ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 25 โจมตีกลับ

ทางสำนักมีปฏิกิริยารวดเร็วและมากเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีคนเอาเรื่องไปฟ้องและใส่สีตีไข่เพิ่มไปด้วยแน่

หลังจากออกจากหุบเหวปราการมังกร ในบรรดาจอมยุทธ์ที่เคยคบค้าสมาคมด้วย นอกจากจอมยุทธ์ของอาณาจักรถังตะวันออกแล้ว ก็เป็นคนของเขากว่างเฉิงอยู่ในเมืองใกล้ปราการ หรือไม่ก็อยู่ที่หุบเขาวายุวิญญาณ

ระหว่างสวีชวนกับเหวินหนิงจือ ฝ่ายหลังดูน่าสงสัยเป็นที่สุด

สองวันมานี้เยี่ยนจ้าวเกอให้อาหู่ออกไปสืบเรื่องความสัมพันธ์ของเหวินหนิงจือกับท่านผู้อาวุโสชุยแห่งวิหารปฏิบัติกิจของสำนักมาแล้ว แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

เหยียนซวี่กวาดสายตามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา “เหวินหนิงจือมารายงานให้ข้า จากนั้นข้าจึงส่งต่อให้กับทางสำนัก ข้าคุมการณ์อยู่ที่อาณาจักรถังตะวันออก ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ดูแลโดยตรงของฝ่ายปฏิบัติกิจในหุบเขาวายุวิญญาณ ข้าต้องรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินของอาณาจักรถังตะวันออกอยู่แล้ว เจ้ามีปัญหาอันใดหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ข้าไม่มีปัญหาหรอกขอรับ เพียงแต่สงสัยว่าเหวินหนิงจืออาจเป็นผู้ต้องสงสัยทรยศสำนัก คบค้าสมาคมกับศัตรู”

“ดังนั้นเรื่องในครั้งนี้ ข้าอดไม่ได้ที่จะคิดโยงไปถึงตัวเขา หรือที่เขากล่าวฟ้องข้า อาจจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาภายในสำนักก็เป็นได้”

“อย่างไรเสียท่านผู้อาวุโสเหยียนก็รู้ ว่าข้าเพิ่งเล่นงานลูกศิษย์บางสำนักจนปางตาย ในหุบเหวปราการมังกรก่อนหน้านี้”

สายตาของเหยียนซวี่ดุดันขึ้นทันที เขาจ้องเยี่ยนจ้าวเกอตาเขม็ง “เยี่ยนจ้าวเกอ ระวังวาจาของเจ้าด้วย!”

ฝ่ายเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้าระวังแล้ว เพราะเช่นนั้นข้าถึงได้บอกว่าสงสัย น่าสงสัยขอรับ”

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญามองเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วหันกลับไปมองที่เหยียนซวี่ ก่อนจะถอนหายใจครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวกับซือคงจิงว่า “ศิษย์หลานซือคง เจ้าออกไปก่อน”

ซือคงจิงลอบมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่งอย่างเงียบๆ ก่อนจะออกไปตามคำสั่ง

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญารอจนนางออกไปแล้ว จึงค่อยถามว่า “ศิษย์หลานเยี่ยน ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

เยี่ยนจ้าวเกอหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา ครั้นเขาแบมือ สายตาของทุกคนภายในตำหนักเห็นเพียงศิลาแก้วสีเหลืองอ่อนก้อนหนึ่ง บนผิวของมันมีลวดลายที่รูปร่างคล้ายเมฆสีขาวอยู่ด้วย

เมื่อสวีชวน ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งเมืองใกล้ปราการเห็นศิลาแก้วก้อนนั้น หนังตาของก็กระตุกไปครั้งหนึ่ง “ศิลาลายเมฆ!”

เหยียนซวี่มองแวบหนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ศิลาลายเมฆ เจ้านำของสิ่งนี้มาทำอะไร”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มแต่ไม่พูดไม่จา ก่อนจะหยิบสมุนไพรวิเศษออกมาต้นหนึ่ง แล้วพูดกับสวีชวนที่อยู่ข้างๆ ว่า “รบกวนท่านผู้อาวุโสสวีช่วยนำหญ้าวิญญาณนี้ไปต้มให้ด้วยขอรับ”

แววตาของสวีชวนวูบไหวหนึ่ง สมุนไพรวิเศษที่อยู่ตรงหน้ามีชื่อว่า ‘หญ้าวิญญาณ’ หากเผาให้เป็นขี้เถ้าจะสามารถใช้เป็นตัวนำพาของยาวิเศษอีกชนิดหนึ่ง แต่ถ้านำไปต้ม จะไม่มีทั้งพิษภัยและเป็นประโยชน์ นับว่าไร้ประโยชน์ และไม่สามารถนำไปใช้ทำอะไรได้

แต่ว่าเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ และสั่งให้องครักษ์ทำตามคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอทันที

เหยียนซวี่จ้องเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสายตาเย็นชา ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาและราชาอาณาจักรถังตะวันออกล้วนไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่มองอยู่ข้างๆ อย่างเงียบเชียบ

ยาต้มเสร็จอย่างรวดเร็ว เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มจางๆ พลางถือศิลาลายเมฆขึ้น แล้วเริ่มถ่ายเทปราณจิตราเข้าไปข้างใน

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาขมวดคิ้ว “ศิษย์หลานเยี่ยน เจ้าไม่สามารถถ่ายเทปราณจิตราเข้าไปในศิลาลายเมฆโดยตรงได้ มิเช่นนั้นมันจะระเบิดเอา!”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสโปรดวางใจ เรื่องนี้ข้าทราบดี ดังนั้นศิลาลายเมฆนี้นอกจากจะมีสรรพคุณในการทำให้สมองปลอดโปร่งจิตใจสงบแล้ว บางครั้งยังถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ ถึงแม้จะระเบิดได้ แต่ก็มีอานุภาพจำกัด”

“แต่ศิลาลายเมฆในมือข้า ณ เวลานี้ไม่สามารถระเบิดได้หรอกขอรับ”

ขณะกำลังกล่าว เยี่ยนจ้าวเกอก็นำศิลาลายเมฆที่อยู่ในมือจุ่มลงในยาน้ำที่ต้มจากหญ้าวิญญาณลงไปครึ่งก้อน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็ใช้มือจับเอาไว้

กระนั้นเขาก็ยังถ่ายเทปราณจิตราเข้าไปในตัวของศิลาลายเมฆอยู่เรื่อยๆ

ท้ายที่สุดแล้วเป็นดังที่เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว ศิลาลายเมฆไม่ได้ระเบิดแต่อย่างใด ยังคงสงบนิ่งเช่นตอนแรก

สวีชวนจ้องไปที่มือของเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ละสายตา เขาไม่เชื่อว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะลงทุนทำการใหญ่ เพียงเพื่อยืนยันเรื่องเล็กน้อย

ทันใดนั้น สวีชวนก็ต้องเบิกตาโพลง

ราชาอาณาจักรถังตะวันออกที่ตอนแรกเอนหลังพิงเก้าอี้อยู่นั้น พลันนั่งตัวตรงขึ้นมาอีกครั้ง

สายตาของท่านผู้อาวุโสฝ่ายอาญากับเหยียนซวี่จับจ้องไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ทั้งคู่ต่างก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

ตรงหน้าพวกเขา จู่ๆ ลายเมฆรอบศิลาลายเมฆในมือของเยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อยๆ ละลาย และมีของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนมไหลซึมออกมา ของเหลวนั้นหลอมรวมเข้ากับยาน้ำที่ต้มจากหญ้าวิญญาณ ราวกับนมวัวลอยตัวอยู่เหนือยาน้ำ

กลิ่นยาหอมฟุ้งแผ่ซ่านออกมา กลบกลิ่นยาที่แสบจมูกจนมิด กระจายทั่วทั้งตำหนักใหญ่ในพริบตา

ทุกคนในตำหนักล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้ โลกทัศน์กว้างไกล ฉะนั้นเพียงแค่ดมกลิ่นก็พอจะรู้ได้ว่าของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนมนั้นคืออะไร

นั่นไม่ใช่ทั้งเครื่องดื่มหรือยา แต่เป็นของล้ำค่าอย่างหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘แก่นสารหยก’

ของล้ำค่าชนิดนี้มีคุณประโยชน์มากมายและมีราคาสูง ไม่ว่าจะนำไปใส่ขณะหลอมอาวุธหรือกลั่นยา ล้วนช่วยให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอาวุธและยาวิเศษ ทั้งยังช่วยประหยัดวัตถุดิบอีกด้วย

ในโลกแปดพิภพนี้ผลิตแก่นสารหยกได้ในปริมาณจำกัดมาก มีการผลิตอยู่ในพื้นที่ส่วนน้อยของภูผาพิภพและวายุพิภพเท่านั้น ทว่ากลับมีความต้องการมากเสียจนน่าตกใจ จนถึงขั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละปี บางครั้งก็ยังขาดตลาดอีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นเขากว่างเฉิงหรืออาณาจักรถังตะวันออก ทุกๆ ปีล้วนมีการใช้ทรัพยากรและเงินทองจำนวนมาก เพื่อซื้อหรือแลกเปลี่ยนแก่นสารหยก

แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังยากจะเติมเต็มความต้องการที่แท้จริง จึงทำได้แค่เพียงวางแผนการใช้สอยอย่างประหยัด ไม่กล้าใช้สอยฟุ่มเฟือย

ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอสาธิตแล้ว ภายในศิลาลายเมฆก้อนเล็กๆ นี้กลับมีส่วนประกอบของแก่นสารหยกอย่างคาดไม่ถึง อีกทั้งวิธีที่จะนำมันออกมาก็แสนง่ายดาย

ไม่ว่าจะเป็นศิลาลายเมฆหรือหญ้าวิญญาณ หากเทียบกันแล้วพวกมันมีราคาต่ำกว่าแก่นสารหยกมาก ปริมาณการผลิตก็มากมายมหาศาลกว่าอีกด้วย

นั่นหมายความว่าจะมีแก่นสารหยกมากมายขนาดไหนกัน

จะเก็บเอาไว้ใช้เองก็เหลือล้น ทั้งยังสามารถส่งออกขายในราคาต่ำได้ด้วยซ้ำไป!

มหาปรมาจารย์ทั้งสามก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป พวกเขาลุกขึ้นจากที่นั่ง และรีบรุดมาอยู่ตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอในพริบตา ต่างคนต่างใช้นิ้วแตะที่ของเหลวสีขาวนั่น

ไม่นานนักพวกเขาก็มั่นใจว่านี่เป็นแก่นสารหยกของจริงแน่นอน!

นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาโดยการแสดงละครตบตาต่อหน้าพวกเขา แต่เป็นผลจากการผสานเข้าด้วยกันระหว่างหญ้าวิญญาณและศิลาลายเมฆ เกิดเป็นแก่นสารหยก

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ตื่นเต้นเอาไว้ แล้วพูดว่า “ศิษย์หลานเยี่ยน เจ้าสร้างผลงานชิ้นใหญ่แล้ว!”

“ไม่ด้อยไปกว่าเตาผลึกหินชั้นในในตอนนี้เลย แม้กระทั่งมีค่ามากกว่าด้วยซ้ำ!”

ใบหน้าที่เย็นชาของเหยียนซวี่อ่อนโยนขึ้นมาก ทว่าเพียงแค่ครู่เดียว สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

วินาทีถัดมา เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอก็ลอยเข้าหูของเขาไปอย่างช้าๆ “ท่านผู้อาวุโสกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าก็แค่พบเข้าโดยบังเอิญเท่านั้น ถึงได้รู้เคล็ดลับเช่นนี้”

“แต่จากที่ข้าทราบมา หลายปีมานี้หุบเขาวายุวิญญาณได้ผลิตศิลาลายเมฆออกมาไม่น้อย ดูเหมือนจะขายให้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่อัคคีพิภพเป็นส่วนใหญ่ขอรับ”

สีหน้าของเหยียนซวี่หม่นลง “ข้าเองก็เพิ่งจะรู้วิธีการนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยมีคำบอกเล่าใดๆ ในโลกแปดพิภพมาก่อนเช่นกัน”

“ในเมื่อรู้แล้ว หลังจากนี้ต้องระงับการส่งออกศิลาลายเมฆไว้ก่อน แม้จะเสียดายศิลาลายเมฆที่หนิงจือส่งออกไปก่อนหน้านี้ แต่ผู้ไม่รู้ก็ย่อมไม่ผิด ไม่ควรลงโทษเขาด้วยเหตุผลเช่นนี้”

“อ๋อ…” เยี่ยนจ้าวเกอลากเสียงยาว “ท่านผู้อาวุโสเหยียนมั่นใจได้อย่างไรขอรับ ว่าเขาไม่รู้จริงๆ”

เหยียนซวี่อ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร ก่อนจะเห็นเจตนายั่วเย้าในส่วนลึกของแววตาเยี่ยนจ้าวเกอ รวมถึงรังสีเย็นเยือกที่ฉายผ่านไปอย่างชัดเจน

“ความจริงแล้วเขาละเลยไม่รู้ไม่เห็น หรือจงใจปกปิดไม่ยอมรายงาน แอบคบค้าสมาคมกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ กันแน่ขอรับ” เยี่ยนจ้าวเกอโยกหัวยืดเส้นยืดสาย ก่อนเผยรอยยิ้มจนเห็นฟันขาวๆ “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัดนัก แต่ในเมื่อท่านผู้อาวุโสฝ่ายอาญามาถึงอาณาจักรถังตะวันออกแล้ว ท่านลุงและท่านผู้อาวุโสเหยียนก็ล้วนอยู่ด้วย ถือโอกาสตรวจสอบในคราวเดียวก็ดีนะขอรับ”

……………..

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset