ตอนที่ 779 : อัจฉริยะแห่งเขตแดนลึกล้ำ

ตอนที่ 779 : อัจฉริยะแห่งเขตแดนลึกล้ำ
 
หลงเฉิ่งขวงคือผู้แรกที่ขึ้นไปจับไข่มุก เขาได้รับหมายเลขเจ็ด ผู้เข้าร่วมแข่งขันมีทั้งสิ้นสี่สิบแปดคน หมายความถึงจะมียี่สิบสี่คู่ประลอง ไม่นานจากนั้น อัจฉริยะผู้อื่นจากเขตแดนลึกล้ำจึงขึ้นไปจับไข่มุก
 
“พี่หยาง ท่านคิดอยากสู้กับศิษย์ของเขตแดนลึกล้ำหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามหยางฉีเย่ว์ผ่านทางเสียงสื่อสาร
 
“ข้ายังไม่คิดสู้ ต้องการรับชมก่อนสักรอบถือเป็นดี” ได้ยินคําถามเช่นนี้จากฉินหยุน หยางฉีเย่ว์จึงได้ทราบ ว่าฉินหยุนสามารถควบคุมไข่มุกดังใจนึก
 
เมื่อถึงคราวหยางฉีเย่ว์จับไขมก ฉินหยนจึงเลือกศิษย์ตระกลหลงที่อ่อนด้อยไปสู้กับนางคนหนึ่ง ทางด้านเจี้ยนรั่วหยานก็เช่นเดียวกัน แต่ยามที่ถึงคราวเจี้ยนหนันหู่ ด้วยฉินหยุนควบคุมเขาจึงคว้าจับหมายเลขเจ็ดขึ้นมาได้
 
“ฮ่าฮ่า หลงเฉิ่งขวง เจ้าต้องจบสิ้นแน่แล้ว!” เจี้ยนหนันหู่เองก็ไม่คาดคิด ว่าตนเองจะจับไข่มุกหมายเลขเจ็ดขึ้นมาได้ ตัวเขายินดีเป็นล้นพ้นขนาดชูมันขึ้นสูงพร้อมหัวเราะดังใส่หลงเฉิ่งขวง
 
เจี้ยนสือเทียนเองคิด ว่าเรื่องบังเอิญนี้ช่างเกินไป หลานชายของเขาถึงขั้นได้สู้กับหลงเฉิ่งขวงรวดเร็วเพียงนี้
 
ฉินหยุนจับไข่มุกหมายเลขสิบห้าขึ้นมาได้ อีกฝ่ายที่จับหมายเลขสิบห้าขึ้นมาเป็นอวี้เสินเจิน ตัวอวี้เสินเจินเองก็พบว่าเรื่องราวชวนประหลาดใจ กระนั้นเขากลับไม่คิดใดมาก เพราะเขาเองก็คิดต่อสู้โดยเร็วเช่นกัน
 
ฉินหยุนยังไม่ทราบกําลังของหลงเฉิ่งขวงกระจ่างชัด ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการต่อสู้กับอีกฝ่ายแต่รอบแรก ดังนั้น เขาจึงให้เจี้ยนหนันหู่ออกไปรีดเค้นกําลังของอีกฝ่ายออกมา เขายังคิด ว่าด้วยกําลังของเจี้ยนหนันหู่ แม้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงเฉิ่งขวง อย่างน้อยเขาก็ต้องทําให้หลงเฉิ่งขวงเผยกําลังออกมาได้บ้าง
 
หลงเฉิ่งขวงเชี่ยวชาญพลังลับประหลาด นับเป็นตัวตนอันตรายที่สุดในที่นี้ มีแต่ฉินหยุนจึงมีความสามารถรับมือพลังลับประหลาดนั้นไว้ได้
 
เวลานี้มีเวทีการแข่งขันถึงสี่ ดังนั้นการแข่งขันทั้งสี่คู่จะดําเนินไปพร้อมกัน หยางฉีเย่ว์ได้ไข่มุกหมายเลขสาม ดังนั้นนางจึงเป็นกลุ่มแรกที่ขึ้นประลอง และในกลุ่มแรก ก็มียอดยุทธ์อัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ำคงอยู่ คู่ต่อสู้ของพวกเขา คือตระกูลหลงและตระกูลเจี้ยน
 
หลังจากที่หยางฉีเย่ว์ขึ้นบนเวที ทั้งกายของนางพลันเกิดแปรเปลี่ยน! ปกตินางคล้ายบุคคลผู้เย็นเยือก กระนั้นตอนนี้ นางกลับกลายเป็นมีจิตสังหารเปี่ยมล้น ดวงตางดงามของนางเผยแต่เจตนาสังหารต่ออีกฝ่าย และนางก็ไม่คิดซ่อนเร้นจิตสังหารนี้ เพราะอีกฝ่ายคือตระกูลหลง
 
ครั้งที่นางอยู่ในเทือกเขานิราศจันทรา ก็เป็นตระกูลหลงที่ไล่ล่าคิดสังหารนางจนได้รับบาดเจ็บ เดิมนางหาได้สนใจการแข่งขันเช่นนี้ไม่ กระนั้น นางพบว่าตระกูลหลงได้ส่งศิษย์มากพรสวรรค์หลายคนเข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเข้าร่วม นางคิดอยากใช้การแข่งขันนี้ทําให้ผู้คน ได้ทราบว่าการยั่วยุนางต้องมีผลกรรมเช่นไร!
 
ตระกูลหลงมีพลังอํานาจกว้างใหญ่ไพศาล พวกเขามีรุ่นเยาว์มากมาย กระนั้นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ กล่าวได้ว่ามีเพียงจํานวนหนึ่ง และวันนี้ บรรดาผู้ซึ่งมาจากตระกูลหลง ล้วนแล้วแต่เหนือล้ำกันทั้งสิ้น
 
เข้าร่วมการแข่งขันเช่นนี้ มันเป็นเรื่องของความเป็นและความตาย หลายปีมาแล้ว ฝ่ายใหญ่ทั้งหลายต่างต่อสู้กันเองหลายครั้งคราผ่านการแข่งขันเช่นนี้ อัจฉริยะหลายคนต้องตายในการแข่งขัน กระนั้นสําหรับหลายคน ผู้ซึ่งตายจากบนเวทีการแข่งขันย่อมไม่ใช่อัจฉริยะ พวกเขาเป็นเพียงก้อนหินให้อัจฉริยะแท้จริงได้ก้าวเหยียบข้ามผ่าน
 
และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ชมต่างมีอารมณ์ร่วมร้อนแรง เพราะพวกเขาคิดอยากเห็นผู้ได้ชื่ออัจฉริยะร่วงหล่น ผู้คนธรรมดาชื่นชอบเรื่องราวเช่นนี้อย่างยิ่ง
 
อัจฉริยะที่วางตัวสูงส่งต่อคนธรรมดามากเพียงใด พวกเขายิ่งกดข่มผู้อื่นมากเพียงนั้น กล่าวได้ว่าหลายคนคิดอยากเห็นพวกเขาเหล่านั้นตายจาก อย่างไรแล้วก็ไม่ใช่พวกเขาที่ถูกสังหาร
 
สําหรับปุถุชนทั่วไป อัจฉริยะทางวิถียุทธ์แห่งเต๋หาได้ใช่เรื่องสําคัญ แต่เป็นเรื่องที่ว่าจะสามารถมีชีวิตยืนยาวได้หรือไม่ มีแต่ชีวิตยืนยาว จึงค่อยได้เห็นอัจฉริยะร่วงโรยไปคนแล้วคนเล่า อย่างไรแล้วก็ไม่มีผู้ใดโต้เถียง ว่าการมีชีวิตยืนยาวจึงเป็นสิ่งสําคัญ และนี่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนทั้งหลายใฝ่หา
 
แม้หยางฉีเย่ว์อัดแน่นด้วยจิตสังหาร ทว่าคู่ต่อสู้ของนางหาได้หวั่นเกรงใดไม่ สําหรับหลายคน แม้สตรีมีจิตสังหารเป็นล้นพ้นก็เพียงเท่านั้น รุ่นเยาว์จากตระกูลหลงผู้นี้ นามหลงฉู่อ้ายหยุน ร่างของเขาสูงกว่าสองเมตร และไม่ใช่จอมกล้ามเนื้อ ทั้งยังสวมใส่ชุดสีเขียว ดังนั้นอีกฝ่ายจึงมีรูปลักษณ์ประหนึ่งต้นไผ่! ศิษย์ของตระกูลใหญ่ทั้งหลายย่อมคุ้นเคยกับหลงอ้ายหยุนผู้นี้อย่างดี
 
เจี้ยนรั่วหยานยืนข้างฉินหยุนพร้อมกล่าวเสียงเบา “พี่หยุน หลงฉู่อ้ายหยุนผู้นี้ครอบครองวิญญาณมังกรถึงสอง กระทั่งว่ามีวิญญาณยุทธ์มังกรแท้จริง ที่น่ากลัวที่สุด คือพลังแก่นเต๋าลึกล้ำของเขา มันสามารถผสานรวมแก่นเต๋าลึกล้ำมังกรทั้งสอง ก่อเกิดขึ้นเป็นแก่นเต๋าลึกล้ำที่สามขึ้นมา
 
ฉินหยุนอุทาน “ฟังดูน่าทึ่งนัก!”
 
“เพราะเหตุนั้นพลังลึกล้ำของเขาจึงชวนสะพรึง!” เจี้ยนรั่วหยานกล่าวอีกครั้ง
 
“พี่หยางอย่างไรก็ต้องชนะมั่นได้!” ฉินหยุนไม่กังวลเรื่องหยางฉีเย่ว์แม้แต่น้อย อย่างไรแล้วนางครั้งหนึ่งเคยเป็นเซียน และยังเป็นถึงนายหญิงน้อยแห่งพระราชวังกวงหาน ทั้งยังครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ
 
เวทีแข่งขันทั้งสี่พร้อมแล้ว ม่านพลังเปิดออก เสียงระฆังดัง การต่อสู้จึงเริ่มต้นขึ้น
 
หลายคนต่างให้ความสนใจกับศึกของหยางฉีเย่ว์ เพราะนางคือสตรีที่โด่งดัง! นางได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวจากเทือกเขานิราศจันทราด้วยตนเอง จากนั้นจึงหลบซ่อนจากยอดฝีมือได้ นานนับจนกระทั่งทําให้ฝ่ายขั้วอํานาจใหญ่ต้องส่งคนไปตายจํานวนมาก
 
ตั้งแต่ที่นางกลับจากเทือกเขานิราศจันทรา ข่าวลือว่าจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวยังอยู่กับนาง แม้มีข่าวลือว่าหยางฉีเย่ว์เป็นคนรักของฉินหยุน กระนั้นข่าวลือนี้ไม่ได้มีการยืนยัน ดังนั้นแล้วผู้คนจึงไม่เชื่อ ว่าจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวตกอยู่ในมือฉินหยุนแล้ว
 
“แม่นางหยางผู้งดงาม ข้าย่อมไม่สังหาร เพียงแต่จะทําให้เจ้าพูดกล่าวอันใดไม่ได้ แล้วทําให้เจ้าได้รับรู้ถึงความอบอุ่นอ่อนโยนจากข้า!”
 
ดวงตาหลงอ้ายหยุนเผยประกายความชั่วร้าย ลิ้นเลียรอบริมฝีปาก จากนั้นแขนจึงกางออกมังกรดุร้ายทองม่วงถึงสามตัวพลันปรากฏจากร่าง
 
โฮก โฮก โฮก!
 
สามมังกรพิโรธเผยเขี้ยวเล็บหมายเข้าโจมตีใส่หยางฉีเย่ว์ ที่ทําผู้คนตื่นตะลึง คือมังกรทั้งสามไม่ใช่ภาพจําแลง รูปลักษณ์ของพวกมันเหมือนจริงเป็นอย่างยิ่ง
 
“ด้วยมดปลวกสามตัวนี้ เจ้าคิดว่าเอาชนะข้าได้งั้นหรือ?” หยางฉีเย่ว์แค่นเสียง ฉับพลัน กลุ่มก้อนพลังงานสีดําพลันปรากฏจากฝ่ามือขาวนวลของนาง
 
ทันทีที่มังกรพิโรธทั้งสามกลับกลายเป็นลําแสงทองคําพุ่งมา หยางฉีเย่ว์จึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มังกรทั้งสามกลายเป็นไร้การเคลื่อนไหว เพราะพวกมันสูญเสียเป้าหมายอย่างไร้ร่องรอย
 
เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวของหยางฉีเย่ว์ ชัดเจนว่าเป็นเงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์ของฉินหยุน!
 
หลงฉู่อ้ายหยุนพลันปลดปล่อยพลังจิตถึงขีดสุดออกมาจับความผันแปรพลังงานรอบด้าน ยามที่พยายามสัมผัสถึง หยางฉีเย่ว์ได้ปรากฏเบื้องหลัง หลงฉู่อ้ายหยุนตรวจพบอันตรายอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาระเบิดออร่ามังกรออกมา มังกรน้อยใหญ่ปรากฏในพริบตาพร้อมปกคลุมร่างของเขาเอาไว้
 
หลายคนพบว่าเรื่องราวน่าขัน หลงฉู่อ้ายหยุนเมื่อครู่เพิ่งอวดดีเป็นล้นพ้นออกมา กระนั้นเพียงพริบตา กลับต้องแปรสภาพเป็นเต่าหดหัวอยู่หลังกระดองหนาเสียเอง
 
หยางฉีเย่ว์ใช้ฝ่ามือโจมตี มังกรร้องคํารามดังสนั้น เสียงร้องนี้เป็นฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนเคยขอให้หยางฉีเย่ว์ช่วยศึกษาและชี้แนะพระสูตรหัวใจเก้าสมบูรณ์ ดังนั้นหยางฉีเย่ว์ ย่อมต้องทราบเคล็ดวิชายุทธ์เหล่านี้
 
“เป็นเจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังใช้ออกได้ง่ายดายในท่วงท่าไม่จริงจังด้วย!” ฉินหยุนเกิดนึกหวาดกลัวขึ้นภายใน
 
เพราะสําหรับเขา การใช้เจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ถือเป็นเรื่องยาก ตามปกติเขาแทบจะไม่คิดใช้เลยด้วยซ้ำ ที่ทําเขาตื่นตะลึงที่สุดก็คือ หยางฉีเย่ว์ได้ควบแน่นเจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ออกด้วยสองฝ่ามือ!
 
ตู้ม
 
ฝ่ามือของนางเคลื่อนคล้อย เสียงคํารามร้องมังกรพิโรธดังนับไม่ถ้วน ลําแสงทองม่วงระเบิดทะลักออก มังกรทองม่วงบนร่างของหลงฉู่อ้ายหยุนแหลกสลาย และแม้ร่างกายถูกปกคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า เขาก็ยังต้องกระอักเลือดออกมาคําโตเพราะฝ่ามือที่โจมตีเข้าใส่
 
ตัวเขาเวลานี้เร่งรีบหลบเลี่ยงทิ้งระยะ ใบหน้ามีแต่ความหวาดกลัวปรากฏ หลงคู่อ้ายหยุนไม่คิดกล่าวยามแพ้ กระนั้น เขาก็หวาดเกรงต่อความตาย ขณะเขาคิดกล่าวคํายอมแพ้ออก ฝ่ามือชุดที่สองของหยางฉีเย่ว์จึงมาถึง พลังงานฝ่ามือสีแดงมาถึงรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า มันมาพร้อมเสียงร้องมังกรอันวิปโยค
 
ตู้ม!
 
พลังฝ่ามือเคลื่อนถึงราวแสงวูบในพริบตา ส่งร่างหลงฉู่อ้ายหยุนกระเด็น ยิ่งหลงฉู่อ้ายหยุนถูกพลังฝ่ามือโจมตีมากครั้งเท่าใด พลังฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ที่เข้าสู่ร่างของเขาจะยิ่งเท่าทวี ทําการฉีกร่างเซียนอันเลิศล้ำของเขาออกเป็นเสี่ยง
 
ตู้ม!
 
เสียงดังกึกก้องบังเกิด ร่างกายหลงอ้ายหยุนกลับกลายระเบิดออกเป็นชิ้นเนื้อปะทะม่านพลังโปร่งแสง จากนั้นจึงค่อยไถลลงด้วยความข้นหนืดของเลือดลงไปตามม่านพลัง
 
มันเกิดขึ้นแล้ว!
 
อัจฉริยะได้ร่วงหล่นแล้ว!
 
บรรดาฝูงชนที่รับชมต่างเงียบงันตื่นตะลึงไปครู่ จากนั้นจึงพร้อมใจกันระเบิดเสียงโห่ร้องตะโกนดัง
 
หลงฉู่อ้ายหยุนตายโดยไม่เหลือศพไว้ให้ดูต่างหน้า!
 
เจี้ยนรั่วหยานรู้สึกร่างกายเหน็บชายามรับชม หยางฉีเย่ว์มีกําลังเหนือล้ำและชวนสะพรึงกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก
 
ฉินหยุนหาได้แปลกใจใดไม่ เขาเพียงรู้สึก ว่าบรรดาสตรีของพระราชวังกวงหาน ไม่ว่าชาติภพก่อนหรือชาติภพนี้ พวกนางล้วนเหนือล้ำกันทั้งสิ้น
 
ผู้คนตระกูลหลงมีโทสะ กระนั้นพวกเขาก็ได้แต่สบถก่นด่าออก ผู้คนล้วนทราบว่าตระกูลหลงคือผู้ร้ายที่ไล่ล่าหยางฉีเย่ว์อย่างหิวกระหาย ทั้งยังเคยทํานางบาดเจ็บร้ายแรง
 
ตอนนี้หยางฉีเย่ว์ไม่คิดเก็บความรู้สึกคับแค้นนั้นไว้ นี่ถือเป็นเรื่องปกติ ขณะที่หยางฉีเย่ว์ก้าวเดินลงจากเวทีประลอง เจี้ยนสือเทียนและครึ่งเซียนทั้งหลายของตระกูลเจี้ยนจึงเข้ามาคุ้มกันให้แก่นาง
 
เดิมงานชุมนุมยุทธ์ดาบจัดขึ้นเพื่อเป็นการประชันระหว่างตระกูลเจี้ยนและตระกูลหลง ตอนนี้ศิษย์ตระกูลหลงถูกสังหาร นี่ย่อมเป็นเรื่องราวที่ตระกูลเจี้ยนยินดีได้พบเห็นเป็นที่สุด
 
ดังนั้นแล้ว พวกเขาย่อมต้องให้การคุ้มกันแก่บุคคลที่กล้าลงมือต่อตระกูลหลง เรื่องนี้ยิ่งทําให้สีหน้าผู้คนตระกูลหลงอัปลักษณ์จนดูไม่ได้
 
ศึกทั้งสี่คู่ของกลุ่มแรกตัดสินผลกันได้แล้ว ตอนนี้จึงเป็นเวลาของกลุ่มที่สอง หลายคนต่างคาดหวัง เพราะกลุ่มที่สองมีการปะทะกันระหว่างเจี้ยนหนันหู่และหลงเฉิ่งขวง ทั้งเจี้ยนหนันหู่และหลงเฉิ่งขวงต่างมีใจคิดอยากต่อสู้กันเองเป็นล้นพ้นอยู่ก่อนแล้ว
 
“เจี้ยนหนันหู่คิดอยากสู้กับหลงเฉิ่งขวงออกหน้าออกตา ที่เราทําก็เพียงให้เขาได้สมหวัง และก็คาดหวังให้เขาได้รับชัยชนะ!” ฉินหยุนกล่าวคําอยู่ในใจ
 
ที่นี่ มีแต่ฉินหยุนที่ทราบกําลังแท้จริงของเจี้ยนหนันหู่ กระทั่งว่าไม่ได้พบกันหลายปีแล้ว ฉินหยุนก็ยังรับรู้ได้ ว่าเจี้ยนหนันหู่มีความคืบหน้าไม่มากเท่าใดนัก
 
เจี้ยนสือเทียนย่อมคาดหวังยามได้เห็นศึกนี้ เพราะเจี้ยนหนันหู่คือหลานชายของเขา และภายในใจของเขาก็มีความว้าวุ่นใจปรากฏเช่นกัน หลงเฉิ่งขวงอย่างไรแล้วก็เป็นอัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ำ และยังเป็นคนของตระกูลหลง เขาย่อมต้องเลิศล้ำขนาดที่ทําให้เขตแดนลึกล้ำมอบความสําคัญให้
 
เจี้ยนสือเทียนลั่นระฆังใบใหญ่ การศึกเริ่มขึ้นแล้ว!
 
หลงเฉิ่งขวงยืนนิ่งที่ตรงเดิม คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย จากนั้นเวทีประลองฉับพลันจึงเริ่มสั่นไหว
 
เจี้ยนหนันหู่ปลดปล่อยดาบต้นกําเนิดในทันที จากนั้นจึงร้องคํารามดัง ระเบิดเอาพลังสีขาวออกจากร่างกํายําสูงใหญ่ นี่คือการก่อเกิดซึ่งดาบจําแลงนับไม่ถ้วนที่พร้อมพุ่งออก
 
หลงเฉิ่งขวงเพียงแต่ยืนนิ่งเช่นเดิม ชุดสีทองคําหรูหราของเขาพลิ้วไหวกับอากาศ ร่างกายเผยประกายแสงสีทองวิบวับ จากนั้นจึงค่อยมีลําแสงสีทอง ม่วง และแดงปรากฏควบแน่นออกมา
 
ไม่มีผู้ใดทราบ ว่าหลงเฉิ่งขวงคิดทําอันใดจึงทําให้เวทีประลองสั่นไหวเช่นนี้
 

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset