ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 173 เป้าหมายที่แท้จริง

ตอนที่เห็นสุนัขป่าปีศาจทมิฬกับมังกรวารีทมิฬแวบแรก เยี่ยนจ้าวเกอก็มุ่นคิ้วอยู่เงียบๆ เพราะรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่เลือนราง

ถึงแม้ว่าร่างกายมังกรวารีทมิฬจะแข็งแกร่ง แต่กลับขาดปราณอันโหดร้ายดุดันที่สัตว์วิเศษมีเฉพาะอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่ายามปกติอยู่ดีกินดีเป็นที่สุด ไม่ได้ผ่านการต่อสู้จริงมากนัก

ส่วนในด้านรูปลักษณ์ภายนอกของสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวนั้น แม้จะดูเหมือนว่าธรรมดาทั่วไป ไม่มีสิ่งใดพิเศษ เทียบไม่ติดกับมังกรวารีทมิฬที่ดูทรงพลังและอานุภาพเช่นนั้น ทว่ารอยแผลเก่าและใหม่ทั่วร่างหัวจรดเท้า กลับทำให้เห็นชัดแจ้งว่าเป็นร่องรอยที่การผ่านการต่อสู้สังหารและความเป็นความตายหลายครั้ง อีกทั้งยังเผยลมปราณอันป่าเถื่อนกระหายโลหิตกลุ่มหนึ่งออกมาด้วย

ปล่อยเข้าไปในการต่อสู้สนามเช่นนี้…เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตอย่างละเอียดครู่หนึ่ง

สุนัขป่าปีศาจทมิฬดูเหมือนว่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ กระนั้นระหว่างที่หลบออกไปและเคลื่อนย้าย มันช่างมีลำดับขั้นอย่างยิ่งยวด ไม่มีความรู้สึกลุกลี้ลุกลนแม้สักนิด คล้ายกับว่ากำลังจงใจใช้วิธีลอบโจมตี ลดทอนกำลังกายของมังกรวารีทมิฬ

ผนวกกับผลจากปราณเย็นเยียบของที่ส่งกระจายออกมาแต่กำเนิดของมัน ชัดแจ้งว่าเป็นการประลองยาวนานที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ถ่วงเวลาจนมังกรวารีทมิฬไม่มีกำลังกายแล้ว ถึงค่อยหวนกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง

เพียงแต่ว่าพลังของมังกรวารีทมิฬนั้นแกร่งอย่างยิ่ง ถึงจะยืดเวลาออกไปนานเช่นนี้ แต่สุนัขป่าปีศาจทมิฬก็ยังคงหาโอกาสโจมตีกลับไม่ได้

ทว่าหากมังกรวารีทมิฬยังไม่อาจหาโอกาสที่จะทำให้สุนัขป่าปีศาจทมิฬบาดเจ็บสาหัสอย่างแท้จริงได้ เช่นนั้นอีกฝ่ายจะต้องเป็นฝ่ายพลิกกลับมาได้เปรียบเป็นแน่

สุนัขป่าปีศาจทมิฬมีความทนทานและอดกลั้นสูงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งมีประสบการณ์สู้รบเพียงพอ กลับเป็นมังกรวารีทมิฬที่หลังจากค่อยๆ หมดแรงลง ก็เปลี่ยนเป็นยิ่งหุนหันพลันแล่นด้วยซ้ำไป

‘ศิษย์พี่เยี่ย ท่าไม่ดีแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มังกรวารีทมิฬต้องแย่แน่’ เยี่ยนจ้าวเกอมุ่นคิ้วเล็กน้อย ส่งกระแสจิตให้แก่เยี่ยฉงโจว

เยี่ยฉงโจวตะลึงงัน เพราะในความคิดเขานั้น ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นมังกรวารีทมิฬที่ครองความได้เปรียบ

เยี่ยนจ้าวเกอพูดต่ออีกว่า ‘หมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนั้นกำลังแสร้งทำเป็นอ่อนข้อ มันจงใจใช้วิธีลอบโจมตีเพื่อลดทอนกำลังกายของมังกรวารีทมิฬ’

ตาดำทั้งสองดวงของเยี่ยฉงโจวพลันหดเล็กลงทันที ในขณะเดียวกัน การต่อสู้ในสนามพลันเกินการเปลี่ยนแปลง!

หลังจากการรุกโจมตีอย่างไม่ลืมหูลืมตาของมังกรวารีทมิฬล้มเหลวลงครั้งหนึ่ง ร่างสุนัขป่าปีศาจทมิฬที่หลบหลีกการรุกโจมตีนั้นก็พลันตัวหมุนกลับ ระเบิดพลังทั้งกายออกมา ชนเข้ากับกระดูกซี่โครงอ่อนช่วงเอวของมังกรวารีทมิฬที่ยังไม่ทันยืนมั่นคงนัก!

ในเวลานี้เอง สุนัขป่าปีศาจทมิฬถึงได้แสดงระดับความสามารถที่แท้จริงของตนออกมา โครงกระดูกทั่วร่างสั่นสะเทือน กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมากมาย ขนที่เหมือนกับเข็มโลหะตั้งชันขึ้นมาทุกเส้น ดูเหมือนกับว่าทั่วทั้งร่างกายกลมโตขึ้นแล้ว อีกทั้งไม่ด้อยไปกว่ามังกรวารีทมิฬเลยแม้แต่น้อย!

การรุกโจมตีของมังกรวารีทมิฬเพิ่งจะคว้าน้ำเหลว มันยังไม่ทันได้รวมกำลังใหม่ ก็ถูกอีกฝ่ายกระแทกเข้าที่จุดยุทธศาสตร์ในช่วงเวลาอันสั้นแล้ว ทำให้รูปร่างหนาสูงมหึมาพลันถูกชนคว่ำลงบนพื้นโดยพลัน

สุนัขป่าปีศาจทมิฬได้เปรียบแล้วก็ไม่รีรอต่อไป เล็บคมปากใหญ่โจมตีมังกรวารีทมิฬพร้อมกัน ทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก โลหิตสดรินไหลในชั่วพริบตา

รอยยิ้มบนใบหน้าของศิษย์เมืองทะเลมรกตล้วนแข็งค้าง สีหน้าเยี่ยฉงโจวก็พลันเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที

มังกรวารีทมิฬที่ได้รับบาดเจ็บส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง มันปะทุพลังทั่วกาย แล้วใช้แรงถาโถมสะบัดสุนัขป่าปีศาจทมิฬออกไป ก่อนจะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง แล้วถลาลงไปทางคู่ต่อสู้ที่สร้างความบาดเจ็บให้กับตนอย่างดุเดือด

หลังจากการโจมตีนี้ผ่านไป สุนัขป่าปีศาจทมิฬเปลี่ยนกลับมามีลักษณะเหมือนเช่นแต่ก่อนอีก มันเคลื่อนไหวหนีอยู่ตลอดอีกครั้ง หลบหลีกการโหนกระโจนเข้าใส่ด้วยความโกรธแค้นสุดชีวิตของมังกรวารีทมิฬ

ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ หรี่ลง แววตาเย็นเยียบทีเดียว

เขาถือว่ามองออกแล้ว ว่าเจ้าสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวนี้นั้นเจ้าเล่ห์อย่างถึงที่สุดจริงๆ

หากมองผ่านๆ จะดูเหมือนว่ามันกลัวไปยั่วโทสะมังกรวารีทมิฬเข้า แต่แท้จริงแล้วก็เป็นการใช้วิธีการเดิมซ้ำอีก ใช้ประโยชน์จากการลอบโจมตีลดทอนกำลังกายและพลังอันฮึกเหิมของมังกรวารีทมิฬ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มังกรวารีทมิฬได้รับบาดเจ็บแล้ว ยิ่งยืดเวลาไปได้นานเท่าใด มันก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น

ความคิดของสุนัขป่าปีศาจทมิฬตัวนี้กล่าวได้ว่าโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง คิดอยากจะทำให้มังกรวารีทมิฬตายตกอยู่ ณ ที่นี่!

สิ่งที่มันต้องการไม่ใช่เพียงแค่ชัยชนะเท่านั้น แต่ยังอยากสังหารมังกรวารีทมิฬให้สิ้นซาก!

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังเฉินหลิน คนอื่นมองความคิดของสุนัขป่าปีศาจทมิฬไม่ออก แต่นางในฐานะเจ้าของมีจิตใจเชื่อมถึงกันกับสัตว์วิเศษจะไม่รู้ได้อย่างไร

สถานการณ์นี้นางยังคงเงียบงันไร้เสียง มีความเป็นไปได้มากอย่างยิ่ง ว่าการเคลื่อนที่ของสุนัขป่าปีศาจทมิฬนั้นเป็นนางที่ชี้ให้ทำเป็นแน่แท้

“ศิษย์พี่เยี่ย เก็บมังกรวารีทมิฬไปเถิด” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าหมาป่าตัวนั้นใช้วิธีเก่าลอบโจมตี มังกรวารีทมิฬได้รับบาดเจ็บที่ร่างกายแล้ว หากเป็นเช่นต่อไปอีก หากถูกมันซุ่มโจมตีได้สำเร็จ เกรงเพียงว่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิต”

สีหน้าเยี่ยฉงโจวเขียวคล้ำ ตอนนี้เขารู้แล้วเช่นกันว่าที่เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยก็มีเหตุผล

เยี่ยฉงโจวก็เป็นผู้ที่มีการตัดสินใจเด็ดขาดคนหนึ่งเช่นกัน หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาก็กัดฟันกรอดพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “การประลองครั้งนี้ ข้าขอยอมแพ้”

ในแววตาของเฉินหลินทอประกายความเสียดาย ก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเย็บวาบไปจนถึงขั้วหัวใจ “ศิษย์พี่เยี่ยยอมให้ชนะเสียแล้ว ตอนนี้ยังเป็นมังกรวารีทมิฬของศิษย์พี่เยี่ยที่ได้เปรียบ ไล่ต้อนสุนัขป่าของข้าไม่ปล่อย ในเมื่อศิษย์พี่เยี่ยยอมแพ้ ก็ขอให้ท่านหยุดยั้งเจ้ามังกรวารีทมิฬตัวนี้ด้วย”

“เจ้า!” เยี่ยฉงโจวพลันหน้าเปลี่ยนสี ในที่สุดแล้วก็ยังคงเสียดายมังกรวารีทมิฬอย่างยิ่ง ร้องเรียก “เจ้าทมิฬ กลับมานี่!”

หลังจากที่มังกรวารีทมิฬโมโหถึงขีดสุด ความรู้สึกอ่อนแอที่เกิดจากอาการบาดเจ็บยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเมื่อได้ยินเสียงเจ้าของร้องเรียก สุดท้ายมันก็ยังทิ้งการไล่โจมตีไปอย่างไม่ยินยอมนัก หยุดการเคลื่อนไหวของตนลง

หลังจากที่มังกรวารีทมิฬหยุดฝีเท้าแล้วนั้น ในดวงตาสีแดงโลหิตทั้งสองของสุนัขป่าปีศาจทมิฬพลันปรากฏแววชั่วร้ายออกมา พลังทั่วกายของมันระเบิดปะทุ ฉวยโอกาสในตอนนี้ที่ร่างกายและกำลังวังชาของมังกรวารีทมิฬล้วนหละหลวมมากที่สุด ก่อการโจมตีถึงชีวิต!

สุนัขป่าปีศาจทมิฬรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ อย่าว่าแต่เยี่ยจงโฉวและคนอื่นๆ เลย มังกรวารีทมิฬที่อยู่ใกล้มันในระยะเผาขนจึงไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ใด พริบตาเดียวการจู่โจมของอีกฝ่ายก็มาถึงเบื้องหน้าแล้ว!

ทว่าเงาร่างหนึ่งพลันขวางอยู่ด้านหน้ามังกรวารีทมิฬ อีกทั้งต่อยหมัดไปบนหน้าผากของสุนัขป่าปีศาจทมิฬซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

สุนัขป่าปีศาจทมิฬถูกต่อยจนลอยกระเด็นออกไป ผู้มาเยือนก็คือเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเอง

เฉินหลินมองยังเยี่ยนจ้าวเกอ มุ่นคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยฉงโจวที่ยังตกอกตกใจเวลานี้ฟื้นคืนสติกลับมา ร้องตะโกนด้วยความโกรธเคือง “ศิษย์น้องเฉิน เจ้าช่างร้ายกาจเสียจริง!”

นางชำเลืองมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเย็นชา แล้วเรียกสุนัขป่าปีศาจทมิฬที่ถูกชายหนุ่มต่อยจนวิงเวียนกลับมา จากนั้นก็แสดงความเคารพต่อเยี่ยฉงโจวตามมรรยาท “อย่างไรเสียมันก็ยังไม่ได้มีสติปัญญาถึงเพียงนั้น เพราะบ้าระห่ำยากจะทำให้เชื่อง แต่พละกำลังกลับแข็งแกร่งยิ่ง บางคราข้าเองก็ไม่อาจควบคุมบังคับได้ทั้งหมด เกือบจะทำร้ายมังกรวารีทมิฬของศิษย์พี่เยี่ย ข้าต้องขออภัยศิษย์พี่เยี่ยไว้ ณ ตรงนี้ ทั้งยังขอให้ศิษย์พี่เยี่ยอย่าได้คิดเล็กคิดน้อย อย่าได้ตำหนิ”

เยี่ยฉงโจวสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ถึงจะบังคับควบคุมตนเองไม่ให้ถลาไปให้รางวัลนางด้วยวารีเทียมฟ้าสักกระบวนท่าหนึ่ง

คำพูดไม่กี่ประโยคทำให้เยี่ยฉงโจวเกิดความคับแค้นอึดอัดใจ เฉินหลินหันศีรษะกลับมามองเยี่ยนจ้าวเกอพลางยิ้มน้อยๆ “ชื่อเสียงเกรียงไกรของศิษย์พี่เยี่ยนจ้าวเกอ ข้าเลื่อมใสมานานนักแล้ว”

ดวงตาเยี่ยนจ้าวเกอหรี่ลงเล็กน้อย รอยยิ้มของอีกฝ่ายคล้ายกับว่ามีความหมายอื่นแฝง

ดังคาด ชายหนุ่มได้ยินเฉินหลินกล่าวต่อว่า “ได้ยินว่าศิษย์พี่เยี่ยนได้สัตว์วิเศษมาใหม่ตัวหนึ่ง ซึ่งก็คือปี่เซียะภูเขาที่หาพบได้ยาก มหัศจรรย์นัก ไม่ทราบว่าข้าจะมีวาสนาได้พบเห็นหรือรู้จักสักหน่อยหรือไม่”

สุนัขป่าปีศาจทมิฬที่หมอบอยู่แทบเท้านางส่งเสียงร้องต่ำ มีกลิ่นของความกระหายโลหิตพร้อมสู้รบอยู่รางๆ

……………

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset