ตอนที่ 773 : หลุมไร้ก้น

ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงภายนอกดูสงบยิ่ง กระนั้นภายในตื่นเต้นจนแทบแย่แล้ว
เจี้ยนสือเทียนพบว่าสถานการณ์เกินคาดคิด เพราะอันดับหนึ่งไม่ใช่คนของตระกูลเจี้ยน นอกจากนี้ เจี้ยนหลิงหลงยังได้รับอันดับสอง นี่หมายความถึงด้วยไม่มีจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า ระดับวิถีจารึกของนางก็ยังสูงล้ำ นางแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลาย ตอนนี้เขานึกเสียใจที่ปล่อยมือจากนาง
อันดับที่สาม จึงเป็นอาจารย์จารึกเต๋าของตระกูลเจี้ยน สีหน้าของเขาไม่สู้ดีเท่าใดนัก เพราะก่อนการแข่งขันจะเริ่ม เขาคือผู้ที่มีศักยภาพชนะเลิศมากที่สุด กระนั้นตอนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้อันดับแรก ยังกลับต้องพ่ายแพ้แก่สตรีจากตระกูลของตนเอง
ฉินหยุนได้รับอักขระตะวัน กระนั้นภายในใจต้องลอบหยามเหยียด เขานึกว่าอย่างน้อยก็ต้องได้สักหลายชุด กระนั้นกลับเป็นเพียงหนึ่งชุด เจี้ยนหลิงหลงได้รับอักขระเต๋าและอักขระจันทราอย่างละหนึ่งชุดเช่นกัน ทั้งหมดได้ถูกแกะสลักไว้บนแผ่นหนังสัตว์
“น้องชาย ข้าพักที่หอพำนักเซียนดาบ คืนนี้ไปพักกับข้า จะได้กล่าวขอบคุณเจ้าด้วย! นอกจากนี้ หากอยู่ร่วมกับข้าก็มีแต่จะยิ่งปลอดภัย!” เจี้ยนหลิงหลงเผยความยินดีขณะดึงแขนฉินหยุนออกจากเวทีแข่งขัน
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอเห็นดังนี้ นางจึงลอบติดตามทั้งสอง
แม้เจี้ยนหลิงหลงเป็นสตรีอารมณ์ร้าย ทว่านางงดงามอย่างยิ่ง นอกจากนี้แล้ว นางยังเป็นถึงจักรพรรดิยุทธ์ ท่าทียังร้อนแรงผ่าเผย นางคือฝันหวานของบุรุษทั้งหลาย ทว่าเวลานี้ นางกลับโดนเจ้าปีศาจน้อยผู้นั้นครอบงำ!
เจี้ยนหลิงหลงนำฉินหยุนออกจากอาคารลูกบาศก์ จากนั้นจึงคิดขึ้นเรือบิน แต่ขณะจะขึ้นไปนั้นเอง ฉินหยุนพลันตะโกน “รอประเดี๋ยว!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมาถึงตามติด นางสวมใส่หน้ากาก เจี้ยนหลิงหลงเปิดประตูรับบุคคลชุดดำสวมหน้ากากเข้ามา นางไม่เอ่ยถามว่าผู้นี้คือใคร หลังเข้าสู่เรือบินเรียบร้อย เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงค่อยถอดหน้ากากออก เผยซึ่งใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มทรงเสน่ห์
“พี่หลิงหลง เป็นข้าเอง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะกล่าว
ก่อนหน้านี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ไปเยี่ยมเยือนพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์อยู่บ่อยครั้ง นางรู้จักกับปิงชิง ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเจี้ยนหลิงหลง เจี้ยนรั่วหยาน และเหลียวจิงเหมิงจึงค่อนข้างดี และที่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ นางก็แสร้งทำตัวเป็นเซียนมาโดยตลอด
“เย่ว์เหม่ย เจ้า… เจ้าทราบว่าพี่ชายเจ้ากลับมาแล้ว กระนั้นกลับไม่บอกข้าแม้เพียงนิด!” เจี้ยนหลิงหลงครวญครางเบา จากนั้นจึงยื่นมือเข้าไปหยิกใบหน้างดงามของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
เจี้ยนหลิงหลงควบคุมเรือบิน มุ่งหน้าสู่หอพำนักเซียนดาบซึ่งอยู่ไม่ไกล
“นี่ก็เพราะพวกเรามีเรื่องสำคัญให้ต้องทำ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “พี่หลิงหลง ท่านมีผลึกแก้วแกนกลางเท่าใดกัน?”
“ข้าไม่มีเหลือแล้ว หากไม่พอ ข้าจะไปช่วยซื้อมาให้” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว
“ตอนนี้ไม่เหมาะสมไปซื้อ ราคาค่อนข้างพุ่งสูง ทั้งคุณภาพยังออกจะขาดไปบ้าง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นกังวล ว่าฉินหยุนจะไม่อาจเลื่อนระดับได้ทันเวลา
ฉินหยุนจึงกล่าวขึ้น “รอจนถึงเวลานั้น พวกเราค่อยว่ากล่าวกันอีกทีหนึ่ง!”
ไม่นานจากนั้น ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงจึงแลกเปลี่ยนอักขระที่ได้รับมา
“อักขระตะวันชั้นเลิศ ค่อนข้างดี ทว่าข้าไม่ทราบว่าอักขระตะวันระดับราชันเป็นเช่นไร!” เจี้ยนหลิงหลงขมวดคิ้ว “เจ้าอย่าได้กังวลไป ตำหนักเซียนดาบเชี่ยวชาญอักขระตะวันไม่ใช่น้อย และแต่ละชุดย่อมเป็นของดี!”
อักขระเต๋าและอักขระจันทรา ก็ถือว่าเป็นของดี
โดยเฉพาะอักขระเต๋า มันเป็นอักขระเต๋านามลึกล้ำทะยาน ค่ายอาคมที่สร้างขึ้นโดยอักขระเต๋านี้ จะสามารถทำให้เพิ่มพูนการฝึกฝนแก่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ
อักขระจันทรา มันนามคือแก่นจันทรา มันไว้ใช้สำหรับควบแน่นแก่นจันทรา
เจี้ยนหลิงหลงนำฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย สู่ห้องพักของนางที่หอพำนักเซียนดาบ หอพำนักเซียนดาบแห่งนี้สูงกว่าสองร้อยชั้น เจี้ยนหลิงหลงอยู่ที่ชั้นหนึ่งร้อยแปดสิบ ภายในห้องชุดค่อนข้างหรูหราและกว้างใหญ่ มันเปรียบดังพระราชวังกลางฟ้า ชั้นนี้ประกอบด้วยหลายห้อง ทั้งยังมีห้องฝึกฝน
“พี่หลิงหลง พำนักอาศัยที่นี่ต้องจ่ายกี่เหรียญม่วงต่อวัน?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยวิ่งเล่นไปทั่ว นางเวลานี้ค่อนข้างอิจฉาต่อพระราชวังกลางฟ้าอันหรูหราแห่งนี้
“ไม่ต้องจ่ายแม้สักเหรียญม่วง! แม้ข้าออกจากตำหนักเซียนดาบแล้ว กระนั้นข้าก็ได้สร้างความดีความชอบแก่ตำหนักเซียนดาบเอาไว้มาก ยามที่หอพำนักแห่งนี้สร้างเสร็จ ข้าจึงร้องขอมาครึ่งชั้น!” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าว
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยคำ “ข้าจะไปพาท่านป้าและผู้อื่นมา”
เจี้ยนหลิงหลงย่อมรู้จักเชี่ยวเสวียนฉิน พวกนางค่อนข้างคุ้นเคยต่อกัน เพราะบ่อยครั้งเชี่ยวเสวียนฉินจะไปยังพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์เพื่อพบปิงชิง หลังเชี่ยวเย่ว์เหม่ยออกไปแล้ว ฉินหยุนจึงบอกต่อเจี้ยนหลิงหลง ถึงเรื่องที่เขากำลังฝึกฝนร่วมกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ยและคณะ
“พระสูตรตะวันจันทรา? พี่สาวปิงชิงได้สอนสั่งแก่ข้าเช่นกัน และข้าก็คิดหาบุรุษมาทดลองด้วยอยู่พอดี!” เจี้ยนหลิงหลงมองฉินหยุนพลางหัวเราะร่วน
“พี่สาวหลิงหลง การฝึกฝนจำเป็นต้องใช้ความเชื่อใจอย่างแท้จริง!” ฉินหยุนกล่าวออก
“ข้าย่อมเชื่อใจเจ้า” เจี้ยนหลิงหลงหยิกที่ใบหน้าฉินหยุน “เจ้าปีศาจน้อย เป็นเจ้าไม่เชื่อใจข้า!”
“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร!” ฉินหยุนหัวเราะยินดี ขณะดึงมือเจี้ยนหลิงหลงที่หยิกหน้าตนเองออก
ไม่นานจากนั้น เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้พาสื่อชิงเฉิงและคณะมา ทางด้านฮูจิงเซียน นางมีเรื่องอื่นต้องสะสาง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมทางมา ตอนนี้จึงมีแต่เจี้ยนหลิงหลงที่ร่วมวงด้วย
สถานการณ์การฝึกฝนของฉินหยุนค่อนข้างพิเศษ แก่นเต๋าตะวันทมิฬของเขา มันจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรการฝึกฝนมากมายกว่าผู้อื่นหลายเท่าเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นแก่นเต๋าลึกล้ำ
ภายในห้องลับกว้างขวาง ฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์เหม่ย และสตรีทั้งหลายต่างร่วมฝึกฝน รอบด้านถูกเรียงรายไว้ด้วยผลึกแก้วแกนกลาง ฉินหยุนดูดกลืนพลังงานจากผลึกแก้วแกนกลางรวดเร็ว มันทำให้ทั้งห้องมีแต่พลังงานดวงดาวอัดแน่น
เมื่อจักรพรรดิยุทธ์เช่นเจี้ยนหลิงหลงร่วมด้วย พลังงานที่ฉินหยุนปลดปล่อยออกมา มันจึงถูกเสริมเท่าทวียามถูกส่งผ่านต่อร่างสตรีผู้อื่น ยามเมื่อกลับคืนสู่ร่างฉินหยุน มันราวกับพลังอันคลุ้มคลั่ง หากฉินหยุนไม่ได้ฝึกฝนร่างเซียนอสูร เขาคงไม่อาจต้านรับพลังชวนสะพรึงระดับนี้ที่เข้าสู่กายได้
เจี้ยนหลิงหลงคือคนสุดท้ายที่ได้รับพลัง ก่อนจะถูกส่งต่อกลับคืนสู่ร่างฉินหยุน นางย่อมทราบว่าพลังถูกเสริมจนมากล้นขึ้นหลายเท่าผ่านกระบวนการ แม้นางที่เป็นจักรพรรดิยุทธ์ยังต้องรู้สึกหวาดกลัวต่อพลังดังกล่าว
นางกังวล ว่าฉินหยุนจะไม่อาจทนทานรับได้ไหว กระนั้นหลังผ่านไปครั้งหนึ่ง ฉินหยุนสามารถผ่านพ้นอย่างไร้ซึ่งปัญหา เรื่องนี้ค่อยทำนางผ่อนคลายได้มาก
แม้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและคณะพยายามสุดแรงเพื่อช่วยฉินหยุนเลื่อนระดับพลัง ทว่าการร่วมฝึกฝนเช่นนี้ก็เป็นประโยชน์แก่พวกนางมหาศาลไม่ต่างกัน สำหรับฉินหยุนที่ฝึกฝนร่างเซียนอสูร หลังจากพลังงานในตัวเขาถูกส่งต่อไปยังร่างของสตรี มันจะเป็นการเสริมแกร่งให้แก่ร่างกายของพวกนาง เช่นนี้ มันจึงเป็นการฝึกฝนร่วมกันที่ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย
ฉินหยุนเวลานี้ค่อยทราบกระจ่างชัด ว่าเหตุใดตัวเขาในชาติภพก่อน จึงเอาแต่ลวงหลอกสตรีจากพระราชวังกวงหานไปเรื่อย นั่นก็เพราะหลังได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากศิษย์หญิงของพระราชวังกวงหาน เขาจะสามารถฝึกฝนร่วมกับพวกนาง มันคือวิธีการที่จะช่วยเสริมความเร็วการฝึกฝนจนแทบไม่อาจนึกฝันถึง
ผ่านไปสามวัน! ผลึกแก้วแกนกลางทั้งหมดในห้องลับต่างถูกใช้งานหมดสิ้น! ฉินหยุนไม่กล้ามองหน้าพวกนางแล้ว เพราะเขายังไม่อาจเลื่อนระดับพลังได้สำเร็จ!
“พี่ชาย ท่านนี่ไม่ต่างอะไรกับหลุมไร้ก้น! จำนวนผลึกแก้วแกนกลางที่ท่านดูดกลืนเข้าไป มันพอให้ห้าคนเลื่อนระดับพลังได้แล้วกระมัง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยทราบ ว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ กระนั้นนางก็ยังคิดว่าเรื่องนี้ออกจะเกินคาดมากเกินไป
เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว “นี่ถือเป็นสถานการณ์ที่ดี! เลื่อนระดับยากเพียงใด หลังผ่านพ้นไปได้จึงยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น! แน่นอนว่าฉินหยุนครอบครองสามวิญญาณยุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันทั้งสามยังเป็นวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่ง ต้องการทรัพยากรมากมายขึ้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา”
“ข้าจะออกไปซื้อหาผลึกแก้วแกนกลางมาเพิ่ม” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าว “ฉินหยุน เจ้าจงก้าวถึงขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์โดยเร็ว! เจ้าเป็นบุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่ข้าสามารถฝึกฝนพระสูตรหัวใจตะวันจันทราร่วมด้วยได้ ข้าคิดอยากเร่งรีบก้าวสู่ขอบเขตครึ่งเซียน ความหวังฝากไว้ที่เจ้าแล้ว!”
เพราะเจี้ยนหลิงหลงอยู่ที่นี่ สุ่ยเทียนสื่อผู้ร้อนแรงจึงต้องยับยั้งตนเองไว้มากมายนัก กระนั้นตอนนี้ นางแทบไม่อาจทนได้ไหวอีก จึงต้องยื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าฉินหยุนพลางยิ้ม “น้องหยุน พี่สาวเองก็ต้องพึ่งพาเจ้า เพื่อที่จะได้ฝึกฝนก้าวหน้ารวดเร็วในภายหน้าเช่นกัน”
ฉินหยุนมองทางเชี่ยวเสวียนฉินและสื่อชิงเฉิง ทั้งสองต่างพยักหน้ารับพร้อมกัน เขาที่อดไม่ได้จึงกล่าวพร้อมฝืนยิ้ม “ดูเหมือนข้าจะได้รับภาระหนักอึ้งมาฝากฝังแล้ว!”
“พี่สาวหลิงหลง ยามที่ออกไปซื้อหาผลึกแก้วแกนกลาง หากมีเหรียญม่วงไม่พอ ข้ายังมีอีกมาก” ฉินหยุนกล่าว การยกเรื่องนี้ให้เจี้ยนหลิงหลงจัดการ นั่นหมายความถึงฉินหยุนและคณะแทบไม่ต้องกังวลอื่นใด
ฉินหยุนคาดเดาถึงสาเหตุที่ตนเองตอนนี้เลื่อนระดับได้ยากเย็น นั่นอาจเป็นเพราะกระดูกวิญญาณและแก่นเต๋าตะวันทมิฬ ทั้งสองกล่าวได้ว่ายากนักที่จะป้อนพวกมันจนอิ่มหนำ หรือบางทีอาจเป็นจันทราทมิฬที่ประหลาดล้ำ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งตัวตนที่ต้องการพลังงานมหาศาล
“เจ้าหนู พวกเราต้องกลับไปพบท่านยายหยุนเหยาก่อน นางไม่อนุญาตให้พวกเราไปไหนมาไหนตามใจในช่วงเวลาเช่นนี้” สื่อชิงเฉิงขยี้ผมฉินหยุนพร้อมบอกเล่าออกมา
“ทราบแล้ว เมื่อใดผลึกแก้วแกนกลางรวบรวมได้มากพอ ข้าจะติดต่อหาพวกท่านอีกครั้ง” ฉินหยุนยิ้มพร้อมหัวเราะร่วนตอบรับ
หลังเชี่ยวเสวียนฉิน สื่อชิงเฉิง และสุ่ยเทียนสื่อต่างกลับไปแล้ว เจี้ยนหลิงหลงจึงออกไปซื้อหาผลึกแก้วแกนกลางมาเพิ่ม ที่นี่จึงเหลือแต่เชี่ยวเย่ว์เหม่ย นางกำลังกัดกินผลไม้กลิ่นหอมหวาน
“เย่ว์เหม่ย ข้ารู้สึกว่าตนเองตอนนี้ยังไม่อาจเลื่อนระดับไปได้!” ฉินหยุนถอนหายใจ “เป็นไปได้ว่า อาจเป็นเพราะจันทราทมิฬที่อยู่ภายในแก่นเต๋าตะวันทมิฬหรือไม่?”
“ข้ายังไม่ได้หารือถึงสถานการณ์จำเพาะกับพี่หยาง คิดว่านางน่าจะพอทราบอันใดบ้าง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
ฉินหยุนนำแผนที่หลุมฝังเซียนออกมา “ข้าติดต่อหาพี่ฉีโหรวไม่ได้นานแล้ว สงสัยนักว่าเกิดปัญหาใดขึ้นหรือไม่!”
ฉินหยุนหยดเลือดที่แผนที่หลุมฝังเซียน และมันก็ยังไม่มีการตอบสนองดังเช่นที่ผ่านมา
“สถานการณ์ทางด้านจิตวิญญาณของพี่ฉีโหรวค่อนข้างย่ำแย่กว่าพวกเรานัก จิตวิญญาณของนางแข็งแกร่งเลิศล้ำ ทว่ากำลังกายไม่อาจเพิ่มขึ้นตามจิตวิญญาณได้ทัน ดังนั้นแล้วยิ่งผ่านไป พี่สาวจึงต้องทำให้จิตวิญญาณเข้าสู่สภาวะการจำศีลเพื่อคงสถานการณ์ไว้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว
“พี่ชาย ในงานประลองยุทธ์ที่จะถึง ท่านคิดเข้าร่วมโดยแอบแฝงนามหรือใช้ตัวตนจริง?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวถาม “ข้าออกไปสืบหาข่าวคราว พบว่าผู้อื่นที่เข้าแข่งขันระดับยอดยุทธ์ล้วนแข็งแกร่งกันทั้งสิ้น”
ฉินหยุนคิดตามพลางกล่าว “ข้าจะใช้ตัวตนแท้จริง”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยความกังวล “นี่ไม่เป็นไรจริงหรือ?”
ฉินหยุนกล่าวตอบ “ตั้งแต่ที่ข้าเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ พี่หยางตกเป็นเป้าของผู้คนมากมาย ตอนนี้หากข้าเผยตัว ย่อมสามารถแบ่งปันภาระของพี่หยางได้!”
“ทราบแล้ว” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยรับคำ “อย่างนั้นก็ไปลงทะเบียน!”
ฉินหยุนให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแปรเปลี่ยนตนเองกลับคืนดังเดิม จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนสวมใส่ชุดสะอาดสะอ้าน เป็นชุดสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งถูกแสงแดดแผดเผามีแต่ความมั่นคง สีหน้าเวลานี้คมกล้าประหนึ่งปลายหอก มันคือสภาวะที่พร้อมยืนหยัดผ่านพ้นความยุ่งเหยิงทั้งหลาย
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะยินดี ก่อนจะดึงฉินหยุนมุ่งหน้าสู่ทางเข้าหลักของคฤหาสน์เซียนดาบ
หลังการแข่งขันจารึก เวลานี้จึงเป็นคราวของการแข่งขันประลองยุทธ์! มันคือห้วงเวลาที่ยอดยุทธ์จะเข้าแข่งขัน กระทั่งราชันยุทธ์ก็เข้าร่วม! กล่าวกันว่าราชันยุทธ์ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมล้วนเป็นราชันยุทธ์เยาว์วัย อย่างไรแล้ว ราชันยุทธ์เฒ่าชราย่อมไม่มีหน้ากล้าขึ้นไป ดังนั้น จึงมีหลายคนต่างคาดหวังถึงเรื่องราวที่จะดำเนินถัดจากนี้
ภายในเกาะแห่งดาบ คฤหาสน์เซียนดาบซึ่งถูกล้อมไว้ด้วยเจ็ดดาบเซียนใหญ่ยักษ์ บรรยากาศที่นี้ทั้งโอ่อ่าและให้ผู้คนรับรู้ถึงความปลอดภัย ทางเข้าใหญ่ของคฤหาสน์เซียนดาบเป็นลานกว้างขนาดใหญ่มหึมา ลานกว้างแห่งนี้มีแต่เสียงอึกทึก จากระยะไกล เสียงพูดคุยและเสียงสารพัดชนิดล้วนดังได้ยินจากที่นี่
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเมื่อมาถึง นางสบถออกเสียงเบา “ไอ้ลิงไพร่เจี้ยนหนันหู่ก็อยู่ที่นี่!”

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset