ตอนที่ 757 : ความรู้สึกที่เอ่อล้นซ่อนเร้น

ตอนที่ 757 : ความรู้สึกที่เอ่อล้นซ่อนเร้น
ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำกลุ่มศิษย์สำนักหมื่นดวงดาว ไม่ใช่ผู้ที่ใครอื่นสามารถตอแยได้
ยามได้เห็นคนหนุ่มเช่นฉินหยุนเผยความคลางแคลงแก่ตัวเขา เสียงจึงแค่นดังกล่าว “ผู้ใดทราบกันว่าเจ้าคุยโวหรือไม่? ตัวเจ้ายังหนุ่มและเป็นอาจารย์จารึก ทั้งยังเป็นจ้าวสำนึกของสำนักจารึกอะไรสักอย่าง มีแต่หน้าโง่แล้วจึงเชื่อ ข้ากล้ากล่าว ว่าตัวข้าเป็นอาจารย์จารึกเต๋า เจ้าเล่าจะเชื่อข้าหรือไม่?”
ฉินหยุนยิ้มบางก่อนนำเอากระดาษยันต์ออกมา พร้อมทั้งมีดแกะสลักที่ดูเรียบง่าย อย่างรวดเร็ว เขาเริ่มวาดอักขระบนแผ่นยันต์ ไม่ช้า แผ่นยันต์จึงเสร็จสิ้น
ฉินหยุนควบคุมแผ่นยันต์ลอยขึ้นฟ้าพร้อมกล่าว “ข้าเพียงสร้างยันต์นี้ หากเจ้าไม่เชื่อว่าข้าคืออาจารย์จารึก เช่นนั้นลองแปะแผ่นยันต์ที่หลังมือเจ้า!”
“เหอะ เจ้าหรือสร้างยันต์โดยการตวัดเพียงไม่กี่ครั้ง คิดหลอกลวงเด็กหรือไร?” ชายวัยกลางคนจากสำนักหมื่นดวงดาวหัวเราะดัง
บรรดาศิษย์ผู้น้อยจากสำนักหมื่นดวงดาวล้วนหัวเราะตาม
“หากเจ้าแปะมันลงที่หลังมือเจ้า เมื่อนั้นจะได้ทราบเองว่ามันเป็นยันต์หรือไม่ใช่!” ฉินหยุนยิ้ม
กลุ่มศิษย์หญิงของเกาะจันทราปีศาจไม่ทราบว่าฉินหยุนคิดทำอันใด ดังนั้นพวกนางจึงเพียงรับชม พวกนางทราบดี ว่าฉินหยุนมีพรสวรรค์ทางวิถีจารึกสูงล้ำในระดับรุ่นเยาว์ด้วยกัน มันถึงขั้นที่กล่าวได้ว่าเขาคืออันดับหนึ่ง!
ชายวัยกลางคนจากสำนักหมื่นดวงดาวนำยันต์ของฉินหยุนวางที่หลังมือ จากนั้นจึงยกมือขึ้นสูงพร้อมหัวเราะดัง “ทุกคนจงดู นี่คือยันต์ที่สร้างขึ้นโดยจ้าวสำนักจารึก! ช่างทรงอำนาจยิ่งนัก ฮ่าฮ่าฮ่า ให้เด็กวาดเล่นยังดีกว่ามันด้วยซ้ำ!”
บรรดาศิษย์สำนักหมื่นดวงดาวต่างหัวเราะดัง ขณะพวกเขาหัวเราะต่อเนื่อง ฉับพลันเสียง “เพี๊ยะ” พลันดังขึ้น! เสียงหัวเราะกลายเป็นชะงักงัน! ชายวัยกลางคนจากสำนักหมื่นดวงดาวได้ตบหน้าตนเองอย่างรุนแรง! ชายวัยกลางคนมองมือตนเองราวกับพบเห็นภูตผี
เพี๊ยะ!
ชายวัยกลางคนตบหน้าตนเองอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นมือของเขาคล้ายสูญเสียการควบคุม มันเริ่มตบหน้าตัวเขาเองอย่างต่อเนื่อง
เรื่องนี้ทำเอากลุ่มสตรีด้านหลังฉินหยุนต่างหัวเราะ
“เร่งรีบช่วยเหลือข้านำยันต์นี้ออก!” ชายวัยกลางคนร้องตะโกน เขาไม่อาจนำยันต์ออกนี้ด้วยตนเองได้
ศิษย์หลายคนต่างเร่งรีบเข้ามาช่วยนำยันต์ออกจากมือ
“เจ้า… ตัวบัดซบ!” ชายวัยกลางคนใบหน้าแดงก่ำเพราะแรงตบ เขาโกรธจนถึงขั้นชี้หน้าฉินหยุน
“เป็นเจ้าที่แปะยันต์ไว้หลังมือตนเอง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ผู้ใดใช้ให้เจ้าไม่เชื่อคำพูดข้า!”
“บัดซบ จงรับความตาย!” ชายวัยกลางคนจากสำนักหมื่นดวงดาวคำราม
สตรีวัยกลางคนจากเกาะจันทราปีศาจเร่งรีบทะยานมาขวางหน้าฉินหยุนไว้ นางกล่าวเสียงลุ่มลึก “คิดอยากโจมตีหรือ เช่นนั้นจงเข้ามา!”
“พวกเราคิดโจมตีแล้วอย่างไร? ก็แค่สตรีอ่อนแอ คิดหรือว่าจะทำอันใดพวกเราได้?” ชายวัยกลางคนหัวเราะโฉดชั่ว “ศิษย์ข้า จงจับสตรีพวกนี้มาเริงรมณ์กันเสีย!”
“สำนักหมื่นดวงดาว ช่างไม่ต่างอะไรกับกลุ่มเศษสวะ!” สตรีจากเกาะจันทราปีศาจเผยความพิโรธ
“บุก!”
“ฆ่า!”
“สตรีเหล่านี้ช่างน่าเริงรมณ์ด้วยนัก!”
กลุ่มศิษย์จากสำนักหมื่นดวงดาวหัวเราะโฉดชั่ว พวกเขานำเอาอาวุธออกมาคิดเข้าปะทะ
เมื่อฉินหยุนพบเห็นกลุ่มศิษย์สำนักหมื่นดวงดาวเข้ามาใกล้ เขาจึงโยนยันต์สะกดกายออกไปสองแผ่นพร้อมตะโกน “เร่งรีบสังหารพวกมัน!”
กลุ่มศิษย์หญิงจากเกาะจันทราปีศาจเหล่านี้ต่างเป็นชนชั้นแนวหน้า พวกนางตอบสนองรวดเร็ว ในพริบตา พวกนางได้กวัดแกว่งอาวุธในมืออย่างดุดัน เพียงแสงสว่างวูบ ศิษย์นับร้อยคนของสำนักหมื่นดวงดาวได้ถูกสังหาร ชิ้นส่วนกระจัดกระจายทั่วพื้นที่โดยฝีมือของศิษย์หญิงเกาะจันทราปีศาจเพียงสิบกว่าคน
บางคนที่รอด เวลานี้กำลังครวญครางกับพื้น ศิษย์หญิงเกาะจันทราปีศาจย่อมไม่อ่อนด้อย ยามต้องสังหารบุคคลโฉดชั่ว พวกนางสามารถสังหารโดยไม่แม้กระพริบตา เวลานี้ พวกนางเปรียงดังกลุ่มเทพธิดาล้างสังหาร!
“จ้าวสำนักช่างยอดเยี่ยม!” สตรีทรงเสน่ห์งดงามหัวเราะพลางเดินเข้ามา
“เอาละ พวกเจ้าสมควรเดินทางไปตำหนักเซียนดาบกันได้แล้ว ระหว่างทางระวังตัวด้วย ไว้พูดกล่าวกันหลังข้ากลับถึงนครเซียนยุทธภัณฑ์ หากเสร็จธุระเร็ว ข้าจะไปยังตำหนักเซียนดาบเพื่อเข้าร่วมหาความสนุกด้วย!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
สุดท้ายแล้ว เขาได้กล่าวย้ำเตือนพวกนางอีกครั้ง บอกต่อพวกนาง ว่าอย่าได้ปล่อยข่าวเรื่องของเขาออกไป
ฉินหยุนบินผ่านอากาศ เร่งรีบมุ่งหน้าไปยังนครเซียนยุทธภัณฑ์ ระหว่างทาง เขาพบสถานที่ให้ซ่อนตัว จึงนำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมาและหยดเลือดลงไป กระนั้น เขาก็ยังไม่อาจติดต่อเซี่ยฉีโหรว เขาคิดอยากทราบ ว่าเซี่ยฉีโหรวพบเจอปัญหาใด เพราะเขาไม่อาจติดต่อหานางได้เป็นเวลานานแล้ว
ที่ประตูเมืองของนครเซียนยุทธภัณฑ์ เวลานี้ยิ่งเข้มงวด ผู้ใดคิดอยากผ่านต้องได้รับการตรวจสอบหลายขั้นตอน ทั้งยังมีอุปกรณ์พิเศษสำหรับใช้ตรวจสอบผู้ฝึกตนอสูร นี่ก็เพราะนครเซียนยุทธภัณฑ์เวลานี้มีศัตรูหลากหลายกลุ่ม
ตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า ได้ออกคำสั่งรวมสาขาตระกูลหลงจากหลายแคว้น ก่อตั้งขึ้นเป็นกองกำลังอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร พวกเขาเรียกขานตนเอง เป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแดนวิญญาณอ้างว้าง
ถัดจากนั้นจึงเป็นตระกูลเจี้ยน! เวลานี้ ตระกูลเจี้ยนจากหลายแคว้นและสำนักที่อยู่ใต้บัญชา ต่างมุ่งหน้าไปยังตำหนักเซียนดาบ! ตระกูลเจี้ยนรับรู้ได้ถึงภัยคุกคามของตระกูลหลง ดังนั้นเจี้ยนสือเทียนจึงถือโอกาสนี้ เป็นการเรียกชุมนุมคนของตระกูลเจี้ยนจากแคว้นทั้งหลายโดยอาศัยงานชุมนุมยุทธ์ดาบ!
ตระกูลเย่ว์ ตระกูลหยาง และตระกูลเทียนต่างคิดรวมตัวเข้าด้วยกัน กระนั้นเนื่องด้วยปัญหาภายในปะทุ ไม่มีผู้ใดคิดอยากตกอยู่ในการปกครองผู้อื่น นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังต้องการเลือกผู้อาวุโสของตนเองนำทัพ ทว่าคนที่เคยยิ่งใหญ่หรือจะยอมก้มหัวต่อหน้าผู้อื่นที่ทัดเทียม ผลลัพธ์ที่ได้ พวกเขาที่เคยเป็นตระกูลใหญ่ต่างต้องเสื่อมถอยลงไป
ฉินหยุนยืนที่ด้านนอกประตูเมืองพลางครุ่นคิด จากนั้น เขาจึงใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงผ่านม่านพลัง เพราะเขาฝึกฝนร่างเซียนอสูร มีโอกาสสูงมากที่จะถูกตรวจพบว่าเป็นผู้ฝึกตนอสูร
หลังเข้าสู่นครเซียนยุทธภัณฑ์ เขาจึงมุ่งหน้าตรงไปยังพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ฉินหยุนกลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์เงียบงัน หาได้มีผู้ใดทราบว่าเขากลับมาแล้วไม่ หลังกลับมาถึง เขาจึงเดินทางไปยังสวนของหอพิทักษ์กฎเพื่อหาแม่เฒ่าหม่า นางกำลังอยู่ระหว่างฝึกฝนให้แก่ศิษย์อื่น ยามสัมผัสได้ถึงออร่าฉินหยุน นางหันมองทางฉินหยุนที่สวมใส่ชุดดำและหมวกปีกยาวปิดบังใบหน้า นางก้าวเดินมาด้วยความตื่นเต้นยินดีก่อนนำฉินหยุนไปห้องลับ
“ท่านยายหม่า ข้ากลับมาแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“เจ้ากลับมาแล้ว วิเศษนัก!” แม่เฒ่าหม่าถอนหายใจยาวพร้อมมองฉินหยุนด้วยรอยยิ้มบาง
“จ้าวสำนักและผู้อื่นล้วนไปงานชุมนุมยุทธ์ดาบหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ใช่! ครั้งนี้ พวกเราส่งคนเข้าร่วมกว่าสามร้อยคน!” แม่เฒ่าหม่าเผยสีหน้าจริงจัง “งานชุมนุมยุทธ์ดาบไม่ต่างอะไรกับงานประลองยุทธ์ครั้งใหญ่ กระนั้นตระกูลเจี้ยนก็ใช้โอกาสนี้เป็นการรวมยอดฝีมือตระกูลเจี้ยนด้วยเช่นกัน!”
“ตั้งแต่ที่สถานการณ์ตึงเครียดในแดนวิญญาณอ้างว้างเขตแดนนอก มีอำนาจมืดยื่นมือเข้ามาหรือ?” ฉินหยุนคิดได้เช่นนี้จึงเอ่ยถาม
“ถูกต้อง เขตแดนลึกล้ำเวลานี้กำลังปั่นป่วน กองกำลังอันชอบธรรมบางส่วนกลายเป็นศัตรู พวกเขาจะเริ่มสู้กันเองในอีกไม่ช้านี้! ทั้งนี้ พวกนั้นยังเป็นกังวลว่ายามเปิดศึก พวกเราฝ่ายที่แข็งแกร่งจากเขตแดนนอกจะบุกเข้าไปโจมตี!” แม่เฒ่าหม่าพยักหน้ารับพลางอธิบายเสริม
“หากเขตแดนลึกล้ำคิดอยากบีบบังคับให้พวกเราตกอยู่ในความโกลาหล อย่างนั้นพวกมันก็หาได้น่าหวาดกลัวอันใดไม่!” ฉินหยุนแค่นเสียงกล่าว
“ถูกต้อง! ดังนั้นแล้ว ตระกูลเจี้ยนจึงวางแผนจัดงานชุมนุมยุทธ์ดาบขึ้นมา เพื่อฉวยโอกาสเป็นการเรียกรวมคนตระกูลเจี้ยน พวกเขาวางแผนรวมกำลังในแคว้นมหาดวงดาว ร่วมมือกับสำนักของพวกเราเพื่อคงอำนาจในแคว้นมหาดวงดาวไว้!”
“อย่างนั้น พวกเราย่อมสามารถสร้างความโกลาหลได้ เมื่อใดเขตแดนลึกล้ำเริ่มเปิดศึกต่อกัน พวกเราจะล้างสังหารทางนี้ และเหยียบย่างเข้าสู่เขตแดนลึกล้ำ!”
“ฉินหยุน เรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้พูดป่าวประกาศออกไป!” แม่เฒ่าหม่ากล่าวเตือน
“แล้วตระกูลหลงเล่า? คล้ายว่าพวกนั้นก็มีความคิดเช่นเดียวกัน” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เขตแดนลึกล้ำจึงเป็นอำนาจเบื้องหลังตระกูลหลง! สาเหตุที่ตระกูลหลงรวมตัวกันได้ ก็เพื่อดึงความสนใจของเขตแดนนอกเอาไว้!” แม่เฒ่าหม่ากล่าวคำ “เฉียวเฟิงถูกเรียกตัวกลับไป นางไม่ใช่ศิษย์ของนครเซียนยุทธภัณฑ์อีกต่อไปแล้ว!”
ฉินหยุนและแม่เฒ่าหม่าพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง จากนั้นเขาจึงเร่งรีบไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
จากปากคำแม่เฒ่าหม่า เขาได้ทราบ ว่าเจี้ยนหลิงหลง เจี้ยนรั่วหยาน และเจี้ยนหมาง รวมถึงผู้คนตระกูลเจี้ยนล้วนกลับไปยังตำหนักเซียนดาบกันหมดสิ้นแล้ว
ฉินหยุนมาถึงตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ก็เหมือนดังทุกครั้ง ปิงชิงกำลังนั่งอย่างเงียบงันข้างสระเซียน
ทันทีที่ฉินหยุนเข้ามายังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เขาจึงได้เห็นร่างงดงามเงียบงัน เป็นเซียนผู้เย็นเยือกนามปิงชิง เวลานี้ เขาค่อยรู้สึกโล่งใจ
ปิงชิงทราบว่าฉินหยุนกลับมาแล้ว และภายในใจของนาง มันมีความรู้สึกที่หลากหลาย กระนั้นภายนอกของนางกลับสงบ นางค่อยลืมดวงตางดงามนั้นขึ้น มันเป็นใบหน้างดงามที่สงบนิ่งอย่างยิ่ง
“พี่สาวปิงชิง ข้ากลับมาแล้ว!” ฉินหยุนเผยยิ้มขี้เล่น “คิดถึงข้าหรือไม่?”
“ไม่!” ปิงชิงแค่นเสียงเบา “ข้านึกว่าเจ้าตายไปแล้วเสียอีก!”
“ต้องขออภัย ที่ข้าไม่ได้ฝึกฝนร่วมกับท่านตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา” ฉินหยุนก้าวเดินเข้ามา เขานำเอาขวดน้อยออกมาและส่งมอบแก่นาง
“ข้าสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วโดยใช้วิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร!”
ปิงชิงรับขวดไว้ พบว่ามันเป็นเม็ดยาพลังเซียนเก้าวิวัฒน์จำนวนมากที่ภายใน นางอดไม่ได้ที่จะเกิดความอบอุ่นจากหัวใจ เพราะฉินหยุนยังคิดถึงเรื่องของนางตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“หลายปีมานี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ปิงชิงมองที่ฉินหยุน ความรู้สึกอบอุ่นเผยผ่านดวงตางดงามของนาง
“ยังดี หรืออาจแย่! ข้าได้ฝึกฝนผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำที่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ” ฉินหยุนถอนหายใจยาว จากนั้นจึงนั่งลงพร้อมอธิบาย ว่าเหตุใดเขาจึงกลับมาถึงหลังผ่านไปหลายปี
เมื่อเล่าได้ครบถ้วน เขาจึงสบถเสียงเบา “ทั้งหมดนี่ก็เพราะช่องว่างกาลอวกาศบัดซบนั่น มันทำข้าเสียเวลาไปหลายปี!”
ปิงชิงกล่าว “เจ้ากลับมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว! ฉีเย่ว์มาที่นี่หลายครั้ง มาพบข้าและหารือเรื่องการเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬเพื่อช่วยเจ้า กระนั้นพวกเรายังไม่อาจหาแผนการที่ดีพอให้ลงมือได้!”
“พี่หยางช่างห่วงหาข้ายิ่งนัก!” ฉินหยุนยิ้มอย่างสุขใจ
“ไปกัน ข้าจะใช้บรรทมเซียนตะวันจันทรากับเจ้า เข้าสู่เขตแดนกาลอวกาศตะวันจันทรา ข้าจะส่งต่อความรู้ความเข้าใจต่อวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรให้แก่เจ้า มันจะได้ช่วยให้เจ้าเสริมพลังแก่ร่างเซียนอสูรได้มากขึ้น!” ปิงชิงคว้ามือฉินหยุนพร้อมดึงลงสระเซียน
ฉินหยุนตอนนี้สามารถนอนในบรรทมเซียนตะวันจันทราร่วมกับปิงชิงได้หลายวันในคราวเดียว จิตสำนึกของเขาได้ใช้ช่วงเวลาในนั้นยาวนานถึงสี่ปี
ด้วยความรู้และเข้าใจของเขาและปิงชิงเกื้อหนุน เขาได้เพิ่มพูนศักยภาพตนเองอย่างมหาศาล ทั้งยังได้ฝึกวิชายุทธ์นานาชนิดตลอดช่วงเวลาสี่ปี
“ฉินหยุน เจ้ายังมีเวลาเหลือ ควรย่อยข้อมูลที่ได้เรียนรู้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา!” ปิงชิงกล่าว “ข้าขอตัวออกไปก่อน!”
ปิงชิงออกจากเขตแดนกาลอวกาศตะวันจันทรา กระนั้นก็ยังคงกุมมือฉินหยุนเอาไว้ โดยปล่อยให้เขาอยู่ที่ภายในนี้
ตอนนี้ ฉินหยุนไม่อาจทราบได้ว่าภายนอกเกิดอันใดขึ้น เขากำลังฝึกฝนวิชายุทธ์อย่างเคร่งเครียด
“เสี่ยวหยุน พี่สาวปิงชิงผู้นี้เอารัดเอาเปรียบเจ้าอีกแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะคิกคัก “เจ้าควรเร่งรีบตื่น!”
“เซียนหญิงเยือกแข็งแต่กลับร้อนแรง ข้าตื่นไปก็ทำอันใดนางไม่ได้!” ฉินหยุนสบถเสียงเบา เขาคิดอยากตื่น กระนั้นกลับไม่อาจ
ไม่นานนัก ฉินหยุนค่อยตื่นขึ้นจากบรรทมเซียนตะวันจันทรา ปิงชิงยืนด้านข้างเตียงด้วยสีหน้าอันสงบ
ฉินหยุนไม่ทราบว่าตนเองควรหัวเราะยินดีหรือร้องไห้แล้ว ตัวเขาไม่ทราบว่ากล้ามเนื้อส่วนใดของเซียนสาวผู้นี้กระตุกจึงลงมือ นางมักจะเอารัดเอาเปรียบต่อเขาเป็นการลับเช่นนี้
“เจ้าคิดไปเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบหรือ? ก่อนหน้านี้เย่ว์เหม่ยเองก็มาที่นี่ บอกต่อข้าว่านางจะไปเข้าร่วมหาความสำราญ!” ปิงชิงกล่าว
“ข้าย่อมไม่สนใจงานชุมนุมยุทธ์ดาบ ทว่าคิดอยากไปพบเย่ว์เหม่ย ข้ายังมีเรื่องต้องหารือกับแม่เด็กน้อยนั่น เพราะเรื่องราววุ่นวาย ทำให้ต้องเชื่องช้าไปหลายปีนัก!”
ฉินหยุนยังมีแผนการขัดเกลาจารึกวิญญาณ เวลานี้เขาลุกขึ้นจากบรรทมเซียนตะวันจันทรา
“ฉินหยุน เย่ว์โยวติดต่อกับฉีเย่ว์ได้ เจ้าลองไปพูดคุยสอบถามกับฉีเย่ว์ดู!” ปิงชิงกล่าวขึ้น

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset