ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 122 เขานิมิตเมฆ

ขณะเดียวกันกับที่กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอได้รับผลการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่สาม ทางด้านเขาไร้พรมแดนแดนเองก็ได้รับข่าวเช่นกัน

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกได้ว่า กลุ่มคนของเขาไร้พรมแดนยิ่งมีน้ำจิตน้ำใจต่อพวกตนเองมากขึ้น

การที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าเขาไร้พรมแดนจะไม่แสดงออกตรงๆ แต่ก็เฝ้าระวังมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ตนเองยังมีกำลังไม่มากพอ การที่มีเขากว่างเฉิงช่วยต้านสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อเขาไร้พรมแดนอย่างชัดเจน

กระนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังรู้สึกได้ว่า เขาไร้พรมแดนเองก็ยังมีท่าทีไม่ชัดเจนต่อเรื่องของศิลาวิญญาณลึกล้ำของเขานิมิตเมฆ

ในการพูดคุยกับเขากว่างเฉิง เขาไร้พรมแดนก็ดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มร่วมมือ โดยที่มีเป้าหมายบางอย่างอยู่ นี่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มความระวังมากขึ้นหลายส่วน

ถึงแม้ว่าท่าทีของเขาไร้พรมแดนจะค่อนข้างไม่ชัดเจนนัก ทว่ากลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่เอินซูก็ยังคงมุ่งหน้าไปยังภูผานิมิตเมฆภายใต้การนำของอีกฝ่าย

“คุณชายขอรับ ช่างบังเอิญอีกแล้ว คู่รักจ้าวหมิงก็มาที่ผืนภูผานิมิตเมฆแล้วเช่นกัน” ขณะที่เดินทางอยู่ อาหู่จัดการกับข่าวที่เบื้องล่างส่งมาให้ รวบรวมและรายงานข่าวให้เยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอเงยศีรษะขึ้น พลางครุ่นคิด “อ้อ พรรคสายรุ้งสีชาดกับผืนภูผานิมิตเมฆแห่งภูผาพิภพ มีการไปมาหาสู่กันเนื่องจากมีการค้าขายระหว่างกันอยู่นี่”

อาหู่พยักหน้า “ใช่ขอรับ พื้นที่หยินเดี่ยวและหยางเดี่ยวพบได้น้อยยิ่งนัก พรรคสายรุ้งสีชาดปลูกสมุนไพรวิเศษอยู่ตั้งหลายชนิด และได้คุณภาพดีที่สุดในพื้นที่หยินเดี่ยวหยางเดี่ยว พวกเขาก็เลยเช่าพื้นที่ส่วนหนึ่งของเขานิมิตเมฆเอาไว้ เพื่อบุกเบิกเป็นไร่สมุนไพร”

ชายหนุ่มผงกศีรษะ เรื่องนี้เขากว่างเฉิงเองก็รับรู้เบื้องลึกเบื้องหลังด้วย ทว่าไม่ห้ามปรามแต่อย่างใด

ระหว่างเขากว่างเฉิงกับเขาไร้พรมแดน แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์เชิงแข่งขันกันอยู่บ้าง กระนั้นก็ไม่ตึงเครียดเหมือนกับของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

ขุมกำลังมากมายของนภาพิภพภายใต้การปกครองของเขากว่างเฉิง มีการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันกับขุมกำลังต่างๆ ของภูผาพิภพภายใต้การปกครองของเขาไร้พรมแดนไม่น้อย

เขานิมิตเมฆเป็นพื้นที่สำคัญของเขาไร้พรมแดน ขอเพียงแค่ไม่เข้าใกล้เหมืองแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ ก็ไม่มีการห้ามคนภายนอกเข้ามาที่แห่งนี้

แน่นอนว่าหากขุมกำลังระดับเดียวกันกับเขากว่างเฉิงเข้าใกล้ ย่อมต้องทำให้เขาเขาไร้พรมแดนจับตามองเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นขุมกำลังอย่างพรรคสายรุ้งสีชาดก็ไม่เป็นไร

อาหู่กล่าวต่อไปว่า “ได้ยินมาว่าไร่สมุนไพรเกิดปัญหาบางอย่างขอรับ จ้าวหมิงกับจิ่งอวิ๋นจือก็เลยมาดู”

จิ่งอวิ๋นจือเป็นบุตรสาวของประมุขพรรคสายรุ้งสีชาด นางไม่ได้เข้าศึกษาวรยุทธ์วิชาภายในพรรค แต่เข้าสำนักเขากว่างเฉิงเป็นลูกศิษย์เช่นเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวหมิง

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “หลังจากพวกเราถึงเขามินิตเมฆแล้ว ก็แจ้งพวกเขาไปว่าถ้ามีเวลาก็มาพบกันสักหน่อย ตามมารยาทแล้วพวกเขาก็ต้องมาพบท่านอาจารย์ฟู่ด้วย”

อาหู่ยิ้มไร้เดียงสา “ขอรับ คุณชาย”

การเดินทางไปยังผืนภูผานิมิตเมฆ ต้องผ่านภูเขาในเทือกเขานิมิตเมฆมากมาย โดยที่กลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอต้องมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตลอดทาง

หลังจากนั้นไม่นาน เขานิมิตเมฆ ภูเขาหลักของเทือกเขานิมิตเมฆก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคน

เทือกเขานิมิตเมฆดูราวกับมังกรที่กำลังหลับไหล และเขานิมิตเมฆก็ดูเหมือนกับหัวมังกร

ที่ตีนเขานิมิตเมฆเกิดแอ่งกระทะขึ้นแห่งหนึ่ง นั่นก็คือเหมืองแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ และตรงไหล่เขานิมิตเมฆมีบ่อน้ำพุวิญญาณแห่งหนึ่ง ชื่อว่าเมฆหยินหยาง

บ่อน้ำพุวิญญาณเมฆหยินหยางแห่งนี้ก็คือพื้นที่ที่มีหยินเดี่ยวหยางเดี่ยว ซึ่งทั่วหล้ามีจำนวนน้อยยิ่งนัก

เนื่องจากเหมืองแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ นอกจากผู้อาวุโสระดับหนึ่งที่ทำหน้าที่ดูแลผืนภูผานิมิตเมฆแล้ว สำนักเขาไร้พรมแดนยังมีผู้อาวุโสระดับมหาปรมาจารย์เก่าแก่อีกท่านหนึ่ง คุมการณ์อยู่ที่เขานิมิตเมฆเป็นการเฉพาะ นามว่าผู้อาวุโสเสวียนสือ

ผนวกกับผู้อาวุโสเขาไร้พรมแดนที่เดินทางมาด้วยกัน บัดนี้เขานิมิตเมฆแห่งเดียว มีมหาปรมาจารย์จากสำนักเขาไร้พรมแดนที่เก่งกาจรวมตัวกันถึงสามคน

ผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งภูผานิมิตเมฆของเขาไร้พรมแดนที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆ ในเขตนั้นแซ่จั่ว เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกรงขาม

เยี่ยนจ้าวเกอมองผู้อาวุโสจั่วท่านนี้ด้วยสายตาแข็งค้างเล็กน้อย

ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งเขาไร้พรมแดนที่ปักหลักอยู่ที่อาณาจักรถังตะวันออก เกาะนภาตะวันออกแห่งนภาพิภพ ก็คือผู้อยู่ใต้บัญชาการของผู้อาวุโสจั่วท่านนี้

การจลาจลที่ถังตะวันออกก่อนหน้านี้ เบื้องหลังการกระทำการของสำนักเขาไร้พรมแดน ไม่น้อยต้องอยู่ใต้เงาของชายผู้นี้เป็นแน่

“เหมืองแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ สำหรับสำนักเราแล้วย่อมเป็นสิ่งสำคัญเสียยิ่งกว่าสำคัญ พวกท่านมาเยือนกะทันหัน ถึงอย่างไรก็ทำให้พวกเราคาดไม่ถึงอยู่บ้าง” ผู้อาวุโสจั่วพูดอย่างช้าๆ

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่เงียบๆ ไม่พูดไม่จา ปล่อยให้ฟู่เอินซูสนทนากับอีกฝ่าย “นั่นเป็นเพราะเรื่องสำคัญยิ่ง หากไม่มั่นใจมากพอ สำนักข้าจะเสียมารยาทยื่นข้อเสนอเช่นนี้ได้อย่างไร”

หลายปีมานี้ เนื่องจากเหมืองแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำค่อยๆ เหือดหายไป จนเข้าใกล้ช่วงวิกฤตเต็มทีแล้ว ทางหนึ่งเขาไร้พรมแดนก็เริ่มแสวงหาทางแก้ไข อีกทางหนึ่งภายในสำนักก็เริ่มจำกัดปริมาณการขุดเช่นกัน หากเป็นเช่นต่อไป ย่อมเป็นการยืดการพัฒนาของสำนักตนเองออกไปอย่างอ้อมๆ ด้วย

ถ้าหากปัญหาได้รับการแก้ไข ศิลาวิญญาณลึกล้ำจะถูกขุดขึ้นในปริมาณมากอีกครั้ง เขาไร้พรมแดนจะต้องเข้าสู่ช่วงพัฒนารวดเร็วอีกครั้งอย่างแน่นอน

ฟู่เอินซูกล่าวอย่างนิ่งเฉยว่า “สำนักของเรากล่าวคำไหนคำนั้น สำนักท่านไม่ต้องหวาดระแวงขนาดนี้หรอก”

ผู้อาวุโสจั่วพอจะรู้นิสัยของฟู่เอินซูอยู่บ้าง เมื่อได้ยินดังนั้นจึงยิ้มบาง

หากเขากว่างเฉิงมาที่แห่งนี้เพื่อหาเรื่อง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าผลักไสไล่ส่งให้เขาไร้พรมแดนไปทางฝ่ายของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็มีความคิดเป็นของตนเอง

เขากว่างเฉิงไม่มีทางมาช่วยเหลือเขาไร้พรมแดนโดยไม่มีเหตุผลเป็นแน่ ในเมื่อเป็นการร่วมมือกัน เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็มีสิ่งที่ต้องการอยู่ ต้องการมากหรือน้อย นั่นก็นับเป็นปัญหาหนึ่ง

“สำนักท่านบอกว่าต้องการสำรวจพื้นที่จริงก่อนใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นหลังจากพักผ่อนสักพักแล้ว ก็ตามข้ามาเถิด” ผู้อาวุโสจั่วกล่าว

ฟู่เอินซูหันศีรษะกลับไปมองเยี่ยนจ้าวเกอทันที “เจ้าต้องการพักผ่อนหรือไม่”

ชายหนุ่มฝืนอาการอยากจะกลอกตาของตน เขาได้รู้ถึงความใจร้อนของอาจารย์ป้าของคนนี้ตนอีกครั้ง “ข้าได้ทุกเมื่อขอรับ”

นางพลันผงกศีรษะ แล้วหันกลับไปมองทางผู้อาวุโสจั่ว “ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ พวกเราไปกันเถิด”

ผู้อาวุโสจั่วและผู้อาวุโสเขาไร้พรมแดนอีกสองท่านสื่อสารกันทางสายตาอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงผงกศีรษะบ้าง

ผู้อาวุโสเสวียนสือที่คุมการณ์อยู่ที่เขานิมิตเมฆโดยเฉพาะกล่าวว่า “ตามข้ามา”

พอกลุ่มคนทั้งหมดมาถึงภายในหุบเขา ก็พบกับเหมืองแร่ในทันที เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของพลังวิญญาณภายในนั้น และเมื่อได้ย่างกรายลึกเข้าไปในเหมืองแร่ ภายในจิตใจของเขาก็สงบนิ่งขึ้นเรื่อยๆ

‘วิธีการขุดแร่ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเขาไร้พรมแดนได้เพียงแค่พลังวิญญาณลึกล้ำเท่านั้น ทว่ากลับไม่ได้คู่ควรกับมันเลย ส่งผลให้เกิดการทำลายแก่นของสายแร่ไม่หยุดยั้ง’

ในใจของเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มมีอคติและความสงสัย ‘นอกจากพวกเราแล้ว เหมือนกับว่าจะยังมีคนอื่นกำลังคิดหาวิธีแก้ไขปัญการฟื้นฟูสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำด้วยเช่นกัน ซึ่งดูไม่เหมือนกับการศึกษาทดลองของเขาไร้พรมแดนเอง แต่มีกลิ่นอายของวิธีโบราณก่อนเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อยู่หลายส่วน…’

‘เหอะๆ มิน่าล่ะถึงได้มีท่าทีคลุมเครือนัก ที่แท้ก็มีความมุ่งหวังอื่นอยู่นี่เอง จึงไม่ค่อยกระตือรือร้นกับพวกเราเท่าไร เพียงแต่ทางนั้นเองก็น่าจะยังอยู่ในขั้นทดลองเช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อข้ามาเยือน จึงไม่ได้ปฏิเสธในทันที’

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางพลางขบคิด

ทว่าดูจากภายนอกแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังคงมีท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พอออกจากเหมืองแร่แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เดินไปรอบๆ พื้นที่แอ่งกระทะภายในหุบเขา สัมผัสการไหลเวียนพลังวิญญาณของที่แห่งนี้อีกขั้นหนึ่ง

‘เหตุใดถึงได้รู้สึกเหมือนมีปราณย้อนกลับวิ่งตรงมาจากบนเขา ลงมายังพื้นดินกันนะ’ เยี่ยนจ้าวเกอขมวดปมคิ้ว ก่อนจะออกจากหุบเขาไปโดยไม่บอกกล่าว จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเขานิมิตเมฆที่อยู่เบื้องหน้า

เขาเห็นตรงกลางเขานิมิตเมฆมีแสงสีแดงกะพริบอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา ‘นั่นทำอะไรน่ะ สำนักเขาไร้พรมแดนจุดไฟเผาภูเขาของตนหรือย่างไร’

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น อาหู่ก็มาถึงข้างๆ เขาด้วยความรวดเร็ว ทั้งยังพาคนหมดสติผู้หนึ่งมาด้วย ชายหนุ่มรู้จักคนผู้นั้น ชัดเจนว่าเป็นบ่าวรับใช้ประกบกายของจ้าวหมิง

พอเรียกสติของคนผู้นั้นกลับมา อีกฝ่ายเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้วก็ดีใจใหญ่

“คุณชายเยี่ยน ดีเหลือเกินที่ท่านก็อยู่ที่นี่ องค์ชายสี่กำลังสู้กับคนของเขาไร้พรมแดนอยู่บนเขา!”

………….

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset