ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 257 โชคดีที่มีเจ้า!

พ่านพ่านพุ่งพรวดออกมาฉับพลัน ร่างที่ยามปกติดูเหมือนว่าอ้วนถ้วนงุ่มง่าม ชั่วขณะนี้เร็วปราดดุจสายฟ้าแลบ ก้มศีรษะคาบไข่มุกสายฟ้าตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอขึ้น แล้วจึงวิ่งออกไปไกลอย่างฉับไว

ชั่วเสี้ยวขณะถัดมา เสียง ‘โครม’ ดังสนั่น แสงอสนีบาตดำมืดระเบิดตูม ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

เยี่ยนจ้าวเกอเบิกตาโพลง มองดูทิศทางที่ควันโขมงหนานั้น พื้นดินแต่เดิมถูกระเบิดจนเกิดเป็นหลุมโพรงมหึมาหลุมหนึ่ง

สายฟ้าโลกันตร์ระเบิดปะทุ กลิ่นอายเหี้ยมโหดดุร้ายแพร่สะพัดทั้งสี่ทิศ ส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้เขาได้แต่เพียงร้อนรน

การขับเคลื่อนเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าและเสาทางเดินวังเทพอย่างต่อเนื่อง ผลาญพลังเยี่ยนจ้าวเกอมากยิ่ง ความรู้สึกอ่อนแรงประหนึ่งน้ำลดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา

ฉับพลันนั้น เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ส่งเสียงโห่ร้องดีใจออกมาพร้อมเพรียงกัน

จากนั้นก็เห็นว่าในกลุ่มควันโขมง เงาร่างอ้วนโตร่างหนึ่ง ระคนด้วยความรู้สึกปราดเปรียวว่องไวหลายส่วน ทะลุออกมาจากภายในนั้น

พ่านพ่านที่ซุกซนไร้เดียงสากลับมาอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง แลบลิ้นเลียชายหนุ่มเบาๆ

ดูจากท่าทางของมันแล้ว คงโยนสายฟ้าโลกันตร์ทิ้งทันควัน ไม่ได้โดนสายฟ้ารุนแรงนั้นทำให้บาดเจ็บแต่อย่างใด เพียงแค่ถูกลูกหลงเฉียดแฉลบผ่านไปก็เท่านั้น

เยี่ยนจ้าวเกอพลันผ่อนลมหายใจ ความรู้สึกอ่อนเพลียหมดแรงยิ่งล้นทะลักทวี แทบจะท่วมนองตนเองแล้ว

ในตอนนั้นเขายังคงพยายามประคองสติ ก่อนจะเบือนศีรษะกลับไปมองอีกด้าน

ที่นั่น สือเถี่ยรวมพลังกับผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทราย ปราบระงับเหวลึกสีแดงก่ำไว้ได้ในที่สุด

ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ฝืนลุกขึ้น มือซ้ายคว้าเก็บแสงวามวาบ พลางส่งเสียงระบายความอัดอั้น ก่อนที่มือขวาจะชกหมัดหนึ่งออกไป

ภายใต้การปลุกกระตุ้นเจตจำนงหมัดวรยุทธ์ มหาค่ายกลแดนมารที่รากฐานได้ล่มสลายไปแล้วพลันเปล่งแสงขึ้นมาอีกครั้ง และพลังยังแข็งแกร่งเกรียงไรอย่างยิ่งอีกด้วย ราวกับแสงสายัณห์ยามตะวันรอนก็ไม่ปาน

“ท่านอาจารย์ลุงใหญ่ เตรียมตัวให้ดี” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงทุ้ม

สือเถี่ยผงกศีรษะ จากนั้นลวดลายค่ายกลสีดำแต่ละสายประหนึ่งสายโซ่ ก็กรูเข้ามาพันรอบร่างของสือเถี่ย

ลวดลายค่ายกลสีดำรวมตัวกันโดยมีสือเถี่ยเป็นศูนย์กลาง เยี่ยนจ้าวเกอพลันย่อกายนั่งลง คุกเข่าลงข้างหนึ่ง หมัดมือขวาหมัดหนึ่งชกลงไปบนพื้นดินโดยตรง!

มหาค่ายกลแดนมารพลิกผันเสียงดังอึกทึก ลวดลายค่ายกลแต่ละสายย้อนกลับโดยมีสือเถี่ยเป็นศูนย์กลาง ฉุดดึงไอมารสีแดงโลหิตที่เหมือนกับไร้ขอบเขตสิ้นสุดโดยรอบ พรั่งพรูไปทางเขา

สีหน้าท่าทางสือเถี่ยเด็ดเดี่ยวหนักแน่น ไม่เห็นความไหวหวั่นแม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างประหนึ่งแปลงเป็นเพชร แข็งแกร่งนิรันดร์ ไม่เขยื้อนไม่สั่นไหว

เขาเฉกเช่นหินโสโครกริมทะเลอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้เจอลมโหมพัด ห่าฝน หรือแม้กระทั่งคลื่นทะเลสาดซัด ก็ตั้งตระหง่านไม่ไหวติงอยู่เสมอ

ครั้นยามลวดลายค่ายกลสีดำดึงลากไอมารสีโลหิตมายังร่างกายเขา สือเถี่ยพลันประกบสองมือเป็นวงแหวน แล้วจึงซัดสาดไปยังเหวลึกแดงก่ำเบื้องล่าง

ไอมารสีโลหิตจำนวนมากพลันไหลผ่านร่างกายของเขา ถูกเทสู่ภายในเหวลึกแดงก่ำต่อเนื่องไม่ขาดสาย

เยี่ยนจ้าวเกอพ่นปราณขุ่นมัวออกมายาวๆ คำหนึ่ง แล้วค่อยสูดอากาศเข้าลึก ราวกับวาฬดูดน้ำอย่างไรอย่างนั้น

เขาผุดลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะสืบเท้ารุดหน้า โผนกระโจนไปยังเบื้องหลังสือเถี่ย

หมัดซ้ายที่เยี่ยนจ้าวเกอเก็บไว้ช่วงเอว ชกตรงออกไปบนแผ่นหลังสือเถี่ยดังสนั่น

สือเถี่ยรับหมัดไม่สะทกสะท้าน มหาค่ายกลแดนมารพลิกผันกลับตามหมัดนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ โซ่ลวดลายค่ายกลทั้งหมดย้อนกลับพร้อมกันจากแผ่นหลังสือเถี่ย โดยมีหมัดซ้ายเยี่ยนจ้าวเกอเป็นศูนย์กลาง กลายเป็นลายภาพที่ผิดแผกและยังซับซ้อนลายหนึ่ง สลักอยู่ในอากาศเปล่า

เบื้องล่าง เหวลึกแดงก่ำสะท้อนความแน่วแน่ไม่ยินยอมออกมา หากแต่กลับประกบปิดในที่สุด ด้วยอานุภาพที่ไม่อาจขัดขวางได้!

พื้นดินกว้างที่แตกระแหงปิดสนิทอีกครั้ง มิติเวลาที่บิดเบี้ยวฟื้นคืนกลับเป็นปกติ

นพยมโลกที่กำลังย่างกรายแห่งนี้ ถูกอุดปิดกลับไปอย่างทุลักทุเล

เยี่ยนจ้าวเกอร้องคำรามลากเสียงยาว อาคมพิสดารที่ลอยอยู่ระหว่างหมัดซ้ายของตนและแผ่นหลังของสือเถี่ย เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลง

อาคมแปรสภาพเป็นธารแสง แบ่งจากหนึ่งกลายเป็นสอง สายหนึ่งเบื้องหน้าสายหนึ่งเบื้องหลัง แยกกันตกลงไปบนร่างเยี่ยนจ้าวเกอและสือเถี่ย

ส่วนหนึ่ง กลายสภาพเป็นรอยคล้ายกับตรานาบ ตกลงบนหลังมือซ้ายเยี่ยนจ้าวเกอ

อีกส่วนหนึ่งจมหายไปในเสื้อผ้าสือเถี่ยไม่พบร่องรอย กลับเป็นลวดลายที่แปรสภาพคล้ายกับตรานาบ ทิ้งไว้บนหลังของเขาด้วยเช่นกัน

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอถึงนับว่าวางใจลงโดยสิ้นเชิง

สายตาของเขาสอดส่องโดยรอบทั้งสี่ด้าน เขตแดนไอมารมลายหายไปแล้ว มองไม่เห็นร่องรอยอีก

พลังปราณน่าพรั่นใจที่ปลุกปั่นจิตใจคน ทำให้จิตใจและความกล้าผู้คนสูญสิ้น ก็หายไปไม่พบเช่นกัน

ผืนฟ้ากว้างด้านบนเหนือศีรษะ แลเห็นดวงตะวันท้องฟ้าอีกครั้ง ทั่งยังแจ่มแจ้งกระจ่างดั่งแสงอาทิตย์และจันทราดังเดิมอีกด้วย

ผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทรายรุดขึ้นหน้ากล่าวถาม “ผู้อาวุโสสือ จ้าวเกอ พวกเจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”

สือเถี่ยส่ายศีรษะ “ข้าไม่เป็นไร”

“ข้าก็ไม่เป็นไร” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยตอบ “หากแต่ต่อจากนี้ข้ากับท่านอาจารย์ลุงใหญ่ล้วนต้องรักษาตัวโดยเฉพาะ ขจัดรอยประทับมารอย่างช้าๆ รอจนรอยประทับมารหายไปจนสิ้น ก็ไม่มีภัยอะไรอีกแล้ว”

บัดนี้ เท่ากับว่าเยี่ยนจ้าวเกอและสืบเถี่ย ทั้งสองคนแบ่งรับแรงกดดันของการเปิดประตูนพยมโลกไว้

ก่อนที่รอยประทับมารจะหายไป หากทั้งสองคนใดคนหนึ่งสิ้นชีพ อีกคนหนึ่งก็ต้องแบกรับแรงกดดันที่มากขึ้น

ถ้าหากทั้งสองคนล้วนสิ้นชีพ และเวลานั้นรอยประทับมารยังไม่ได้กำจัดไปหมดสิ้น ประตูนพยมโลกที่เขตยุทธ์เมฆาบนเกาะทรายแห่งนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดออกอีกครั้ง

ผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทรายกล่าว “จะพยายามคุ้มกันส่งพวกเจ้ากลับสำนักให้เร็วที่สุด ข้าจะเป็นคนจัดการปัญหาของที่นี่เอง”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “การต่อสู้เมื่อครู่นี้สิ้นเปลืองปราณดั้งเดิมค่อนข้างมาก แต่บ่มเพาะฟื้นฟูก็ดีขึ้นแล้ว หลังจากฟื้นฟูแล้วแบกรอยประทับมารไว้ จะไม่กระทบกับการลงมือต่อสู้กับผู้คนมากนัก ขอเพียงแค่ไม่ตาย รอยประทับมารก็จะไม่เปิดออกอีก”

สามารถคลายวิกฤตขนานหนักครานี้ได้สำเร็จ ใบหน้าของทุกคนในเหตุการณ์ยามนี้ต่างเผยรอยยิ้มจากใจจริงออกมา

สือเถี่ยหันกายมา สายตามองยังเยี่ยนจ้าวเกอ บนดวงหน้าที่แต่ไรมาเคร่งขรึมเย็นชา เผยเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก “จ้าวเกอ ครานี้โชคดีที่มีเจ้าอยู่”

วาจาเรียบง่ายประโยคหนึ่ง ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างตกอกตกใจ

ราชสีห์โลหะชื่นชมคนคนหนึ่ง นับเป็นเรื่องที่ยากพบเห็นอย่างยิ่งไปแล้ว ยกย่องคนหนึ่งเฉกเช่นตอนนี้ ก็ยิ่งหาได้ยาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ได้รับคำชมยังคงเป็นคนวัยเยาว์ เป็นเพียงจอมยุทธ์ปรมาจารย์คนหนึ่ง

ข่าวคราวแพร่กระจายออกไป ช่างกุเรื่องใหญ่โต ทำให้ผู้คนยากปักใจเชื่อเสียจริง

ทว่าฝูงชนที่รวมทั้งผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทราย ที่มองดูเยี่ยนจ้าวเกอซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสือเถี่ยอยู่นั้น ต่างก็ปล่อยวางในใจ กลับรู้สึกว่าสมเหตุสมผล ทั้งยังควรเป็นเช่นนี้เสียด้วยซ้ำไป

เยี่ยนจ้าวเกออมยิ้มพลางเอื้อนเอ่ย “ท่านอาจารย์ลุงใหญ่กล่าวเกินไปแล้ว โชคดีที่มีท่าน โชคดีที่มีเหล่าจอมยุทธ์กว่างเฉิงทุกท่านที่นี่ โชคดีที่มีทุกๆ คนอยู่”

“การต่อสู้ครานี้อันตรายหาที่เปรียบได้ไม่ หากไม่ทันได้ระมัดระวัง พวกเราก็ต้องปิดผนึกประตูนพยมโลก และต่อสู้กับมารร้ายนพยมโลกอย่างสุดชีวิต ยื้อเวลาเพื่อให้ยอดฝีมือร่วมสำนักคนอื่นมา ช่วยแบกรับเกาะนภาใต้เอาไว้ ฝืนแบกไว้กับตนเอง ต่อสู้สังหารกอบกู้ให้พ้นภัยเอง ไม่ใช่ใครๆ ล้วนสามารถทำได้”

ชายหนุ่มกำหมัดไว้ที่อกเพื่อคารวะ คำนับทางฝูงชนเป็นกลุ่มๆ โดยรอบ “โชคดีที่มีทุกท่าน”

ผู้อาวุโสฉงทอดถอนใจอย่างใจกว้าง “ไม่ได้ ยังคงโชคดีที่มีเจ้า จ้าวเกอ หาไม่แล้วพวกเรากระทั่งโอกาสที่ให้เลือกล้วนไม่มี ทำได้เพียงมองดูความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดกลายเป็นจริงตาปริบๆ เท่านั้น”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ ลอบถอนใจในใจ

ผู้เยาว์คนนี้ แท้จริงแล้วแบกความกดดันไว้มากยิ่ง ไม่ว่าสถานการณ์ทางเกาะนภาใต้จะเป็นเช่นไร หากมหาค่ายกลแดนมารที่นี่เปิดออกอีกหน นั่นเท่ากับว่าแผนการล้มเลว นพยมโลกมาเยือกที่นี่จริงๆ เยี่ยนจ้าวเกอจะต้องได้รับการประณามไม่น้อยเป็นแน่แท้

ต่อให้เขาจะช่วยเกาะนภาใต้ที่ไม่ได้เตรียมการแม้แต่น้อยให้พ้นภัย ในภาพรวมเสียหายต่ำลง กระนั้นบรรดาผู้คนก็มักจะมองข้ามความเป็นไปได้ที่ไม่ได้เป็นจริงตามจิตสำนึกเสมอ หากแต่จดจำว่าเยี่ยนจ้าวเกอฟื้นคืนมหาค่ายกลแดนมารที่เดิมทีถูกทำลายสิ้นไปแล้ว ก่อเกิดนพยมโลกมาเยือนที่เกาะทรายเสียมากกว่า

กระทำมากผิดมาก กระทำน้อยผิดน้อย ไม่กระทำไม่ผิดเลย

จุดหัวเลี้ยวหัวต่ออันตรายเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่จะยืดอกออกมา แต่ไรก็จำต้องแบกรับภาระและกล้าหาญ

กลุ่มมหาปรมาจารย์สำนักเขากว่างเฉิง ต่างก็กำหมัดคารวะเยี่ยนจ้าวเกออย่างเอาจริงเอาจัง “ครานี้โชคดีที่มีเจ้า จ้าวเกอ จึงสามารถพลิกสถานการณ์เมื่อครู่กลับมาได้”

—————————-

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset