ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 185 เติมวัตถุดิบให้กับศัตรูสักหน่อย

คำตอบที่ถังหย่งฮ่าวตอบตามใจประโยคหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอกลับได้ยินสิ่งต่างๆ มากมายจากในนั้น

หนึ่งในนั้นคือ หวงเจี๋ยเป็นดั่งคมในฝักดังคาด วรยุทธ์และพลังความสามารถของเขาไม่ต่ำต้อยเลย

สองคือ เกินกว่าครึ่งหวงเจี๋ยไม่ใช่มหาปรมาจารย์ชุดดำคนนั้นที่ลอบจู่โจมตนและสวีเฟยเมื่อสักครู่ มีคนสกัดการเคลื่อนไหวของเขาไว้

นอกเสียจากศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นที่จมดิ่งลงสู่แดนมารครั้งนี้จะสิ้นชีพทั้งหมดอย่างแน่นอน เช่นนั้นการตกเป็นผู้ต้องสงสัยของหวงเจี๋ยจะเพิ่มสูงขึ้นอีก

เยี่ยนจ้าวเกอนวดหว่างคิ้ว ถามต่อไปว่า “ตั้งแต่ที่เกาะลอยตกลงมาก่อนหน้า ข้าเห็นศิษย์พี่ถังอยู่ด้วยกันกับคนของตำหนักอัสนีสวรรค์ พวกเขาเป็นเช่นไรบ้างแล้ว”

ถังหย่งฮ่าวกล่าว “ตอนที่ตกลงพื้นไม่ได้มีอันตราย ไม่มีผู้ใดตกลงไปในหลุมดำ แต่ขณะที่ถูกแดนมารดูดกลืน พวกข้าพลัดหลงกับศิษย์น้องเสียจื่ออี้”

“ภายหลังประสบกับมหาปรมาจารย์อาวุโสท่านหนึ่ง ตำหนักอัสนีสวรรค์ก็เร่งมาสนับสนุน และล้อมปราบจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต กลุ่มศิษย์น้องเฉินหลินก็ตามผู้อาวุโสท่านไปนั้น ส่วนข้าก็ตามหาพวกศิษย์น้องหวง”

ขณะที่พูด ถังหย่งฮ่าวชูมือซ้ายของตนขึ้น บนข้อมือมีจี้เล็กๆ อันหนึ่งช่วยเอาไว้ ส่องแสงประหนึ่งแสงอาทิตย์ท่ามกลางเขตไอมารอันมืดมน

“อาศัยสิ่งนี้ ข้าสามารถลองหาตำแหน่งของพวกศิษย์น้องหวงได้ เพียงแต่ภายในแดนมาร จะยิ่งทวีความยากลำบากอย่างมาก”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า สวีเฟยจึงถามขึ้นว่า “จ้าวเกอ ตอนนี้เจ้าวางแผนไว้ว่าอย่างไร”

“อืม จริงๆ แล้วข้าคิดที่จะเข้าไปส่วนลึกของทะเลสาบปิดนภา เขตศูนย์กลางค่ายกลสีดำนั่น” หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอมองถังหย่งฮ่าวแวบหนึ่งแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอย่างมิสะทกสะท้าน

สวีเฟยและถังหย่งฮ่าวต่างก็ตะลึงงั้นไปเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าถึงปรารถนาจะทำเช่นนั้น?”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดอธิบาย “แผนการของเหล่าผู้อาวุโสปรากฎช่องโหว่อย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าในบรรดายอดฝีมือระดับสูงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหกของพวกเรา ยังมีไส้ศึกของนพยมโลกอยู่”

“ด้วยเหตุนี้แผนการของพวกเรา ยิ่งจะถูกศัตรูใช้ประโยชน์เสียด้วยซ้ำไป แผนสำรองเองก็เกรงว่ารั่วไหลด้วยเช่นกัน การทำลายของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตไม่มีทางที่จะไม่มีการป้องกัน”

ในดวงตาทั้งสองของเยี่ยนจ้าวเกอมีแสงเย็นทอประกายเล็กน้อย “ดังนั้น ข้าเตรียมที่จะเพิ่มตัวแปรให้แก่พวกมัน เติมวัตถุดิบให้กับอาหารหลักจานนี้ของพวกมันสักหน่อย”

สำหรับจอมยุทธ์ปรมาจารย์คนหนึ่งเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ จะเพิ่มตัวแปรแก่สถานการณ์ในการต่อสู้ระดับชั้นมหาปรมาจารย์อย่างไรนั้น สวีเฟยและถังหย่งฮ่าวไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ

สวีเฟยเพ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ให้เจ้าไปเสี่ยงภัยผู้เดียวไม่ได้ ข้าจะไปกับเจ้าเอง”

เขามองทางเยี่ยนจ้าวเกอ “ได้ยินว่าจ้าวเกอได้เศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งแล้ว บางทีเจ้าอาจจะมีความสามารถและอาวุธวิเศษโดดเด่นจริงๆ”

“วิจารณ์ด้วยจิตใจสงบ ไม่ว่าจะเป็นข้าในตอนนี้ หรือจะเป็นศิษย์พี่ถัง คิดอยากจะเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์การต่อสู้ของยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ระดับสูง ต่างก็มีความสามารถไม่มากพอ”

“ทว่าภายในแดนมารขณะนี้ นอกจากยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ระดับสูงแล้ว ยังมีปรมาจารย์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตคนอื่นๆ มากมาย แม้กระทั่งเป็นจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ระดับกลางและระดับต่ำ ยกตัวอย่างเช่นคนผู้นั้นเมื่อครู่”

“ข้าเองไม่มีความสามารถพอ โดยภาพรวมแล้วไม่อาจช่วยเหลือได้ แต่ระหว่างทางอาจช่วยเจ้าประหยัดเวลาและกำลังวังชาได้อยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยายามสงวนพลังของเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์เท่าที่จะมากได้ ถึงอย่างไรก็คือเศษชิ้นส่วน ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ใช้พลังจนค่อยๆ หมดไป เกินกว่าครึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นถึงจะสามารถฟื้นคืนได้”

ถังหย่งฮ่าวกล่าวอย่างใจกว้างเช่นกันว่า “นับข้าด้วยคน”

ตอนนี้ภาพรวมเป็นสำคัญ สถานการณ์คับขัน เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่ได้เอะอะโวยวายหรือพูดจาให้มีพิธีรีตองเช่นกัน เขาผงกศีรษะทันที “ตามนี้ ขอบคุณศิษย์พี่ทั้งสองท่าน”

สิ้นเสียง เยี่ยนจ้าวเกอก็ตบหลังพ่านพ่านเบาๆ “พาศิษย์น้องซือคงขึ้นไป ระวังมัดระวังเร้นกายให้ดี คอยการช่วยเหลือของผู้อาวุโส หรือไม่ก็รอจนกว่าเรื่องจะจบ”

ซือคงจิงที่แต่ไรมานั้นใจเย็น แววตาเผยความขัดเคืองอย่างยากจะได้เห็น

นางไม่ได้เคืองที่เยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟยไม่พานางไป แต่เสียดายที่พลังฝึกปรือของตนเองต่ำเกินไป ในสถานการณ์แบบนี้นอกจากจะช่วยเหลือไม่ได้แล้ว จะกลายเป็นตัวถ่วงเสียมากกว่า

เยี่ยนจ้าวเกอมองนางพลางเอ่ย “พวกเราต้องเข้าไปลึกกว่านี้ พาเจ้าเข้าไปด้วย จะยิ่งอันตรายไปใหญ่”

“ศิษย์น้องซือคง มีพ่านพ่านปกป้องเจ้าอยู่ ไม่ประสบพบกับปรมาจารย์ขั้นฝ่านภาและมหาปรมาจารย์ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่บัดนี้ศัตรูมากมายยิ่ง พวกเจ้ารอบคอบจะเป็นการดีที่สุด”

ซือคงจิงสูดหายใจลึกคำหนึ่ง อารมณ์กลับคืนสู่ความสงบโดยสิ้นเชิง ผงกศีรษะพูดว่า “ศิษย์พี่เยี่ยนวางใจได้ ข้าเข้าใจ พวกท่านเองก็ระมัดระวังด้วยเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอตบๆ หัวพ่านพ่านเบาๆ “อาหู่กับพ่านพ่านก็เจนจัดอย่างยิ่งเช่นกัน ในแดนมารตอนนี้สามารถพยายามค้นหาได้ นานขนาดนี้แล้วยังไม่ถึง หากไม่ใช่ประสบศัตรู เช่นนั้นก็คงห่างกันไม่ไกลเช่นกัน”

“เวลาข้าคับขัน รอคอยอาหู่ไปพร้อมกันไม่ทัน แต่พวกเจ้ารอเขาได้ พบกับอาหู่แล้ว ขอเพียงไม่ประสบพบมหาปรมาจารย์ พวกเจ้าก็ไม่เป็นอันตราย”

“อย่าได้หยุดอยู่ที่เดิม ป้องกันคนเมื่อครู่ย้อนกลับมา”

พ่านพ่านตัดใจมิลงที่จะแยกจากอยู่บ้าง เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะหามัน เจ้าตัวโตทำได้เพียงแบกซือคงจิงเดินออกไปอีกทางด้วยความน้อยใจ

ชายหนุ่มและศิษย์พี่ทั้งสองเคลื่อนกายทันที

“ความรู้เมื่อถึงยามใช้ถึงได้เข้าใจว่ามีน้อยไป หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป จำต้องศึกษาค้นคว้าค่ายกลให้ดี”

ความรู้ซึ้งในเรื่องค่ายกลของเยี่ยนจ้าวเกอเหนือชั้นกว่าจอมยุทธ์ระดับเดียวกันอยู่มากโข ถึงอย่างนั้นหากผู้ควบคุมค่ายกลของอีกฝ่ายคือมหาปรมาจารย์ผู้หนึ่ง เช่นนั้นความห่างชั้นในแง่พลังฝึกปรือ ก็จะส่งผลให้เกิดความห่างชั้นด้านความสามารถในการอนุมานและพลังควบคุมค่ายกล ซึ่งไม่ได้ชดเชยเสริมเติมได้ง่ายเช่นนั้น

หนทางแห่งการคาดคะเน เยี่ยนจ้าวเกอพาสวีเฟยและถังหย่งฮ่าวเดินทางลึกเข้าไปตลอดหนทางสู่แดนมาร

แม้ว่าจะเอาตนเองเข้าไปท่ามกลางไอมารเป็นชั้นๆ กระนั้นทั้งสามก็ยังรู้สึกได้ถึงการปะทะของพลังและการผันแปรของพลังชีวิตอันดุเดือดจากโลกภายนอก

เห็นได้ชัดว่าการสู้รบดุเดือดยังคงดำเนินต่อเนื่อง อีกทั้งยังเข้าสู่ช่วงตึงเครียดถึงขีดสุดแล้ว

แม้ว่าภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตจะใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของความวุ่นวายคิดบัญชีได้สำเร็จ แต่ราวกับว่าในด้านของพลังความสามารถโดยรวมยังคงค่อนข้างอ่อนด้อยอย่างเห็นได้ชัด

ถึงอย่างไรเขตไอมารยิ่งเสถียรมากขึ้นเรื่อย ตามกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป พลังปราณน่าหวาดผานั่นที่ต้นต่อมาจากนพยมโลกก็น่าหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

หากไม่สามารถแก้ไขให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เช่นนั้นสถานการณ์จะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในชั่วเสี้ยววินาที ตามการแยกออกอย่างแท้จริงของรอยแยกนพยมโลกเป็นแน่

เห็นได้ชัดว่าจอมยุทธ์ของแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ต่างก็เข้าใจจุดนี้ การรุกโจมตียิ่งดุเดือดรุนแรงมากยิ่งเรื่อยๆ พลังบ้าระห่ำก่อกวนเขตไอมารมิขาดสาย

เยี่ยนจ้าวเกอและอีกสองคนเดินไป เบื้องหน้าก็พลันมีแสงสีดำมหึมาสายหนึ่งทอแสงขึ้น อาคมยันต์นับพันนับหมื่นเคลื่อนย้ายหมุนเวียนไม่หยุด

นี่คืออักขระค่ายกลแถวหนึ่งในค่ายกลแสงสีดำมหึมาที่อยู่ก้นทะเลสาบปิดนภานั่น

อักขระค่ายกลที่ใหญ่และหนา ด้วยผลกระทบจากส่วนนอก บัดนี้แตกร้าวในชั่วเวลาฉับพลัน!

การแตกร้าวนี้ทำให้เขตไอมารแถบใกล้เคียงพังทลายด้วยเช่นกัน คลองหงโกวมหึมาตัดสลับมากมายฉีกแยกออก

กลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอพลันถูกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ได้รับอันตรายอย่างยิ่ง ทั้งสามตกลงไปยังน้ำลึกเบื้องล่างทันที

“สถานการณ์เหนือความคาดหมายที่โหมเข้ามานี้…” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหัวเล็กน้อย ด้วยการก่อกวนของไอมาร ตนเองจึงขับเคลื่อนปราณจิตราลอยตัวได้ยากยิ่ง

ทว่ามิยากเกินความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้ว่าอยู่ต่อหน้าถังหย่งฮ่าวจะมิค่อยเหมาะสมอยู่บ้างเล็กน้อย แต่มือก็ยังโบกกงจักรเพลิงสุริยะ อาวุธวิญญาณบินออกมา วาดเส้นโค้งออกมาสายหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอเหยียบไปบนกงจักรเพลิงสุริยะเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งพรวดออกจากน้ำลึก กงจักรเพลิงสุริยะวาดเส้นโค้งออกมาอีกแถวหนึ่ง บินกลับมาในมือของเขา

อีกฟากหนึ่ง สวีเฟยและถังหย่งฮ่าวก็ใช้วิธีการของแต่ละคนดีดตัวออกมาจากน้ำลึกเช่นกัน

ทว่ารอยแยกน้ำลึกขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ไอมารโหมซัดสาดพุ่งออกมาจากด้านในนั้น ทำให้ทั้งสามแยกออกจากกัน ยากที่จะร้องเรียกและขานรับ

เขตไอมารกำลังบิดเบี้ยว ระยะทางระหว่างทั้งสามคนยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ มินานนักก็ยากจะมองเห็นกันและกัน

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหัว ในใจรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย แล้วหันกลับไปมอง

เขาเห็นเงาร่างของคนคนหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป กำลังค่อยๆ เดินมาทางด้านนี้

………….

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset