ตอนที่ 781 : สองจารึกวิญญาณ

ตอนที่ 781 : สองจารึกวิญญาณ
 
ฉินหยุนเจตนาขึ้นไปต่อสู้กับอวี้เสินเจินด้วยตนเอง นี่ก็เพื่อเป็นการล้างแค้นต่อเรื่องเมื่อวันก่อน อวี้เสินเจินคือบุคคลต่ําทรามและชั่วร้าย ทั้งยังเป็นตัวอันตราย ภายหน้าย่อมต้องเป็นปัญหาต่อตัวเขาแน่
 
ขณะฉินหยุนเดินขึ้นเวทีประลองยุทธ์ อวี้เสินเจินก็เดินจากทางฝั่งของตนเอง ผู้คนจากเขตแดนลึกล้ําหาได้ห่วงหาอวี้เสินเจินไม่ เพราะที่ฉินหยุนทําลายหุ่นเชิดวัชระไปก่อนหน้านี้ มันเป็นเพราะเขาใช้พลังแปรธาตุ
 
อวี้เสินเจินมองด้วยความอหังการไปยังฉินหยุนพร้อมกล่าวถาม “ฉินหยุน เจ้าไปที่เทือกเขานิราศจันทราใช่หรือไม่?”
 
ฉินหยุนตอบกลับ “ใช่ แล้วอย่างไร?”
 
อวี้เสินเจินมองหยางฉีเย่ว์ซึ่งอยู่เบื้องล่างเวทีประลอง เขากล่าวถาม “หยางฉีเย่ว์ไม่ใช่อาจารย์ จารึกและสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับหยางฉีเย่ว์ก็ดีเยี่ยม! จารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวคงตกอยู่ในมือเจ้าแล้วอย่างนั้นสิ?”
 
บรรดาผู้อาวุโสของขั้วอํานาจทั้งหลายต่างสงสัยเช่นเดียวกันนี้
 
หยางฉีเย่ว์ไม่อาจส่งเสียงสื่อสารบอกต่อฉินหยุน เพราะตอนนี้เขาอยู่ภายในม่านพลังเวทีประลองยุทธ์ นางต้องส่ายศีรษะเป็นการบอกต่อฉินหยุนว่าไม่ต้องยอมรับคําใด
 
“เป็นเช่นนั้น จารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวอยู่ในมือข้า!” ฉินหยุนตอบกลับไปด้วยเสียงอันดัง
 
หากเขาไม่ยอมรับ นับจากนี้หยางฉีเย่ว์ก็จะยังตกเป็นเป้าของผู้คนแข็งแกร่งจํานวนมาก
 
ช่วงเวลานี้เอง ที่มันไปกระตุ้นความริษยาของบรรดาอาจารย์จารึกเต๋าเข้าให้ บ้างก็นึกถึง บ้างก็ชื่นชม และเกลียดชัง..
 
“ฉินหยุนมีจารึกวิญญาณอัคคีคลั่งแล้ว ตอนนี้ยังได้จารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว โชคของมันออกจะดีเกินไปแล้ว!”
 
“ฉินหยุนครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จําเป็นต้องไล่ตามหยางฉีเย่ว์อีก!”
 
“หรือเขาจงใจกล่าวเช่นนี้เพื่อปกป้องหยางฉีเย่ว์?”
 
“เจ้าหนูเช่นนี้ถึงขั้นได้ครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว…”
 
ยังไม่ต้องกล่าวถึงฝักฝ่ายทั้งหลายที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับนครเซียนยุทธภัณฑ์ กระทั่งอาจารย์จารึกเต๋าของตระกูลเจี้ยนยังต้องหวั่นไหว ขนาดเกิดความนึกคิดอันชั่วร้ายขึ้นมา
 
อวี้เสินเจินเวลานี้เผยเสียงหัวเราะดังอย่างโฉดชั่ว “ฉินหยุน ข้าจะบีบบังคับให้เจ้าส่งมอบจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวนั้นออกมาเอง!”
 
ฉินหยุนยิ้มบางกล่าวคํา “ข้าได้ผสานรวมเข้ากับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวแล้ว หากสังหารข้า เช่นนั้นมันก็ตายไปพร้อมกับข้า ต่อให้จับตัวข้าได้ เจ้าก็ไม่มีทางแยกมันออกมา”
 
ผู้อาวุโสเขตแดนลึกล้ําร้องตะโกนดัง “เป็นไปไม่ได้! เจ้าเพิ่งผสานรวมกับจารึกวิญญาณอัคคีคลั่ง เวลายังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งร้อยปี เจ้าไม่มีทางผสานรวมกับจารึกวิญญาณอื่นได้อีก หากทํามัน จะมีแต่ความขัดแย้งภายในเกิดขึ้น!”
 
ครึ่งเซียนตระกูลหลงตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ฉินหยุน เจ้าไม่อาจลวงหลอกต่อพวกเรา เจ้ายังอ่อนต่อโลกเกินไปนัก! ความจริงที่เจ้าไม่ทราบเรื่องราวนี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่คู่ควรได้ครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว!”
 
ฉินหยุนเริ่มหัวเราะดังกล่าว “พวกเจ้าต่างหากจึงไม่คู่ควร ข้าผสานรวมกับจารึกวิญญาณถึงสองในระยะเวลาอันสั้น นี่จึงเป็นพรสวรรค์ของข้า!”
 
อวี้เสินเจินเผยเสียงเย็นเยียบ “ฉินหยุน ตัวเจ้าไม่มีทางผสานรวมกับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว! อย่าได้ทําเป็นลึกลับ เจ้าไม่อาจลวงหลอกต่อพวกเรา!”
 
ฉินหยุนพลันนําเอากระดาษยันต์ออกมาแผ่นหนึ่ง เริ่มทําการแกะสลักลงไป ความเร็วนี้มากล้ํา เขาแกะสลักอักขระดวงดาวได้สําเร็จในระยะเวลาอันน้อยนิด
 
“ยันต์นี้ข้าแกะสลักอักขระดวงดาวลงไป!” ฉินหยุนกล่าวคําจบจึงโยนแผ่นยันต์ไปยังอวี้เสินเจิน
 
อวี้เสินเจินพลันคว้ายันต์แผ่นนั้นไว้ แต่แล้วยันต์กลับระเบิดออกเป็นอัคคีดวงดาว! แรงระเบิด ส่งผลให้มือของเขาต้องถูกไฟลวก ขณะนี้กลิ่นเนื้อไหม้เผยออก ยามได้รับชมเรื่องราว บรรดาผู้คนของเขตแดนลึกลําต่างต้องสูดอากาศเย็นเยือกเข้าปอด
 
นั่นคืออักขระดวงดาวอัคคี! ฉินหยุนครอบครองทั้งจารึกวิญญาณอัคคีคลั่งและจ้าวดวงดาว ดังนั้นแล้วความเร็วการแกะสลักของเขาจึงมากล้ํา ระดับความวิจิตรย่อมต้องสูงล้ําเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ได้ พลังอํานาจของมันจึงแข็งแกร่งเป็นล้นพ้น! ตราบเท่าที่เป็นอาจารย์จารึกเต๋า เพียงมองย่อมได้ทราบ ว่าแผ่นยันต์ของฉินหยุนเมื่อครู่ทรงอํานาจเพียงใด
 
ฉินหยุนได้ผสานรวมเข้ากับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวแล้ว เขาคืออาจารย์จารึกผู้ครอบครองสองจารึกวิญญาณ ศักยภาพของเขามากล้นขนาดชวนพรั่นพรึง!
 
ผู้คนของตําหนักจารึกเทวะต่างก็อยู่ที่นี้ ทว่าพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมเบาะแว้งเรื่องราวระหว่างตระกูลหลงและตระกูลเจี้ยน ดังนั้นศิษย์ของพวกเขาจึงไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ตอนนี้ บรรดาเบื้องบนของตําหนักจารึกเทวะล้วนริษยาต่อฉินหยุนที่ครอบครองสองจารึกวิญญาณที่พวกเขาไม่ทราบ นอกจากจารึกวิญญาณอัคคีคลั่งและจ้าวดวงดาว ฉินหยุนยังคงมีอีกสี่ นั่นก็คือราชันสัตว์ นายหญิงจันทรา จ้าวเต่า และราชันอุปกรณ์ หากได้ทราบ พวกเขาคงคลุ้มคลั่งจนกระอักเลือดตายตก
 
อวี้เสินเจินพลันหัวเราะเสียงดัง “ฉินหยุน เจ้าไม่ควรให้พวกเราได้ทราบว่าเจ้าผสานรวมกับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวแล้ว เช่นนี้ เจ้าก็ไม่มีค่าพอให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”
 
ก่อนหน้า พวกเขาคิดว่าอย่างน้อยก็จับตัวฉินหยุนใช้ข่มขู่หยางฉีเย่ว์ได้ กระนั้นตอนนี้ พวกเขาไร้ซึ่งโอกาสได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวแล้ว บรรดาครึ่งเซียนของเขตแดนลึกล้ําและตระกูลหลงต่างเผยความโศกออกมา พวกเขาต่างรู้สึกว่าตนเองพลาดโอกาสการได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวไปแล้ว
 
“วาจาเจ้าช่างไม่น่ารื่นหูยิ่งนัก! จารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวไม่เคยเป็นของพวกเจ้า กระนั้นกลับทําเสมือนมันเป็นของพวกเจ้าเสียดิบดี!” ฉินหยุนเผยเสียงเย็นเยือก
 
“หากข้าสังหารเจ้า ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์จารึกมีพรสวรรค์ ทั้งยังครอบครองสองจารึกวิญญาณ ชื่อเสียงข้าย่อมต้องลือนามไปอีกนานแสนนาน!” อวี้เสินเจินกลายเป็นยินดีพร้อมเผยเสียงหัวเราะ
 
ฉินหยุนถอนหายใจกล่าวคํา “เหอะ… สังหารสวะข้างทางเช่นเจ้าไปหาได้มีเกียรติอันใดต่อข้า ผ่านพ้นไปไม่กี่วันผู้คนก็ลืมเลือนเจ้าไปแล้ว! นี่จึงเป็นข้อแตกต่างระหว่างข้าและสวะเช่นเจ้า!”
 
“ฉินหยุน เจ้ายังคิดหรือว่าหลังเผยเรื่องผสานรวมจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวไปแล้ว หยางฉีเย่ว์จะได้อยู่ต่อไปอย่างไร้ซึ่งปัญหาใด? วางใจได้ ข้าจะสังหารนางด้วยวิธีการอันโหดร้ายทารุนให้เอง!”
 
อวี้เสินเจินกระตุ้นโทสะฉินหยุน สายตาเวลานี้จ้องมองดุดันไปที่หยางฉีเย่ว์ “กับโฉมงามเช่นนี้ เรือนร่างย่อมต้องวิเศษ ไม่เพียงแต่จะได้กัดกินนาง จะเป็นนางได้ทําให้ข้าพึงใจ!”
 
ฉินหยุนกําหมัดแน่น แม้เขาทราบว่าหยางฉีเย่ว์ไม่ใช่ง่ายลงมือด้วยเช่นที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ทว่าหลังได้ยินคําของอวี้เสินเจิน เขาจึงลอบเกิดนึกกังวลทั้งยังมีโทสะ
หยางฉีเย่ว์เผยสีหน้าเรียบเฉย ตัวนางได้ตัดสินใจไปแล้ว หากฉินหยุนต้องบาดเจ็บร้ายแรงจากศึกครั้งนี้ นางจะไม่อดกลั้นพร้อมเข้าสังหารบรรดาอัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ําเหล่านี้จนครบถ้วน
 
ฝูงชนต่างต้องการได้เห็น หากฉินหยุนผู้ซึ่งเป็นอาจารย์จารึกมากพรสวรรค์ที่มีสองจารึกวิญญาณในครอบครอง ต้องต่อสู้กับอัจฉริยะเลิศล้ําจากเขตแดนลึกล้ํา หากชนะได้ เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นยอดอัจฉริยะที่ไม่มีผู้ใดทัดเทียมทั้งวิถีจารึกและวิถียุทธ์แห่งเต๋า
 
ตึง!
 
เสียงระฆังดัง การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว!
 
อวี้เสินเจินหัวเราะโฉดชั่ว ร่างกลับกลายเป็นภาพติดตานับไม่ถ้วนกระจายทั่วทั้งเวทีประลองยุทธ์ จากจุดนี้ แทบไม่อาจกล่าวได้ว่าเขาอยู่ที่ตําแหน่งใด
 
“ก้าวเท้าร่างเงาไร้ร่องรอยของน้องอวี้เป็นวิชายุทธ์สวรรค์ชั้นเลิศ นอกจากนี้แล้วยังเชี่ยวชาญถึงขั้นสมบูรณ์!” หลงเฉิงขวงยิ้มกล่าว “แม้เป็นข้า ก็ไม่อาจตรวจพบหาตําแหน่งได้ในระยะเวลาอันสั้น!”
 
ที่บนเวทีประลองยุทธ์ ร่างเงาของอวี้เสินเจินจํานวนมากวิ่งออกไปอย่างไร้รูปแบบ ราวกับมันเป็นสายลมที่พัดกระจายทั่วทิศ แม้เป็นราชันยุทธ์หรือจักรพรรดิยุทธ์ ก็ไม่มีทางพบเห็นว่าตัวเขาแท้จริงอยู่ที่ตรงใด
 
ทว่าฉินหยุนทราบ พลังจิตจันทราทมิฬของฉินหยุน มันสามารถเล็งเป้าหมายไปยังอวี้เสินเจินได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ว่าอีกฝ่ายคิดวิ่งเพียงใด ฉินหยุนย่อมทราบ
 
คิ้วของฉินหยุนพลันขมวดเล็กน้อย อวี้เสินเจินลงมือโจมตีแล้ว! เขาปลดปล่อยพลังจิตออกจนถึงขีดจํากัด ห้วงเวลาคล้ายเชื่องช้าลง เขาสามารถตรวจพบการโจมตี มันเป็นอาวุธ! และในพริบตา ฉินหยุนหลบเลี่ยงได้ทัน!
 
ร่างจําแลงภาพติดตาของอเสินเจินบนเวทีประลองยุทธ์เลือนหายหมดสิ้น อวี้เสินเจินยืนบนเวทีประลองยุทธ์ด้วยอาการตื่นตะลึง เพราะเมื่อครู่ เป็นฉินหยุนที่หายตัวไป! ฉินหยุนใช้เงาปลิดชีพลมหายใจสมบูรณ์
 
“ชายผู้นี้ถึงกับมีอาวุธในมือ! นั่นน่าจะเป็นมีดเล็กโปร่งใส จึงไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!” ฉินหยุนอุทานอยู่ภายใน “ม่านพลังรอบเวทีประลองยุทธ์สามารถตรวจจับอาวุธ ทว่าไม่อาจตรวจพบมีดนั้น!”
 
หลงเฉิ่งขวงและอัจฉริยะอีกหลายคนต่างลอบนึกถึงในใจ เพราะฉินหยุนถึงขั้นทราบตําแหน่งของอเสินเจินกระจ่างแจ้ง!
 
ฉินหยุนฉับพลันปรากฏตัว ให้หลิงหยุนเอ๋อใช้แรงโน้มถ่วงมหาศาลกดดัน อวี้เสินเจินตื่นตะลึงสุดขั้ว เพราะพลังนี้แปลกประหลาดอย่างที่เขาไม่มีทางนึกหาทางร้านรับได้
 
โอกาสเผยออกแล้ว!
 
เฉินหยุนโจมตีด้วยเจ็ดฝ่ามือมังกรสมบูรณ์จากบนฟ้า เสียงมังกรร้องดังอย่างโศกศัลย์ เวทีประลองถึงกับสั่นสะท้าน
 
หลายคนต่างได้เห็นกระจ่างชัดตอนนี้ ฝ่ามือโจมตีของฉินหยุนและหยางฉีเย่วถึงขั้นเป็นวิชาเดียวกัน ตอนนี้พวกเขาจึงมั่นใจว่าฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์มีสัมพันธ์ต่อกันอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองถึงขั้นได้ทราบวิชายุทธ์ทรงพลังอํานาจเช่นเดียวกัน!
 
เจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ของฉินหยุนเผยอํานาจการโจมตีครั้งยิ่งใหญ่ มันร่วงหล่นเข้าบดทับใส่ร่างอวี่เสินเจิน กระนั้น ก็เพียงทําอี้เสินเจินได้แค่กระอักเลือดออก
 
ตู้ม!
 
ร่างกายอวี้เสินเจิน พริบตาเริ่มสั่นเทิ้มพร้อมปลดปล่อยพลังประหลาดทําการสลายแรงโน้มถ่วง จากนั้นเขาจึงยกมือขึ้นปลดปล่อยพลังเต่จํานวนมากออกมา
 
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
 
หมัดอวี้เสินเจินต่อยกับอากาศ ปลดปล่อยเป็นหลายหมัดพุ่งเข้าหาฉินหยุนจากระยะไกล ภาพจําแลงอสูรร้ายได้ปรากฏพร้อมพุ่งเข้าคิดกลืนกินฉินหยุนในพริบตา!
 
ฉินหยุนกระทืบเท้ารุนแรง ร่างกายเริ่มสั่นขณะระเบิดเอาพลังสั่นไหวออกมาสลายภาพจําแลงอสูรร้ายเหล่านั้น
 
ทันใดนี้เอง อวี้เสินเจินจึงมาถึงตรงหน้าฉินหยุน ใบหน้าอีกฝ่ายเผยรอยยิ้มชั่วร้ายไม่คิดปิดบัง
 
“แย่แล้ว!” ฉินหยุนฉับพลันรู้สึกถึงบางอย่างที่เข้าสู่หน้าท้องตนเอง
 
สิ่งนี้คือเข็มยาวโปร่งแสง มันเป็นอาวุธลับ ตัวเขาไม่คิด ว่าอวี้เสินเจินผู้นี้ ไม่เพียงแต่มีมีดโปร่งแสง ทว่ายังมีอาวุธลับอื่นไว้ใช้งาน!
 
“ฉินหยุน เจ้าเคลื่อนไหวไม่ได้แล้วกระมัง? ทั้งยังพูดไม่ได้อีก?” มือของอวี้เสินเจินไพร่กลับไว้ด้านหลัง เขาเผยเสียงหัวเราะดังขณะมองที่ฉินหยุน
 
ฉินหยุนเองก็ยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหว สายตาจ้องมองที่อวี้เสินเจินซึ่งยังหัวเราะ
 
อวี้เสินเจินเผยเสียงอหังการอวดตึกล่าวคํา “ทุกคนจงรับชม ข้าขอเชิญให้พวกเจ้าเบิกตาให้ กว้างไว้ แล้วดูว่าข้าจะบดขยี้อาจารย์จารึกอัจฉริยะที่มีสองจารึกวิญญาณอย่างไร!”
 
ตอนนี้เอง บรรดาผู้อาวุโสเขตแดนลึกล้ํา รวมถึงคณะคนของหลงเฉิงขวงต่างสูดลมหายใจเข้าลึก เพราะพวกเขาทราบ ว่าอวี้เสินเจินใช้งานอาวุธลับได้สําเร็จ
 
อวี้เสินเจินใช้อาวุธลับโจมตีได้อย่างปราดเปรื่อง นอกจากนี้แล้ว มันยังไม่ใช่เป็นการทะลวงผ่านหน้าท้องฉินหยุน มันเหมือนดังความสามารถเทวะทะลุทะลวง มันผ่านผิวหนังและเนื้อของฉินหยุน เสียบเข้าเพียงแต่ที่ตะวันทมิฬ
 
อวี้เสินเจินเผยยิ้มกระหยิ่มก้าวเดินมาที่ตรงหน้าฉินหยุน
 
ทันใดนี้เอง ฉินหยุนจึงบีบบังคับนําเอาอาวุธลับโปร่งแสงออกจากตะวันทมิฬ แทงมันสวนกลับเข้าไปยังหน้าท้องของอวี้เสินเจินเสียเอง!
 

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset