ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 17 อย่าหาสมบัติต่อหน้าเยี่ยจิ่ง?

แสงไฟปรากฏขึ้นในสถานที่ที่อยู่ไกลออกไป อยู่นอกเขตพื้นที่ใจกลางหุบเหว

เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจ้าวเกอง่วนอยู่กับการประคับประคองเตาผลึกหินชั้นใน ศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงที่อยู่ข้างๆ ก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ศิษย์พี่เยี่ยน นั่นก็คือเชื้อไฟสัจจะอัคคีที่ท่านตามหาอยู่ใช่หรือไม่”

“ท่านยังต้องคอยประคองเตาผลึกหินภายใน พวกข้าจะช่วยนำมันมาให้”

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะ “สภาพแวดล้อมแถวนี้ค่อนข้างอันตรายสำหรับพวกเจ้า อย่าได้ลงมือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวก็มี ‘คนอื่น’ ไปเก็บมาให้เอง”

เยี่ยจิ่งและศิษย์รุ่นเยาว์หันมองไปรอบตัวด้วยสีหน้าฉงน ด้วยไม่เข้าใจว่า ‘คนอื่น’ ที่เยี่ยนจ้าวเกอพูดนั้นหมายถึงอะไร

วินาทีต่อมา มีเสียงลมดังที่บริเวณด้านหลังของทุกคน ก่อนจะมีเงาดำหลายสายปรากฏตัวขึ้นพุ่งผ่านกลุ่มคนไป และตรงไปยังแสงเพลิงสีน้ำเงินที่อยู่ใจกลางหมอกดำ

เหล่าศิษย์ชายหญิงต่างก็เข้าใจในทันที และเพิ่งจะรู้ตัวว่าที่ด้านหลังของพวกเขามีคนกลุ่มหนึ่งติดตามมาด้วย

ดูจากการเคลื่อนไหวของพวกเขา ก็รู้ได้ว่าไม่ใช่จอมยุทธ์ทั่วๆ ไป ทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ทั้งสิ้น

และยอดฝีมือระดับปรมาจารย์เหล่านี้ กลับเต็มใจทำตัวไร้ตัวตนคอยอารักขาเยี่ยนจ้าวเกอ

คนเหล่านี้ซ่อนกายอยู่ในเงามืดเพื่ออารักขาเยี่ยนจ้าวเกอ และปกติจะไม่ปรากฏตัวให้ผู้ใดพบเห็นโดยง่าย เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับคำสั่งจากเยี่ยนจ้าวเกอจึงจะปรากฏกายออกมา แตกต่างกับอาหู่ที่อยู่เบื้องหน้า

เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ศิษย์รุ่นเยาว์ทุกคนพลันรู้สึกราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน

พวกเขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้ ว่าถ้าหากไม่มีการข่มขู่ของหัวหน้าค่ายชื่อหลิงอยู่ด้วยแล้ว ตนเองติดตามเยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาในปราการมังกรภายใต้สถานการณ์ปกติ ก็คงปลอดภัยกว่าให้ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในคนอื่นๆ นำทางแน่นอน

เงาดำจำนวนหนึ่งพุ่งไปยังแสงไฟสีน้ำเงินพร้อมกัน หมอกสีดำเบาบางลงไปเล็กน้อย เผยให้เห็นแสงไฟสีน้ำเงินเข้มลอยวูบไหวขึ้นลงอยู่กลางอากาศ รอบด้านมีเปลวไฟลุกโชนปกคลุมอยู่

นั่นก็คือเชื้อไฟสัจจะอัคคีที่เยี่ยนจ้าวเกอกำลังตามหาอยู่

ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีแสงไฟสีแดงให้ความรู้สึกดุร้ายปรากฏขึ้นในส่วนลึกของหมอกสีดำ ก่อนจะหลั่งไหลเข้ามาราวกับว่าเป็นกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก และพุ่งกระแทกเชื้อไฟสัจจะอัคคีจนลอยไปในทิศทางที่ไกลออกไป

เมื่อได้รับการกระตุ้นจากแสงสีแดง หมอกดำก็ดูคลุ้มคลั่งยิ่งขึ้น ทั้งยังกระเพื่อมไม่หยุด

กลุ่มคนชุดดำที่ไปเก็บเชื้อไฟถูกบีบให้ต้องคลาดจากเชื้อไฟแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว และตบเตาผลึกหินชั้นในครั้งหนึ่ง เป็นการสั่งหยุดการทำงานของเตาหลอมลงชั่วคราว จากนั้นตัวเขาก็พุ่งทะยานออกจากเขตใจกลางหุบเหว ไปยังเชื้อไฟสีน้ำเงินที่อยู่ท่ามกลางแสงสีแดงนั้น

ครั้นชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อ แสงสีเขียวพลันกะพริบพุ่งออกจากชายเสื้อของเขาอย่างรวดเร็ว ตัดแสงสีแดงที่ดูเหมือนสายน้ำขนาดใหญ่จนขาดออก

เชื้อไฟสัจจะอัคคีลอยขึ้นมา เยี่ยนจ้าวเกอพลันยื่นมือซ้ายที่สวมถุงมือทำขึ้นพิเศษไว้ออกไปจับ

ในตอนนั้นเอง ก็มีเงาดุร้ายปรากฏออกมาจากแสงสีแดงที่ถูกตัดขาดเมื่อครู่ แล้วดูดกลืนหมอกสีดำที่มีอยู่ทั่วปราการมังกรเข้าไป จนรวมกันเป็นร่างของปีศาจขนาดยักษ์ ก่อนที่มันจะหันเข้ามาจู่โจมเยี่ยนจ้าวเกอในทันที ราวกับว่ามันมีความรู้สึกนึกคิดก็ไม่ปาน!

เยี่ยนจ้าวเกอแสยะยิ้ม พลางสะบัดชายเสื้อข้างขวาครั้งหนึ่ง แสงสีเขียวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และฟันปีศาจที่เกิดจากการรวมตัวของหมอกดำจนแยกเป็นสองส่วน!

เมื่อร่างมหึมาของปีศาจตนนั้นแตกสลาย การขยับไหวของหมอกดำที่อยู่เบื้องหน้าทุกคนก็ยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าทั้งพื้นดินและบรรยากาศกำลังสั่นไหว วินาทีนั้นทุกคนรู้สึกว่าภูเขาสั่นแผ่นดินไหว ฟ้าดินหมุนเป็นวงกลม

เงาดุร้ายก่อนหน้าปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูคล้ายจะอ่อนกำลังลงมาก และกำลังหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว

แสงสีน้ำเงินนั้นกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง พร้อมกับลอยไปลอยมาในความมืด

ปราณพิษในปราการมังกรเริ่มคลุ้มคลั่งรุนแรงขึ้น คล้ายกับว่าเขตใจกลางหุบเหวซึ่งเดิมเงียบสงบกำลังจะสูญหายไป

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว แล้วตัดสินใจออกคำสั่งฉุกเฉินว่า“ปีศาจตนนี้มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติที่เกิดในปราการมังกร ข้าจะไปจัดการมัน พวกเจ้าอยู่ดูแลเตาผลึกหินชั้นในและเก็บเชื้อไฟสัจจะอัคคีให้ข้าด้วย”

“ส่วนเหล่าศิษย์ทั้งหลาย ที่นี่เกิดเรื่องผิดปกติเพิ่มขึ้น จึงไม่ปลอดภัยอีกต่อไป พวกเจ้าอย่าได้เข้าใกล้เส้นเขตใจกลางหุบเหว ถอยกลับเข้าไปด้านในเสีย”

กล่าวจบเขาก็ไล่ตามเงาดำนั้นไปทันที

ซือคงจิง เยี่ยจิ่ง และคนอื่นๆ ถอยหลังกลับไปตามคำสั่ง ส่วนชายชุดดำกลุ่มนั้นเริ่มพุ่งเข้าหาแสงไฟสีน้ำเงินอีกครั้ง

แสงสีแดงที่เยี่ยนจ้าวเกอฟันขาดแตกกระจายออกไปโดยรอบก่อนหน้านี้ มันขยับไหวเฉกเช่นเดียวกับหมอกดำที่บ้าคลั่งดุร้าย ซัดเอาแสงสีน้ำเงินปลิวไป

เยี่ยจิ่งเดินถอยหลังตามทุกคนไป สายตาพลางจับจ้องแสงไฟสีน้ำเงินนั้นไม่วางตา พร้อมกับนิ้วมือลูบแหวนสีแดงคล้ำบนนิ้วของตนเอง ‘เป็นเชื้อไฟสัจจะอัคคีจริงๆ อย่างที่คิดเอาไว้ การเลือกอยู่ต่อในปราการมังกร ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง’

‘เชื้อไฟสัจจะอัคคี เป็นพลังเพลิงชั้นยอด ซึ่งสามารถบ่มเพาะเพลิงแท้ได้เรื่อยๆ หากข้าได้มันมา ข้าอาจจะใช้มันเปิดผนึกต้องห้ามของแหวนวงนี้ได้เร็วขึ้นก็เป็นได้’

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะคิดเรื่องของเชื้อไฟสัจจะอัคคีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะพบเจอมันได้ง่ายดายเช่นนี้

‘หากตกไปอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วข้าไปขอยืมใช้ ทั้งเขาและคนอื่นๆ ในสำนักจะต้องเกิดความสงสัย เรื่องแหวนก็จะต้องถูกเปิดเผย’

‘ถ้าข้าได้มันมาก่อน ก็สามารถใช้มันเปิดผนึกต้องห้ามของแหวนได้ เมื่อถึงเวลาค่อยให้เชื้อไฟกับเยี่ยนจ้าวเกอ นั่นก็เท่ากับเขาว่าติดหนี้บุญคุณข้าแล้ว’

‘หรืออาจส่งมอบให้กับทางสำนักได้โดยตรง เชื้อไฟมีความเกี่ยวข้องกับเตาผลึกหินชั้นใน และตอนนี้เตาผลึกหินชั้นในก็เป็นเรื่องระดับสำนัก ใครสามารถนำเชื้อไฟสัจจะอัคคีไปมอบให้ได้ ย่อมถือว่าเป็นผลงานชิ้นใหญ่แน่นอน’

‘แล้วใครบอกว่าเชื้อไฟนี้จะต้องเป็นของเยี่ยนจ้าวเกอกันเล่า’

‘ของยังไม่ได้อยู่ในมือ สมบัติที่ฟ้าดินสร้าง ผู้มีความสามารถถึงได้ครอบครอง เชื้อไฟในตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ยังไม่มีเจ้าของ เมื่อมาอยู่ในมือข้า นั่นก็ย่อมเป็นวาสนาของข้า!’

‘แต่ว่า…ต้องทำเช่นไรถึงจะได้เชื้อไฟมา’

ขณะที่ในใจมีความคิดมากมายแล่นผ่าน ทันใดนั้นเยี่ยจิ่งก็ตาเป็นประกาย เพราะแสงสีน้ำเงินลอยมาอยู่ใกล้ๆ เขาโดยไม่คาดคิด!

เยี่ยจิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว เขากัดฟันแน่นพลางพุ่งตัวออกไป ยื่นมือไปจับเชื้อไฟไว้!

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็เงียบกริบไปในทันที!

กลุ่มชายชุดดำพวกนั้นรู้สึกงุนงง ก่อนจะกลับมามีสีหน้าไร้อารมณ์ดังเดิม พวกเขาหยุดยืนบนโขดหิน แล้วย่างเท้าเดินเข้าหาเยี่ยจิ่งอย่างเงียบเชียบ

ปรมาจารย์ทั้งหมดจับจ้องไปยังผู้ฝึกยุทธ์ระดับยุทธ์หลอมกายขั้นชักจูงลมปราณระยะกลางคนหนึ่งพร้อมกัน ลำพังแค่สายตาก็แทบจะทำให้รู้สึกได้ถึงพลังทำลายล้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความกดดันที่มาจากการย่างเท้าก้าวเข้ามาพร้อมๆ กัน

เยี่ยจิ่งกัดฟันแน่น พลางสบสายตากับพวกเขาตรงๆ โดยไม่มีทีท่าที่คิดจะยอมถอยเลยแม้แต่น้อย

ซือคงจิงมีท่าทางไม่ค่อยเข้าใจ จึงขมวดคิ้วมุ่น

ศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่นๆ ยิ่งทำตัวไม่ถูก บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้งถึงขีดสุด จนทุกคนแทบจะหยุดลมหายใจ

และในตอนนั้นเอง พลันมีแสงสีเขียวสว่างวาบจากที่ไกลออกไป หมอกหนาสีดำถูกผ่าออกอีกครั้ง พร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอที่หวนกลับมา

“เกิดอะไรขึ้น” เยี่ยนจ้าวเกอที่เท้าเพิ่งแตะพื้นเริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ สิ่งแรกที่เห็นก็คือแสงไฟสีน้ำเงินในกำมือของเยี่ยจิ่ง จึงไม่อาจเชื่อสายตาได้ในทันที

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รู้จะใช้คำพูดใดมาบรรยายความรู้สึกของตนเองเช่นกัน

พระเอกในนิยายออกผจญภัยล่าสมบัติ มักจะมีพลังอำนาจสามอย่าง นั่นก็คือกินหมด ยึดหมด แย่งหมด บางคนรัศมีแห่งความร้ายกาจอยู่ด้วย ก็อาจถึงขั้นต้องเพิ่งพลังฆ่าหมดไปด้วย…

มารดามันเถอะ ช่างโชคดีล้นฟ้าเสียจริง

รัศมีความเป็นพระเอกของหมอนี่ทำให้คนตาบอดได้จริงๆ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ของดีก็ล้วนต้องตกเป็นของเขาทั้งหมดเลยหรือ

‘ความหมายคือข้าผิดหรืออย่างไร ที่มาหาสมบัติตรงหน้าเจ้า’

แล้วไม่รู้ว่าเพราะได้เตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ แล้วหรือไม่ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอในขณะนี้ยังพอจะมีเวลาคิดไปเรื่อยเปื่อยได้อีก ‘ใช้มือเปล่าจับเชื้อไฟได้โดยไม่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน หรือจะเป็นเพราะแหวนวงนั้น? ’

เยี่ยจิ่งกำเชื้อไฟสัจจะอัคคีไว้แน่น จ้องเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ยอมแพ้

เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาวโดยที่คนอื่นไม่ทันสังเกต ‘อีกแล้ว สถานการณ์เป็นเช่นนี้อีกแล้ว’

อีกฝ่ายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง พลางขับเคลื่อนแหวนของตนเองให้ดูดเอาพลังของเชื้อไฟสัจจะอัคคีอย่างเงียบๆ

ความจริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอมองเห็นการกระทำทุกอย่างของเขา ชายหนุ่มจึงได้แต่ส่ายหน้า ในขณะที่กำลังจะเปิดปากพูด ทันใดนั้นสีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป และรีบเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน

อยู่ดีๆ หมอกดำด้านบนที่แต่เดิมขยับไปมาไม่หยุด กลับรุนแรงบ้าคลั่งขึ้นราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ จนฟ้าดินในปราการมังกรแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!

เขตใจกลางหุบเหวอันสงบเงียบ หายไปในพริบตา!

หมอกดำที่ไม่เห็นฟ้าไม่เห็นตะวันตลอดทั้งปีเบาบางลงเล็กน้อยภายใต้การดูดกลืนของพลังที่บ้าคลั่งอย่างไม่น่าเชื่อ!

มีแสงตกลงมาจากท้องฟ้าเหนือศีรษะของทุกคน พร้อมทั้งคลื่นพลังที่บ้าคลั่งแทบกดดันจนเนื้อตัวแทบจะแหลกละเอียดเป็นผุยผง

ในวินาทีนั้น เสียงหนึ่งดังกังวานสะท้านฟ้าดิน!

“เจ้าหนูแซ่เยี่ยนตัวดี บาปกรรมที่พ่อของเจ้าทำไว้ เจ้าก็ชดใช้สักส่วนเถอะ!”

เมื่อมองเห็นแสงเพลิงนั้น เยี่ยนจ้าวเกอมีปฏิกริยาอย่างรวดเร็ว “หัวหน้าค่ายชื่อหลิง!”

มารดามันเถอะ เชื้อไฟสัจจะอัคคีเพิ่งหลุดมือไปก็หงุดหงิดแทบจะแย่อยู่แล้ว ยังจะมีมหาปรมาจารย์บุกมาฆ่าถึงที่อีก

ทันใดนั้นฟ้าดินราวกับแปรเปลี่ยนเป็นเตาไฟ พลังทำลายล้างที่พังฟ้าทลายดินตกลงมากจากฟ้า!

“ชิ!” เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมขับเคลื่อนพลังทั้งหมดของตนเอง เตรียมรับมือกับศึกตรงหน้า

องครักษ์ชุดดำทั้งหมด ต่างก็ทุ่มสุดกำลังวิ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อที่จะปกป้องเขา

“ตายเสีย!”

ตอนนั้นเอง ท่ามกลางเสียงตะโกนของหัวหน้าค่ายชื่อหลิง พลังหมัดอันบ้าคลั่งตกลงมาแล้ว โดยที่เป้าหมายพุ่งตรงไปที่เยี่ยจิ่ง!

พุ่งตรงไปหาเยี่ยจิ่ง…

พุ่งไปที่…หืม?!

เดี๋ยวก่อน เหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง!

เยี่ยนจ้าวเกอที่เดิมทีตั้งท่ารอเรียบร้อยแล้ว ได้แต่อ้าปากค้างมองดูพลังของหัวหน้าค่ายชื่อหลิงตกลงมา โดยมีเยี่ยจิ่งเป็นศูนย์กลาง ส่วนตัวเขาอยู่ด้านนอกของพลังนั้น

นี่มันจังหวะบ้าอะไรเนี่ย?!

……….

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset