ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 77 ข้าเต็มใจ เจ้ายุ่งอะไรด้วย?

แม้จะเผชิญหน้ากับจ้าวฮ่าว ทว่าผู้นำจอมยุทธ์ถังตะวันออกก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด

“องค์ชายสิบหก หากกระหม่อมจำไม่ผิด ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าให้ท่านอยู่คุ้มกันเมืองชมตะวัน หากไม่มีพระราชโองการ ห้ามท่านออกไปข้างนอก”

“แล้วเหตุใดจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้พะยะค่ะ”

จ้าวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ทว่ากล่าวอย่างเฉยชาว่า “แน่นอนว่าเพราะเป็นกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของเสด็จพ่อข้าสิ”

“ข้าแตกฉานในด้านโอสถรักษา เจ้าก็น่าจะรู้ดี”

ปรมาจารย์ถังตะวันออกผู้นั้นจึงโต้กลับไปว่า “ดังนั้นท่านจึงกล้าทำเรื่องเนรคุณเช่นนี้ วางยาบนตัวของฝ่าบาทเพื่อใช้สะกดรอยตามอย่างนั้นหรือ?”

องค์ชายสิบหก จ้าวฮ่าวยื่นมือไปไพล่หลัง สีหน้าเรียบนิ่งยิ่งนัก “อย่าได้กล่าวหาซี้ซั้ว ข้าแค่รู้จักกลิ่นของผงเกสรหญ้าร้อยภูตเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดบนตัวของเสด็จพ่อจึงมีผงเกสรหญ้าร้อยภูตอยู่”

“แต่ว่า ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมาถกเถียงเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านี้”

จ้าวฮ่าวมองเยียนจ้าวเกอกับจ้าวซื่อเฉิงครั้งหนึ่ง “ช่วยชีวิตเสด็จพ่อสิถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด รอช้าไม่ได้แล้ว”

จอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนที่อยู่ข้างกายเขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ล่วงเกินท่านแล้ว”

ครั้นกล่าวจบ บรรดาจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนก็เข้าล้อมกลุ่มคนของถังตะวันออกไว้

ฝ่ายจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนมีกำลังคนเยอะมาก แม้จะมีระดับวรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าพลังของพวกเขากลับสูงกว่าชั้นหนึ่ง

ฝั่งถังตะวันออกแม้จะมีค่ายกลคุ้มกันอยู่ ทว่าก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล

จ้าวซื่อเฉิงหมดสติ เมืองชมตะวันก็มีกบฏ อีกทั้งภายนอกก็ยังมีการรุกรานของหมอกดำจากหุบเหวปราการมังกร ตอนนี้ค่ายกลที่คุ้มกันทุกคนเอาไว้อ่อนแรงลงมากแล้ว

ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาสองคนของเขาไร้พรมแดนจึงเริ่มลงมือในทันที พวกเขาทำการหยุดค่ายกลเอาไว้ จอมยุทธ์ปรมาจารย์เขาไร้พรมแดนคนอื่นๆ ก็เริ่มแทรกตัวเข้ามาในค่ายกล

ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาของถังตะวันออกที่เดิมทีช่วยเยี่ยนจ้าวเกอรักษาจ้าวซื่อเฉิงนั้น เมื่อเห็นสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว จึงทำได้เพียงหยุดก่อนชั่วคราว แล้วเตรียมลุกขึ้นมาประจันหน้ากับศัตรู

ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ทำเช่นนั้น ข้างหูก็เกิดเสียง ‘พลั่ก’ ‘พลั่ก’ ดังขึ้นสองครั้ง!

ชายร่างกำยำคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน มือหนึ่งจับจอมยุทธ์ของเขาไร้พรมแดนที่คิดจะเข้ามาโยนออกไปข้างนอกโดยพลัน!

อาหู่ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขามองอีกฝ่ายพลางยิ้มแสยะ “มีคุณชายของข้าอยู่ ที่นี่ไม่ต้องการพวกท่าน เชิญกลับไปเถิด”

เมื่อปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาจากเขาไร้พรมแดนคนหนึ่งเห็นการออกมือของอาหู่แล้ว ก็เข้าใจทันที

เขาก้าวเท้าออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วผลักฝ่ามือหนึ่งออกไป บริเวณที่ปราณจิตราส่งไปถึงก็หลอมรวมเป็นดั่งแนวเทือกเขาเรียงราย

ชั่วขณะหนึ่ง ภาพทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ราวกับจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

คล้ายกับไม่ได้อยู่ในหุบเหวปราการมังกรอีกต่อไป แต่อยู่ในป่าลึกภูเขาสูงแทน

ภูเขารอบกายเหมือนกับถูกคนผลักให้บีบเข้าหาทุกคนที่อยู่ตรงกลางพร้อมกัน

ปราณจิตรามีจิตวิญญาณ ไม่ใช่หลอมได้เพียงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่แหลมคม ทว่าสามารถเปลี่ยนเป็นโลกมายากักขังศัตรูได้อีกด้วย!

อย่างน้อยต้องเป็นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลางถึงจะสามารถทำได้!

อาหู่แสยะยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มที่หนักแน่นและจริงใจตลอดมานั้น ตอนนี้ดูแล้วดุร้ายน่าหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!

เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้น สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ทิศ ราวกับสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ที่หลับใหลอยู่ตัวหนึ่งได้ตื่นขึ้น ดุร้ายน่ากลัวยิ่งนัก!

ภาพตรงหน้าของกลุ่มคนจากเขาไร้พรมแดนเลือนรางไปหมด ก่อนจะเห็นเสือดำขนาดมหึมาตัวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

ครั้นเสือดำตัวนั้นคำราม พายุหมุนที่บ้าคลั่งก็เคลื่อนตัวเข้ามาจากสี่ทิศอย่างช้าๆ

โลกมายาที่สร้างมาจากปราณจิตราของปรมาจารย์เขาไร้พรมแดนคนนั้นป่าทึบภูเขาสูง มีพายุที่น่ากลัวกำลังจู่โจม แผ่นดินสั่นภูเขาไหว หน้าผาหินแตกร้าว!

ป่าทึบภูเขาสูงนั้นพังทลายลงอย่างรุนแรง เพราะมีพายุหมุนบ้าคลั่งพัดกวาดไปทั้งสี่ทิศ!

สีหน้าของจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนหมองหม่นลงในพริบตา ก่อนจะกล่าวเสียงดังว่า “ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาหรือนี่!”

“เจ้าเป็นถึงปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาคนหนึ่ง แต่กลับลดตัวไปเป็นข้ารับใช้ผู้อื่น เจ้าก็ไม่รู้สึกอายบ้างหรืออย่างไร?”

แม้แต่จอมยุทธ์ฝั่งถังตะวันออกก็มองอาหู่อย่างตกตะลึง รู้สึกคาดไม่ถึงยิ่งนัก

ระดับขั้นของปรมาจารย์ประกอบไปด้วย ขั้นจิตราชั้นนอก ขั้นชั้นจิตราใน ขั้นเคียงนภา ไปจนถึงขั้นฝ่านภาซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย

ในถังตะวันออก กระทั่งทั้งเกาะนภาตะวันออก ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาต่างก็มีพลังที่ไม่สามารถดูถูกและมองข้ามได้

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นเขากว่างเฉิง หรือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ในระดับของผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ วรยุทธ์สูงสุดคือปรมาจารยขั้นเคียงนภา แต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอก

ในเขตพื้นที่ของถังตะวันออก เจ้าสำนักของสำนักขนาดกลางและเล็ก หรือตระกูลที่ทรงอิทธิพลจำนวนมาก ก็เป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภา ยังไม่ถึงขั้นที่สูงกว่านั้น

พระราชวังแห่งอาณาจักรถังตะวันออก ปรมาจารย์เคียงขั้นนภาก็สามารถมีตำแหน่งเป็นขุนนางได้เช่นกัน

ถึงกระนั้นตอนนี้กลับมีปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาเพียงแค่คนเดียว และอย่างน้อยที่สุดอยู่ในระยะกลาง คอยปกป้องคุ้มกันอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอตลอดมา และเป็นผู้ติดตามของเขา!

ไม่ใช่องครักษ์ฝีมือดี ทว่าเป็นผู้ติดตามที่คอยให้ความช่วยเหลือ!

เพียงแต่ว่า ตอนนี้ทุกคนยังยากที่จะมองชายร่างกำยำที่โหดเหี้ยมดุร้ายตรงหน้าคนนี้ เป็นคนคนเดียวกันกับภาพพจน์ของคนตัวใหญ่ที่ก่อนหน้าคอยติดตามอยู่ข้างหลังเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้ที่ดูมีความจงรักภักดี และมีความขี้เล่นคนนั้น

จอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนจ้องอาหู่ตาเขม็งหน้าเขียว “หากเจ้าเป็นข้ารับใช้ให้กับเยี่ยนผู้ไร้เทียมทานนั่นก็แล้วไป แต่เขาเป็นบุตรชายของเยี่ยนผู้ไร้เทียมทาน เจ้ายอมก้มหัวรับใช้มันได้อย่างไรกัน”

“ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเจ้าล่ะ?!”

อาหู่แคะหูแล้วยื่นมือดีดออกไป แสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าเต็มใจ เจ้ายุ่งอะไรด้วย?”

ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภา ผู้นำคณะจากเขาไร้พรมแดนอีกคนหนึ่งสีหน้าหม่นลงเช่นเดียวกัน “ข้าจำได้แล้ว”

“ในอดีตมีคำลือว่าเยียนตี๋ไม่ลังเลที่จะเดินทางเป็นหมื่นลี้เพื่อช่วยข้ารับใช้วัยชราคนหนึ่งของตนเอง เพื่อการนี้ยังทำให้เกิดความบาดหมางกับตำหนักอัสนีสวรรค์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอัสนีพิภพ”

“แต่ข้ารับใช้วัยชราผู้นั้นเหมือนกับว่าก็สิ้นใจในภายหลังอยู่ดี ซึ่งเยี่ยนตี๋พากลับมาเพียงเด็กคนหนึ่ง…”

อาหู่ไม่ยิ้มอีกแล้ว บัดนี้เขามีสีหน้าเคร่งขรึม “นั่นคือท่านปู่ของข้า ข้าชื่อหวงหู่ถิง ซึ่งก็คือเด็กคนนั้น”

จ้าวฮ่าวพูดอย่างเย็นชาว่า “ปู่ของเจ้ายอมเป็นทาสให้กับคนอื่นเพื่อตอบแทนบุญคุณ เจ้าจะเป็นทาสให้กับตระกูลเยี่ยนทั้งชาติเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”

“ไร้เกียรติตั้งแต่กำเนิด เจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นจอมยุทธ์”

ครั้นได้ยินดังนั้น อาหู่แสยะยิ้มอีกครั้ง “เจ้ามันก็แค่เศษสวะ ยังมีหน้ามากล่าวว่าอะไรควรอะไรไม่ควรอีก มือข้าเพียงแค่ข้างเดียวก็ฟาดเจ้าจนตายได้”

“หากจะให้ข้าพูด เจ้าไม่คู่ควรแม้จะพูดกับคุณชายของข้า แม้แต่พูดกับข้าเอง เจ้าก็ไม่คู่ควร”

องค์ชายสิบหก จ้าวฮ่าวเบิกตาโพลง ในดวงตาทั้งสองข้างมีความเยือกเย็นแผ่ซ่าน

ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของอาหู่

ภายใต้การสั่นสะเทือนของปราณจิตราอันบ้าคลั่ง จ้าวฮ่าวก็พลันเกิดอาการตาลาย เลือดไหลออกจากทั้งปากและจมูกทันที

ไม่ว่าในอดีตเขาจะมีวรยุทธ์ที่สูงยิ่งกว่า หรือมีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า แม้กระทั่งมีพลังภายในที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า อีกทั้งมีกำลังความสามารถในการต่อสู้ที่เก่งกาจยิ่งกว่าสำหรับวรยุทธ์ระดับเดียว แต่ไม่สามารถต้านระยะห่างวรยุทธ์ที่ต่างกันมากในตอนนี้ จึงถูกบดละเอียดโดยความต่างระหว่างวรยุทธ์ในทันทีทันใด

ไม่เพียงแต่จ้าวฮ่าวเท่านั้น ทว่าจอมยุทธ์จากเขาไร้พรมแดนคนอื่นๆ ก็เวียนศีรษะตาลาย โซซัดโซเซไปมาในชั่วพริบตาเช่นกัน!

ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาแห่งเขาไร้พรมแดนทั้งสองตะโกนเสียงดังออกมาครั้งหนึ่ง ถึงทำให้เสียงคำรามของอาหู่ไม่แสบแก้วหูเฉกเช่นเดิมอีก

สีหน้าของพวกเขากลายเป็นสีเขียว และก็ไม่มีกะจิตกะใจจะพูดไร้สาระกับอาหู่ต่อไป ได้แต่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าทันที แล้วบุกโจมตีไปที่อาหู่อย่างพร้อมเพรียงกัน

อาหู่ยิ้มเย็นเสมือนกับอสูรกายขนาดมหึมาที่กำลังจะกลืนกินคน ฝ่ามือทั้งสองแยกออกจากกัน ไม่มีทีท่าถดถอย เข้าต่อสู้กับศัตรูสองต่อหนึ่ง!

จอมยุทธ์ถังตะวันออกที่คิดจะรุดเข้าไปช่วยเหลือ กลับพบว่าในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ อาหู่กลับจัดการทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย!

“คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่จอมยุทธ์ที่มาจากสำนักทั่วๆ ไป แต่นั่นเป็นถึงคนของสำนักเขาไร้พรมแดนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูผาพิภพเชียวนะ!”

จอมยุทธ์ถังตะวันออกอ้าปากตาค้าง กลืนน้ำลายเอื๊อก ด้วยความรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง

คนของเขาไร้พรมแดนก็ยิ่งเดือดดาลจนกระอักเลือด “นี่เป็นแค่ข้ารับใช้ของตระกูลเยี่ยนคนหนึ่งหรือนี่!”

ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีพลังอันน่ากลัวสายหนึ่งโจมตีเข้ามา

สีหน้าของอาหู่เคร่งขรึม ส่วนจอมยุทธ์จากเขาไร้พรมแดนกลับเผยสีหน้าดีใจ “ท่านอาวุโสเฮ่อมาแล้ว! ”

พลังน่าหวาดกลัวของมหาปรมาจารย์นั้น ปกคลุมกดดันไปทั่วบริเวณโดยพลัน!

…………..

Related

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset