาก
ไป๋ ตูสื่อเผยท่าทีมาดมั่น เขาหาได้หวั่นเกรงฉินหยุนแม้เพียงนิด
เขาอยู่กลุ่มที่สิบหก ก่อนหน้านี้ย่อมได้เห็นวิธีการที่ฉินหยุนสังหาร
เหลิงหวนจากสำนักกระหายโลหิต กระนั้นเขาก็หาได้หวาดเกรงอัน
ใดต่อฉินหยุนไม่!
เป็นที่ทราบกันในหมู่ศิษย์สำนักอสูร พวกเขาส่วนใหญ่ต่างหวาดเกรง
ต่อฉินหยุน เพราะฉินหยุนครอบครองพลังลึกล้ำเอาไว้
บรรดาศิษย์จากแดนอสูรอ้างว้างทราบ ว่าเหลิงหวนผู้นั้นอยู่ระดับใด
กระนั้นอีกฝ่ายยังถูกฉินหยุนสังหารในพริบตา!
ผู้ตัดสินวัยกลางคนโพล่งเสียงดึงความสนใจขึ้นมา “พร้อมหรือไม่?”
ฉินหยุนและไป๋ ตูสื่อต่างพยักหน้ารับ
เมื่อทุกอย่างพร้อม ผู้ตัดสินวัยกลางคนจึงประกาศเสียงดัง “เริ่มการ
ต่อสู้ได้!”
คำพอกล่าวจบ ฉินหยุนและไป๋ ตูสื่อพลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
กระทั่งผู้ตัดสินวัยกลางคนยังต้องอึ้งยามได้เห็น
ไป๋ ตูสื่อกลับใช้วิธีการบางอย่าง หายตัวไปอย่างกะทันหัน ผู้ชมต่าง
ต้องอุทานร้องกันออกมา!
“พวกมันทั้งสองคิดเล่นอะไร? ซ่อนแอบงั้นหรือ?”
“โผล่หัวออกมาสู้กันได้แล้ว! พวกเจ้าคิดให้พวกเรารอกันนานเพียงใด?”
“คนทั้งสองนี้ช่างมีกลเด็ดหมกเม็ดเอาไว้เยอะนัก”
บรรดาผู้ต้องการรับชมการต่อสู้เริ่มตะโกนกันออกมา
ฉินหยุนใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวง หลบซ่อนตนเองใต้
ลานประลองยุทธ์ เขายังสัมผัสได้ ว่าไป๋ ตูสื่อยังอยู่ที่ด้านบนนั้น
“มันสามารถหายตัวไปอย่างกะทันหันได้!” ฉินหยุนสบถเบา “ไม่นึก
เลยว่ามันจะมีวิธีเช่นนี้ด้วย!”
“ร่างอีกฝ่ายโปร่งแสง คงไม่ใช่วิญญาณยุทธ์หรอกกระมัง?” หลิงหยุน
เอ๋อกล่าว “สำหรับบุคคลผู้ใช้พิษ ซ่อนตัวได้มิดชิดหมายความถึงใช้
พิษต่อผู้อื่นได้ง่ายดายนัก!”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ข้าเองก็เก็บซ่อนตัวตนได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ผู้ใด คิด
หาโอกาสชิงเอาวิญญาณยุทธ์อสรพิษของมันมาดูว่ามีพิษร้ายแรง
มากมายเพียงใดน่าจะดี ทั้งยังจะเก็บไว้ใช้งานภายหลังได้อีกด้วย!”
“ลองดูก็ไม่เสียหาย!” หลิงหยุนเอ๋อยิ้ม “เจ้าออกไป ข้าจะใช้พลังแรง
โน้มถ่วงสะกดมันไว้!”
ฉินหยุนทะยานขึ้น หลิงหยุนเอ๋อปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงเข้า
สะกดไป๋ตูสื่อที่ร่างโปร่งแสง
ไป๋ตูสื่อที่ร่างกายโปร่งแสง ฉับพลันต้องกลับคืนร่างเดิมก่อนจะ
กระแทกพื้นรุนแรงเพราะแรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ขณะฉินหยุนคิดลงมือ เขาพลันได้เห็นหมอกพลังงานสีดำทะลักจาก
ร่างไป๋ ตูสื่อ หมอกพลังงานสีดำนี้ มันมีของเหลวสีดำเจือปนมาด้วย
“เลือดพิษ!” ผู้หนึ่งอุทานขึ้น
ฉินหยุนตอบสนองช้าเกินไป ร่างของเขากลับกลายต้องถูกหมอก
และเลือดสีดำนั้นปกคลุมขนานใหญ่ ใบหน้ามีแต่เลือดเปรอะเปื้อน
ที่น่าสะพรึงก็คือ ผิวหนังของฉินหยุนเมื่อสัมผัสกับเลือดสีดำ มันเกิด
ควันสีดำลอยคละคลุ้งออกมา เน่าเปื่อยทีละน้อย ทำเอาผู้รับชมต่าง
ต้องเกิดอาการสยดสยอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ไป๋ ตูสื่อลุกขึ้นหัวเราะเนิบนาบ “ฉินหยุนเอ๋ย เจ้าจบสิ้น
แล้ว! เป็นเจ้าโดนพิษร้ายกาจที่สุดของข้าผู้นี้ นอกจากข้า ก็ไม่มีผู้ใด
สามารถช่วยเจ้าได้อีก!”
ร่างกายฉินหยุนปรากฏควันสีดำต่อเนื่อง ผิวหนังยังคงเน่าเปื่อย
สภาพนี้ดูไปแล้วชวนอเนจอนาถสยดสยอง
เปาเฉิงโฉ่วตะโกนดัง “ฉินหยุน เร่งรีบยอมแพ้แล้ว ให้พวกเราช่วย
เจ้าสะกดพิษนั่น!”
“แม้พวกเจ้าทุกคนร่วมมือกัน ก็ยังไม่อาจสะกดพิษของข้าไว้ได้! มี
แต่ข้าที่สามารถรักษาพิษให้แก่มัน แน่นอนว่า… ความตายของมัน
เป็นสิ่งแน่นอนแล้ว ด้วยมันมีร่างลึกล้ำ ความสามารถฟื้นฟูรักษาจึง
ค่อนข้างดี พิษของข้าจะยิ่งกัดกร่อนเนื้อและผิวหนังของมันที่คิด
ฟื้นฟูกลับ!”
เพียงคิดว่าถัดจากนี้จะเกิดเรื่องราวใดขึ้น หลายผู้คนพลันรู้สึกเจ็บปวด
แทน
ชั่วขณะนี้เอง เชี่ยวเย่ว์หลานกำลังต่อสู้อยู่ คู่ต่อสู้ของนางคือร่างเซียน
และยังพ่ายแพ้แก่นางในพริบตา ด้วยร่างเซียนผู้นี้หวั่นเกรงว่าจะถูก
สังหาร เขาจึงเร่งรีบประกาศยอมแพ้พร้อมเผ่นหนีหายอย่างเกินผู้ใด
คาดคิด
เมื่อเดินลงจากลานประลองยุทธ์ นางจึงมองไปทางฉินหยุน แม้นาง
ได้ยินเรื่องของฉินหยุน กระนั้นความกังวลใดล้วนไม่มี เพราะฉินหยุน
ครอบครองกระต่ายหยกของหยางฉีเย่ว์ สัตว์น้อยตัวนั้นสามารถ
ดูดกลืนพิษนานาชนิดได้
“เจ้าต้องการอะไร?” ฉินหยุนเอ่ยถามพร้อมมองไป๋ตูสื่อสายตาเย็น
เยือก
เมื่อครู่ ไป๋ ตูสื่อมีโอกาสให้โจมตีหลายครั้งครา กระนั้นเขากลับไม่
โจมตีเพื่อเอาชนะฉินหยุนในทันที
“ฉินหยุน แม้พิษบนร่างเจ้านั้นไม่อาจรักษา แต่อย่างน้อยก็ยังทำให้
เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อได้สามเดือน! ในสามเดือน เจ้าจงไปทำให้หยางฉีเย่ว์
ปรากฏตัว ให้นางส่งมอบจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว แล้วข้าจะมอบ
ยาถอนพิษให้!” ไป๋ ตูสื่อขณะนี้รู้สึกภูมิอกภูมิใจในเรื่องที่ตนทำสำเร็จ
กับผู้ที่ต้องการจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว ต่างต้องมองกันอย่างนับถือ
ต่ออีกฝ่ายที่เลือกใช้วิธีการนี้
หากฉินหยุนต้องการรอดชีวิต เช่นนั้นเขาก็ต้องไปหาตัวหยางฉีเย่ว์
“ฉินหยุน จงยอมรับความพ่ายแพ้เสีย! หากให้ข้าต้องลงมือ เจ้าคงไม่
เหลือแรงไว้ต้านทานพิษข้าแล้ว!” ไป๋ ตูสื่อพอได้เห็นฉินหยุนยืนนิ่ง
ค้าง เขาจึงเผยหัวเราะเสียงดัง “หากเจ้าคิดอยากรอด ก็จงเป็นข้าทาส
แก่ข้าเสีย!”
เวลาเดียวกันนี้เอง จ้าวสำนักหุบเขาหมื่นพิษจึงเดินเข้ามาถึงข้างกาย
เปาเฉิงโฉ่ว อีกฝ่ายเป็นชายชราไว้ผมสีน้ำตาลและมือสีม่วงเข้ม เขา
หัวเราะกล่าวออก “กระทั่งข้าก็ไม่อาจรักษาพิษนั้นได้ มีแต่ยาถอน
พิษที่สกัดโดยวิญญาณยุทธ์อสรพิษของไป๋ตูสื่อจึงสามารถรักษา!”
เปาเฉิงโฉ่วเผยเสียงลุ่มลึก “หุบเขาหมื่นพิษของเจ้าก็ยังคงเป็นเช่น
เคย ใช้กลวิธีชั่วช้าเพื่อข่มขู่ผู้คน!”
จ้าวสำนักหุบเขาหมื่นพิษเผยยิ้ม “ตราบเท่าที่สำเร็จเป้าหมายได้
วิธีการอันใดนั้นสำคัญด้วยหรือไร?”
เนื้อบนหน้าฉินหยุนยังคงเน่าเปื่อยต่อเนื่อง จากนั้นจึงฟื้นฟูกลับมา
ใหม่ และเน่าเปื่อยอีกครั้งหนึ่ง กระบวนการนี้ทำเอาหลายคนต่าง
ต้องพรั่นพรึง
โดยเฉพาะบรรดาศิษย์หญิงจากตำหนักเซียนดาบ พวกนางแทบไม่
อาจรับชมต่อได้ไหว
เจี้ยนรั่วหยานยังคงเงียบขณะมองทางเชี่ยวเย่ว์หลานที่อยู่ไม่ไกล นาง
พบว่าอีกฝ่ายหาได้ใส่ใจหรือกังวลใดต่อเรื่องนี้ไม่
“สามีภรรยาคู่นี้ประหลาดนัก กระทั่งว่าสามีที่นางรักยิ่งอยู่ในสภาพ
เช่นนี้ นางไม่คล้ายกังวลอันใดแม้สักนิด!” เจี้ยนรั่วหยานครวญคราง
เบาในใจ
ตัวนางก็แทบไม่อาจทนมองฉินหยุนในสภาพนั้นต่อได้ไหว
หลงเฉียวเฟิงหลับตา สภาพชวนสังเวชของฉินหยุนนี้เป็นนางทำใจ
รับชมได้ยาก
ทันใดนี้เอง ฉินหยุนพลันกล่าว “พิษเจ้ารุนแรงไม่น้อย! แต่ก็เท่านั้น
ด้วยกำลังเจ้า อย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะข้าได้! แม้เจ้าครอบครองร่าง
อสูร แต่กลับเป็นไอ้หน้าโง่ที่ไร้ซึ่งพลัง!”
“ฉินหยุน เจ้าหมายความว่าอะไร? จะบอกว่าเจ้าไม่ต้องการรักษาพิษ
นั้นแล้ว?” ไป๋ ตูสื่อหัวเราะดัง “คิดอยากเอาชนะข้าอย่างนั้นหรือ?”
“เอาชนะเจ้าหรือ? ย่อมไม่ใช่ แต่เป็นการสังหาร!” คำฉินหยุนกล่าว
จบ กรงเล็บพฤกษาจึงปรากฏขึ้นจากพื้น พันธนาการขาทั้งสองข้าง
ของไป๋ ตูสื่อเอาไว้
ฉินหยุนเข้าไปใกล้ หลิงหยุนเอ๋อปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงออกมา
ไป๋ตูสื่อคิดอยากเป็นอิสระ ทว่ากลับถูกสะกดลงด้วยน้ำหนักมหาศาล
กดทับ เลือดพิษสีดำจึงต้องทะลักออกจากร่างอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้า
หาฉินหยุน
ฉินหยุนไม่คิดต้านรับเลือดพิษที่ไหลมาทางตนเองแต่อย่างใด เขา
เพียงผลักฝ่ามือออกเข้าปะทะหน้าอกและปากของไป๋ ตูสื่อ จากนั้น
จึงนำหัวใจอีกฝ่ายออกจากร่าง
พลังสั่นไหวปลดปล่อยออก ทะลักล้นผ่านลำคอของไป๋ ตูสื่อ อีกฝ่าย
ไม่อาจกล่าวคำใดได้อีกต่อไปแล้ว
อย่างกะทันหัน ฉินหยุนปลดปล่อยแก๊สสีดำปกคลุมตนเองและไป๋ตู
สื่อ ทันทีเมื่อแก๊สสีดำปกคลุมมิดชิด เขาจึงเร่งรีบนำเอาวิญญาณยุทธ์
อสรพิษและแก่นเต๋าของไป๋ตูสื่อออกจากร่าง
“ฉินหยุน เร่งรีบหยุด หากเจ้าสังหารเขา พิษบนร่างของเจ้าจะไม่มี
ทางรักษา!” ยามเมื่อจ้าวสำนักหุบเขาหมื่นพิษได้เห็น เขาต้องร้อง
ตะโกนออกด้วยความหวาดกลัว
หาได้มีผู้ใดที่นี้คาดคิด ว่าฉินหยุนจะถึงขั้นไม่สนชีวิตของตนเอง
และทำร้ายผู้เดียวที่มียาถอนพิษอย่างไม่หวั่นเกรงใด!
แก๊สสีดำเลือนหาย ผู้คนต่างได้เห็นไป๋ ตูสื่อสภาพอ่อนแรง ใบหน้า
เผยอาการหวาดกลัวและเจ็บปวดจนบิดเบี้ยว
“คิดอยากใช้พิษสวะเช่นนี้แลกเปลี่ยนกับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว
อย่างนั้นหรือ? ช่างฝันเฟื่องยิ่งนัก!” ฉินหยุนยกฝ่ามือ ปลดปล่อยห้า
ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์โจมตี
ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์มาพร้อมเสียงฟ้าคำรามและประกายสายฟ้า
ปรากฏเป็นร่างมังกรคลั่ง ทันทีที่บังเกิดเสียงดังสนั่น มันราวกับหมื่น
มังกรร้องออกสร้างความสิ้นหวังแก่มวลชีวิต
ตู้ม!
ฝ่ามือฉินหยุนปะทะใบหน้าไป๋ ตูสื่อ ศีรษะนั้นหายวับกลับกลายเป็น
หมอกพลังงานสีดำ
ตู้ม!
ฝ่ามือที่สองเข้าปะทะ ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ผสานด้วยพลังแห่งความ
เที่ยงธรรมได้แปรเปลี่ยนร่างอสูรอีกฝ่ายกลับกลายเป็นเถ้าธุลี
ไป๋ตูสื่อถูกฉินหยุนสังหารแล้ว!
ร่างกายฉินหยุนยังคงมีหมอกสีดำลอยคละคลุ้งเช่นก่อนหน้า ผิวหนัง
ของเขายังคงโดนกัดกร่อนต่อเนื่อง
“ฉินหยุนชนะ!” ผู้ตัดสินวัยกลางคนเร่งรีบตะโกนประกาศ
ฉินหยุนเดินลงจากลานประลองยุทธ์ เปาเฉิงโฉ่วเร่งรีบเข้ามาคิดช่วย
สะกดพิษไว้ให้
กระนั้นฉินหยุนได้กล่าวคำออก “จ้าวสำนัก อย่าได้แตะต้องข้า
ไม่อย่างนั้นท่านจะโดนพิษไปด้วย! รบกวนนำข้าไปยังสถานที่เงียบ
สงบ ข้ามีวิธีรักษาพิษนี้ด้วยตนเอง!”
จ้าวสำนักหุบเขาหมื่นพิษคำรามกราดเกรี้ยวใส่ฉินหยุน “ฉินหยุน
ชะตาเจ้ามีแต่ต้องตาย! หาได้มีผู้ใดสามารถรักษาพิษนั้นได้!”
“เจ้า! จงฟัง! ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ไม่คิดให้เศษสวะเช่นพวกเจ้าได้รับ
จารึกวิญญาณ!” ฉินหยุนตะโกนเสียงดังตอบโต้
“ฉินหยุน ตามข้ามา!” เจี้ยนหนันหู่กล่าว “ข้าจะพาเจ้าไปหาที่เงียบ
สงบเอง!”
ฉินหยุนติดตามเจี้ยนหนันหู่ ก่อนจะมาถึงห้องหินใต้ดินใกล้เคียง
ลานกว้างในเวลาไม่ช้า
เขาเข้าสู่ห้องหินลับใต้ดินแห่งนี้เพียงผู้เดียว
“เสี่ยวหยุน เจ้าต้องการให้วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬผสานรวมกับ
วิญญาณยุทธ์อสรพิษเลยหรือไม่?” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะเบา “ด้วยวิธี
นี้ วิญญาณยุทธ์อสรพิษจะได้ดูดกลืนพลังพิษในกายเจ้าได้โดยตรง!”
“ได้ เอาเช่นนั้น! ดีที่สุดหากพวกเราไม่พึ่งพากระต่ายหยกเท่าที่ทำ
ได้!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
หลังจากที่ฉินหยุนแยกเอาวิญญาณยุทธ์อสรพิษของไป๋ตูสื่อออกจาก
ร่าง เขาได้ผนึกมันเอาไว้ในวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ
เวลานี้เอง หลิงหยุนเอ๋อได้ปลดผนึกวิญญาณยุทธ์อสรพิษ พร้อมให้
วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬเข้ากลืนกินวิญญาณยุทธ์อสรพิษโดยไร้
ร่องรอยใดหลงเหลือ

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset