ตอนที่ 691 ศึกชิงต้นกำเนิดเซียน

ตอนที่ 691 ศึกชิงต้นกำเนิดเซียน
ฉินหยุนเดิมคาดเดาไว้ว่างานประลองยุทธ์ครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดา
ตำหนักจารึกเทวะและเขตแดนลึกล้ำถึงกับให้รางวัลเป็นต้นกำเนิด
เซียนแก่หลายแคว้น เรื่องนี้ย่อมต้องมีแรงจูงใจซ่อนเร้นเป็นอื่น
ตอนนี้ยังมีเรื่องราชันแห่งแคว้นเข้ามาเกี่ยวข้อง ตำแหน่งนี้จะทำให้
ง่ายต่อการควบคุมทั้งแคว้น
ราชันแคว้นมู่กล่าวคำ “แคว้นอื่นเองก็เลือกราชันแคว้นได้เรียบร้อย
แล้ว ภายหน้า พวกเราแคว้นทั้งหลายจะได้มีการขันแข่งต่อกันบ่อย
ครั้งมากขึ้น!”
ผู้จัดการอาวุโสเยี่ยเอ่ยคำ “ตำหนักจารึกเทวะเป็นผู้เสนอต้นกำเนิด
เซียนทั้งสองต่อพวกเรา ขอให้พวกเราคัดเลือกราชันแห่งแคว้นเพื่อ
จัดการเรื่องราวของแคว้น เช่นกัน ทุกชั่วระยะเวลาหนึ่ง พวกเรา
จำเป็นต้องจ่ายบรรณาการต่อตำหนักจารึกเทวะแห่งเขตแดนลึกล้ำ!”
ครึ่งเซียนหุบเขาเซียนโอสถเผยเสียงไม่ยินดี “หากพวกเราไม่ได้รับ
ต้นกำเนิดเซียน อย่างนั้นจะจ่ายบรรณาการไปเพื่ออะไร?”
“จ่ายบรรณาการเป็นเรื่องของราชันแห่งแคว้น ตราบเท่าที่ไม่ใช่ราชัน
แห่งแคว้น ไม่ว่าจะได้รับต้นกำเนิดเซียนหรือไม่ เรื่องนี้ล้วนไม่ต้อง
กังวล” ผู้จัดการเยี่ยกล่าว
“หากแคว้นดำเนินเรื่องราวไปได้ด้วยดี ภายหลังพวกเราค่อยมีการ
แข่งขันกันระหว่างแคว้นอื่น รับเอาต้นกำเนิดเซียนเป็นรางวัล ดังนั้น
พวกเราจำเป็นต้องให้ความร่วมมือต่อกันเข้าไว้!”
เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะกล่าว “ผู้จัดการอาวุโสเยี่ย เช่นนั้นเจ้าก็จงขึ้นเป็น
ราชันแคว้นเสีย ตัวเจ้ารับหน้าที่น้อยใหญ่ในตำหนักจารึกเทวะของ
แคว้นมหาดวงดาวแทบหมดสิ้น อย่างนั้นดูแล้วก็ไม่น่ายากอะไรที่
จะจัดการเรื่องของแคว้นมหาดวงดาว!”
ครานี้ ผู้คนค่อยเข้าใจว่าเหตุใดตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยาน
ฟ้า จึงมอบตำแหน่งราชันแคว้นแก่ราชันแคว้นมู่ นั่นก็เพราะพวกเขา
ต้องการปัดเรื่องราวยุ่งยากให้พ้นตัว
เจี้ยนสือเทียนคิดอยู่ครู่จึงค่อยกล่าว “ผู้จัดการอาวุโสเยี่ย เจ้าสมควร
รับหน้าที่ต่อเรื่องนี้!”
ได้เห็นเจี้ยนสือเทียนยืนยัน บรรดาจ้าวสำนักทั้งหลาย รวมถึงผู้นำ
ตระกูลต่างยอมรับเรื่องการให้ผู้จัดการอาวุโสเยี่ยขึ้นเป็นราชันแห่ง
แคว้น
สีหน้าผู้จัดการเยี่ยยังคงสงบ กระนั้นภายในใจกลับดียิ่งเป็นล้นพ้น
แล้ว
“ทุกคนยอมรับข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็ไม่ขอมากความรับหน้าที่เอาไว้!”
ผู้จัดการอาวุโสเยี่ยเผยรอยยิ้มอ่อน
เปาเฉิงโฉ่วจึงเผยหัวเราะ “ราชันแคว้นเยี่ย ด้วยสถานะสูงส่งเช่นนี้ ก็
อย่าได้คิดเรื่องฉินหยุนแล้ว นี่จะยิ่งเป็นการทำให้เสื่อมเสียเกียรติ!”
“ข้าจะพิจารณาตามสถานการณ์และปล่อยวางเรื่องราวกับฉินหยุน
เอาไว้ก่อน อย่างไรแล้ว ข้าก็แนะนำให้ฉินหยุนทำการติดต่อกับหยาง
ฉีเย่ว์ นำเอาจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวมาส่งมอบให้แก่ข้าอยู่ดี เรื่องนี้
จะยิ่งทำให้แคว้นมหาดวงดาวของพวกเราเจิดจรัส!” ราชันแคว้นเยี่ย
เผยเสียงอันชอบธรรมดังออกมา
ฉินหยุนสบถรุนแรงที่ภายใน
ราชันแคว้นมู่เผยดวงตาริษยาปรากฏชัด เขากล่าว “หากขั้วอำนาจ
จำนวนมากยอมรับราชันแคว้นถึงเพียงนี้ แม้ไม่ได้รับต้นกำเนิดเซียน
ก็ยังสามารถได้รับต้นกำเนิดเซียน เรื่องนี้ไว้ค่อยพิจารณากันภายหลัง!”
ราชันแคว้นเยี่ยเผยยิ้มเร่งรีบกล่าวคำ “พวกเจ้าต่างเป็นยอดฝีมือครึ่ง
เซียน ในเมื่อตัดสินใจกันเรียบร้อย ก็หวังว่าพวกเจ้าจะไม่กลับคืน
คำพูด! วางใจ ข้าย่อมนำผลประโยชน์มาสู่แคว้นมหาดวงดาว!”
ผู้คนจากหลายขั้วอำนาจต่างรู้สึกราวตนเองเป็นกลุ่มคนหน้าโง่ผู้หนึ่ง
แม้ว่าบรรดาศิษย์ของตำหนักจารึกเทวะไม่อาจได้รับสองอันดับแรก
ผู้จัดการอาวุโสเยี่ยก็ได้รับตำแหน่งไปเรียบร้อยแล้ว พวกเขาอย่างไร
ก็ได้รับต้นกำเนิดเซียนอยู่ดี
ผู้คนจึงค่อยเข้าใจ ว่าเหตุใดราชันแคว้นเยี่ยยินดีขนาดปล่อยวางเรื่อง
ของฉินหยุน
จากผู้จัดการอาวุโส เวลานี้กลับกลายเป็นราชันแคว้นเยี่ย เขายิ้มกล่าว
“เรื่องนี้ถือว่าเป็นอันจบที่เท่านี้ ขอบคุณทุกคนที่คาดหวังในตัวข้า!”
ราชันแคว้นมู่หันมองทางฉินหยุนและกล่าว “ฉินหยุน ข้าได้ยินว่าเจ้า
เป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถเจรจาให้หยางฉีเย่ว์ออกมาได้! ข้าสงสัยนัก
ว่าเจ้าสนใจแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่? ตราบเท่าที่บอกข้าว่าหยางฉีเย่ว์
อยู่ที่ใด ข้าจะมอบหนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วงให้เป็นการตอบแทน!”
“คิดอยากซื้อจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวด้วยเงินเพียงแค่หนึ่งหมื่นล้าน
อย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนอดไม่ได้จนหัวเราะออก “คิดว่าข้าเป็นเด็ก
ไม่รู้ความพร้อมให้หลอกหรือไร?”
“ห้าหมื่นล้านเป็นไร?” ราชันแคว้นมู่กล่าว
“ต่อให้ข้าสักห้าแสนล้าน ข้าก็ไม่เอา!” กล่าวคำจบ ฉินหยุนจึงหัน
กายเดินกลับ เขาคิดไปพักผ่อน
“ข้าพร้อมแลกต้นกำเนิดเซียนกับที่อยู่ของหยางฉีเย่ว์!” ราชันแคว้นมู่
พลันตะโกนดัง
ต้นกำเนิดเซียนแลกกับที่อยู่ของหยางฉีเย่ว์ นี่หมายถึงมันเป็นการ
แลกเปลี่ยนต่อไปยังจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว!
เรื่องนี้เกินกว่าผู้ใดที่นี้คาดคิด เพื่อได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว
ราชันแคว้นมู่ถึงขั้นยอมเรียกลมเรียกฝน
“ฉินหยุน หากเจ้าคิดบอกเรื่องที่อยู่ของหยางฉีเย่ว์เมื่อใด จงมาหาข้า
ได้ทุกเมื่อ!”
“อย่าให้สายธารอันอุดมสมบูรณ์ต้องไปสู่แคว้นของผู้อื่น แม้ข้ามีข้อ
พิพาทต่อเจ้า แต่ด้วยข้าตอนนี้เป็นราชันแห่งแคว้นมหาดวงดาว หาก
ข้าได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว นั่นย่อมนำพามาซึ่งผลประโยชน์
อันมหาศาลแก่ทั้งแคว้น!” ราชันแคว้นเยี่ยกล่าว
ฉินหยุนกล่าว “หากข้ามีความคิดเห็นอื่นใด ข้าย่อมไปเจรจาด้วยแน่!”
เจี้ยนหนันหู่กล่าว “ท่านหญิงน้อยหลงเย่ว์แห่งตระกูลหลงกล่าว ว่า
พวกเราล้วนด้อยกว่านาง ข้าคิดอยากท้าประลองต่อนางยิ่งนัก!”
ครึ่งเซียนตระกูลหลงแห่งแคว้นมหาดวงดาวหัวเราะ “คิดอยาก
ประลองกับนางหรือ? ย่อมได้ ด้วยใช้ต้นกำเนิดเซียนเป็นเดิมพัน
หากเอาชนะนางได้ เช่นนั้นก็เอาต้นกำเนิดเซียนของเราไป หากพ่าย
แพ้ ก็จงส่งต้นกำเนิดเซียนที่มีมาให้แก่พวกเรา!”
“อาหู่ รอจนจบงานประลองยุทธ์ค่อยว่ากล่าว!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว
คำเบา
พวกเขาถึงขั้นคิดใช้ต้นกำเนิดเซียนเป็นเดิมพัน!
ผู้คนที่นี้ต่างนับถือต่อความหาญกล้าของตระกูลหลง
ต้นกำเนิดเซียนถือเป็นสิ่งล้ำค่าเลิศล้ำอย่างยิ่ง
ราชันแคว้นมู่หัวเราะดัง “ศิษย์ของข้าก็ได้รับอันดับสองของงาน
ประลองยุทธ์ หากคิดอยากท้าทายเขา ก็อย่าได้ลืมนำต้นกำเนิดเซียน
มาวางเป็นเดิมพันด้วย!”
ยอดฝีมือของแคว้นมหาดวงดาวต่างใจเต้น
กระทั่งฉินหยุนยังคิดอยากรับการเดิมพันนี้เพื่อลงต่อสู้ด้วยซ้ำ
เชี่ยวเย่ว์หลานเองก็เช่นกัน เพราะนี่ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่
เจี้ยนสือเทียนย่อมคิดอยากเดิมพัน กระนั้นเขายังสงบใจไว้อยู่
ด้วยเหตุนี้ เรื่องราวทั้งหลายจึงไว้ค่อยพูดคุยกันหลังจบงานประลอง
ยุทธ์ เพราะพวกเขาต้องยืนยันก่อนว่าสามารถได้รับต้นกำเนิดเซียน
มาหรือไม่
หากพวกเขาได้รับเพิ่มมาหนึ่ง เช่นนั้นจึงค่อยกล้าเดิมพัน!
ไม่เช่นนั้น หากสูญเสียต้นกำเนิดเซียนเพียงหนึ่งเดียวที่มี จะกลายเป็น
ส่งผลให้พวกเขามีอำนาจเสื่อมถอย
สิ่งของดังเช่นต้นกำเนิดเซียน ยิ่งมีมากยิ่งดี ผู้ใดบ้างไม่ต้องการ?
กระนั้น คิดได้รับถือเป็นเรื่องยาก
บรรดาศิษย์ชั้นแนวหน้าทั้งสิบหกคน ต่างปรารถนาให้งานประลอง
ยุทธ์เริ่มขึ้นโดยทันทีเสียด้วยซ้ำ เพื่อที่พวกเขาจะได้ตัดสินอันดับหนึ่ง
และสอง จากนั้นจึงค่อยไปเดิมพันกับผู้คนของแคว้นมังกรทะยานฟ้า
ในสถานการณ์เช่นนี้ งานประลองยุทธ์ในวันรุ่งขึ้นย่อมต้องตึงเครียด
อย่างแน่นอน
“กลับไปพัก!”
ฉินหยุนกล่าว ก่อนกลับไป เขาหันมองทางอันดับหนึ่งงานประลอง
ยุทธ์แห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า ผู้ซึ่งสวมใส่หน้ากาก
หน้ากากนั้นไม่เผยออกแม้ดวงตา นางสวมใส่ชุดคลุมมิดชิด ดังนั้น
จึงไม่อาจพิจารณาร่างให้กระจ่างชัดได้
ฉินหยุนสงสัยตัวตนศิษย์ของตระกูลหลงผู้นั้นยิ่ง
“เสี่ยวหยุน เจ้าคิดว่าศิษย์ตระกูลหลงผู้นั้นคือเย่ว์เหม่ยหรือ?” หลิง
หยุนเอ๋อเอ่ยถาม
“ใช่! นางมักให้ความรู้สึกพิเศษเช่นนี้แก่ข้าตลอด นอกจากนี้แล้ว มี
แต่เย่ว์เหม่ยที่ชอบหลอกลวงผู้อื่นไปทั่ว ด้วยระดับนาง ตระกูลหลง
ย่อมตกเป็นเหยื่อได้” ฉินหยุนกล่าว
ที่เขาสงสัยไม่ใช่ไร้เหตุผล เพราะเชี่ยวเย่ว์เหม่ยครอบครองสายเลือด
มังกร วิญญาณยุทธ์มังกร และโทเทมมังกร นอกจากนี้ ด้วยวิญญาณ
ยุทธ์กระจกประหลาดของนาง ยิ่งทำให้นางสามารถปลอมตัวได้
แนบเนียน
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก่อนหน้านี้เคยปลอมตัวเป็นศิษย์ตระกูลหลง เรียกหา
ตนเองเป็นหลงเย่ว์เหม่ย และครั้งนั้นก็หลอกลวงไปได้หลายผู้คน
“บางทีอาจเป็นแม่เด็กผู้นั้นก็ได้!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะ “หากเป็นเย่ว์
เหม่ยจริง เช่นนั้นเรื่องราวก็น่าทึ่ง นางถึงขั้นสามารถลักลอบเข้าไป
ยังตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า และยังถึงขั้นชนะเลิศงาน
ประลองยุทธ์!”
ยิ่งฉินหยุนนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมากเท่านั้น
เขากลับห้องตนเอง นอนลงและหลับตา
ตึง ตึง ตึง!
อย่างกะทันหัน มีเสียงเคาะผ่านผนังกำแพง เป็นเจี้ยนรั่วหยานที่อยู่
ข้างห้อง
“พี่หยุน มาที่นี่สักประเดี๋ยว!” เจี้ยนรั่วหยานตะโกนเบา
ฉินหยุนจึงใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง เดินผ่านผนังกำแพงไป
เจี้ยนรั่วหยานนั่งบนที่นอนยิ้มกล่าว “ความสามารถนี้ช่างน่าทึ่งนัก
บอกต่อข้าตามตรง ความสามารถนี้ใช้เพื่อสอดส่องผู้อื่นยามอาบน้ำ
ใช่หรือไม่?”
“ข้าหรือจะทำ?” ฉินหยุนส่ายศีรษะยิ้มตอบ เขาเอ่ยถาม “แล้วมีเรื่อง
อันใด?”
“พี่หยุน ข้ายังอยากแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้!” เจี้ยนรั่วหยานถอนหายใจ
กล่าว “ในศึกวันพรุ่งนี้ ข้าเป็นกังวลนักว่าจะต้องเผชิญหน้าพี่หู่ ข้าไม่
คิดอยากพ่ายแพ้ต่อเขา!”
“น้องหยาน พละกำลังเจ้าตอนนี้ค่อนข้างดีมากแล้ว หากคิดเพิ่มพูน
ขึ้นอีก ก็มีแต่ต้องเพิ่มพื้นฐานการฝึกฝน” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “อย่าได้
เร่งรีบ มันอาจแตกซ่านและเข้าสู่เต๋าอสูรได้!”
“พี่หยุน ท่านมั่นใจหรือว่าสามารถเข้าสู่สองอันดับแรก? ตัวข้าไม่มี
ความมั่นใจเช่นนั้นแม้สักนิด!” เจี้ยนรั่วหยานนั่งบนเตียง สวมใส่
กางเกงขาสั้น นางนั่งกอดเข่าด้วยท่าทีขาดความมั่นใจ
“ข้าหรือ แน่นอนอยู่แล้ว!” ฉินหยุนก้าวเดินไปขยี้เส้นผมนางเล่น เขา
กล่าว “เมื่อใดเจ้ากลับไป บอกต่อจ้าวสำนักว่าเจ้าได้รับร่างดาบลึกล้ำ
เขาจะจัดแจงคนมาช่วยเจ้าฝึกฝนร่างเซียนเอง!”
“จริงหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานพอได้รับฟัง นางพบว่าเรื่องราวนี้แทบไม่
น่าเชื่อ
“น้องหยาน อย่าได้ประเมินตนเองต่ำเกินไป!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“พื้นฐานเจ้าอย่างไรแล้วก็ดีเยี่ยม! จ้าวสำนักของเราย่อมทราบเรื่องนี้
ดี เมื่อใดถึงเวลา เขาย่อมต้องช่วยเหลือบำรุงเลี้ยงเจ้าอย่างดีแน่!”
“ข้า… ข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่ให้ค่าสตรีเช่นข้า พวกเราสตรีมักถูก
มองข้ามเสมอมา” เจี้ยนรั่วหยานถอนหายใจเบา “ท่านเองก็ได้เห็น
ท่ามกลางสิบหกอันดับแรก มีสตรีเพียงสองหรือสามคน ยิ่งไปกว่า
นั้น พวกเรายังไม่มีร่างเซียน!”
เจี้ยนรั่วหยานถอนหายใจซ้ำ “ตราบเท่าที่ข้าสามารถเข้าถึงได้สักรอบ
สี่คนสุดท้าย เช่นนั้นก็น่าพอใจแล้ว ข้าจะได้เป็นตัวแทนต่อสู้แทน
สตรีทั้งหลาย!”
“หากพยายามให้มากย่อมไม่ใช่เรื่องยาก!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ข้ากลับ
ไปพักผ่อนแล้ว วันนี้ข้าคิดหลับทั้งวัน!”
“วันนี้ ข้ายังไปขอพรมา ว่าอย่าได้พบเจอท่าน เย่ว์หลาน รวมถึงพี่หู่!”
เจี้ยนรั่วหยานยิ้ม
ฉินหยุนเผยยิ้มส่ายศีรษะก่อนจะกลับห้องไป
เวลาผันผ่านรวดเร็ว หลังฉินหยุนตื่นขึ้น เขาจึงสวมใส่เครื่องแบบ
นครเซียนยุทธภัณฑ์สีครามก้าวเดินออกจากห้อง
เจี้ยนรั่วหยานยังคงว้าวุ่นใจ เพราะวันนี้จะเริ่มการจับสลาก หากนาง
ต้องพบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแต่รอบแรก นั่นหมายความถึงนางต้อง
ถูกคัดออก
ฉินหยุนสงบใจมาโดยตลอด ตราบเท่าที่ไม่ได้พบเจอร่างเซียนอายุ
นับพันปีอีกครั้ง เขาก็หาได้หวั่นเกรงใดไม่
ในความเป็นจริง หากหานอี้หล่ายที่เป็นร่างเซียนอายุนับพันปี ไม่
ได้มาพบฉินหยุน เขาย่อมต้องก้าวเดินขึ้นสู่อันดับอันสูงส่งของงาน
ประลองยุทธ์ได้ไม่ยากเย็น
เรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่ผู้คนของหุบเขาเซียนโอสถต่างต้องปวดใจ ด้วย
กำลังของหานอี้หล่าย เขาพร้อมที่จะขึ้นหิ้ง เอาชนะอาจารย์ยุทธ์แทบ
ทุกผู้ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำได้
พวกเขาเสียดายยิ่งที่หานอี้หล่ายคิดฉกชิงแก่นเต๋าของฉินหยุน หาก
ไม่แล้ว การสังหารฉินหยุนย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย
ฉินหยุนและเจี้ยนรั่วหยานมาถึงลานกว้างจัดงานประลอง เดินขึ้นสู่
บนลานประลองกว้างใหญ่นับสองร้อยเมตร
ผู้อื่นต่างก็มาถึงพร้อมตั้งแถวรอคอย
เชี่ยวเย่ว์หลานที่มาถึงจึงส่งเสียงสื่อสารบอกต่อฉินหยุน “เสี่ยวหยุน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าบุคคลสวมหน้ากากจากแคว้นมังกรทะยานฟ้า
จะเป็นเย่ว์เหม่ย?”
“เย่ว์หลาน เจ้าเองก็คิดหรือ?” ฉินหยุนเกิดนึกยินดีขณะเร่งรีบส่งเสียง
ตอบกลับ “ข้าเองก็สงสัยว่าเป็นนาง เด็กสาวผู้นั้นมักสร้างปัญหาไป
ทั่ว นางย่อมต้องลักลอบไปยังแคว้นมังกรทะยานฟ้าเป็นแน่!”

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset